" ไม่เห็นต้องทำยังไง ก็ต้องช่วยองค์หญิงก่อนสิ ท่านพูดอะไรไม่คิดนะองครักษ์เหวิน"
ลูลู่ต่อว่าเหวินซีห่าว
" แต่ซิงอีนางไม่ไหวแล้ว"
เหวินซีห่าวมองดูซิงอี ที่สีหน้าดูทรมานแล้วปวดใจ
" ช่วย ช่วยองค์หญิงก่อน ข้า ไม่ ไม่เป็น"
พูดไม่ทันจบก็หมดสติไป
" ซิงอี ซิงอี ท่านหมอนางหมดสติไปแล้วช่วยนางก่อน เร็วสิ"
หลี่เยว่ซินหันไปมองเหวินซีห่าว ที่เป็นห่วงซิงอีจนเก็บอาการไม่อยู่ เขาประคองนางขึ้นมากอด ร้องเรียกให้หมอหลวงช่วยส่งยาเม็ดเดียวที่มีให้
" นางหมดสติไปแล้ว ส่งยามาเถอะ นางอาการหนักกว่าองค์หญิงท่านไม่เห็นรึไง"
" เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ องค์หญิงก็ถูกพิษเหมือนกัน ยามีเพียงเม็ดเดียวยังไงองค์หญิงก็ต้องได้เสวย หรือเจ้าคิดว่าชีวิตของซิงอีมีค่ากว่าองค์หญิง"
ลูลู่ต่อว่าเหวินซีห่าวเสียงดัง
" ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่องค์หญิงนางยังมีสติอยู่ นางไม่ได้สาหัสเหมือนซิงอี นางยังทนไหว แต่ซิงอีนางไม่ไหวแล้วพวกเจ้าไม่เห็นรึไง หากนางไม่ได้ยาถอนพิษนางคงไม่รอด"
เห็นท่าทางกระวนกระวายจะเป็นตายของเหวินซีห่าว หลี่เยว่ซินก็พูดขึ้น
" ให้นางไป"
" องค์หญิงไม่ได้นะเพคะ"
" ใช่เพคะองค์หญิง ให้นางไปแล้วท่านหล่ะจะทำยังไง"
" ให้ยานางไปเถอะ"
หมอหลวงจำใจส่งยาให้เหวินซีห่าว เหวินซีห่าวรีบยัดยาเข้าปากซิงอี
" เจ้ารีบพาองค์หญิงขึ้นรถม้าเร็ว เราต้องรีบไปให้ถึงโรงหมอภายใน1เค่อ"
หมอหลวงร้องบอก องครักษ์คนหนึ่งรีบเข้ามาอุ้มหลี่เยว่ซิน คนอื่นๆก็รีบตามไป เหวินซีห่าวมองตามรถม้าที่จากไป หลี่เยว่ซินได้รับพิษไม่มาก อาการไม่หนัก ไม่นานก็จะถูกส่งตัวไปโรงหมอ ด้วยสถานะองค์หญิงของนางยังไงนางก็ต้องปลอดภัย แต่ซิงอีไม่มีใคร นางเป็นเพียงนางกำนัลต่ำต้อย ไร้ญาติขาดมิตร มีเพียงเขาคนเดียว นางอาการหนักจนหมดสติแล้ว หากไม่ได้รับยาถอนพิษ นางคงต้องไปเยือนปรโลก
" อาห่าว"
เหวินซีห่าวก้มมองซิงอีที่ลืมตามองเขา เขาพยุงนางลุกขึ้น ส่งยิ้มอ่อนโยนให้
"ข้ายังไม่ตายใช่ไหม"
" พูดอะไรอย่างนั้น หากตายแล้วจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรง่ายๆหรอก"
" อาห่าว"
นางเรียกเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เรียกชื่อเขาด้วยความสนิทสนม เขาเคยบอกกับนางว่าเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง ให้นางเรียกชื่อเขาเฉยๆก็พอ เหวินซีห่าวลูบผมนางเบาๆ
นางกำลังจะโผเข้ากอดเขา แต่เขาดันตัวนางให้ลุกขึ้น
" เรากลับกันเถอะ ไม่รู้ป่านนี้องค์หญิงจะเป็นอย่างไรบ้าง"
เหวินซีห่าวควบม้าเร่งเข้าเมือง มีซิงอีนั่งอยู่ด้านหน้าด้วยม้าตัวเดียวกัน พอมาถึงโรงหมอที่แรกในเมือง ถึงรู้ว่าหลี่เยว่ซินไม่ได้แวะมารักษาที่นี่
