หนิงชิงโหวทั้งเสียใจและมึนงงบทกวีบทแรกของหลี่หลงหลินนั้นยอดเยี่ยม บรรยายถึงท่วงท่าที่กล้าหาญของแม่ทัพผู้เฒ่าซู และยังแสดงถึงความใฝ่ฝันของบัณฑิตทั่วหล้า!ใครบ้างไม่อยากฟื้นฟูแม่น้ำภูเขาที่เก่าแก่เหล่านั้นของต้าเซี่ยกลับคืนมา?บทกวีบทที่สอง แม้เทียบกันแล้วจะหยาบคาย แต่ก็เหมือนกับการรู้แจ้ง ปลุกหนิงชิงโหวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เขายังเป็นสุภาพชนยังมีหัวใจที่บริสุทธิ์!บัดนี้ ภูเขาลำน้ำพังทลาย หม่านอี๋ข่มเหงพวกเขาอย่างไร้ความปรานี ตนยังยอมทำตนเสื่อมทราม หลงระเริงอยู่ในหมูคณิกาตลอดทั้งวันได้อีกหรือ?ข้าเองก็อยากรับใช้ชาติ!ข้ายังต้องการทำอะไรเพื่อแว่นแคว้นและประชาชนแต่ว่า...ทำอันใดเล่า?หนิงชิงโหว ไร้ความรู้ด้านนี้แม้ว่าเขาจะเป็นพวกสุดโต่งและหยิ่งผยอง มักชี้ฟ้าด่าดิน กล่าวตำหนิราชสำนักแต่พูดให้ชัดแล้ว เขาเป็นนักรบชำระแค้นของคนรุ่นหลังเต็มไปด้วยมีความหลงใหล มีความทะเยอทะยานมากมาย แต่ไม่มีทางให้ได้รับใช้ชาติ วีรบุรุษไร้ที่ให้ได้เป็น!นี่คือความเศร้าที่แท้จริง!ผู้สุดขีดคนอื่นๆ ก็เหมือนกันกับหนิงชิงโหว หัวใจเจ็บปวด น่าสังเวชยิ่งกว่าเดิมในเวลานี้ กวีบทที่สามของหลี่หลงหลินก็ด
คนไม่มีพื้นฐานเข้าร่วมกองทัพ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็จะถูกกลบฝัง ส่งไปแนวหน้าเป็นอาหารปืนใหญ่ ตายอย่างคนไร้ค่านี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดหนิงชิงโหวจึงไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกองทัพรับราชการก็ไม่ได้ เข้ากองทัพก็ไม่ได้!ไม่มีทางอื่นที่จะไปในโลกนี้เหรอ?ข้าเพียงแค่อยากรับใช้ชาติเท่านั้นเอง!เหตุใดถึงได้ยากขนาดนี้?ดวงตาของหนิงชิงโหวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง!หลี่หลงหลินมองไปที่หนิงชิงโหวอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ทางข้ามีอยู่หนึ่งเส้นทาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมเดินหรือไม่?”หนิงชิงโหวตกใจ “เส้นทางใด?”หลี่หลงหลินพูดเสียงทุ้ม “ข้าต้องการสร้างกองทัพใหม่ ต้องการแม่ทัพที่มีความสามารถ! จากนี้ไป หากพวกเจ้าติดตาม! ข้าจะไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความมั่งคั่งกับพวกเจ้า เพราะนั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว! แต่สัญญาว่าสักวันหนึ่ง พวกเจ้าจะเอาชนะพวกหม่านอี๋ด้วยน้ำมือของตนเอง ดื่มร่วมอาชาทะเลเหนือ ผนึกหล่างจูซวี[footnoteRef:1]!” [1: เป็นภูเขาซึ่งก็คือภูเขาเคนต์ทางตะวันออกของอูลานบาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลีย ในเวลานั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับจัดพิธีบูชาฟ้าดินของซยงหนู] ทุกคนถึงกับตกใจ!พวกเขาว่าบ้าแล้ว แต่หลี่หล
