เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของฮองไทเฮา ซึ่งชัดเจนว่าทรงกริ้วแล้ว หลี่เทียนฉี่ก็แอบยินดีอยู่ในใจ จึงพูดต่อว่า “ฮองเฮาหลินมีจิตใจทะเยอทะยาน ฆ่าฉินกุ้ยเฟย แล้วยังใส่ร้ายจนเสด็จแม่ของข้าถูกส่งไปยังตำหนักเย็น ต่อไปคงจะถึงคราวเสด็จย่าแล้วพะย่ะค่ะ!”ฮองไทเฮาตกพระทัยเป็นอย่างมาก “เจ้าหมายถึง ฉินกุ้ยเฟยและฮอองเฮาหลู่ ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของฮองเฮาหลินงั้นรึ? แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร! นางดูอ่อนโยนบอบบาง ไม่น่าจะใช่คนแบบนี้!”หลี่เทียนฉี่หัวเราะเยาะ “เสด็จย่า ท่านใจดีเกินไป รู้หน้าไม่รู้ใจนะพะย่ะค่ะ! ข้าได้ยินมาว่า ตอนที่ฉินกุ้ยเฟยตาย เจ้าเก้าก็อยู่ที่นั่นด้วย เห็นนางถูกเผาทั้งเป็นกับตา!”“ส่วนเสด็จแม่ของข้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถูกเจ้าเก้าใส่ร้ายป้ายสี!” “เจ้าเก้าทำเพื่อใคร?”“ก็เพื่อที่จะให้แม่แท้ๆ ของตัวเองได้เป็นฮองเฮา มีอำนาจเหนือวังหลังน่ะสิ!”“แม้แต้เว่ยซวิน ตอนนี้ก็แปรพักตร์ไปเป็นสุนัขรับใช้ของฮองเฮาหลินแล้ว!”“ในวังหลังอันกว้างใหญ่นี้ มีเพียงเสด็จย่าที่นางยังเกรงใจอยู่บ้าง!”“ดังนั้น นางถึงได้ให้เจ้าเก้าใช้อุบายสกปรก คิดจะกำจัดท่าน เพื่อที่จะได้ครองอำนาจในวังหลังแต่เพียงผู้เดียว!”เฮือ
เว่ยซวินยืนอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้หวู่ กางร่มบังลมหนาวและหิมะที่โปรยปราย “ฝ่าบาท กระหม่อมได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว! เพียงแต่ หากไม่สร้างเครื่องทำความร้อนใต้พื้นนี้ แล้วจะทูลรัชทายาทอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “เจ้าเก้ามีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ! เจ้าออกจากวังไป บอกสถานการณ์ให้เขารู้ แล้วให้เขาคิดหาวิธีเอง!”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮองไทเฮา เป็นเรื่องใหญ่ฮ่องเต้หวู่ไม่ไว้ใจให้คนอื่นทำ จึงต้องให้เว่ยซวินขันทีคนสนิทไปจัดการด้วยตัวเองเว่ยซวินก้มคำนับ “กระหม่อมรับพระบัญชา!”......ตระกูลซู หอละอองฝนดอกเหมยในหอแดงเล่มแรกเสร็จสมบูรณ์แล้วหลิ่วหรูเยียนสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาว พิงหน้าต่าง มองทิวทัศน์หิมะบนผืนน้ำนอกหน้าต่าง ใจลอยคิดถึงเนื้อเรื่องตอนต่อไปได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นบนบันได หลิ่วหรูเยียนหันไปมอง เห็นว่าเป็นหลี่หลงหลิน ใบหน้าสวยก็ปรากฏรอยยิ้ม “รัชทายาท ท่านมาแล้ว! ข้าจะไปชงชาให้ท่าน...”ครู่ต่อมาน้ำชาร้อนๆ ถูกวางไว้ตรงหน้าหลี่หลงหลินผ่านไอน้ำที่ลอยขึ้นมา หลี่หลงหลินจ้องมองใบหน้าสวยของหลิ่วหรูเยียน ยิ้มแล้วพูดว่า “สะใภ้สี่ ต้องขอบคุณเจ้า ยอดขายหนังสือพิมพ์ต้าเซี่ย ก