" หากองค์หญิงไม่อยู่ที่นี่ งั้นก็คงอยู่ที่อื่น โรงหมอในเมืองมีตั้งหลายแห่ง"
" แต่หมอหลวงน่าจะพานางมารักษาที่นี่เพราะเป็นที่แรกที่ใกล้ที่สุด ช่างเถอะ บางทีอาจจะอยู่โรงหมอที่อื่นอย่างที่เจ้าว่าก็ได้"
เขาแวะโรงหมอทุกที่ในเมือง แต่ปรากฏว่าไม่มีหลี่เยว่ซินเลยสักที่
" เราหาทุกที่แล้วแต่องค์หญิงก็ไม่อยู่ หรือว่าองค์หญิงจะถูกพากลับวังหลวงแล้ว"
" เป็นไปไม่ได้ ก็หมอหลวงบอกเองว่าต้องส่งตัวองค์หญิงไปรักษาภายใน1เค่อ หากนานกว่านั้นจะมีอันตรายถึงชีวิต หากแวะที่โรงหมอที่แรกก็จะรักษาทัน แต่ถ้าไปถึงวังหลวงต้องใช้เวลามากกว่า1เค่อ"
เหวินซีห่าวรู้สึกเป็นกังวล หากนางเป็นอะไรไปฮ่องเต้กับเสียนเฟยรู้เรื่องนี้ เขากับซิงอีคงไม่พ้นโทษประหารแน่
" บางทีหมอหลวงอาจคำนวนผิดก็ได้ องค์หญิงเองก็ทรงมีสติอยู่ ข้าว่านางคงไม่เป็นอะไรมาก นางต้องอยู่ในวังแล้วแน่ๆ เรารีบเข้าวังกันเถอะ"
หลี่เยว่ซินนั่งดื่มยาอยู่ในตำหนัก คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า นางนั่งซบลูลู่อยู่ในรถม้า ยังไม่ทันได้เข้าเมืองก็กระอักเลือดออกมา ลูลู่ร้องบอกให้รถม้าหยุด หมอหลวงรีบเข้าตรวจดูอาการด้วยท่าทีร้อนรน บอกว่าไม่ทันการแล้ว พิษกำเริบแทรกซึมไปทั่วแล้ว จึงให้องครักษ์ควบม้าเร็วไปเอายาจากร้านยาที่ใกล้ที่สุดมา นางคิดว่าคงไม่รอดแน่ ลูลู่ก็ร้องไห้ไม่หยุด นาทีความเป็นความตาย สายตาพร่ามัวเห็นภาพของชายคนหนึ่งชะโงกหน้าเข้ามาในรถม้า เขาสอบถามหมอหลวงแล้วยัดยาใส่ปากนาง แม้เห็นหน้าไม่ชัด แต่นางจำเสียงเขาได้ เสียงใหญ่ๆแหบๆราวกับเป็ด เป็นเสียงเดียวกับที่ได้ยินตอนนั้น เสียงที่กระซิบข้างหู ว่าอยากตายนักรึไงทำไมถึงไม่หลบ ใช่แล้วเป็นคนเดียวกับที่ช่วยชีวิตนางจากม้าพยศไว้ นางกลืนยาเข้าไปสักพักก็ดีขึ้น อยากขอบคุณเขา แต่เขาก็จากไปแล้ว สองครั้งที่เขาช่วยชีวิตนางไว้ แต่นางไม่รู้แม้กระทั่งชื่อแซ่ นางยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย
" องค์หญิง ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องไม่เป็นอะไร"
ซิงอีถลาเข้ามา แต่ถูกลูลู่ผลักจนเซ ดีที่เหวินซีห่าวรับไว้ทัน เขาต่อว่าลูลู่ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
" เจ้าทำอะไร ซิงอีพึ่งถูกพิษ ร่างกายนางยังอ่อนเเอ"
" ทำอะไร ถ้าไม่เพราะนางองค์หญิงจะเกือบสิ้นพระชนม์ไหม"
" เจ้าพูดอะไรลูลู่ องค์หญิงก็นั่งอยู่ตรงนี้นางปลอดภัยดีนี่"
" ปลอดภัยสิ ถ้าไม่เพราะ"
" ลูลู่"
หลี่เยว่ซินพูดขัดไม่ให้ลูลู่พูดต่อ นางรีบเดินมายืนข้างๆหลี่เยว่ซิน
" องค์หญิง ที่แท้ท่านก็ไม่ได้เป็นอะไร ยังมานั่งสบายอยู่ที่ตำหนัก ข้ากับอาห่าว"
ซิงอีหยุดพูด ลืมตัวไปว่าเรียกเหวินซีห่าวอย่างสนิทสนม
" ข้ากับองครักษ์เหวิน ตามหาท่านไปทั่วทุกโรงหมอแต่ไม่พบ เห็นไหมข้าบอกท่านแล้วว่าองค์หญิงทรงปลอดภัยดี ไม่ได้เป็นอะไร"
ซิงอีพูดกับหลี่เยว่ซิน ก่อนจะหันไปพูดกับเหวินซีห่าว
" ปลอดภัยกับผีสิ องค์หญิงทรง"
หลี่เยว่ซินส่งสายตาให้ลูลู่ไม่ต้องพูด
" พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าเองก็จะพักเหมือนกัน ให้ลูลู่อยู่กับข้าคนเดียวพอ"
ซิงอีกถวายความเคารพ พอหมุนตัวกลับหลังก็เซ เหวินซีห่าวรับนางไว้ นางผละออกจากเขา
" ขอโทษ เมื่อกี้ข้าหันมาเร็วไปหน่อยเลยหน้ามืด"
" ให้ข้าประคองเจ้าไปห้องพักดีกว่า"
เหวินซีห่าวประคองซิงอี ที่ทำท่าราวคนไม่มีแรงออกไป ซิงอีหันมามองหลี่เยว่ซินอย่างเกรงใจ ก่อนจะเซทำท่าล้ม จนเหวินซีห่าวต้องอุ้มนางแทน
" หมั่นไส้นัก ดูก็รู้ว่านางแกล้งทำ เรื่องถูกพิษนั่นก็ด้วย ข้าสังเกตุนางตลอดเห็นนางดมดอกไม้ไปแค่ทีเดียว ข้าว่านางถูกพิษนิดหน่อยไม่ได้นักหนาอะไร แต่สำออยมากกว่า"
" ช่างเถอะ ลูลู่คนที่ไปสืบข่าวเรื่องผู้มีพระคุณของข้ากลับมาหรือยัง"
" ยังเลยเพคะ"
" หม่อมฉันอยู่กับความรู้สึกผิดมาตลอด พอรู้ข่าวว่าซิงอีถูกรังเเกจนล้มป่วย หม่อมฉันก็ทนไม่ได้ เลยต้องเข้าวังมาทูลความจริง เพื่อทวงความยุติธรรมให้นางเพคะ ขอฝ่าบาทโปรดเมตตา ซิงอีเป็นองค์หญิง11ตัวจริง เป็นบุตรสาวของลู่เหยากับพระองค์เพคะไม่ใช่เยว่ซิน เยว่ซินเป็นตัวปลอมเพคะ"หลี่เยว่ซินที่พอก้าวเท้าเข้าตำหนักมา ได้ยินทุกคำพูดก็หยุดชะงัก ซิงอีก็เช่นกัน นางทั้งตกใจและดีใจไปพร้อมกัน แหงนมองหน้าเหวินซีห่าว เขาส่งยิ้มพยักหน้าให้นาง ก่อนหน้านางไม่สบายนอนพักรักษาตัวอยู่ที่จวนของเขา เขาบอกว่าไม่นานชีวิตนางจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ วันนี้ก็มีคนจากในวังไปตามตัวนางให้มาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ไม่คิดว่าจะพบเจอเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ หากคำพูดของน้าหลินยวนเป็นจริง นางก็คือองค์หญิง11ตัวจริง" พวกเจ้ามากันแล้ว เข้ามาสิ "หลี่เชี่ยนฮ่องเต้ร้องบอก หลี่เยว่ซินทำความเคารพก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเสียนเฟย เสียนเฟยกุมมือนางไว้ " น้าหลินยวน เมื่อกี้ข้าได้ยินท่านบอกว่าซิงอีถูกรังแกจนล้มป่วย ใครรังแกนางรึ แล้วท่านอยู่ไกลถึงหนานเจา รู้เรื่องนี้ได้ยังไง"" ข้า ข้า"หลินยวนเหลือบตามองเหวินซีห่าว ก่อนจะตอบตะกุกตะกัก" ข้า ข้าพอดีข้า ข้
" องค์หญิง หยกชิ้นนี้มีอะไรพิเศษหรือเพคะข้าเห็นท่านมองดูมันตั้งนานแล้ว"" มันเป็นของผู้มีพระคุณของข้า"หลี่เยว่ซินชูป้ายหยกห้อยเอวขึ้นดู หยกสีขาวแกะสลักอักษรตัวเล็กๆว่าเซี่ย มีพู่ห้อยสีส้ม ซิงอีเดินถือจานขนมเข้ามา" องค์หญิงขนมมาแล้วเพคะ เอ๊ะ ท่านดูอะไรอยู่เหรอ"หลี่เยว่ซินไม่ตอบรีบเก็บป้ายหยกเข้าสาบเสื้อ สายตาสะดุดเข้ากับป้ายห้อยเอวที่ซิงอีห้อยอยู่ นางจำได้ว่าป้ายหยกสีแดงโลหิตนี้เป็นนางที่ให้เหวินซีห่าวเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ในวันเกิดปีนั้นเขาล้มป่วย คณะทูตจากต้าชิงมาเยี่ยมเยียน นำหยกน้ำงามสีโลหิตมาเป็นของฝาก ที่ต้าชิงเชื่อว่าเป็นหยกหายาก และเป็นของมงคล หากมีติดตัวจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย นางจึงขอจากฮ่องเต้มาเสี้ยวหนึ่ง ให้ช่างแกะสลักทำเป็นป้ายหยกเพื่อมอบเป็นของขวัญให้เขา ไม่คิดว่าตอนนี้จะมาอยู่ที่ซิงอี" เจ้าเอาป้ายหยกมาจากไหน"ซิงอีจับไปที่ป้ายหยก" ป้ายหยกนี่องครักษ์เหวินให้ข้าเมื่อวานตอนที่ข้าถูกพิษ บอกว่ามันจะช่วยคุ้มครองข้า"" แต่มันเป็นของข้า ของที่ข้าให้เขา ในเมื่อเขาไม่ต้องการก็ไม่มีสิทธิ์เอาไปให้ใครต่อ"หลี่เยว่ซินพูดด้วยความโมโห ก่อนจะกระชากป้ายหยกคืนมา ซิงอีจะเ
" ไม่เห็นต้องทำยังไง ก็ต้องช่วยองค์หญิงก่อนสิ ท่านพูดอะไรไม่คิดนะองครักษ์เหวิน"ลูลู่ต่อว่าเหวินซีห่าว" แต่ซิงอีนางไม่ไหวแล้ว"เหวินซีห่าวมองดูซิงอี ที่สีหน้าดูทรมานแล้วปวดใจ" ช่วย ช่วยองค์หญิงก่อน ข้า ไม่ ไม่เป็น"พูดไม่ทันจบก็หมดสติไป" ซิงอี ซิงอี ท่านหมอนางหมดสติไปแล้วช่วยนางก่อน เร็วสิ"หลี่เยว่ซินหันไปมองเหวินซีห่าว ที่เป็นห่วงซิงอีจนเก็บอาการไม่อยู่ เขาประคองนางขึ้นมากอด ร้องเรียกให้หมอหลวงช่วยส่งยาเม็ดเดียวที่มีให้" นางหมดสติไปแล้ว ส่งยามาเถอะ นางอาการหนักกว่าองค์หญิงท่านไม่เห็นรึไง"" เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ องค์หญิงก็ถูกพิษเหมือนกัน ยามีเพียงเม็ดเดียวยังไงองค์หญิงก็ต้องได้เสวย หรือเจ้าคิดว่าชีวิตของซิงอีมีค่ากว่าองค์หญิง"ลูลู่ต่อว่าเหวินซีห่าวเสียงดัง" ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่องค์หญิงนางยังมีสติอยู่ นางไม่ได้สาหัสเหมือนซิงอี นางยังทนไหว แต่ซิงอีนางไม่ไหวแล้วพวกเจ้าไม่เห็นรึไง หากนางไม่ได้ยาถอนพิษนางคงไม่รอด"เห็นท่าทางกระวนกระวายจะเป็นตายของเหวินซีห่าว หลี่เยว่ซินก็พูดขึ้น" ให้นางไป"" องค์หญิงไม่ได้นะเพคะ"" ใช่เพคะองค์หญิง ให้นางไปแล้วท่านหล่ะจะทำยังไง"" ให้ยานางไปเถอะ"ห
" อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับนาง"" นางเป็นเพียงเป็นสหายคนหนึ่ง"เหวินซีห่าวรีบแก้ตัว" ให้จริงอย่างที่เจ้าพูดเถอะ ยังไงสะใภ้ตระกูลเหวินก็ต้องเป็นองค์หญิง11เท่านั้น ใครๆต่างก็รับรู้ ว่าเจ้ากับองค์หญิงต่างมีใจให้กัน ข้ากับพ่อของเจ้าปรึกษากันแล้ว หลังพิธีกราบไหว้สุสานบรรพบุรุษ พ่อของเจ้าจะทูลขอสมรสพระราชทานให้เจ้ากับองค์หญิง "" ขอรับ"" เรื่องที่ตลาดข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่มองผิด แต่จงใจช่วยนางกำนัลคนนั้น คนเขาลือกันไปทั่ว ทำให้องค์หญิงเสื่อมเสียพระเกียรติ เจ้าไปเอาใจนางหน่อย อย่าทำให้ข้ากับพ่อเจ้าต้องผิดหวัง"" ข้าทราบแล้ว"วันต่อมาเหวินซีห่าวรีบมาตำหนักหย่งหนิงแต่เช้า ซิงอีรีบเดินเข้าไปหา" ท่านยังไม่หายดี เหตุใดถึงไม่พักผ่อนเล่า"" ข้าไม่เป็นไร อย่าลืมสิว่าข้าเป็นองครักษ์ข้าต้องมาทำหน้าที่"" แต่"หลี่เยว่ซินล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ออกมาเดินเล่นสูดอากาศนอกตำหนัก เห็นเหวินซีห่าวกับซิงอีคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง เหวินซีห่าวเห็นหลี่เยว่ซินก็รีบเดินเข้ามาหา" องค์หญิง ช้าก่อน"" มีอะไร"" ข้า ข้าอยากอธิบายกับท่านเรื่องเมื่อวาน"นางหันมามองหน้าเขา" ข้ายอมรับว่าข้าผิด ข้าขอ
เสียงชาวบ้านแตกตื่นพร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกร้องดังมา" หลบไป หลบไป ม้าพยศ"" มีม้าพยศวิ่งมาทางนี้รีบหลบเร็ว"หลี่เยว่ซินกำลังเลือกกำไลอยู่ ไม่ทันได้ตั้งตัว หันมาอีกทีก็ถูกชาวบ้านวิ่งชนจนเซเกือบล้มกุบกับกุบกับ ม้าตัวใหญ่วิ่งตรงมาทางนางอย่างรวดเร็ว หนีไม่ทันแล้ว นางทั้งกลัวและตกตะลึงจนก้าวขาไม่ออก เหวินซีห่าวรีบวิ่งมาแต่เขาไม่ได้คว้าตัวนาง กลับคว้าตัวซิงอีนางกำนัลรับใช้ของนางไปแทน ก่อนที่ม้าตัวใหญ่จะพุ่งชน นางรับรู้ได้ว่ามีมือหนึ่งมาดึงนางหลบทันแบบเฉียดฉิว นางได้ยินเสียงใหญ่แหบพร่าถามอยู่ข้างหู" อยากตายนักรึไงถึงไม่หลบ"สายตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา มองเห็นเพียงภาพที่เหวินซีห่าวองครักษ์ของนาง ที่มีสัญญารักกัน กำลังกอดปกป้องซิงอีนางกำนัลของนาง พรึ่บ ทุกอย่างมืดสนิท หลี่เย่วซินลืมตาขึ้นมา พบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงในตำหนักของนาง" องค์หญิงท่านฟื้นแล้ว องค์หญิงฟื้นแล้วรีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว"หมอหลวงรีบเข้ามาตรวจดูอาการ ฮ่องเต้กับเสียนเฟยก็มาด้วย" เป็นอย่างไรบ้าง"" ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพะยะค่ะ องค์หญิงเพียงแค่ตกใจจึงหมดสติไป อาจจะมีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง กระหม่อมจะจัดยาบำรุงให้พะยะค่ะ"" อืม ไ