หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เมธาวียังคงมาทำหน้าที่เป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้กับฟีนิกซ์ตามปกติแต่ไม่ว่าเธอจะสอนหรืออธิบายอะไรฟีนิกซ์ก็ไม่ค่อยจะใส่ใจฟังสักเท่าไหร่เอาแต่ชวนคุยนู่นนี่นั่นไปเรื่อย
“นี่! ช่วยตั้งใจฟังหน่อยได้ไหมเดี๋ยวตอนประเมินนายสอบไม่ผ่านจะทำไงไม่ได้ซวยแค่นายนะ”
“ทำไมเหรอ ถ้าผมสอบไม่ผ่านพี่จะโดนไล่ออกหรือไง” คนที่เอาแต่เล่นมือถือเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอมือถือเลยสักนิด
“เออสิ!” เมธาวีกระแทกเสียงตอบอย่างลืมตัวแต่คนถามก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อยยังถามต่อหน้าตาเฉย
“ทำไมละ”
“…”
“ถ้ายอมเล่าจะยอมฟัง” ข้อเสนอของเด็กหนุ่มเรียกความสนใจจากเมธาวีได้อย่างดี
“จริงเหรอ” เมธาวีถามย้ำอีกครั้งเพราะเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงเสียหน่อยแต่กลับต้องมารับกรรมจากการกระทำเหล่านั้นเสียได้
“อาฮะ”
“ก็ก่อนหน้านี้ฉันทำความผิดร้ายแรง…ทำร้ายลูกศิษย์นะสิ”
“อธิบายมากกว่านี้หน่อยสิ” ฟีนิกซ์เก็บมือถือวางไว้ที่โซฟาหันมาให้ความสนใจกับสิ่งที่เมธาวีกำลังจะเล่าให้ฟังอย่างให้ความสนใจ
“ก็…เด็กคนนั้น…”
“ข่มขืนพี่เหรอ” เมื่อเห็นท่าทางลังเลของอีกฝ่ายฟีนิกซ์ก็ลองกระตุ้นคำตอบจากหญิงสาวด้วยวิธีของเขาดูและมันดันได้ผลเกินคาด
“จะบ้าเหรอ! แค่จับนมโว้ยฉันก็เลยเอาแจกันฟาดหัวเด็กนั่นสลบแค่นั้นเองใครจะบ้ารอให้เด็กบ้านั่นทำได้ขนาดนั้น”
“แล้วไงต่อ”
“ก็เลยโดนหาว่าทำเกินกว่าเหตุแถมแม่เด็กนั่นยังจะแจ้งความจับฉันอีก แล้วฉันจะทำอะไรได้หลักฐานอะไรก็ไม่มีสักอย่าง” พอพูดแล้วเมธาวีเองก็อดหัวร้อนขึ้นมาไม่ได้ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ
“เดียวเอาคืนให้เอาไหม” ฟีนิกซ์ถามราวกับไม่ได้ใส่อะไรมากในคำพูดของตัวเองแต่ภายในกลับหมายหัวเด็กที่เมธาวีพูดถึงไว้แล้วเรียบร้อยรอแค่รู้ว่ามันเป็นใครเท่านั้น
“ได้ก็ดีสิแต่เรื่องมันก็จบไปแล้วแค่นายสอบให้ผ่านฉันจะขอบคุณมากเลย”
“เอางั้นเหรอ? …ก็ได้ถือเป็นการตอบแทนที่พี่ยอมเปิดใจ”
“ปะ เปิดใจอะไร” เมธาวีเลิ่กลักทันทีที่เด็กหนุ่มพูด
“เปิดใจเล่าเรื่องของพี่ไง คิดอะไร” ฟีนิกซ์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับยักคิ้วส่งไปให้หญิงสาวอย่างกวนๆ
“ชิ” เด็กบ้านี่ทำให้ฉันตกหลุมพรางเขาได้ขนาดนี้เชียวเมธาวีนึกบ่นในใจ
“วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนได้ไหมผมกินคนเดียวมันเหงา” หลังจากที่นั่งทำแบบทดสอบของทางสถาบันอยู่สักพักใหญ่ฟีนิกซ์ก็เอ่ยถามหญิงสาวทำลายความเงียบงันภายในห้อง
