หลี่หลงหลินเพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชา ก็มีทหารเผ่าหมานหลายนายออกมายืนขวางทาง“ท่านข่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ แท่นบูชานี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเรา”“เป็นสถานที่ที่ชนเผ่าของเราใช้สื่อสารกับเทพเจ้า”“เพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า อาวุธทุกชนิดมิได้รับอนุญาตให้นำเข้าไป”“ขอท่านข่านผู้ศักดิ์สิทธิ์โปรดเข้าใจด้วย”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลนี่ชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกำลังขุดหลุมพรางทีละก้าว ๆ!เริ่มจากให้กองทัพใหญ่ตั้งค่ายอยู่นอกเมือง แล้วยังจะมายึดอาวุธของเหล่าทหารอีกหากไม่มีอะไรผิดพลาดก้าวต่อไป ตนเองก็จะกลายเป็นลูกแกะที่รอวันถูกเชือด!มีเพียงอาวุธอยู่ในมือ คำพูดจึงจะมีน้ำหนักข้อเรียกร้องให้ปลดอาวุธนี้นับว่าเกินไปจริง ๆไม่ว่าจะอย่างไรก็ยอมรับไม่ได้เด็ดขาดแต่ยังไม่ทันที่ซูเฟิ่งหลิงจะได้เอ่ยปากหลี่หลงหลินก็กล่าวขึ้นว่า “ก่อนที่จะเข้าเมือง ข้าได้กำชับเหล่าทหารแล้ว พวกเขาไม่ได้พกพาอาวุธใด ๆ ติดตัวมาเลย”เซียวฮ่าวถึงกับตกตะลึงนี่หลี่หลงหลินจะเป็นอัจฉริยะที่ไร้ผู้เทียมทานในใต้หล้าได้อย่างไร?นี่มันโง่
เซียวฮ่าวเผยสีหน้าได้ใจออกมา “องค์รัชทายาทหากตอนนี้ท่านต้องการได้รับการยอมรับในฐานะท่านข่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ ก็มีเพียงทางเดียวคือต้องปล่อยตัวเสด็จพ่อของข้า”“ในบรรดาชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ มีเพียงคำพูดของเขาเท่านั้นที่ถือเป็นที่สุด!”จางไป่เจิงขยับเข้าไปใกล้หลี่หลงหลิน แล้วกระซิบเสียงต่ำ “องค์รัชทายาทท่านจะเชื่อคำพูดไร้สาระของเขามิได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“หากตอนนี้ปล่อยตัวข่านไป ก็เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า!”“ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น!”หลี่หลงหลินเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือคราหนึ่ง “ปล่อย!”“จะกลัวอะไร?”“เราเพียงต้องการจะยอมรับการคุกเข่าคำนับจากพวกเจ้าชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออย่างสง่าผ่าเผยและเปิดเผย!”“เพื่อให้เจ้ายอมรับเราในฐานะท่านข่านผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มใจ!”“ถ่ายทอดคำสั่งของเรา ปล่อยตัวข่านทันที!”จางไป่เจิงยังคิดจะเอ่ยปากทัดทานแต่คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้ว สุดท้ายก็ต้องกลืนกลับลงไปตอนนี้ไม่ว่าเขาจางไป่เจิงจะพูดอะไร ก็ล้วนแต่เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้อื่น และบั่นทอนอำนาจของตนเองต่อให้ร้อนใจเพียงใด เขาก็ไม่อาจทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้แต่การที่หลี่หลง
เมื่อข่านเห็นราชสำนักชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ เขาก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง “ดูนั่น! ข้างหน้านั่นคือราชสำนักของเรา!”หลี่หลงหลินทอดสายตามองไป และพบว่าราชสำนักนั้นแตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิงนี่มันราชสำนักที่ไหนกัน?มันก็แค่พื้นที่กระโจมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างกระจัดกระจายบนทุ่งหญ้าทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยมูลวัว ม้า และแพะในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นนานาชนิดหลี่หลงหลินอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าเผ่าหมานพวกนี้ถึงได้คิดแต่จะรุกรานต้าเซี่ยของเราเป็นเพราะพวกเขาอิจฉา พวกเขาริษยา!นี่มันใช่ที่ที่คนจะอยู่อาศัยได้หรือ?หลี่หลงหลินนำทัพใหญ่เดินหน้าต่อไปนอกราชสำนัก ปรากฏชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจำนวนมหาศาลยืนอยู่กันอย่างเนืองแน่นในอ้อมแขนของชาวบ้านต่างก็อุ้มของต่าง ๆ นานาไว้มีทั้งเนื้อวัว เนื้อแพะ สุราชั้นเลิศ นมสด...เมื่อเห็นทหารต้าเซี่ยมาถึง พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าหลี่หลงหลินพร้อมเพรียงกัน ขวางเส้นทางเอาไว้ชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือชูของที่นำมาขึ้นเหนือศีรษะ แล้วกล่าวด้วยสำเนียงต้าเซี่ยที่ไม่ค่อยคล่องแคล่วนักว่า “ขอต้อนรั
