Share

บทที่ 685

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณสำหรับน้ำใจ” ฉินซูหัวเราะเบา ๆ

“พวกเรากลับ!”

ชายชราเหลือบมองจ้าวอวี้เสวียนแล้วหันหลังเดินจากไป

จ้าวอวี้เสวียนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็มิกล้าพูดกระไรมากนัก นางจ้องมองฉินซูจากระยะไกลผาดหนึ่งแล้วประคองเซวียหมิงตามไป

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แม้ว่าวรยุทธ์ของชายชราผู้นี้จะมิน่าสะพรึงกลัวเท่าซ่างกวนอวิ๋นซี แต่ก็เหนือกว่ายอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ทั่วไปลิบลับ

หากอีกฝ่ายสู้มิคิดชีวิตมิสนใจสิ่งใด เขาก็มิมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย

ที่รอดพ้นอันตรายมาได้ในครั้งนี้ ถือว่าได้รับความคุ้มครองจากชื่อเสียงของเหลยเจิ้นแล้ว

เขารวบรวมสติแล้วสั่งว่า “พวกเราก็ไปกันเถิด”

ชิวก่วนและคนอื่น ๆ เพิ่งได้สติ ก็พยักหน้ากันอย่างเหม่อลอย

เมื่อครู่แม้ว่าชายชรากับฉินซูจะประลองกันเพียงกระบวนท่าเดียว แต่วรยุทธ์นั้นก็เกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไปมาก

มุมมองที่พวกเขามีต่อใต้หล้านี้ถูกทำลายลง ถึงกับรู้สึกว่าตนเองช่างเล็กจ้อยราวกับมดปลวก

ด้านนอกหุบเขา

จ้าวอวี้เสวียนถามด้วยความค้างคาใจว่า “ท่านอาจารย์อา ไฉนท่านถึงปล่อยฉินซูไปง่าย ๆ เช่นนั้น แม้จะมิแก้แค้นให้ศ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 812

    มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวต่อ “ประเด็นสำคัญที่สุดคือ แค่กำลังพลเพียงหมื่นนายเขาก็สามารถทำลายล้างแคว้นศัตรูลงได้ กลศึกทั้งบุ๋นและบู๊ของเขาเหนือกว่าคนธรรมดายิ่งนัก เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำที่เก่งกาจทั้งในสนามรบและการปกครอง! และที่สำคัญที่สุดคือ สถานะของเขายังสูงส่งมาก นับว่าเหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง!”เมื่อเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าแย้มยิ้มยินดี ความอยากรู้อยากเห็นของมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ถูกกระตุ้นขึ้น“เสด็จพ่อ ผู้ที่พระองค์ตรัสถึงคือผู้ใดหรือเพคะ? เขามีสามเศียรหกกร[footnoteRef:0]หรือเพคะ? มิเช่นนั้นเขาจะเก่งกาจปานนี้ได้อย่างไร?!” [0: สามเศียรหกกร อุปมาถึง เก่งกาจ มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนทั่วไป] มู่หรงเซี่ยวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “คนผู้นี้ก็คือ ฉินซู องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน!”มู่หรงอวิ๋นเจิงชะงักเล็กน้อย และอุทานด้วยความตกใจ “เสด็จพ่อ พระองค์ประสงค์ให้ลูกแต่งงานกับฉินซูหรือเพคะ”“เหตุใดเล่า เจ้ามิเต็มใจรึ?”“แต่ลูกได้ยินมาว่า รัชทายาทแห่งต้าเหยียนเป็นคนไร้ประโยชน์ รู้เพียงแต่หมกมุ่นกับสุรานารี...”“เฮ้อ ข่าวพวกนั้นก็แค่ข่าวลือเท่านั้น หากฉินซูเป็นพวกไร้ประโยชน์จริง ๆ เจ้าสำนักหอดาร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 811