“คงไม่ได้เพราะวันนี้ฉันจะต้องไปรับลูกไว้คราวหน้าแล้วกันแต่แค่กินข้าวนะ แล้วฉันทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยละ แค่ติวก็พอนี่หว่า” เมธาวีบ่นงึมงำในประโยคหลังแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยินราวกับว่าการทำงานของระบบประสาทหูได้ถูกทำลายไปชั่วขณะ
“พี่มีลูกแล้วเหรอ”
“อือ มีแล้ว” เมธาวีตอบออกไปตามตรงอย่างไม่คิดจะปิดบังแม้ว่าใครจะมองเธออย่างไรก็ตามแต่ลูกของเธอคือความสุขหนึ่งเดียวของเธอ เธอไม่เคยคิดอายแม้แต่น้อย
“กี่ขวบแล้ว”
“ขวบกว่า”
“…” ฟีนิกซ์เงียบไปทันทีเพราะคิดไม่ตกว่างานนี้เขาคงไม่สมหวังแล้วเป็นแน่ ถ้าลูกแค่ขวบกว่าเธอก็คงมีสามีอยู่แล้วเป็นแน่
“ฉันท้องตั้งแต่ปีสามน่ะ”
“แล้วพ่อเด็กละ”
“เขาแต่งงานไปแล้ว”
“หมายความว่าไง?” ฟีนิกซ์ถามอย่างแปลกใจ
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกนายนะ ทำแบบฝึกหัดต่อสิ” เมธาวีบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเรื่องส่วนตัวกับเด็กหนุ่ม
“งั้น...ผมก็ยังมีโอกาส”
“นายว่าอะไรนะ”
“ยุ่งอะไรด้วย”
“ฟิน! ฉันเป็นติวเตอร์ของนายนะ”
“แล้วไง”
“ชิ”
“ลูกพี่...ชื่ออะไร”
“เมฆ เอ๊ะ! เลิกถามเรื่องของฉันได้แล้วตั้งใจทำเลย” เมธาวีดันชุดแบบทดสอบไปตรงหน้าฟีนิกซ์อีกครั้ง
“ผู้ชายสินะ”
“ผู้หญิงมั้งชื่อเมฆอ่ะ โถ่เอ๊ย!เผลอตอบอีกแล้ว” คนพลั้งปากบ่นให้ตัวเองอย่างหงุดหงิด
“พี่ท้องในวัยเรียนพ่อแม่พี่ไม่ว่าเหรอ”
“เฮอะ~จะว่าอะไรก็พ่อนั่นแหละจับฉันใส่พานบังคับให้แต่งงานตั้งแต่ฉันอยู่ปีหนึ่ง นี่! นายหลอกถามฉันอีกแล้วนะ”
“ผมเปล่านะ แค่ถามเพราะสงสัย” ฟีนิกซ์โกหกหน้าตายเพราะเขาตั้งใจหลอกถามหญิงสาวรุ่นพี่จริงๆ
“เออ ช่างเถอะ ตั้งใจทำเถอะ”
“แล้วทำไมถึงเลิกละ มีลูกด้วยกันแล้วนิ”
“ฟิน! เรื่องส่วนตัว”
“พี่แอบนอกใจสามีเหรอ” ฟีนิกซ์ยังคงใช้วิธีเดิมหลอกล่อให้อีกฝ่ายยอมบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการรู้
“จะบ้าเหรอเขาต่างหากที่นอกใจฉันไปจดทะเบียนกับคนอื่นทำให้ฉันกลายเป็นเมียน้อยเฉยเลย อีกแล้ว! เมย์เอ้ยเมย์ทำไมปากเปราะแบบนี้” เมธาวีดึงทึ้งผมตัวเองอย่างนึกโมโหที่เผลอพูดเรื่องของตัวเองเสียหมดเปลือก
“เป็นแบบนี้น่ารักดีนะ ผมชอบ ไปกันเถอะ” มือหนาฉุดข้อมือเล็กแล้วออกแรงกระตุกให้เจ้าของข้อมือเล็กเดินตามเขาไป
“ไปไหน?” เมธาวีถามเด็กหนุ่มด้วยอาการงงงวยแต่ก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
“ไปรับลูกพี่ไง”
“นายจะไปด้วยทำไมไม่ทราบ”
“ก็…ไปทำความรู้จักกันไว้ไง”
“อะไรของเขา”
