หลังจากเมื่อวานชาลีเข้ามาทำสัญญาเช่าพื้นที่ของลุกซ์ ลิมิเต็ดอีกครั้ง วันนี้จึงเป็นวันแรกที่ ‘คลาวด์คอฟฟี (Could Coffee)’ กลับมาเปิดอย่างเป็นทางการ คนตัวเล็กจัดโพรโมชันพิเศษเพื่อเรียกลูกค้าเก่ากลับมาด้วยการซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ร้านของเธอจะกลับมาคึกคักตั้งแต่เช้าวันแรกของการเปิดร้าน
ความโกลาหลเกิดขึ้นเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงแปดโมงเช้าและเริ่มเบาบางเมื่อเข็มนาฬิกาติดผนังปัดเข็มสั้นมาถึงเลขสิบ เจ้าของร้านคนสวยแอบนั่งอู้ข้างอ่างล้างจานหลังเคาน์เตอร์ เพื่อพักเหนื่อยหลังจากยืนติดต่อกันสองชั่วโมง
กรุ๊งกริ๊ง~
กระดิ่งหน้าร้านที่ลูกชายออกไอเดียให้นำมาแขวน เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าเข้าร้านดังขึ้นจนหญิงสาวรีบลุกขึ้นยืนมองทางประตู เจ้าของร่างสูงในชุดสูทแบรนด์เนมราคาสูงเดินหน้าตึงเข้ามายืนหน้าเคาน์เตอร์โดยมีบอดีการ์ดสองนายยืนบังประตูหน้าร้านเอาไว้อีกที
แบบนี้ใครจะกล้าเข้าร้าน
ชาลีเดินมายืนบริเวณแคชเชียร์ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้อีกฝ่ายจะมาไม้ไหนจึงเลือกที่จะเงียบและเป็นฝ่ายตั้งรับ
“ไม่มีปากเหรอ ลูกค้าเข้าร้านทำไมไม่แนะนำเครื่องดื่ม”
เธอกลอกตาใส่พร้อมกับเบือนหน้าหนีเมื่อได้ฟังประโยคแรก เจ้าของตึกไม่อยากกินกาแฟหรอก แค่แวะมาหาเรื่องด่าเธอให้สบายใจก่อนขึ้นไปทำงาน
“คุณลูเซียรับอะไรดีคะ เมนูอยู่ด้านบน” ตาคู่สวยหันไปมองเมนูที่ติดไว้ด้านหลังและเลือกที่จะก้มหน้ามองจอแคชเชียร์แทนการสบตาอีกฝ่าย
เขาก็เหมือนหมา หากเผลอจ้องหน้าคงคิดว่ากำลังท้าทาย ชาลีไม่อยากมีเรื่องแต่เช้า การเปิดร้านวันแรกไม่ควรหลุดพูดคำหยาบ
“ปกติรับรองลูกค้าแบบนี้?” ลูกค้าหนุ่มล้วงกระเป๋ากางเกงแค่นหัวเราะกับสิ่งที่ได้ฟัง “มาตรฐานต่ำเกินกว่าจะอยู่ในตึกฉันนะ”
คนตัวสูงจงใจเน้นคำว่า ‘ต่ำ’ ให้อีกคนรู้สึกเจ็บ แต่สิ่งที่เจ้าของร้านสาวแสดงกลับมาคือการยิ้มรับ
“ขอโทษด้วยค่ะ ดิฉันจะนำคำวิจารณ์ไปปรับปรุง” พูดจบก็กดหน้าจอสองสามครั้งและเริ่มร่ายรายการเครื่องดื่ม “เอสเพรสโซ อเมริกาโน ลาเต้ คัปปุชิโน มักคิอาโต้ มอคคา ชาเขียว โกโก้ ชาไทย นมสดค่ะ...รับอะไรดีคะ?”
“ดับเบิล ริสเทรตโต้”
“...”