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเฟิ่งหลิงได้ยินคำว่า “แพง” จากปากของหลี่หลงหลิน นางจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าตกตะลึง “องค์รัชทายาท การจะสร้างระเบิดขวดเพลิงขึ้นมาสักขวดหนึ่ง มันสิ้นเปลืองถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “ก็จริงอย่างที่เขาว่า ไม่ได้เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ย่อมไม่รู้คุณค่าของข้าวของเครื่องใช้”เขาชี้ไปยังลังน้ำตาลทรายขาวที่อยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าวว่า “น้ำตาลทรายขาวพวกนี้คือวัตถุดิบพื้นฐานในการทำระเบิดขวดเพลิง เป็นน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์สูงที่ข้าตั้งใจนำมาจากทะเลตงไห่โดยเฉพาะ เพียงแค่น้ำตาลพวกนี้ก็มีราคาทัดเทียมกับทองคำแล้ว!”ทุกคนต่างตกตะลึง“ทัดเทียมกับทองคำ?”“นี่เป็นเพียงวัตถุดิบพื้นฐานที่สุดน่ะหรือ?”“ไม่น่าเชื่อเลย!”ซุนชิงไต้เอ่ยอย่างทอดถอนใจ “มิน่าเล่าองค์รัชทายาทถึงไม่ยอมให้ข้ากินน้ำตาลพวกนี้ ที่แท้ก็แพงถึงเพียงนี้นี่เอง!”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ที่สำคัญที่สุดก็คือสุราเหินเวหาพวกนี้!”“ระเบิดเพลิงแต่ละลูกต้องใช้สุราเหินเวหาครึ่งไห”ชื่อเสียงของสุราเหินเวหานั้นโด่งดังไปทั่วแคว้นต้าเซี่ยตั้งแต่หญิงชราวัยแปดสิบไปจนถึงเด็กน้อยวัยสามขวบ ทุกคนต่างรู้ดี
หลี่หลงหลินหยิบระเบิดขวดขึ้นมา กล่าวว่า “ในเมื่ออ้ายเฟยยังกังวล เช่นนั้นข้าจะสาธิตให้เจ้าดู เพื่อคลายความกังวลในใจ” กล่าวจบ ทุกคนก็พากันเดินออกมานอกกระโจม ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลินด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลี่หลงหลินยิ้มพลางกล่าว “อ้ายเฟย เรื่องอานุภาพของระเบิดขวดนี้ เจ้าลองจินตนาการไปตามที่ใจต้องการเถิด สุดท้ายแล้วมันจะต้องทำให้เจ้าตกใจอย่างแน่นอน” ไม่เพียงแต่ซูเฟิ่งหลิงเท่านั้น ซุนชิงไต้และกงซูหว่านต่างก็มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน สีหน้าของหลี่หลงหลินเปลี่ยนไป เขามองไปยังทุกคนด้วยความจริงจัง “ถอยห่างออกไปอีกหน่อย ข้ากลัวว่ามันจะทำร้ายพวกเจ้าได้” ตูม! หลี่หลงหลินจุดไฟที่ระเบิดขวด แล้วปาออกไปบนทุ่งหญ้าที่อยู่นอกค่าย พลันเห็นระเบิดขวดกลายเป็นลูกไฟในอากาศ แล้วในชั่วพริบตาที่กำลังจะตกถึงพื้น ตูม! เปลวไฟก็ระเบิดกระจายออก กลายเป็นกลุ่มควันเพลิง! ราวกับมีนกฟีนิกซ์ที่คืนชีพจากกองไฟกำลังกางปีกออกกลางอากาศ! แรงระเบิดนั้นสร้างแรงกระแทกที่รุนแรง จนม้าที่อยู่โดยรอบต่างตกใจสั่นสะท้าน เหล้าฤทธิ์แรงที่อยู่ในขวดแตกกระจายไปทั่วทุกทิศทาง บริเวณที่เหล้าตกลงไป ล้วนลุกไ
ทุกคนต่างมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ระเบิดขวด?” หลี่หลงหลินอธิบาย “ก็อย่างที่ชื่อบอก เป็นขวดที่ทำให้บริเวณรอบๆ ลุกไหม้ หากประดิษฐ์สำเร็จ จะมีประโยชน์อย่างยิ่งในสนามรบ” หลี่หลงหลินหยิบขวดเครื่องเคลือบขึ้นมาถือในมือ แล้วอธิบาย “พูดง่ายๆ ก็คือ เอาดินปืนใส่ลงไปในขวดนี้ แล้วระเบิดขวดก็สำเร็จแล้ว” เหตุที่ในยุคหลัง ระเบิดขวดถูกนำมาใช้ในสนามรบอย่างกว้างขวาง ก็เพราะทำได้ง่าย และมีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่ระเบิดขวดส่วนใหญ่จะทำจากขวดแก้ว เป็นเพราะแก้วมีต้นทุนต่ำ ผลิตได้จำนวนมาก พูดง่ายๆ ก็คือถูกและคุ้มค่า เมื่อนำไปใช้ในสนามรบก็ไม่รู้สึกเสียดาย อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับวิวัฒนาการการผลิตแก้วของต้าเซี่ยในตอนนี้ การสร้างขวดแก้วหนึ่งใบมีต้นทุนสูงมาก ถึงกับมีค่าเทียบเท่าทองคำน้ำหนักเท่ากันเลยทีเดียว หากจะนำมาใช้เป็นอาวุธสิ้นเปลืองในสนามรบ ก็ออกจะฟุ่มเฟือยเกินไป ดังนั้นหลี่หลงหลินจึงตั้งใจจะใช้ขวดเครื่องเคลือบแทน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ลดลงเลย กงซูหว่านมีสีหน้าสงสัย “องค์รัชทายาท เพียงขวดเล็กๆ เช่นนี้ใส่ดินปืนได้ไม่เท่าไร จะเป็นอาวุธในสนามรบได้อย่างไรกัน?” ในสายตาของกงซูหว่าน หากจะ