Share

บทที่ 686

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว “ข้าสบายดี หาได้มีกระไรต้องเป็นห่วงไม่”

“ฉินซู ท่านตีหนานเยวี่ยแตกพ่ายจริงหรือ แล้วยังสังหารจักรพรรดิจ้าวควงนั่นด้วยหรือเพคะ?”

จนถึงวันนี้ มู่หรงจื่อเยียนก็ยังมิกล้าเชื่อ

เนื่องด้วยฉินซูนำทหารไปเพียงหมื่นนายเท่านั้น คนเพียงเท่านี้จะตีด่านปราการแคว้นหนานเยวี่ยได้หรือไม่ก็ยังตอบมิได้ นับประสากระไรกับการบุกยึดพระราชสถานหนานเยวี่ย

เมื่อเห็นฉินซูพยักหน้ารับ นางก็ตกใจจนยกมือขึ้นมือปิดปากเล็ก ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เมื่อได้สติกลับมา นางก็รีบร้อนกล่าว “ท่านทำได้อย่างไร? รีบเล่าให้หม่อมฉันฟังหน่อยเถิดเพคะ”

“คุยตรงนี้คงมิเหมาะ ไปเถิด กลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วค่อยว่ากัน”

ในยามนี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองเจียวโจวทยอยกลับมาอยู่ที่เดิม โรงเตี๊ยมที่เคยปิดประตูแน่นหนาก่อนหน้า บัดนี้ก็เปิดประตูต้อนรับแขกแล้ว

เมื่อเห็นฉินซูลากมู่หรงจื่อเยียนไปยังโรงเตี๊ยม ตี๋จิ่งและคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าถมึงทึงขึ้นทันใด

ในฐานะองครักษ์ของมู่หรงจื่อเยียน ยามนี้พวกเขาเชื่อสนิทใจแล้วว่า ท่านหญิงของตนเสร็จฉินซูไปแล้ว

หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พี่ตี๋ ดูเหมือนว่าแคว้นหนา
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Boonarj Miwmiw Father
เรื่องนี้สนุก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 687

    อีกฝ่ายหน้าแดงก่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดว่า “เลิกพูดจาหวานหูได้แล้วเพคะ ท่านยังมิได้เล่าเรื่องหนานเยวี่ยให้หม่อมฉันฟังเลย ท่านตีฝ่าด่านป้องกันแสนยากเข็ญของหนานเยวี่ยแล้วยึดครองหนานเยวี่ยได้อย่างไรกันแน่?”ฉินซูยักไหล่ แล้วเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังเขาเล่าด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ฟังแล้วมู่หรงจื่อเยียนกลับรู้สึกฮึกเหิม!“นึกมิถึงเลยว่า ท่านจะมากเล่ห์ร้อยเหลี่ยมถึงเพียงนี้ ถึงกับให้ลูกน้องปลอมตัวเป็นทหารหนานเยวี่ยหลอกให้เปิดประตูเมือง แต่แม่ทัพหนานเยวี่ยก็ช่างโง่เง่าเสียกระไรปานนั้น มองมิออกหรือไร”ฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “ข้าแทรกซึมเข้าไปในหนานเยวี่ยตั้งแต่ก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังให้จ้าวควงแต่งตั้งเป็นกุนซือของเติ้งหม่าง หากไร้ขั้นตอนนี้ไปข้าคงมิอาจหลอกล่อให้เปิดประตูเมืองแล้วจับจ้าวควงได้ง่าย ๆ เช่นนี้หรอก”“ก็จริงเพคะ ดูเหมือนว่าท่านจะทรงปราดเปรื่องลึกล้ำมากทีเดียว สมกับเป็นชายที่มู่หรงจื่อเยียนหมายตา!”เมื่อกล่าวเช่นนั้น ใบหน้างดงามของมู่หรงจื่อเยียนก็เผยสีชมพูระเรื่ออีกครั้งเมื่อทราบว่าฉินซูแสดงวรยุทธ์อันน่าทึ่งในแคว้นหนานเยวี่ย นางก็บ่นด้วยความเป็นห่วงเต็มประดา“ฉิน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 688