“กางเกงยีนส์หรือ?”หลิ่วหรูเยียนจ้องมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้ง ดวงตาคู่งามฉายแววประหลาดใจนางไม่เพียงเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งพิณ หมากกระดาน อักษรวิจิตร และกวีนิพนธ์เท่านั้น แต่ยังชำนาญในงานเย็บปัก ถือเป็นกุลสตรีมากความสามารถอย่างแท้จริงทว่าเสื้อผ้าในภาพวาดตรงหน้านี้ หลิ่วหรูเยียนกลับไม่เคยได้ยิน หรือพบเห็นที่ใดมาก่อนเลยหลี่หลงหลินแย้มยิ้ม พลางอธิบาย “กางเกงยีนส์ ที่จริงก็คือชุดทำงานชนิดหนึ่ง ทนทาน สะดวกในการทำงาน ข้าออกแบบให้สะใภ้รอง สำหรับช่างฝีมือที่เขาประจิม”หลิ่วหรูเยียนฉุกคิดขึ้นมาได้ “เช่นนั้น ข้าเข้าใจแล้ว! กางเกงยีนส์ น่าสนใจดี! ดูเหมือนจะไม่ยากนัก ข้าจะรีบออกแบบตัดเย็บให้โดยเร็ว”หลี่หลงหลินพยักหน้ารับ ก่อนหยิบแบบร่างอีกแผ่นออกมา “นี่คือกระโปรงหน้าม้า สตรีสวมใส่ยามขี่ม้า รบกวนเจ้าตัดเย็บให้ซูเฟิ่งหลิงสักชุดด้วย!”หลิ่วหรูเยียนหยิบแบบร่างขึ้นมา พินิจดูอย่างละเอียด ก่อนแย้มยิ้มงาม “ชุดนี้งดงามยิ่ง!”ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากบันได ซูเฟิ่งหลิงเดินขึ้นมา เอ่ยเสียงแง่งอน “นั่นไง! เจ้ามาหาพี่สี่อีกแล้ว!”หลี่หลงหลินยิ้มตอบ “ข้ามาขอให้พี่สี่ช่วยงานบางอย่าง เจ้ามาที่น
นับแต่นี้ไป เว่ยซวินก็ภักดีต่อหลี่หลงหลินอย่างหมดใจ และยืนหยัดเคียงข้างเขาอย่างมั่นคงเว่ยซวินกระแอมสองครั้ง ก่อนเอ่ยว่า “องค์รัชทายาท ท่านมิใช่คิดจะติดตั้งเครื่องทำความร้อนใต้พื้นตำหนักฉือหนิงหรอกหรือ? ฝ่าบาททรงปรึกษากับฮองไทเฮาแล้ว เดิมทีพระนางทรงยินยอม แต่ภายหลังไม่ทราบด้วยเหตุใด จึงเปลี่ยนพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หลงหลินอดหน้าถอดสีไม่ได้เขาคิดว่าการติดตั้งเครื่องทำความร้อนใต้พื้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนี้!อันที่จริง การที่ฮองไทเฮาไม่ทรงยินยอม หลี่หลงหลินก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรคนแก่ มักจะมีความดื้อรั้นอยู่บ้างภายหลัง ชาวตะวันตกจะสร้างทางรถไฟถวายพระนางซูสีไทเฮา ก็ยังขลุกขลักไม่ราบรื่นเช่นเดียวกันเพียงแต่ว่า ฮองไทเฮาทรงยินยอมแล้วกลับเปลี่ยนพระทัยภายหลัง นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วหลี่หลงหลินได้กลิ่นอายของแผนร้าย“มีคนคอยยุยง?” หลี่หลงหลินถามเสียงเครียดเว่ยซวินลดเสียงลง “ฝ่าบาทก็ทรงคิดเช่นนั้น จึงให้กระหม่อมไปสืบ...”ดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย “แล้วเจ้าสืบได้ความว่าอย่างไร?”เว่ยซวินยิ้มเจื่อน “อันที่จริง เรื่อ