    “ก่อนที่จะอุทิศตนรับใช้อ๋องฉี กระหม่อมได้เดินทางท่องเที่ยวสำรวจในยุทธจักรอยู่เป็นนิจ จึงได้ผูกมิตรภาพกับเหล่าสหายมากหลายจากต้าเหยียน บางคนเป็นจอมยุทธ์พเนจรในยุทธภพ และบางคนก็เป็นผู้ทรงเกียรติจากตระกูลราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในคราที่กระหม่อมตกทุกข์ได้ยาก พวกเขาทั้งหลายต่างยื่นไมตรีให้แก่กระหม่อม เพียงแต่องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดผู้นั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินไป กระหม่อมมิอยากลากคนอื่นมาเดือดร้อนด้วย จึงจำใจต้องหนีมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูพูดโดยมิลังเลมู่หรงหัวได้ฟังคำพูดนั้น ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าตนเลือกคนมิผิดจริง ๆ คนที่ดำรงอยู่ในยุทธภพได้อย่างเสรีเช่นนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไรกันเล่า!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ปลอบใจว่า "ท่านหาได้ต้องกังวลไม่ พี่ฉินผู้นี้ ข้าเคยได้พบกับเขามาแล้ว เขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ มิเหมือนคนประเภทที่แค้นฝังหุ่นเยี่ยงนั้น!เขาเคยบอกกับข้าไว้ว่า เขามิเคยถือโทษท่านเลย อีกทั้งยังบอกด้วยว่า หากข้าตามหาท่านพบแล้วก็ให้รีบแจ้งเขา เขาจะได้มาทำความรู้จักกับท่านสักครั้ง"ใบหน้าของฉินซูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาโบกมือปฏิเสธ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 810

    มู่หรงหัวปลอบใจว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ สิ่งที่ตัวข้าพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทุกประการ อีกทั้งหากมีข้าอยู่ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องท่านแน่!""กระหม่อมหาได้เคยพบกับองค์ชายสามมาก่อนไม่ มิทราบว่าเหตุใดท่านจึงประสงค์จะเป็นที่พึ่งแก่กระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?"มู่หรงหัวยิ้มและไม่พูดอะไร ส่วนชีเหวยก็เอ่ยปากอธิบายว่า "ท่านผู้อาวุโสจูเก๋อ ในเมื่อท่านได้รับความไว้วางใจจากอ๋องฉี ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าท่านมีความสามารถโดดเด่นเพียงใดองค์ชายของพวกเราทรงรักและให้ค่ากับผู้มีความสามารถมาโดยตลอด จึงมิอยากเห็นท่านผู้มีความสามารถเช่นนี้ต้องถูกคนของศาลต้าหลี่จับกุมตัวกลับแคว้นต้าเหยียนไป ดังนั้นจึงเสด็จมาพบท่านด้วยพระองค์เองขอรับ!หากท่านมิรังเกียจ เหตุใดมิอุทิศตนรับใช้องค์ชายของเราเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของท่านดูเล่า?"เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉินซูก็มิได้แสดงท่าทีใด ๆ ในทันที หากแต่จงใจก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆมู่หรงหัวเห็นดังนั้นก็มิได้เร่งเร้ากระไร และเพียงรออย่างเงียบ ๆผ่านไปครู่ใหญ่ ฉินซูก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย "พระองค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง กระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติอย่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 809

    “บ่าวเพิ่งได้รับรายงานข่าวว่า มีชายคนหนึ่งสวมงอบเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเทียนหลงเมื่อหนึ่งเค่อก่อน รูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายกับภาพวาดของท่านผู้อาวุโสจูเก๋อถึงเจ็ดแปดส่วนทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่งคนไปจับตาดูให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะไปที่นั่น!”“น้อมรับพระบัญชา!”เมื่อบ่าวรับใช้ถอยออกไปแล้ว มู่หรงหัวก็กลับไปที่ห้องแล้วเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา จากนั้นก็พาคนสองสามคนออกจากจวนมุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมเทียนหลงหลังจากมาถึงโรงเตี๊ยมเทียนหลงแล้ว มู่หรงหัวก็สั่งว่า “พวกเจ้าคอยเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนที่มิเกี่ยวข้องเข้ามาได้ ชีเหวย เจ้าตามตัวข้าเข้าไป!”“ข้าน้อยน้อมรับพระบัญชา!”ทันทีที่มู่หรงหัวเข้าไป เถ้าแก่ก็เดินเข้ามาต้อนรับทันที!“คุณชาย มิทราบว่าท่านจะกินอาหารหรือพักค้างแรมหรือขอรับ?”มู่หรงหัวหยิบภาพเหมือนออกมาจากอกเสื้อแล้วถามว่า “คนผู้นี้อยู่ที่ใด?”“คนผู้นี้...” เถ้าแก่เหลือบมองภาพเหมือนผาดหนึ่ง จากนั้นก็ลังเลที่จะพูดออกมามู่หรงหัวชำเลืองมองชีเหวย อีกฝ่ายก็หยิบก้อนเงินหนึ่งก้อนออกมาจากอกทันที!ดวงตาของเถ้าแก่เป็นประกายขึ้นทันใด เขากล่าวพร้อมยิ้มประจบเอาใจ "คุณชาย คนผู้นี้อยู่ที่ห้องส่วนตัวชั้นส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 808

    คัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้ หนึ่งในนั้นคือคัมภีร์วิชายุทธ์ภายในของสำนัก ส่วนอีกเล่มมิน่าเชื่อว่าจะเป็นคัมภีร์มหาสัจธรรม!แม้ในใจของฉินซูจะตกตะลึงอย่างยิ่ง แต่ภายนอกเขากลับมิแสดงอาการใด และเริ่มเปิดอ่านอย่างเงียบ ๆในมิช้าเขาก็ค้นพบว่า คัมภีร์มหาสัจธรรมนี้แตกต่างจากคัมภีร์ม้วนหยกขาวอย่างมาก ดูเหมือนจะเป็นฉบับย่อเสียด้วยซ้ำที่สำคัญที่สุดคือ การฝึกตนตามเคล็ดวิชาของซ่างกวนอวิ๋นซีนี้ มิจำเป็นต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ของหญิงพรหมจรรย์เป็นสื่อกลาง เมื่อพลิกอ่านไปจนถึงหน้าสุดท้าย ฉินซูก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่าคัมภีร์มหาสัจธรรมจิงที่ซ่างกวนอวิ๋นซีให้มาเป็นเพียงครึ่งแรกเท่านั้น!เขาถามด้วยความสงสัย "แล้วครึ่งหลังของวิชายุทธ์นี้เล่า?"ซ่างกวนอวิ๋นซีพูดอย่างมิใส่ใจ "ครึ่งแรกนี้ก็เพียงพอให้เจ้าได้ฝึกฝนแล้ว รอจนกว่าพลังของเจ้าจะถึงระดับเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน""ก็ได้ งั้นข้าจะกลับห้องไปพินิจดูสักหน่อยก่อน"หลังจากฉินซูพูดจบ เขาก็เดินออกไปพร้อมกบคัมภีร์ลับในมือหลังจากผ่านไปสองชั่วยาม ฉินซูก็อาศัยความจำอันยอดเยี่ยมของตนจดจำเคล็ดวิชาของทั้งสองวิชาได้ครบทุกบทจนขึ้นใจแล้วเขามิได้เริ่มฝึกในทันที แต่กลั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 807

    "ข้าก็มิได้พูดว่าจะลงมือบัดนี้ ข้าหมายถึงรอจนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นก่อน!""นั่นก็มิได้เช่นกัน ข้าแข็งแกร่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน ศัตรูของท่านก็แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วย อีกทั้งข้ากับคนผู้นั้นก็ไม่มีเรื่องเคียดแค้นอันใดต่อกัน ข้ามิอยากเข้าไปยุ่งเรื่องวุ่นวาย"เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู สีหน้าของซ่างกวนอวิ๋นซีก็เย็นชาลงทันที"ฉินซู ข้าตั้งใจจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น เช่นนั้นข้าขอเตือนเจ้าว่า อย่าได้มิเห็นคุณค่าของผู้ที่ช่วยเหลือ!"มุมปากของฉินซูกระตุกหลายครั้ง แล้วเขาก็ถามขึ้นว่า "เช่นนั้นท่านตั้งใจจะบีบบังคับให้ข้ายอมทำตามใช่หรือไม่?""หากเจ้ามิเห็นด้วย ข้าก็มิรังเกียจที่จะใช้วิธีการบางอย่างกับเจ้า!" ซ่างกวนอวิ๋นซีพูดอย่างตรงไปตรงมาฉินซูก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความระวัง แล้วเตือนว่า “ท่านก็อย่าใจร้อนสิ มีสุภาษิตว่า แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมมิหวาน อีกอย่างเราสองคนก็หาได้สนิทกันไม่ ท่านมิกลัวว่าข้าร่ำเรียนจบแล้วจะหนีกลับต้าเหยียนหรือไร?”“ในเมื่อข้ากล้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับเจ้า แน่นอนว่าข้าต้องมั่นใจว่าจะรั้งเจ้าไว้ได้ อ้อ ใช่แล้ว มีข้อดีอย่างหนึ่งลืมบอกไป เ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status