หนิงชิงโหวเดินออกมาจากจวนตระกูลซูด้วยสีหน้างุนงง ฝีเท้าโซเซไปมา ราวกับว่าสูญเสียสติไปสิ้นแล้ว“สหายหนิง ยังเช้าอยู่ ไม่สู้พวกเราไปที่สำนักการสังคีต ไม่เมาไม่กลับ…” ผู้สุดขีดคนหนึ่งเสนอขึ้นมาคนอื่นๆ ต่างตอบรับอย่างเป็นเอกฉันท์อารมณ์ของพวกเขาถูกหลิ่วหรูเยียนผู้มากเสน่ห์ปลุกเร้า ต้องการไประบายอารมณ์กลับเหล่าคณิกาที่สำนักการสังคีต“พวกเข้าไปเถอะ ฉันไม่ไป...”หนิงชิงโหวพูดด้วยเสียงต่ำ“เอ๊ะ?”ผู้สุดขีดทั้งหมดตกใจ “แล้วเจ้าจะไปไหน?”หนิงชิงโหวตอบตรงๆ “กลับบ้าน ร่ำเรียน”ทุกคนละอายใจในหมู่พวกเขา สหายหนิงเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่เขากลับต้องกลับบ้านไปอ่านหนังสือความขยันหมั่นเพียรนี้ ช่างน่าจดจำเป็นประวัติการณ์ดูเหมือนว่า ผลกระทบจากบทกวีทั้งสามของหลี่หลงหลิน จะส่งผลต่อหนิงชิงโหวอย่างใหญ่หลวง ปลุกกระตุ้นเขาอย่างรุนแรง!“ถ้าเช่นนั้น... ข้าก็จะกลับบ้านไปร่ำเรียนด้วย!”“แยกย้ายกันไปเถอะๆ!”ผู้สุดขีดทั้งหลายพบว่ามันน่าเบื่อ จึงแยกย้ายกันกลับบ้านทีละคนทว่า ยังมีคนไม่กี่คนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แอบมาเล่นสนุกที่สำนักการสังคีตในขณะที่ดื่มด่ำกับคณิกา ก็อดไม่ได้ที่จะท่องกวีส
จวนหรงกั๋วกงคุณชายใหญ่จางอี้ที่ไม่กลับมาทั้งคืน รีบวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วตะโกนว่า “ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!”หรงกั๋วกงจางเฉวียนตื่นตระหนก ยืนขึ้นด่า “เช้าขนาดนี้มายืนตะโกนอยู่ข้างหูข้า เจ้าเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน?”จางอี้พูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ ดูบทกวีทั้งสามนี้สิ! ข้าได้มาจากสำนักการสังคีตเมื่อคืนนี้!”เมื่อจางเฉวียนได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันทีสำนักการสังคีตมารดามันเถอะ เจ้าจะออกไปเที่ยวที่สำนักการสังคีตทั้งคืนอีกแล้วหรือ?เจ้าออกไปเที่ยวก็ออกไปเที่ยว แต่กลับกลับบ้านมาตะโกนโหวกเหวกรบกวนความฝันของผู้อื่น?ยังมาบอกว่าคัดลอกเอากวีกลับมา?ก็แค่บทกวีไม่กี่บท วุ่นวายอะไรเพียงนั้น?ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่คัดลอกเอามาจากสำนักการสังคีต ย่อมต้องผิดปกติพิลึกพิเรนทร์เป็นแน่....“ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!”จางเฉวียนโกรธมาก ถอดรองเท้าออก เตรียมจะทุบตีจางอี้“นายท่าน!”อวี่ซื่อเองก็ตื่นขึ้นมาแล้ว รีบห้ามจางเฉวียนไว้อย่างรวดเร็ว โน้มน้าวเขา “ท่านอย่าเพิ่งโทสะเลยเจ้าค่ะ แท้จริงแล้วเป็นกวีเช่นไร ท่านดูก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ!”จางเฉวียนระงับความโกรธ ก้มศีรษะลงอ่านบทกวีทันใดนั้น