ทิ้งงานกลางคัน?เว่ยซวินเห็นปฏิกิริยาของหลี่หลงหลินรุนแรงถึงเพียงนี้ ก็อดตกใจไม่ได้แม้ว่าฮองไทเฮาจะกลับคำ แต่นางก็เป็นผู้อาวุโส อีกทั้งยังอายุมากแล้วยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นแก้ไขไม่ได้องค์รัชทายาท เสด็จไปตำหนักฉือหนิงสักหน่อย เอาอกเอาใจฮองไทเฮาสักนิด ก็ไม่ได้เสียหายอะไรทำตัวเอาแต่ใจเช่นนี้ ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลยเว่ยซวินกำลังจะเอ่ยปากทัดทาน “องค์รัชทายาท พระองค์...”“เจ้าไม่ต้องห้ามข้า!”“นางทำหนึ่ง ข้าก็จะทำสิบห้า!”“ใครห้าม ข้าก็ไม่ฟัง!”หลี่หลงหลินกล่าวจบ ก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทุกคนยืนอึ้ง ต่างมองหน้ากัน“ฮูหยินผู้เฒ่าซู”“ท่านดูสิ...”เว่ยซวินหน้าเศร้า หันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าซูหลี่หลงหลินเป็นอะไรไป?เขาเป็นคนสุภาพ ฉลาดปราดเปรื่องเหตุใดวันนี้ถึงได้โมโหร้าย พูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้?โชคดีที่ที่นี่ไม่มีคนนอกมิเช่นนั้น หากคำพูดเมื่อครู่แพร่งพรายออกไป จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเป็นแน่หากฮ่องเต้หวู่ทรงพิโรธ รับสั่งลงโทษ เกรงว่าหลี่หลงหลินจะไม่ได้เป็นองค์รัชทายาทอีกต่อไป!สิ่งที่เว่ยซวินกังวลยิ่งกว่าคือ ฮ่องเต้จะทรงตำหนิเขาว่าทำงานบกพร่องหรือไม่?เ
เว่ยซวินกลับวังหลวง เข้าเฝ้าฮ่องเต้หวู่ในห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้หวู่ยิ้มแย้ม ตรัสถาม “เจ้าเก้าว่าอย่างไร? เขาคิดหาวิธีใดเอาใจฮองไทเฮาอีก?”เว่ยซวินส่ายหน้า ทูลตามความจริง “องค์รัชทายาทตรัสว่า...ในเมื่อฮองไทเฮาไม่ทรงยินยอม เช่นนั้นตำหนักฉือหนิงก็ไม่ต้องติดตั้งเครื่องทำความร้อนใต้พื้นพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ตะลึง ทรงไม่อยากจะเชื่อบิดาย่อมรู้จักลูกดีที่สุดเจ้าเก้าไม่เคยเป็นคนที่ยอมแพ้ง่ายๆครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น?“หรือว่า...”ฮ่องเต้หวู่ทรงเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาเป็นประกาย ราวกับจะทรงเข้าใจความคิดของหลี่หลงหลินเรื่องราวในใต้หล้า ล้วนหนีไม่พ้นคำว่าแย่งชิงเหตุใดในราชสำนักจึงมีแต่เรื่องอื้อฉาว ใส่ร้ายป้ายสีกันไม่หยุดหย่อนเล่า?ก็เพราะขุนนางทั้งหลาย แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันมิใช่หรือ?เหตุใดแคว้นต้าเซี่ยและเผ่าหมานจึงสู้รบกันบ่อยครั้ง?ก็เพื่อแย่งชิงดินแดนมิใช่หรือ?ครั้งนี้ก็เช่นกันดูเผินๆ ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างการติดตั้งเครื่องทำความร้อนใต้พื้นแต่แท้จริงแล้ว องค์ชายใหญ่หลี่เทียนฉี่ ทรงมาเอาอกเอาใจฮองไทเฮา จึงเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดแย่งชิงกันต่อไป จะได้อะไร?