ภายในงานเลี้ยงหรูหราบรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยความยินดีที่ต่างมาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวโดยงานถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ที่เป็นเรือนหอของทั้งคู่นั่นเอง“สวยมากเลยเมย์”เฟรย่าจับตัวเพื่อนสาวหันซ้ายหันขวามองหาจุดบกพร่องแต่ก็ไม่เจอแม้แต่จุดเดียว“ไร้ที่ติ”เฟรย่าบอกอย่างภูมิใจ“ขนาดลูกสองแล้วยังเป๊ะเว่อร์”จัสมินมองเพื่อนรักอย่างทึ้งๆ“เข้าใจกันผิดแล้วจ้ะ กำลังจะเป็นคุณแม่ลูกสาม”“ห๊ะ!”เฟรย่าร้องออกมาอย่างตกใจ“แหมมกลับมาเจอกันปุบก็ซัมกันหนักเลยนะ รีบมีเจ้าตัวเล็กเลยนะ”จัสมินเย้าแหย่เพื่อนรัก“มีสามีเด็กก็งี้แหละ กินอร่อยนะ”เมธาวีเย้าแหย่เพื่อนกลับโดยไม่ทันได้สังเกตว่าสามีเด็กเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี“อร่อยขนาดนั้นเลย”น้ำเสียงทุ้มต่ำถามใบหน้านิ่งเรียบแต่ใบหูกลับแดงซ่านอย่างปิดไม่มิด“มาก ถึงใจสุดๆ”เมธาวีตอบกลับแบบไม่ต้องคิด“เมย์”เฟรย่าสะกิดเพื่อนเพื่อเตือนสติว่าพวกเขาไม่ใช่คนพูดประโยคนั้น“อะไรของแกยายเฟร""ผัวเด็กแก"ทันทีที่ได้ยินคำเฉลยของเพื่อนรักเจ้าสาวของงานถึงกับหน้าถอดสีกันเลยทีเดียว เขาจะหาว่าฉันลามกหรือเปล่าเนี่ยนั้นคือคำถามที่เมธาวีถามตัวเอง"งั้นพวกฉันไปรอในงานนะ"จัสมินบอ
ทันทีที่ความใหญ่โตถูกกระแทกเข้าช่องทางคับแคบฉ่ำน้ำร่างบางก็โผเข้ากอดเจ้าของการกระทำราวกับต้องการให้คนตัวโตปลอบแต่อีกฝ่ายกลับกระแทกกระทั้นเข้าใส่ร่องเล็กด้วยความกระสัน"อึก~ เบาหน่อยสิจุก"ร่างบางใบหน้าเหยเกเมื่อความใหญ่โตถูกถอนออกแทบจะหลุดออกจากกันก่อนจะกระแทกแทรกเข้ามาจนสุดลำอีกครั้ง“ก็หิว งั้นถ้าไม่อยากจุกก็กระแทกสิ”มาเฟียหนุ่มเอ่ยกระตุ้นให้ร่างบางปรนเปรอตนเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง“กระแทกผมสิครับพี่เมย์”คนตัวโตอ้อนเหมือนที่หญิงสาวชอบและทุกครั้ง เธอก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกทีแต่ครั้งนี้กลับผิดคาด หึ~ แต่ถ้าอ้อนไม่ได้ผลงั้นคงต้องบังคับสินะแต่วิธีบังคับในแบบของฟีนิกซ์นั้นเป็นการบังคับแบบเต็มใจเท่านั้นมันจึงจะถึงใจปึก~ ปึก~ ปึก~คนตัวโตกระแทกเอวสวนขึ้นใส่ร่องเล็กคับแคบจนร่างบางกระเด้งกระดอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น“อื้อ~ จุก!”ร่างเล็กร้องประท้วงทันทีเมื่อถูกเล่นงานที่ใจกลางความเป็นสาวปัก! ปัก! ปัก!ร่างบางเริ่มขยับโยกส่งตัวตนเข้าช่องน้ำหวานเป็นจังหวะเนิบนาบ“ขอแรงอีกได้ไหมครับ”“มะ มันเสียว”แม้ปากจะปฏิเสธแต่สะโพกมนก็เร่งจังหวะกระแทกตามแรงอารมณ์ที่มีไม่ต่างจากคนร้องขอ“เมียผมแ