ชาลีช้อนตามองคนสั่งหลังได้ยินออเดอร์ มันไม่มีในเมนูของเธอตั้งแต่แรก แล้วทำไมเขาไม่พูดออกมาเลยว่าจะเอาอะไร
“ทำไม? ทำนอกเหนือจากเมนูที่ร้านไม่เป็นเหรอ ฉันจะได้ไปร้านอื่น” คิ้วหนาข้างหนึ่งเลิกขึ้นหลังเอ่ยจบ
หญิงสาวจึงลอบถอนหายใจจากนั้นจึงก้มหน้ากดเลือกเมนูบนหน้าจอแคชเชียร์ ‘เอสเพรสโซเพิ่มช็อต’ คือความหมายเดียวกับที่ลูกค้าวีวีไอพีตรงหน้าสั่ง
“หนึ่งร้อยยี่สิบบาทค่ะ เครื่องรูดบัตรอยู่ตรงนี้” ผายสองมือลงบนเครื่องรูดบัตรเครดิตให้เห็นเต็มสองตา จะไม่ได้หาว่าเธอบริการแย่อีก
แต่แทนที่คนมีเงินอย่างลูเซียจะหยิบแบล็กการ์ดมารูดอย่างเช่นทุกครั้ง เขากลับส่งสัญญาณเรียกให้ลูกน้องนำถุงพลาสติกรัดหนังยางมาวางบนเคาน์เตอร์ ในนั้นมีเหรียญบาทจำนวนมากบรรจุอยู่จนแน่น
“รับเหรียญหรือเปล่า พอดีมีแต่เหรียญ”
“รับค่ะ ทั้งหมดในนี้เท่าไหร่คะ” เธอเหนื่อยจะต่อล้อต่อเถียงด้วย อยากแกล้งอะไรก็ทำไปเถอะ
แต่คำตอบที่ได้รับกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ไม่รู้” ห้วนสั้นและได้ใจความ
ก็ไม่น่าไปถามให้เสียเวลานับหรอก...
นิ้วเรียวรูดหนังยางสีแดงออก ก่อนจะนับเหรียญบาทออกมาตั้งเป็นกอง กองละยี่สิบเหรียญจำนวนหกกอง จากนั้นจึงกวาดมันลงในช่องเก็บตังค์ส่งใบเสร็จพร้อมเหรียญที่เหลือคืนให้
“รอสักครู่นะคะ”
บอกอีกฝ่ายเพียงแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวกลับไปล้างมือและเริ่มทำกาแฟ หัวชอตเอสเพรสโซจำนวนสองชอตถูกใส่เข้าไปในเครื่องเพื่อสกัดให้ได้น้ำกาแฟปริมาตรสามสิบมิลลิลิตร สาเหตุที่ไม่มีเมนูนี้ในร้านก็เนื่องจากว่าโดยปกติลูกค้าส่วนมากที่เป็นคนไทยไม่มีใครดื่มกาแฟรสเข้มเกินเอสเพรสโซ
ไม่รู้จะดื่มอะไรแรงขนาดนั้น กาแฟมันเพิ่มความดันโลหิตเขาไม่รู้หรือไง หกปีที่ไม่ได้เจอกัน ลูเซียกลายเป็นคนไม่รักษาสุขภาพตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟเข้ม นี่ยังไม่นับว่าเขายังชอบดื่มอยู่หรือเปล่า
ก็คงไม่รอด บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลกนี่เนอะ
“ยืนเหม่ออะไร”
“อุ๊ย!”
ปึก!
เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากด้านหลังโดยไม่ทันรู้ตัว คนตัวเล็กจึงถอยหลังตามสัญชาตญาณก่อนจะชนเข้าอย่างจังกับแผ่นอกแกร่งของอีกฝ่าย เพราะมัวแต่นึกถึงอดีตเลยไม่ทันรู้ตัวว่าลูเซียแอบเดินข้ามเข้ามาหลังเคาน์เตอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ สองฝ่ามือขาวดันท่อนแขนแกร่งจับเอาไว้อัตโนมัติ กลิ่นหอมเย็นจากน้ำหอมราคาแพงปะทะเข้ากับจมูกจนเกิดความประหม่า
“หะ ห้ามเข้ามาในโซนนี้นะคะ” หญิงสาวบอกเขาเสียงเบาหลังจากเจ้าของร่างสูงโปร่งขยับออกไปยืนเว้นระยะ
“ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอไม่แอบใส่ไซยาไนด์ในกาแฟ”
คำพูดหาเรื่องของคนตรงหน้าทำเอาชาลีเอียงคอและเบิกตามองอย่างคาดไม่ถึง ไซยาไนด์? ใครมันจะไปมีของแบบนั้นกัน นี่เขายังไม่เลิกดูนักสืบจิ๋วอีกหรือไง
“ที่ร้านไม่มีหรอกค่ะไซยาไนด์” ร่างบางหมุนตัวกลับไปดูเครื่องทำกาแฟต่อ พึมพำออกมาแผ่วเบาไม่ให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ยืนประโยคถัดมา “ถ้าน้ำยาล้างจานอะไม่แน่”
คนตัวเล็กเลือกที่จะเมินเฉยต่อการถูกก่อกวนหันมาตั้งใจทำเครื่องดื่มให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางมันลงบนเคาน์เตอร์
“กาแฟได้แล้วค่ะ” ริมฝีปากอวบอิ่มขานออเดอร์โดยไม่มองหน้าลูกค้าหนุ่ม เดินเลี่ยงไปเช็ดโต๊ะเก้าอี้ในร้านด้วยความขะมักเขม้น
แต่จนแล้วจนรอดเจ้าของตึกก็ยังไม่เดินออกจากร้าน หากแต่ย้ายจากการยืนเกะกะหลังเคาน์เตอร์มานั่งบนเก้าอี้จิบเครื่องดื่มด้วยความสบายใจ ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนต่อ แต่จะให้ไล่ลูกค้าก็ทำไม่ได้
ลูเซียนั่งอยู่ในร้านด้วยกาแฟแก้วเดียวกระทั่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเริ่มพักกลางวันของคนในตึก แต่สิ่งที่หญิงสาวสังเกต คือการมีบอดีการ์ดยืนกันหน้าประตูร้านมันทำให้พนักงานคนอื่นไม่กล้าเดินเข้ามา ยิ่งหากต้องเดินผ่านแล้วเห็นบอสใหญ่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อในร้านอีก
“คุณลูกค้านั่งเลยเวลาร้านแล้วนะคะ” ใช้เหตุผลข้อนี้มาไล่คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่นะ “อีกทั้งแก้วที่ลูกค้าเลือกเป็นแบบเทกอะเวย์ ความจริงไม่สามารถนั่งในร้านได้”
ชาลีมั่นใจว่าให้เหตุผลอย่างสุภาพที่สุด แต่คนตัวโตกลับเงยหน้าขึ้นมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นอย่างว่าง่าย
“ฉันแค่จะมาเตือนความจำ ว่าอาทิตย์นี้อย่าลืมไปทำความสะอาดตามสัญญา”
ที่แท้ก็มาด้วยเรื่องนี้ ชาลีพยักหน้ารับทราบ อีกฝ่ายจะได้รีบออกไปจากร้านเธอเสียที
“ค่ะ ฉันขอพาลูกไปด้วยนะคะ” แม้จะไม่อยากให้ทั้งคู่เจอกัน แต่ลูกชายของเธอยังเด็กเกินกว่าจะปล่อยให้อยู่ที่บ้านลำพัง
“ไม่ ไม่ชอบเด็ก”
คำปฏิเสธแสนเย็นชาทำเอาใจของคนตัวเล็กเจ็บชาไม่น้อย แต่ก็ต้องต่อรองกับคนตรงหน้าต่อไปเพราะปล่อยลูกทิ้งไว้ไม่ได้จริงๆ
“ลูกของฉันยังเด็กมาก ปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้”
“ไม่” แววตาของเขาวาววับขึ้นมาจนเธอแอบเหนื่อยใจ
“ลูกของฉันเป็นเด็กดีค่ะ น้องคลาวด์จะอยู่ในสายตาฉันตลอดไม่ไปก่อกวนคุณแน่นอน” ใบหน้าสวยเงยหน้าสบตาขอร้องอย่างจริงจัง หวังลึกๆ ว่าเขาจะไม่เอาความโกรธความเกลียดมาปะปนกับเด็กเล็ก “ฉันขอร้อง...นะคะ”
น้ำเสียงกึ่งออดอ้อนขอความเห็นใจถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม ซ้ำยังจ้องหน้าสบตาอีกคนตาแป๋วอย่างน่ารักเต็มที่
ไม่รู้ว่าการอ้อนแบบนี้ยังได้ผลกับลูเซีย กรอสเวอเนอร์หรือเปล่า แต่หากเป็นพี่ลุกซ์ของเธอเขาคงยอมโอนอ่อนให้แต่โดยดี
“ไม่ใช่ธุระของฉัน เก้าโมงเช้าและมาคนเดียว ไม่งั้นฉันจะจับคนที่ไม่เกี่ยวข้องโยนออกจากตึกให้หมด” พูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับทิ้งแก้วกาแฟเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ทิ้งความหนักอึ้งไว้ที่คนเป็นแม่อย่างเธอจนขมวดคิ้วเครียด
»»-------✧-------««