    เช้าตรู่ของสองวันต่อมายามนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม พื้นที่หล่งซีที่มีภูเขาสูงป่าทึบส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวโพลนในป่าทึบอันมืดมิดชื้นแฉะนั้น ร่างสามร่างกำลังเดินฝ่าเข้าไปคนแรกคือชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตา มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า กระบี่เจ็ดดาวเล่มยักษ์ในมือของเขาโดดเด่นเป็นพิเศษหญิงสาวอีกคนสวมชุดเกราะ แม้จะแต่งกายแบบแม่ทัพ แต่ก็หาได้บดบังใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาไม่แม้แต่น้อย กลับเพิ่มความองอาจขึ้นหลายส่วนทั้งสองคือตู๋กูโฉ่วเยวี่ยและฉงชูโม่ส่วนชายชุดดำอีกคนคือสายลับชนเผ่าหรงตะวันตกที่ถูกตู๋กูโฉ่วเยวี่ยบังคับให้นำทางยามนี้เป็นช่วงที่หนาวจัดของเหมันตฤดู ท่ามกลางป่าชื้น อาภรณ์จึงเปียกชื้นได้ง่ายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ทำให้ยิ่งรู้สึกถึงความหนาวเสียดกระดูกดังนั้นแม้แต่ฉงชูโม่ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวย่ำสวรรค์ก็ยังแก้มแดงจากความหนาวอย่างอดมิได้สายลับชนเผ่าหรงตะวันตกที่นำทางยิ่งหนาวจนตัวสั่น ฟันบนล่างเริ่มกระทบกันสั่นงก ๆทว่าสิ่งที่ฉงชูโม่คาดมิถึงก็คือ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยที่มีวรยุทธ์อ่อนแอกว่าตนเล็กน้อยกลับมีสีหน้าปกติราวกับมิได้รับผลกระทบจากไอเย็นนี้“ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าน้อยทนมิไหวแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 689

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ชูโม่ สองวันนี้เจ้าถามข้าหลายครั้งแล้ว ที่ข้ามิบอกความจริงเพราะกลัวว่าหากพูดออกไปจะทำให้เจ้าตกใจ ฉะนั้นเจ้าช่วย...”ยังมิทันที่เขาจะพูดจบ ฉงชูโม่ก็ยืนกรานหนักแน่นว่า “มิได้! หากเจ้ามิบอกความจริงแก่ข้า เช่นนั้นเจ้าก็ไปจัดการกับมหาปุโรหิตของสำนักจันทราโรหิตเอง เรื่องนี้ข้ามิยุ่งด้วยแล้ว”“อย่าทำเช่นนั้นสิ ข้าสู้มหาปุโรหิตนั่นมิได้ ข้าต้องพึ่งเจ้า”“เช่นนั้นเจ้ารีบบอกความจริงมาเร็วเข้า มิฉะนั้นข้าจะมิร่วมมือด้วย!”เมื่อถูกฉงชูโม่บีบคั้น ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยทำได้เพียงถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ ที่จริงแล้วสำนักจันทราโรหิตเป็นสำนักชั่วร้าย สิ่งที่พวกเขาเก่งที่สุดคือการชักจูงผู้คน มิเพียงเท่านั้น พวกเขายังเก่งในการฝึกสัตว์ร้าย โดยปกติสัตว์ดุร้ายเหล่านั้นล้วนแต่เชื่อฟังพวกเขาจนผิดวิสัย”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็เงียบไปฉงชูโม่ขมวดคิ้วถามว่า “แล้วอย่างไร? นั่นคือจุดประสงค์ที่เจ้าบุกไปกวาดล้างสำนักจันทราโรหิตรึ?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยทำสีหน้าให้เคร่งขรึม กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ความจริงยังมีมากกว่านั้น หากข้าพูดออกไป เจ้าอย่าได้ตกใจเชียว”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 690

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้า แล้วปลอบโยนอีกว่า “ที่จริงเจ้ามิต้องกังวลมากนักก็ได้ สำนักจันทราโรหิตนอกจากมหาปุโรหิตผู้นั้นแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นพวกกระจอก มิได้น่ากลัวกระไร ยิ่งไปกว่านั้นถึงกาลนั้นข้าจะให้ของดีเจ้าอีกอย่าง รับรองว่าการรับมือพวกนั้นย่อมไม่เป็นปัญหาแน่นอน”“หวังว่าจะง่ายอย่างที่เจ้าว่า แต่ไฉนข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ายังปิดบังกระไรข้าอยู่?”เมื่อฉงชูโม่พูดจบ ก็มองตู๋กูโฉ่วเยวี่ยด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยมอีกฝ่ายลูบจมูก จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่มีแล้วจริง ๆ ข้าบอกเจ้าทั้งหมดเท่าที่ข้ารู้แล้ว”“ดี ข้าจะเชื่อเจ้า แต่หากเจ้ากล้าหลอกข้า ถึงคราวคิดบัญชีก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน”“แน่นอนอยู่แล้ว”มองอย่างไรตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็ดูมีพิรุธพวกเขาพักผ่อนกันในถ้ำครู่หนึ่งแล้วออกเดินทางกันต่อครึ่งชั่วยามต่อมา ในที่สุดทั้งสามก็เดินออกจากป่าที่หนาวชื้นแห่งนี้ได้สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือขุนเขาสูงใหญ่เบื้องหน้าจากตีนเขาขึ้นไป ตัวภูเขาส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ทำให้มองมิออกว่าภูเขาลูกนี้สูงเพียงใดจู้หรงชี้ไปยังเชิงเขาที่ถูกเมฆหมอกบดบัง แล้วกล่าวว่า “ที่นี่คือเขาหัวสิงห์ ที่ตั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 691

    “สัตว์อสูรพวกนี้มีวรยุทธ์ที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง หากพวกมันตื่นขึ้นมา แม้ข้าจะทุ่มสุดกำลังก็คงจะรับมือได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น แต่ข้างในนั้นมีถึงสามตัว เจ้าภาวนาให้ธูปนิทราของเจ้าใช้ได้ผลถึงหนึ่งชั่วยามจริง ๆ เถิด มิฉะนั้นพวกเราจะหนีไปได้หรือไม่ก็มิรู้แล้ว”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยปลอบโยนว่า “วางใจเถิด อาจารย์ของข้าปรุงเอง รับรองไม่มีปัญหา พวกเรารีบไปกันเถิด”ประมาณสองเค่อต่อมา พวกเขาก็มาถึงบริเวณใกล้ไหล่เขาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปากถ้ำขนาดใหญ่ปรากฏอยู่หลังเมฆหมอกอันเลือนรางตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกำชับว่า “เดี๋ยวเจ้าเผยตัวแล้วดึงดูดความสนใจของพวกมันเสีย ทางที่ดีที่สุดโค่นพวกมันลงให้ได้สักสองสามคน แล้วค่อยล่อให้มหาปุโรหิตนั่นออกมาลงมือเอง ข้าจะฉวยโอกาสที่พวกมันเผลอแอบเข้าไปทำลายแท่นบูชาเอง”เขาพูดพลางหยิบโอสถลูกกลอนสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้ฉงชูโม่อีกฝ่ายชะงักไป แล้วถามว่า “นี่คืออะไร?”“โอสถลูกกลอนที่อาจารย์ของข้าปรุงเอง กินเข้าไปแล้วจะเพิ่มวรยุทธ์ได้ชั่วคราว”“เจ้าบอกว่ามหาปุโรหิตนั่นก็เป็นระดับครึ่งก้าวย่ำสวรรค์มิใช่… ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย เจ้าหลอกข้ารึ?” ฉงชูโม่เพิ่งจะรู้ตัวตู๋กูโฉ่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 692

    เห็นเพียงชายชราร่างเล็กสวมชุดคลุมสีแดง ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้าย อีกทั้งดวงตาก็ยิ่งดูมืดมนและดุร้ายเป็นประเภทที่เพียงแค่เห็นผาดเดียวก็ทำให้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปทั้งร่างหลังจากมองสำรวจชายผู้นี้สองสามครั้ง ฉงชูโม่ก็ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าคือมหาปุโรหิตของสำนักจันทราโรหิตใช่หรือไม่?”“ใช่แล้ว ข้าเองเฉินซี มหาปุโรหิตแห่งสำนักจันทราโรหิต สาวน้อย เจ้าบุกรุกเข้ามาในสำนักจันทราโรหิตของข้า ทำร้ายสาวกของข้ามากมาย วันนี้หากเจ้ามิบอกเหตุผลกับข้า ข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นศพแห้งแล้วเก็บไว้ค่อย ๆ ชื่นชมเจ้าในภายหลัง!”เฉินซีพูดจบก็หัวเราะเสียงแหลมสูงราวเสียงกรีดร้องของปีศาจ ชวนให้รู้สึกขนลุกขนพองทีเดียวขนทั่วร่างของฉงชูโม่พลันลุกชัน นางฝืนความกลัวในใจไว้พร้อมแค่นเสียงเย็นชาแล้วกล่าวว่า “สำนักจันทราโรหิตของเจ้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ วันนี้ข้าจะผดุงความยุติธรรม ทำลายสำนักจันทราโรหิตของพวกเจ้าให้สิ้นซาก!”“สาวน้อย ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง? ลำพังเจ้าคนเดียว ข้าใช้มือข้างเดียวก็บดขยี้เจ้าให้ตายได้แล้ว!”ยังมิทันที่เฉินซีจะพูดจบ เขาก็ตบฝ่ามือออกไปในอากาศอย่างรวดเร็วโดยไม่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 693

    แม้ว่าเฉินซีจะเป็นยอดฝีมือระดับสวรรค์อย่างแท้จริง แต่การโจมตีแต่ละครั้งของเขาก็ถูกฉงชูโม่หลบหลีกไปได้อย่างง่ายดายด้วยท่วงท่าที่คล่องแคล่วเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาก็มิใช้ปราณบริสุทธิ์ภายในต่อไปให้เปลืองแล้ว แต่กลับไล่ตามอย่างมิลดละ“หึ เล่นแมวจับหนูกับข้ารึ? ข้าจะดูว่ากำลังภายในของเจ้าจะทำให้เจ้าทนได้นานเพียงใด เมื่อใดที่กำลังภายในของเจ้าหมดลง เมื่อนั้นเจ้าก็เหลือเพียงความตาย!”ฉงชูโม่มิสนใจเรื่องนี้ เพราะภายในหนึ่งชั่วยาม กำลังภายในของนางจะไม่มีทางหมดสิ้นพวกเขาไล่ล่ากันไปมาเช่นนี้ มินานก็หายลับไปจากสายตาผู้คนในขณะเดียวกัน ร่างของตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็วูบไหว ลอบเข้าไปในถ้ำนั้นอย่างเงียบเชียบ......“องค์รัชทายาท พวกเรามาถึงใจกลางหล่งซีแล้ว อีกมินาน ข้างหน้าก็จะเป็นเมืองหลงโย่วแล้ว วันนี้พักค้างแรมในเมืองกันก่อนแล้วค่อยออกเดินทางกันวันพรุ่งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ชิวก่วนถามขึ้นฉินซูมองมู่หรงจื่อเยียนที่มีสีหน้าเหนื่อยล้าแล้วพยักหน้าน้อย ๆ“พักในเมืองสักคืนก็ดี สองวันนี้เร่งเดินทางกันมาตลอด ควรจะพักผ่อนได้แล้ว”ในขณะที่พวกเขายังคงเดินทางไปยังเมืองหลงโย่ว หนังตาของฉินซูก็กระตุกเล็กน้อย ส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 694

    ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วยิ่งยวด ชายชุดดำคว้าลูกธนูที่ชิวก่วนยิงออกมาไว้ในมือได้แต่เขามองข้ามปัญหาที่ร้ายแรงไปอย่างหนึ่ง นั่นคือลูกธนูนั้นผูกติดอยู่กับระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ยังมิทันสิ้นถ้อยคำดูแคลนของเขา ระเบิดสายฟ้าก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงร่างของเขากระเด็นออกไปทันทีพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น กระแทกลงพื้นดินที่อยู่ไกลออกไปอย่างแรงแขนขวาและแก้มครึ่งซีกของเขาถูกระเบิดจนเนื้อตัวเหวอะหวะ อาภรณ์ขาดวิ่นทั้งตัว ดูน่าสังเวชอย่างยิ่งเมื่อเห็นภาพนั้น สหายของเขามีสีหน้าตกตะลึง รีบถามว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นกระไรหรือไม่?”“แค่ก ๆ ...ยังมิตาย บัดซบ ข้าประมาทไปหน่อย”ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าเจ้าห้าสบถแล้วตะเกียกตะกายลุกขึ้น“เจ้าถ่วงเวลาเจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นไว้ ข้าจะจัดการเจ้าสารเลวนั่นแล้วไปช่วยเจ้า!”เมื่อเจ้าห้าพูดจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าใส่ชิวก่วนเมื่อเห็นเช่นนั้น ชิวก่วนก็หนังตากระตุกอย่างอดมิได้ รีบง้างธนูใส่ศรเตรียมยิงแต่ฉินซูกลับกล่าวว่า “อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ หากมันตั้งรับ ลูกธนูของเจ้าก็ทำกระไรมันมิได้ จงหลบไปอยู่ห่าง ๆ”ขณะพูด ฉินซูก็กระโดดตัวลอยพุ่งเข้าหาเจ้าห้าทันทีเมื่อ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status