หลังจากเพื่อนๆของชายหนุ่มกลับไปทิพย์อาภาก็ถือโอกาสพูดเคลียร์ใจกับลูกสะใภ้เสียเลย"เมย์""คะ?""เรื่องเมื่อตอนนั้นแม่ขอโทษนะแม่ไม่คิดว่าสิ่งที่แม่ทำมันจะทำร้ายหนูขนาดนั้น"ทิพย์อาภาบอกอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนั้นเมย์ไม่ได้คิดอะไรแล้วค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว""ขอบใจนะ""อีกอย่าง...คนที่ช่วยเมย์จากการถูกส่งขายอวัยวะก็คือคุณแม่นี่คะ"เมธาวียิ้มอ่อนให้กับแม่ของชายคนที่เธอรัก"ตอนนั้นเมย์ไม่มั่นใจว่าใช่คุณแม่ไหมแต่หลังจากที่เมย์ออกมาได้แล้วเมย์ก็มารู้ว่าคนที่ช่วยซื้อเมย์ออกมาก็คือเพื่อนของคุณแม่ ที่มีสามีชื่อชยันต์""...""หลังจากนั้นก็เป็นมาเฟียที่ชื่อชยันต์ที่รับตัวเมย์มาส่งคุณปู่เอง""เมย์พยายามจะบอกเรื่องนี้กับฟินในตอนนั้นแต่เขาก็หายหน้าไป""แม่ตั้งใจช่วยเมียผมแต่แรกแล้วเหรอ""อืม ก็ฟินรักเขาขนาดนั้นแม่จะปล่อยเขาเป็นอะไรไปได้ยังไง""...""ความสุขของฟินก็คือความสุขของแม่ ถึงแม้ความรักของแม่ฟินจะไม่ต้องการก็ตาม"คนเป็นแม่น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจที่ลูกไม่เคยรักเธอเลย"ใครบอกว่าฟินไม่รักแม่"ฟีนิกซ์เดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่น้ำตาคลอ"ฟินรักแม่นะ รักมากด้วยฟินต้องการแม่มาตลอด"คนเป็
กว่าที่หมอจะยอมให้มาเฟียหนุ่มกลับบ้านได้ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม พื้นที่แออัดในห้องพักสี่เหลี่ยมทำอารมณ์มาเฟียหนุ่มค่อนข้างหงุดหงิดทำให้พยาบาลที่เขามาทำหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างลำบากเดือดร้อนหมอเดนิสต้องเขามาทำการรักษาให้แบบส่วนตัว“ครั้งหน้ากรุณาอย่าเจ็บนะครับหมอขอร้อง”เดนิสบอกมาเฟียหนุ่มด้วยความเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของคนไข้แต่คนไข้กลับไม่สะทกสะท้านสักนิด“แกเป็นหมอไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้แบบฉัน”“คนไข้แบบแกหมอปกติที่ไหนจะรักษาได้”เดนิสมองฟีนิกซ์อย่างเบื่อหน่าย แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเป็นเจ้าของไข้เพื่อนจอมเอาแต่ใจแต่ครั้งนี้ฟีนิกซ์ดันบ้ากว่าเดิมไม่เห็นเมียไม่ยอมล้างแผลไม่ยอมกินยา“คุณเมย์ได้กลับไปพักผ่อนบ้างไหมครับ”เมื่อพูดกับคนไข้ไปก็เปล่าประโยชน์เดนิสจึงหันมาสนใจหญิงสาวที่ใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดหลับอดนอน“ไอ้หมอคุยกับคนไข้ก็พอครับอย่าเสือกยุ่งกับเมียคนไข้”“เฮ้อ~ ว่างก็ไปเช็คประสาทบ้างนะ”จากที่กำลังเป็นห่วงหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องพักผู้ป่วยเดนิสชักอยากจะพาเพื่อนตัวเองไปเช็คประสาทขึ้นมาแล้ว“ขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับผมชินแล้ว ตอนอยู่อังกฤษมั
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นสองบอดี้การ์ดคนสนิท ก็เข้ามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้านายหนุ่มภายในห้องพักแต่ดูเหมือนว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ท่าทางแปลกไปจนเจ้านายหนุ่มสังเกตได้“ปราบ”“ครับนาย"“เอเดนมันเป็นอะไรของมันมองฉันอย่างกับฉันไปหยิกไข่มัน”ตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาพร้อมเมธาวีเอเดนก็เอาแต่มองค้อนเจ้านายหนุ่มไม่หยุดนี่ถ้าเป็นผู้หญิงเขาคงคิดว่าเอเดนงอนเขาอยู่แน่ๆ“เอ่อ”ปราบปรามกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเพราะจะให้เขาตอบไปตามตรงก็กลัวจะทำให้เจ้านายไม่พอใจ“เฮอะ”พอได้ยินเจ้านายว่าตัวเองแบบนั้นความน้อยใจยิ่งเพิ่มขึ้นจนลืมความเกรงกลัวที่เคยมีต่อเจ้านายแถมยังสะบัดหน้าหนีผู้เป็นนายราวกับสาวน้อยงอนคนรัก“เอเดนแกอย่าทำแบบนี้ขอร้องฉันจะอ้วก”ฟีนิกซ์เห็นท่าทางของมือซ้ายคนสนิทอดขยาดไม่ได้ ตัวโตอย่างกับควายมาทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้“ผมทำอะไรก็ไม่ดีในสายตานายหรอกครับ”พูดจบก็สะบัดหน้าหนีอีกรอบฟีนิกซ์ถึงกับกุมขมับกับท่าทางของเอเดน เรียกได้ว่าหมดคำจะพูด“ลากตัวมันออกไปเถอะฉันรำคาญลูกตา”“ครับนาย”ปราบปรามโค้งหัวให้เจ้านายเล็กน้อยแล้วเดินไปลากตัวเอเดนออกไปแต่เอเดนกลับไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายฟีนิกซ์ก็จำต้องมา
เมธาวีเดินออกมาสูดอากาศในช่วงเช้ามืดเหมือนอย่างทุกวันแต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูผิดแปลกไปหมดเริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามจากที่เห็นเขากับพ่อจะมานั่งทำกิจกรรมยามเช้ากันในทุกๆวันแต่วันนี้ทั้งคู่กลับสวมสูทพร้อมกับยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้ารั้วบ้านของเขาแทนแถมยังเอาแต่จ้องมองมาที่บ้านของเธอจนร่างบางรู้สึกประหม่าสุดท้ายเมธาวีก็เดินกลับเข้าบ้านแทนการไปสูดอากาศตามที่ตั้งใจตอนแรก“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันมีหวังอึดอัดตาย”“อ้าวเมย์ทำไมวันนี้กลับเข้าบ้านเร็วจัง”“แม่เห็นบ้านตรงข้ามยังคะ”“อ่อ เห็นแล้ว”“แล้วแม่ไม่แปลกใจเหรอคะหรือกลัวไหมคะ”“จะกลัวทำไมละคนของพ่อเจ้าพาทั้งนั้น”“นี่แม่ก็รู้เหรอคะ”“รู้สิ”“…”“ก็พวกนั้นเขามากับเจ้านายเขาบ่อยๆน่ะ”“มาบ่อย? ตอนไหนทำไมเมย์ไม่รู้”“ก็ถ้าเมื่อก่อนรู้จะอยู่ที่นี่ต่อไหมล่ะ”“…”“ก็นั่นแหละพ่อเจ้าพาเลยไม่ให้ใครบอกเมย์รวมทั้งแม่ก็ด้วย”“งั้นก็แสดงว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยมีแค่เมย์สินะคะ”“อย่าไปโกรธพ่อเจ้าพาเลยลูก เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเต็มที่แล้ว เจ้าพาเองก็ไม่ต้องทนรู้สึกขาดพ่อ”“อืม เมย์ไปชงโกโก้อุ่นๆดื่มก่อนนะคะ”“จ๊ะ”ผู้เป็นแม่มองตามลูก