ในที่สุด ข่าวลือเหล่านี้ก็ไปถึงหูของฮองเฮาหลินที่ตำหนักฉางเล่อคนอื่นอาจจะไม่สนใจแต่ฮองเฮาหลินไม่อาจเพิกเฉยได้แม้ว่านางจะมีนิสัยรักสงบ แต่ก็เป็นใหญ่ในวังหลัง จะนิ่งเฉยปล่อยให้ข่าวลือแพร่สะพัดไม่ได้ดังนั้นฮองเฮาหลินจึงมีพระเสาวนีย์ เรียกหลี่หลงหลินเข้าวังโดยด่วน“เสด็จแม่!”หลี่หลงหลินมาถึงตำหนักฉางเล่อ พบกับฮองเฮาหลินที่กำลังทรงชื่นชมดอกเหมยท่ามกลางหิมะ ใบหน้าแย้มยิ้ม “หากเสด็จแม่ต้องการพบลูก แค่บอกกล่าวก็พอแล้ว เหตุใดต้องทรงใช้พระเสาวนีย์ให้เอิกเกริกด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”พระเสาวนีย์ของฮองเฮาไม่ใช่เรื่องเล็ก เทียบได้กับพระราชโองการของฮ่องเต้ สามารถกำหนดชะตาชีวิตคนได้ฮองเฮาหลินก็ทรงร้อนพระทัย จึงทรงใช้พระเสาวนีย์ ให้หลี่หลงหลินรีบเข้าวังในสายตาของหลี่หลงหลิน ดูเหมือนจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่“ลูกแม่...”เดิมทีฮองเฮาหลินทรงกริ้วมาก แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนนางของหลี่หลงหลิน โทสะก็มลายหายไป ถอนหายใจ “ลูกแม่ เจ้าทำแม่ลำบากแล้ว!”ต่อหน้าบุตรชาย ฮองเฮาหลินไม่ทรงเรียกแทนตนเองเองว่าข้า แต่ยังคงเรียกแทนตนเองว่าแม่หลี่หลงหลินกะพริบตา “เสด็จแม่ เป็นเพราะข่าวลือเรื่อ
ข่าวลือเรื่องความบาดหมางระหว่างตนเองกับไทเฮาก็จะกลายเป็นความจริง! “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!” ฮองเฮาหลินส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “หากเจ้าติดตั้งเครื่องทำความร้อนในตำหนักฉางเล่อจริง ๆ แล้วทางไทเฮาเล่าจะให้ข้าอธิบายเช่นไร?” หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างมีเหตุผล “ข้าติดตั้งเครื่องทำความร้อนให้มารดาของต้น นี่ถือเป็นความกตัญญู เกี่ยวอันใดกับผู้อื่นเล่า? ต้าเซี่ยปกครองแผ่นดินด้วยความกตัญญู ข้าไม่เชื่อว่าจะมีผู้ใดกล้าเอ่ยคำว่าไม่!” ฮองเฮาหลินถึงกับพูดไม่ออก นางไม่มีคำโต้แย้งใด สิ่งที่เรียกว่าความจงรักภักดีและความกตัญญู ในสายตาของคนโบราณนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน กตัญญูคือจงรัก จงรักคือความกตัญญู เมื่อลองคิดดู คนที่ไม่กตัญญูต่อบิดามารดาของตน จะจงรักภักดีต่อบ้านเมือง ต่อราชสำนัก ต่อฝ่าบาทได้อย่างไร? ฝ่าบาททรงเป็นประดุจพระราชาผู้เป็นบิดา ดังนั้น การกตัญญูต่อบิดาจึงเท่ากับการจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ความกตัญญูเป็นรากฐานการปกครองของราชวงศ์ศักดินา คำว่ากตัญญูเพียงคำเดียว ยิ่งใหญ่เหนือฟ้า ฮองเฮาหลินอ้ำอึ้งอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยว่า “แล้วเงินเล่า? การสร้างเครื่องทำความร้อนต้องใช้เงินไม่น้อย หากสร้
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค