Share

บทที่ 269

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉากเบื้องหน้า

ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงและทรงพลังของหนานกงจื่อชิน ใบหน้าของฉงชูโม่ยังคงไร้ความรู้สึก

นางใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้นเบา ๆ ร่างของนางก็พลันพุ่งขึ้นกลางอากาศทันที

พร้อมกับที่นางสะบัดกระบี่สร้างลายกระบี่หลายลายเข้าสกัดลำแสงกระบี่ที่เหมือนดาวตกของหนานกงจื่อชิน

เกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง

หลังจากเสียงดังต่อเนื่อง หลังจากนั้นมินานกระบวนท่า “ดาวตกสู่ใต้หล้า!” ก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น เหลือเพียงคลื่นพลังที่พุ่งกระจายออกไปในทุกทิศทาง

เมื่อเห็นดังนั้น มู่หรงฟู่และมู่หรงจื่อเยียนต่างก็แสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด!

พวกเขามิคาดคิดเลยว่า กระบวนท่าที่หนานกงจื่อชินภาคภูมิใจ จะถูกฉงชูโม่ทำลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้

ในเวลานั้น หนานกงจื่อชินเองก็ดูตกตะลึงอยู่เช่นกัน จากนั้นเขาก็เริ่มใช้เพลงกระบี่ดารารักษ์อย่างต่อเนื่อง

ด้วยวิชากระบี่ที่แปรปรวนคาดเดามิได้ ทำให้เขาสามารถต่อสู้กับฉงชูโม่ได้อย่างสูสี

เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของมู่หรงฟู่และมู่หรงจื่อเยียนที่เคยเคร่งเครียดก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง

มู่หรงจื่อเยียนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ฉินซู ท่านเห็นหรือไม่ นี่แหละคือความมหัศจรรย์ของเพลงกระบี่ดารารักษ์
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 270

    ฉงชูโม่ปรายตามองเขาเล็กน้อย แต่มิได้กล่าวอะไรฉินซูหันไปยิ้มเล็กน้อยให้กับมู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ ก่อนกล่าวว่า “การประลองครั้งนี้นับว่ายอดเยี่ยม บุตรแห่งนักปราชญ์หนานกง รักษาตัวให้ดี เราขอตัวลาไปก่อน”“เรามิส่ง!”มู่หรงฟู่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างมิพอใจฉินซูเองก็มิได้ใส่ใจอะไรนัก เขาพาฉงชูโม่เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยเมื่อออกมาจากโรงเตี้ยมเทียนเวย ฉงชูโม่เอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านให้หม่อมฉันประลองกับหนานกงจื่อชิน เพื่อที่จะให้หม่อมฉันได้มองหาจุดอ่อนของเพลงกระบี่ดารารักขของเขาใช่หรือไม่?”“แล้วเจ้าสังเกตเห็นจุดอ่อนอะไรบ้าง?”“เพลงกระบี่นี้แปลกประหลาดและคาดเดาได้ยาก ถือได้ว่ารัดกุมมาก หม่อมฉันสามารถชนะได้เพราะหนานกงจื่อชินยังมิชำนาญมากพอ หากเขาใช้พลังของกระบวนท่านี้ได้ถึงห้าส่วน หม่อมฉันก็คงเอาชนะมิได้”ฉินซูหัวเราะเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ใต้หล้านี้จะมีกระบวนท่าใดที่รัดกุมจนไม่มีจุดอ่อน ขอเพียงศึกษาอย่างละเอียดก็น่าจะค้นพบจุดอ่อนได้ ในภายภาคหน้าหากต้องเจอกับยอดฝีมือของหอดารารักษ์ เพลงดาบนี้อาจมีประโยชน์”ฉงชูโม่แปลกใจจึงถามว่า “องค์รัชทายาท ท่านกังวลว่าเป่ยเยียนอาจจะเปิดศึกกับพวกเราหรือ?

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 271

    ฉินซูยกมือขึ้นเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจว่า "เอาเถอะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าทำเช่นนี้มิใช่เพื่อตัวข้า วางใจเถอะ ข้าจะมิคิดอะไรเกินเลย" เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉงชูโม่ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในทันใด นางเหลือบมองเขาด้วยความขุ่นเคือง แม้เมื่อครู่นางจะพูดไปอย่างหนักแน่น แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดถึงเรื่องการแก้แค้นแทนเขามากกว่าตอนนี้เมื่อถูกฉินซูกล่าวว่าจะมิคิดอะไร นางจะมิรู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไร นางกระทืบเท้าลงอย่างแรง ก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเคืองและอับอายว่า "ท่านกลับไปคนเดียวเลย หม่อมฉันจะไปเยี่ยมท่านอ๋องหนิงที่จวนสักหน่อย" พูดจบ นางก็เดินจากไปโดยมิหันหลังกลับมามองอีก ชายหนุ่มมองตามนางแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ "ปากแข็งจริง ๆ ทั้งที่ในใจยังเป็นห่วงข้าอยู่ แต่กลับมิยอมรับสักที สตรีนี่นะ ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนจริง ๆ!" …… จวนอ๋องหนิง ภายในห้องลับใต้ดินอันมืดมิด หญิงสาวสิบคนถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา นอนอยู่บนพื้นชื้นแฉะ เมื่อฉินเซียวลงมา พวกนางแต่ละคนต่างมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เนื่องจากปากของพวกนางถูกอุดไว้ด้วยผ้า จึงทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ออกมาเท่านั้นสีหน้าของ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 272

    เมื่อเห็นว่าความเกลียดชังได้บดบังตาของฉินเซียวจนมืดบอด ชายชุดดำหัวเราะเสียงแหลมออกมาอย่างสะใจ หลังหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหลมคมว่า "พอแล้ว ท่านออกไปก่อนเถอะ พอกระหม่อมดูดเลือดสาวบริสุทธิ์พวกนี้เสร็จ กระหม่อมก็จะฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว" เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวทั้งสิบคนก็ตกใจกลัวจนใบหน้าซีดเผือด สองคนที่จิตใจอ่อนแอก็ถึงกับสลบไปในทันที ฉินเซียวมิพูดอะไรอีก เขาหันหลังแล้วเดินออกจากห้องลับใต้ดินไป ขณะที่เขาเพิ่งเดินออกจากห้องตำรามา นางรับใช้ก็เข้ามารายงาน "ท่านอ๋อง แม่ทัพใหญ่ฉงมาเพคะ ตอนนี้รออยู่ในห้องโถง" ฉินเซียวขมวดคิ้วอย่างมิพอใจ "เหตุใดจึงมิรายงานข้าก่อน ปล่อยให้นางเข้ามาได้อย่างไร?" หากฉงชูโม่รู้ถึงการมีอยู่ของชายชุดดำ ผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายเกินจะคาดเดา คิดถึงตรงนี้ ฉินเซียวก็อดมิได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางรับใช้ทำหน้าหนักใจพลางอธิบาย "ท่านอ๋อง เหล่าองครักษ์ห้ามนางมิอยู่ แม่ทัพใหญ่ฉงมากับท่าทางดุดันและบารมีสูงส่งยากจะต้านทานเพคะ" "พอแล้ว เจ้าไปทำงานของเจ้าเสีย" ฉินเซียวโบกมือด้วยความรำคาญ แล้วจึงเดินไปยังห้องโถง เมื่อมาถึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 273

    ......รุ่งเช้า พระตำหนักจินหลวน ขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋นต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ทว่าทุกคนต่างรู้ดีและไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะกลัวจะทำให้ฉินอู๋ต้าวผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรโกรธ ฉินอู๋ต้าวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยอย่างเรียบ "เหตุใดถึงยังมิเห็นองค์รัชทายาท?" เฉาฉุนรีบตอบอย่างเคารพ "ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงถวายรายงานว่าประชวร กำลังพักฟื้นอยู่ในตำหนักบูรพาพ่ะย่ะค่ะ" ฉินอู๋ต้าวตรัสด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "หึ โกรธข้าก็พูดมาตรง ๆ เถอะ จะมาอ้างว่าป่วยหาปะไร คิดจะหลอกใครกัน?" "เอ่อ… ฝ่าบาท ถ้าเช่นนั้น… จะทรงให้เรียกองค์รัชทายาทมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?" "ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป" ฉินอู๋ต้าวทำสีหน้าจริงจัง แล้วกล่าวเสียงดังว่า "อีกสองวันจะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาแล้ว พวกเจ้าใครมีข้อเสนออะไรหรือไม่ กล่าวมาได้" ฉินหงก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วเอ่ยอย่างเคารพ "เสด็จพ่อ ไทเฮาทรงโปรดความครึกครื้นมาก ลูกขอเสนอให้จัดงานยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองทั้งแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ" เว่ยเจิงเอ่ยขึ้นว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นพ้องด้วย อีกทั้งช่วงนี้บัณฑิตต้าเหยียนหลายคนก็อยู่ในเมืองหล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 274

    หลิวเว่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ใช่พ่ะย่ะค่ะ เช้าวันนี้ พวกเราศาลต้าหลี่ได้รับแจ้งถึงสิบคดีพร้อมกัน มีผู้มารายงานว่า บุตรสาวของพวกเขาหายไปเมื่อคืน ตามหาเท่าไรก็มิพบร่องรอย นี่จึงเป็นเหตุให้พวกเราต้องออกค้นหาไปทั่วทั้งเมืองพ่ะย่ะค่ะ" "หายตัวไปอย่างนั้นหรือ? ทั้งหมดกี่คน?" "สิบคนพ่ะย่ะค่ะ ตามที่ผู้รายงานให้ข้อมูล บรรดาผู้สูญหายล้วนเป็นหญิงสาว อายุระหว่างสิบแปดถึงยี่สิบห้าปี และล้วนยังมิได้แต่งงานออกเรือน" เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินซูขมวดคิ้วแล้วถามว่า "ก่อนหน้านี้เคยมีคดีในลักษณะนี้เกิดขึ้นหรือไม่?" หลิวเว่ยส่ายหน้า "มิเคยเกิดขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ เมืองหลวงเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ใต้พระเนตรพระกรรณขององค์จักรพรรดิ ช่วงหลายปีมานี้จึงมิเคยมีคดีเช่นนี้เกิดขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ" "ฟังจากที่เจ้าพูดมา หมายความว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้ใช่หรือไม่?" "ก็คงใช่พ่ะย่ะค่ะ แต่มิใช่ในเมืองหลวง กลับเป็นหมู่บ้านมู่เจีย ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางใต้ราวสิบลี้ เมื่อห้าปีก่อนก็เคยมีหญิงสาวบางคนหายตัวไปจากที่นั่น จนบัดนี้ยังหาตัวมิพบเลยพ่ะย่ะค่ะ" ฉินซูเลิกคิ้วแล้วถามว่า "ในตอนนั้น หญิงสาว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 275

    "มิปกติหรือ? ไม่มีอะไรนี่เจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ ท่านปู่ถึงถามเช่นนี้?" "เมื่อก่อนองค์รัชทายาทก็มีแต่จะหลงมัวเมาในสุรานารี แต่มินานมานี้กลับราวกับเป็นคนใหม่ เริ่มจากการเอาชนะการแข่งกวีกับขุนนางอาวุโสของเป่ยเยี่ยน จากนั้นก็วางแผนกักตัวองค์ชายมู่หรงฟู่จากเป่ยเยี่ยนไว้ที่เมืองหลวง ทำให้เป่ยเยี่ยนมิกล้าเอ่ยอ้างสิทธิ์ในเมืองชิ่งโจวอีก และมิกี่วันมานี้ยังทำให้อ๋องจิ้นถูกลดขั้นเป็นเฉินหลิวอ๋อง แม้แต่อ๋องหนิงก็พลาดท่าให้เขาครั้งใหญ่เช่นกัน การเปลี่ยนแปลงขององค์รัชทายาทเช่นนี้มินับว่าแปลกหรือ?" เซี่ยหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย "เรื่องที่ฉินเหยี่ยนถูกลดขั้น และอ๋องหนิงพลาดท่า ก็เพราะพวกเขาทำตัวเองทั้งนั้นนะเจ้าคะ" เซี่ยเหอพูดด้วยความมิพอใจ "หากมิใช่เพราะองค์รัชทายาทแสดงฝีมือออกมา อ๋องจิ้นและอ๋องหนิงจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้หรือ? เอาเถอะ ปู่จะมิพูดอ้อมค้อมแล้ว เจ้าก็บอกตาตรง ๆ เถอะว่า ใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทกันแน่?" "ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านปู่ต้องถามเรื่องนี้ แต่คงต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว เพราะจากที่ข้ารู้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังองค์รัชทายาทเลย อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีเจ้าค่ะ" "ไม่มี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 276

    ฉินซูยกมือขึ้นอย่างมาดมั่นแล้วกล่าวว่า "เรื่องช่วยหรือมิช่วยน่ะไม่มีหรอก เจ้ามีเรื่องอะไร ก็บอกมาเถอะ" "หม่อมฉันอยากให้ท่านไปที่ศาลต้าหลี่ ดูว่าพวกเขาสืบพบเบาะแสอะไรบ้าง" "เฮ้อ ข้าก็นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร เอาล่ะ บอกมาสิว่าสหายของเจ้ามีนามว่าอะไร?" "ลู่ซวงเอ๋อร์" "ได้สิ ข้าจะไปศาลต้าหลี่เดี๋ยวนี้เลย" เซี่ยหลานกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข "องค์รัชทายาท ขอบพระทัยท่านมากเพคะ" "พวกเราสนิทกันถึงขนาดนี้แล้ว มิต้องมาพูดขอบคุณอะไรกันหรอก" ฉินซูเอื้อมมือไปแตะจมูกของนางเบา ๆ ใบหน้าของเซี่ยหลานขึ้นสีแดงระเรื่อ แล้วนางก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความกังวล โชคดีที่ในห้องไม่มีใครอยู่ นางจึงพูดเสียงเบา "องค์รัชทายาท ต่อไปท่านต้องระวังพระองค์หน่อยนะเพคะ หากชูโม่เห็นเข้า หม่อมฉันคงต้องลำบากอธิบายแน่ ๆ" ฉินซูมิสนใจ ยักไหล่ "หากนางจะรู้ก็รู้ไปสิ จะกลัวอะไร" "หาอย่าได้ตรัสเช่นนั้นเลยเพคะ หากนางรู้เข้าจริง ๆ นางจะต้องโกรธหม่อมฉันแน่ อย่างน้อยก็ยังมิใช่ตอนนี้ ขอร้องเถิดเพคะ" "ก็ได้ ๆ ต่อไปข้าจะระวัง แต่แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน" พูดจบ ฉินซูก็จุมพิตลงที่ปากของเซี่ยหลานอย่างรวดเร็ว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 277

    ฉินซูก็มาถึงศาลต้าหลี่ทหารยามที่ประตูเมื่อเห็นฉินซู รีบคุกเข่าคารวะทันทีฉินซูโบกมือให้พวกเขาลุกขึ้น แล้วถามว่า “ใต้เท้าหวังอยู่หรือไม่?”“ทูลฝ่าบาท ใต้เท้าหวังอยู่พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังจัดการเอกสารอยู่ในห้องโถง”ฉินซูพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปยังห้องโถงของศาลต้าหลี่ภายในห้องโถงบนโต๊ะตรงหน้าของหวังฉือเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดการเอกสารอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและเคร่งเครียดเมื่อเห็นหวังฉือกำลังจดจ่อ ฉินซูจึงกระแอมเบา ๆหวังฉือเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเยือนคือฉินซู ใบหน้าของเขาก็แสดงความประหลาดใจและรีบออกมาต้อนรับ“ข้าน้อยขอถวายคำนับองค์รัชทายาท มิทราบว่าพระองค์เสด็จมา จึงมิได้ออกมาต้อนรับแต่เนิ่น ๆ ขอพระองค์โปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ!”“มิเป็นไร ลุกขึ้นเถิด”“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท! มิทราบว่าพระองค์เสด็จมาด้วยเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินซูพูดอย่างมิใส่ใจว่า “เมื่อเช้านี้ ข้าได้พบกับรองหัวหน้าหลิวที่โรงน้ำชา เขากำลังสืบคดีอยู่ ข้าจึงได้ทราบว่า มีหญิงสาวสิบคนหายตัวไปอย่างลึกลับ จึงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตนเอง”“เฮ้อ เรื

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 722

    “ปล่อยข้า!”กู้เสวี่ยเจี้ยนกรีดร้องเสียงแหลม พยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ก็ไร้ผล เมื่ออยู่ในเงื้อมมือของโฉวหู่ นางก็มิอาจหมุนเวียนปราณบริสุทธิ์ภายในได้นางตกใจจนหน้าถอดสี ในใจร้อนรนยิ่งนักหยวนหัวยิ้มเยาะแล้วเดินเข้ามา “หึ นางสารเลว เจ้าบังอาจตบข้า รอให้ข้าผู้นี้เบื่อหน่ายเสียก่อน จะจับเจ้าไปขายยังหอคณิกาให้เจ้าต้องอยู่อย่างทรมานทั้งเป็น ฮ่า ๆ ๆ !”กู้เสวี่ยเจี้ยนรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาทันที ยามนี้เรียกได้ว่าเรียกฟ้าฟ้ามิตอบ เรียกดินดินมิขานผู้คนที่มุงดูอยู่รอบข้างมิกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวหยวนหัวเชิดหน้าขึ้นอย่างยโส “โฉวหู่ ผนึกเส้นปราณของนางเสีย แล้วพาขึ้นไปชั้นบนของโรงเตี๊ยม ตัวข้าจะไปหากระไรรองท้องเสียก่อน แล้วค่อยไปดูแลนางให้ทีหลัง!”“น้อมรับบัญชา!”โฉวหู่ลงมือสกัดจุดเส้นปราณของกู้เสวี่ยเจี้ยนแล้วลากนางไปยังโรงเตี๊ยมที่มิไกลออกไปส่วนหยวนหัวก็ตะโกนไปยังแผงขายของกินข้างทางว่า “มองกระไรกันนักหนา มิอยากตายก็รีบไปย่างน่องไก่มาให้ข้าสองน่อง กินอิ่มแล้วตัวข้ายังมีธุระสำคัญต้องไปทำ!”เถ้าแก่แผงขายของกินได้ยินดังนั้นก็รีบจัดแจงทันทีผู้คนที่เดินผ่านไปมามองดูกู้เสวี่ยเจี้ยนที่ถ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 721

    หลัวชางคารวะแล้วหมุนตัวเดินออกไปทางด้านของกู้เสวี่ยเจี้ยนยามนี้นางได้มาถึงบนท้องถนนแล้วหิมะที่ตกเมื่อคืนยังละลายมิหมด แต่บนถนนยังมีผู้คนสัญจรไปมามิน้อยเมื่อมองไปยังแผงลอยริมทางที่มีของแปลกใหม่ต่าง ๆ นางก็สำรวจดูไปทั่วราวกับเด็กน้อยช่างสงสัยสายตาของผู้คนเดินเท้าที่มองมายังนางนั้นล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจกู้เสวี่ยเจี้ยนสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นางจึงถามพ่อค้าคนหนึ่งว่า “ท่านลุง เหตุใดผู้คนเหล่านี้จึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น? หรือว่าหน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือ?”พ่อค้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “แม่นาง ท่านมิได้สังเกตหรือว่าบนถนนสายนี้มีเพียงท่านที่เป็นหญิงสาว?”เมื่อได้ยินดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนจึงมองไปรอบ ๆ อย่างพินิจพิเคราะห์จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าผู้คนที่เดินขวักไขว่บนถนนเส้นนั้น ล้วนเป็นบุรุษและสตรีสูงวัยนางถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านลุง หรือว่าเป่ยเยี่ยนของพวกท่านมีกฎว่าหญิงสาวห้ามออกนอกบ้าน?”“มิใช่เช่นนั้น แต่หลายวันมานี้ในเมืองมีหญิงถูกฉุดคร่าไปอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นหญิงสาวในเมืองจึงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านกัน แม่นาง ข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 720

    เมื่อหลิวเฟิงกล่าวจบ ก็หันไปกล่าวกับมู่หรงเซี่ยวเทียนอีกว่า “ฝ่าบาท หากทรงกังวลเรื่องเหล่าองค์หญิง เหตุใดจึงไม่มีรับสั่งให้เหล่าพระนางเก็บตัวอยู่แต่ในวัง เช่นนั้นแล้วย่อมมิเป็นที่ต้องตาคุณชายหยวนแล้วส่วนเรื่องบุตรสาวของใต้เท้าเจิ้ง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามชะตาลิขิต จะให้เป่ยเยี่ยนทั้งแผ่นดินต้องมารับเคราะห์กรรมจากโทสะของอ๋องเซียงหยางเพียงเพราะคนคนเดียวนั้นย่อมมิสมควร”เจิ้งหยวนโกรธจนแทบกระอักเลือด ตะโกนว่า “หลิวเฟิง เจ้า...”ยังมิทันกล่าวจบ มู่หรงเซี่ยวเทียนก็โบกมือ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ขุนนางเจิ้ง สิ่งที่เสนาบดีหลิวกล่าวมาก็ใช่ว่าไร้เหตุผล เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ปล่อยให้เป็นไปเสียเถิด”“ฝ่าบาท...”“มิต้องพูดมาก หากเลวร้ายที่สุด ข้าจะประหารผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเสีย เช่นนั้นแล้วชื่อเสียงของบุตรสาวเจ้าก็จะมิเสียหาย คุณชายหยวนก็เพียงแค่ต้องการความแปลกใหม่ คงมิได้คิดจะทำร้ายบุตรสาวเจ้า”เจิ้งหยวนถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความจนใจแล้วค้อมกายถอยออกไปมู่หรงเซี่ยวเทียนเองอัดอั้นตันใจยิ่งนัก การกระทำเช่นนี้มิใช่ความต้องการของเขา แต่เพื่อเห็นแก่ส่วนรวมแล้ว เขาจึงจำต้องทำเช่นนี้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 719

    เมื่อเหล่าผู้ติดตามของเขาได้ยินดังนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าใส่หยวนหัวแต่ในขณะนั้นเอง ร่างกำยำร่างหนึ่งก็ยืนขวางทางพวกเขาไว้เห็นเพียงแสงดาบวูบวาบ ในชั่วพริบตาเหล่าผู้ติดตามของเจิ้งหยวนก็ถูกฟันล้มลงไปกองกับพื้นเจิ้งหยวนยังมิทันได้ตั้งตัว ดาบสันทองก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้วคนที่ลงมือคือผู้คุ้มกันของหยวนหัวนั่นเองเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “มิอยากตายก็ไสหัวไป อย่ามารบกวนความสำราญของคุณชายข้าอีก มิฉะนั้นแม้เจ้ามีหัวสักสิบหัวก็มิพอให้ตัด!”เจิ้งหยวนตกใจจนหน้าซีดเผือด ทำได้เพียงมองดูบุตรีของตนถูกหยวนหัวฉุดเข้าไปในโรงเตี๊ยมเขารีบคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอ้อนวอนว่า “คุณชายหยวน โปรดปล่อยบุตรสาวข้าไปเถิด หากท่านปล่อยนางไป ท่านจะให้ข้าทำกระไรก็ได้ทั้งนั้นขอรับ”“ไสหัวไป!”ผู้คุ้มกันคนนั้นเตะเจิ้งหยวนกระเด็นออกไปหากเขามิปรานี เจิ้งหยวนคงสิ้นลมหายใจไปแล้วเจิ้งหยวนลุกขึ้นจากพื้น รีบวิ่งตรงไปยังทิศทางของพระราชวังอย่างตื่นตระหนก......ภายในท้องพระโรงมู่หรงเซี่ยวเทียนกำลังหารือเรื่องบ้านเมืองกับขุนนางระดับสูงผู้หนึ่งในเวลานั้นเอง ขันทีผู้หนึ่งก็กล่าวรายงานด้วยคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 718

    ฉินซูเปิดกล่องไม้ในมือแล้วมองเข้าไปข้างใน เห็นเพียงขวดกระเบื้องขนาดเล็กที่ภายในบรรจุโอสถลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วนอกจากนั้น ยังมียันต์กระดาษสีเหลืองวางอยู่อีกสองสามแผ่นเมื่อเห็นดังนั้น เขาก็อดมิได้ที่จะพึมพำ “ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ มิบอกข้าสักคำว่ายันต์พวกนี้มีประโยชน์กระไรกันบ้าง มันน่านัก”เขายกยันต์ขึ้นมาแล้วเก็บไว้ในอกเสื้อจากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่มิไกลหลังจากซื้อม้าชั้นดีตัวหนึ่งในเมืองแล้วก็ควบม้าห้อตะบึงตรงไปยังทิศทางของเป่ยเยี่ยนมิหยุดหย่อน......วันรุ่งขึ้นภายในเมืองหลวงจินหลิงแห่งเป่ยเยี่ยนหยวนหัวกำลังก้าวเดินด้วยมือไพล่หลังอย่างหยิ่งยโสไปตามถนนสายหลักของเมืองเมื่อเดินผ่านแผงลอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็เห็นเครื่องหยกบนแผงนั้นงดงามเป็นพิเศษ จึงหยิบขึ้นมาพินิจดูพ่อค้าเห็นว่าอาภรณ์ของเขามิธรรมดา จึงรีบกล่าวแนะนำว่า “คุณชายตาถึงมากขอรับ นี่คือเครื่องประดับที่แกะสลักจากหยกขาวมันแพะ ขายเพียงหนึ่งถึงสองตำลึงเงินเท่านั้นขอรับ”หยวนหัวมองเครื่องประดับในมือสองสามครั้ง แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ของมิเลว ข้าจะเอา”พูดจบ เขาก็ถือเครื่องหยกหันหลังเดินออกไปเมื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 717

    “ดินแดนเป่ยเยี่ยนมีแต่อันตรายรอบด้าน พาเจ้าไปด้วยมีแต่จะทำข้าพะวง”“แต่คนมันอดคิดถึงพระองค์มิได้นี่เพคะ”เซี่ยหลานกอดฉินซูจากด้านหลังพลางซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างหนาของเขาและสะอื้นไห้เบา ๆฉินซูอดใจอ่อนมิได้ จึงหันกลับไปโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน เขาเชยคางเรียวเล็กของนางขึ้นพร้อมจุมพิตลึกซึ้งจากนั้นฉินซูก็คิดจะหันหลังเดินออกไป แต่ก็กลับถูกเซี่ยหลานรั้งแขนไว้แน่นเห็นเซี่ยหลานแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ ดวงตาคู่งามที่มีน้ำตาคลอหน่วยมองเขาอย่างตัดพ้อ“ก็ได้ ช้านิดช้าหน่อยคงมิเป็นกระไรหรอก”ฉินซูตัดสินใจเด็ดขาด อุ้มเซี่ยหลานแล้วกระโดดขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วเซี่ยหลานทั้งตกใจและดีใจ จากนั้นก็ให้ความร่วมมืออย่างชำนิชำนาญในห้องรับรองตำหนักบูรพา เหลยเจิ้นที่กำลังนั่งจิบชาคอยอยู่ ในขณะนั้นเองหูของเขาก็กระดิกเล็กน้อยแล้วตั้งตรงขึ้นวินาทีต่อมา เขาก็บ่นพึมพำออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ “คนหนุ่มสาวสมัยนี้ มิรู้จักแยกแยะเรื่องสำคัญเร่งด่วนกระไรกันเลย นี่มันเวลาไหนแล้วยังคิดถึงเรื่องนั้นอีก เฮ้อ”สองเค่อต่อมาฉินซูก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา “หัวหน้าโหรหลวง ออกเดินทางได้แล้ว”“องค์รัชทายาททรงมีกำลังวังช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status