จวนตระกูลซูหลี่หลงหลินถูกเสียงเอะอะนอกเรือนปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าเขาอ้าปากหาววอด เดินลงมาที่สนาม บังเอิญพบกับซูเฟิ่งหลิงจึงถามว่า “ข้างนอกเอะอะอะไรกัน?”ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาแปลกๆ “ท่านไฟไหม้[footnoteRef:1]แล้ว!” [1: เดือดร้อน เป็นเรื่องใหญ่โต] หลี่หลงหลินตกใจ “ไฟอยู่ไหน?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างโกรธๆ “ไม่ใช่ท่านโดนไฟไหม้! แต่เป็นท่านไฟไหม้แล้ว! เมื่อคืนพวกผู้สุดขีดเอาบทกวีของท่านไปอ่านอยู่ที่สำนักการสังคีต! ผลที่ตามมาคือเช้านี้ มันแพร่กระจายเหมือนไฟลามทุ่ง ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว!”“จากนั้นยิ่งแพร่ก็ยิ่งลึกลับ!”“บางคนถึงกับบอกว่าท่านดาวกวีมาเยือนโลก!”“ประชาชนข้างนอกเพื่อตามหาลายมือของท่าน แม้แต่ขยะที่ตระกูลซูเอาไปทิ้งก็ยังไปคุ้นมา ทำราวกับว่าพบสมบัติก็มิปาน!”หลี่หลงหลินยิ้มและพูดว่า “แฟนคลับในยุคนี้ก็คลั่งไคล้เช่นนี้เลย? นี่ข้าเดบิวต์ได้เลยด้วยรึเปล่า?”ซูเฟิ่งหลิงตกใจ ขมวดคิ้วและพูดว่า “ท่านพูดจาพิลึกอะไรอยู่?”หลี่หลงหลินโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่เข้าใจหรอก!”ซูเฟิ่งหลิงพูดด้วยความโกรธ “ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดอะไรก็จริง! แต่ข้ารู้แล้วว่าท่านกำลังจ
หรือว่า พวกเขามิได้มาสืบถามเอาความ?เช่นนั้นพวกเขามาทำอันใดกันเล่า?หลี่หลงหลินพยักหน้า พูดว่า “ตามสบาย พวกเจ้ามีคำใด ก็พูดออกมาโดยตรงเถอะ!”หนิงชิงโหวตาแดงก่ำ ขอบตาดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าอดตาหลับขับตานอนมาหลายคืนแล้ว พูดอย่างระแวดระวัง “องค์ชาย คำพูดของท่านเมื่อวานนี้ จริงหรือ?”หลี่หลงหลินถามยิ้มๆ “คำใดเล่า?”หนิงชิงโหวสั่นสะท้านภายในใจ เวลาสั้นๆ เพียงคืนเดียว องค์ชายเก้าคงไม่ผิดคำพูดหรอกกระมัง?เขาเกร็งหนังศีรษะพูดตอบ “กวีสามบทขององค์ชาย คล้ายทำให้พวกเราตื่นรู้ เข้าใจแจ่มแจ้งอย่างฉับพลัน! ข้าและคนอื่นไม่ยอมสับสนไร้จุดหมาย เสียเวลาอีกต่อไป!”“ข้ายินดีเป็นทหารชั้นต่ำปกป้องบ้านเมือง ไม่ยินดีเป็นบัณฑิตคนหนึ่ง!”“ข้าและคนอื่นยินดีเข้าร่วมกองทัพตอบแทนบ้านเมือง เข้าร่วมกองทัพใหม่ของสกุลซู ติดตามองค์ชายเก้า สละชีวิตเพื่อองค์ชาย!”คนอื่นเองก็ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ ข้าและคนอื่นยินดีติดตามองค์ชายเก้า สละชีวิตเพื่อองค์ชาย!”ดวงตาซูเฟิ่งหลิงทอประกายระยับวุ่นวายมานาน ที่แท้หนิงชิงโหวบัณฑิตหยิ่งยโสเหล่านี้ ก็มาเพื่อเข้าร่วมกองทัพ!กองทัพใหม่สกุลซู กำลังอยู่ในช่วงขาดคนพอดีหนิงชิงโหวมา
หาคนได้ตำแหน่งจอหงวนอย่างไม่ตั้งใจคนหนึ่ง?ซูเฟิ่งหลิงอยู่ทางด้านข้างได้ยินคำนี้ ตกตะลึงคางแทบหลุดแล้วองค์ชายเก้า ท่านไม่เจอกับตัวไฉนเลยจะเข้าใจ!ท่านเกิดมาก็เป็นเชื้อพระวงศ์ อาจคิดว่าจอหงวนไม่นับเป็นอะไร!อย่างไรเสีย ต่อให้ได้เป็นจอหงวน มากที่สุดก็แค่เข้าสำนักฮั่นหลิน เป็นอาลักษณ์ขั้นหกคนหนึ่ง เป็นมือใหม่เพิ่งเข้าสู่เส้นทางการเป็นขุนนาง!ในประวัติศาสตร์ จอหงวนมากเพียงนั้นที่มีชาติกำเนิดจากครอบครัวยากจน กลายเป็นขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งสองของราชสำนัก มีกี่คนกันเล่า?ทว่า สำหรับบัณฑิตคนหนึ่งคะแนนสูงสุดได้เป็นจอหงวน ก็คือเป้าหมายให้ไล่ตามชั่วชีวิต!สำหรับลูกหลานครอบครัวยากจนแล้ว นี่เป็นเรื่องยากเกินสิ่งใดเทียบ!ปรากฏว่า ครั้นอยู่ในปากของท่าน จอหงวนคล้ายเป็นผักกาดขาวหัวใหญ่สามารถพบเห็นได้โดยไม่ตั้งใจกระนั้น?หนิงชิงโหวขมวดคิ้ว ไม่ตอบโต้หลี่หลงหลินยิ้มพลางสบมองเขา “อะไรกัน? ไม่มั่นใจกระนั้น?”หนิงชิงโหวประกบมือพลางพูด “องค์ชาย ข้ากลับยินดีลองสักครั้ง! แต่ ข้าถูกปลดฐานะบัณฑิตระดับท้องถิ่นไปแล้ว ไม่สามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้ เส้นทางสู่การเป็นขุนนางขาดสะบั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว...”
จวนสกุลซูนับว่าป้องกันอย่างเข้มงวดแต่หรงกั๋วกงบุกเข้ามา ใครขวัญกล้าขัดขวาง?“แย่แล้ว!”หลี่หลงหลินเห็นสองพ่อลูกจางเฉวียนแผ่ไอสังหารเดินเข้ามา รีบหลบด้านหลังซูเฟิ่งหลิง “รีบปกป้องข้าเร็วเข้า!”ซูเฟิ่งหลิงคลี่ยิ้มกว้างดุจบุปผาเบ่งบาน ใบหน้าภาคภูมิใจท่านหลี่หลงหลินเองก็มีช่วงเวลาขี้ขลาดกระนั้นรึ?หากรู้ตั้งแต่แรกว่ามีวันนี้ เมื่อแรกใครใช้ให้ท่านไม่ไว้หน้าหรงกั๋วกงกันเล่า?บัดนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?พูดก็พูดเช่นนี้แต่ซูเฟิ่งหลิงไม่สามารถนิ่งดูดายมองหลี่หลงหลินถูกตีที่จวนสกุลซูได้นางขยับขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขวางพ่อลูกจางเฉวียนไว้ “หรงกั๋วกง มีคำใดก็พูดดีๆ...”พึ่บ!จางเฉวียนดึงจางอี้คุกเข่าลงบนพื้นโดยตรง สองพ่อลูกถอดเสื้อตัวบนออก เผยให้เห็นรอยยาวหลายรอยบนแผ่นหลัง ทั่วทั้งแผ่นหลังเต็มไปด้วยเนื้อโลหิตพร่ามัวหนึ่งผืนซูเฟิ่งหลิงโง่งมแล้ว เสียงสั่นเครือ “หรงกั๋วกง นี่ท่านกำลังทำอันใด?”เสียงจางเฉวียนสั่นเครือ “หลายวันก่อน เพราะลูกอกตัญญูคนนี้ ข้าโมโหไปชั่วขณะ วู่วามกับองค์ชาย! วันนี้แบกไม้มารับโทษ องค์ชายคนใหญ่คนโตอย่าถือสาข้าน้อยเลย!”หลี่หลงหลินนึกดีใจภายในใจที่แท้จางเฉ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค