ใบหน้าบึ้งตึงของเมธาวีเรียกรอยยิ้มขบขันจากเด็กหนุ่มผู้เป็นสารถีขับรถให้กับหญิงสาวตลอดเส้นทาง แม้จะไม่พอใจแค่ไหนแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทำให้เมธาวียิ่งหงุดหงิดไปอีก
“เอาน่าเดี๋ยวครั้งหน้าผมเอารถยนต์มาแล้วกันโอเคไหม”
“ไม่ต้องมีครั้งหน้าหรอกแค่นายไม่ต้องมาส่งจะเป็นพระคุณกับฉันมาก”
“แทนตัวผมว่าฟินได้ไหมเรียกนายๆ อยู่นั่นห่างเหินชะมัด”
“ได้ข่าวว่าเรารู้จักกันแค่หนึ่งอาทิตย์ บอกไว้เผื่อลืม”
“นั่นสินะ งั้น…ผมบอกแม่เปลี่ยนติวเตอร์คนใหม่ก็ได้คงคุยง่ายกว่าพี่เยอะเลย”
“เออๆๆ ฟินก็ฟิน ชิ”
“ก็แค่นี้”
“ขอบคุณนะที่มาส่ง พี่ไปนะ”
“เดี๋ยว! เมย์สิครับ”
“อะ อะไร?”
“แทนตัวเองว่าเมย์ได้ไหมครับ”
“ฉันอายุมากกว่านายเอ่อ…ฟินตั้งกี่ปีอย่าปีนเกลียว”
“โอเค เปลี่ยนคนติวง่ายกว่าสินะ” ฟีนิกซ์ที่รู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายยกเรื่องงานของเธอขึ้นมาข่มขู่อีกหนและแน่นอนว่ามันได้ผลเหมือนเคย
“เมย์ก็เมย์ เฮ้อ~ ถ้าไม่ติดว่าโดนทัณฑ์บนไว้นะ” สุดท้ายเมธาวีก็ต้องยอมเด็กหนุ่มจนได้ ฟีนิกซ์ยกยิ้มชอบใจที่แกล้งหญิงสาวได้สำเร็จ
“แล้วลูกพี่คนไหนละ” พอได้ในสิ่งที่ต้องการฟีนิกซ์ก็หันไปสนใจกลุ่มเด็กๆ ต่อแต่มองดูแล้วก็ไม่มีเด็กคนไหนที่มีหน้าตาคล้ายกับหญิงสาวที่เขามาด้วยเลยสักคนหรือเด็กอาจจะหน้าเหมือนพ่อกันนะ สุดท้ายฟีนิกซ์ก็ต้องถามคนเป็นแม่เด็กในที่สุด
“จะไปด้วยจริงเหรอ” เมธาวีเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจเพราะเขากับเธอนั้นรู้จักกันได้เพียงไม่นานเธอเองไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมาอยากรู้จักลูกชายของเธอจริงๆ หรอก
“มาจนถึงแล้วไหม” เด็กหนุ่มตอบเจ้าของคำถามด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนี่เธอคิดว่าเขาล้อเล่นหรืออย่างไรถึงขนาดมาถึงที่ขนาดนี้มีอะไรให้สงสัยอีกกัน
“ก็จริงของนา…ฟิน งั้นไปกันเถอะเมย์กระดากปากอะ ชิ เมย์จะแนะนำให้รู้จักน้องเมฆ”
“แทนว่าพี่นั่นแหละ ผมแกล้งพี่เล่นเฉยๆ”
“นั่นไงเมฆลูกพี่เอง”
“คนนั้นเหรอ”
“อืม น่ารักป่ะ” เมธาวีบอกอย่างภูมิใจในตัวลูกชาย
“อืม น่ารัก เหมือนแม่เลย” ฟีนิกซ์ละสายตาจากแก้มกลมๆ ของเด็กน้อยมามองหญิงสาวข้างกายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเขากำลังมองอยู่
“ใช่ไหมๆ ใครๆ ก็บอกเมฆหน้าเหมือนพี่ทั้งนั้น” เมธาวีระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแค่ได้เห็นหน้าลูกชายตัวน้อยเธอก็มีความสุขแล้วไม่ว่าจะเหนื่อยจากงานหรือจะผ่านอะไรมาแค่ได้เห็นหน้าเด็กน้อยเธอก็เห็นว่าอุปสรรคและปัญหาที่เจอมามันแค่เล็กน้อยเสมอ
“อืม หน้าตาก็เหมือนแม่ น่ารักก็เหมือนแม่”
“นี่” ปกติคนก็ชมเธอออกบ่อยแต่กับเด็กหนุ่มคนนี้กลับทำให้เธอเขินจนตอนนี้ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรมือไม้ก็เกะกะไปหมด
“เขินเหรอ” เด็กหนุ่มพูดเย้าแหย่หญิงสาวเมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของเธอแม้เจ้าตัวจะพยายามซ่อนความเขินอายเอาไว้แต่คนที่แอบมองเธออยู่ตลอด มีหรือที่จะไม่เห็น
“ฟิน ขอร้องหยุดเลย”
“อ้าวคุณเมย์ น้องเมฆมาๆๆ คุณแม่มาแล้ว”
“ไง ชื่อเมฆใช่ไหมพี่ฟินนะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“อุ้ม อุ้มๆๆๆ”
“โอเคๆๆ อุ้มแล้วๆๆ ขี้อ้อนเหมือนกันนะเรา”
“แวะเล่นทรายไหมครับคนเก่ง” เด็กน้อยที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับอย่างรู้ความแม้วัยเพียงขวบกว่าเท่านั้นเด็กน้อยเล่นทรายได้สักพักผู้เป็นแม่ก็เรียกกลับบ้านเพราะกลัวจะมืดค่ำพอเด็กน้อยมาถึงผู้เป็นแม่ก็รีบอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน
“คราวหน้าพาเมฆไปที่คอนโดผมด้วยก็ได้นะ” ฟีนิกซ์มองเด็กน้อยตัวป้อมในอ้อมแขนของมารดาด้วยความเอ็นดู
“คงไม่ดีมั้งอีกอย่างฉันก็จ่ายค่าฝากเลี้ยงไปแล้วไม่ต้องห่วงหรอก” เมธาวีบอกอย่างเกรงใจและอีกอย่างการที่จะทำแบบนั้นมันคงไม่เหมาะกับงานที่เธอทำอยู่ด้วย
“อืม แล้วแต่พี่แล้วกัน”
“แต่ว่า…เมฆยังเล็กขนาดนี้ขึ้นรถแบบนี้คงไม่เหมาะอันตรายเกินไป” ฟีนิกซ์ที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ารถที่ตนขับมาไม่เหมาะที่จะพาเด็กชายตัวน้อยโดยสารไปด้วยพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“งั้นแยกกันตรงนี้ก็ได้บ้านพี่เดินไปก็ถึง” เมธาวีบอกเด็กหนุ่มด้วยความเกรงใจแค่เขาช่วยมาส่งที่ศูนย์ก็ดีมากแล้ว
“เหรอ งั้นผมเดินไปส่ง”
“เอ๋”
“เร็วเดินนำไป”
“รู้แล้วๆ” เมธาวียอมทำตามเพราะขี้เกียจจะเถียงกับเด็กหนุ่มแต่พอจะเดินนำทางเด็กหนุ่มไปกลับถูกสั่งให้หยุดอีกเสียอย่างนั้น
“เดี๋ยว!”
“อะไรอีก!” เดี๋ยวก็บอกให้รีบเดินเดี๋ยวก็บอกให้หยุดจนคนถูกสั่งอดหงุดหงิดไม่ได้แต่ประโยคถัดมาของเด็กหนุ่มก็ทำเอาเมธาวีรู้สึกผิดที่หงุดหงิดให้เด็กหนุ่มเสียได้
“ส่งเมฆมาผมอุ้มให้เอง” เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มอาสาเมธาวีก็ส่งลูกชายตัวน้อยให้เด็กหนุ่มอุ้มอย่างว่าง่ายเพราะรู้ว่าแม้จะปฏิเสธไปก็คงไม่เป็นผลอยู่ดี
เดินกันมาไม่นานร่างเล็กก็หยุดยืนอยู่หน้าบ้านสองชั้นสภาพไม่เก่าไม่ใหม่หากแต่ดูแล้วเหมือนบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จเสียมากกว่าเพราะหน้าต่างยังใช้ไม้ฝาตีปิดไว้อยู่เลย
"นี่บ้านพี่เหรอ"
"อืม ก็บ้านเช่าแหละทำไมเหรอ"ใบหน้าหวานพยักหน้ารับ
"ผมว่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัยนะ"เด็กหนุ่มบอกคนอายุมากกว่าด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีอะไรหรอกพี่ก็อยู่ที่นี่เกือบปีแล้วเพื่อนบ้านใจดีทั้งนั้น"เมธาวีบอกตามความเป็นจริงเพราะตลอดเวลาที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้เจ้าของบ้านใจดีกับเธอมากๆ ทั้งเพื่อนบ้านก็คอยแวะเวียนมาทักทายและมีของฝากมาให้เมฆาอยู่เป็นประจำแม้จะเกรงใจแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของทุกคน
"อยู่กับลูกสองคนเหรอ"
"อืม"
"เหนื่อยไหม"
"ไม่หรอกแค่มองหน้าลูกก็หายเหนื่อยแล้ว เนอะเมฆเนอะ"เมธาวีตอบเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
"โชคดีจังเลยนะเรามีแม่ที่รักตัวเองขนาดนี้"ฟีนิกซ์บีบแก้มยุ้ยๆ ของเมฆาอย่างนึกเอ็นดูถึงแม้เงินทองของหญิงสาวจะไม่ได้มีมากมายก่ายกองแต่เธอกลับทุ่มเทให้ลูกชายอย่างสุดตัวแม้รู้จักกันเพียงหนึ่งสัปดาห์แต่ฟีนิกซ์ก็เชื่อว่าเมธาวีรักลูกชายของเธอมาก
"ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก แม่ฟินก็ด้วยต้องรักฟินมากๆ แน่เชื่อพี่สิ"
"พี่คิดงั้นเหรอ"ฟีนิกซ์ถามน้ำเสียงปนเศร้าจนเมธาวีสังเกตได้
"อืม แต่คนเราแสดงความรักออกมาไม่เหมือนกันนะลองเปิดใจพยายามเข้าใจในมุมของอีกฝ่ายดูสิ"ดูอย่างแม่ของเธอสิแม้ใครจะมองว่าแม่ของเธอปล่อยให้พ่อทำร้ายจิตใจเธอเพียงใดแต่เธอกลับเข้าใจและไม่เคยโกรธเคืองผู้เป็นมารดาเลยเพราะเธอเข้าใจดีว่าผู้เป็นแม่ไม่อยากให้เธอลำบากจึงยอมให้พ่อทำอย่างนั้น
"หึ เข้าบ้านได้แล้ว"มือหนาขยี้ผมของเมธาวีอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะส่งลูกชายตัวน้อยคืนให้กับแม่ของเด็กชาย เมธาวียืนมองเด็กหนุ่มจนลับสายตาถึงเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วล็อกประตูอย่างแน่นหนา
ภายในงานเลี้ยงหรูหราบรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยความยินดีที่ต่างมาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวโดยงานถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ที่เป็นเรือนหอของทั้งคู่นั่นเอง“สวยมากเลยเมย์”เฟรย่าจับตัวเพื่อนสาวหันซ้ายหันขวามองหาจุดบกพร่องแต่ก็ไม่เจอแม้แต่จุดเดียว“ไร้ที่ติ”เฟรย่าบอกอย่างภูมิใจ“ขนาดลูกสองแล้วยังเป๊ะเว่อร์”จัสมินมองเพื่อนรักอย่างทึ้งๆ“เข้าใจกันผิดแล้วจ้ะ กำลังจะเป็นคุณแม่ลูกสาม”“ห๊ะ!”เฟรย่าร้องออกมาอย่างตกใจ“แหมมกลับมาเจอกันปุบก็ซัมกันหนักเลยนะ รีบมีเจ้าตัวเล็กเลยนะ”จัสมินเย้าแหย่เพื่อนรัก“มีสามีเด็กก็งี้แหละ กินอร่อยนะ”เมธาวีเย้าแหย่เพื่อนกลับโดยไม่ทันได้สังเกตว่าสามีเด็กเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี“อร่อยขนาดนั้นเลย”น้ำเสียงทุ้มต่ำถามใบหน้านิ่งเรียบแต่ใบหูกลับแดงซ่านอย่างปิดไม่มิด“มาก ถึงใจสุดๆ”เมธาวีตอบกลับแบบไม่ต้องคิด“เมย์”เฟรย่าสะกิดเพื่อนเพื่อเตือนสติว่าพวกเขาไม่ใช่คนพูดประโยคนั้น“อะไรของแกยายเฟร""ผัวเด็กแก"ทันทีที่ได้ยินคำเฉลยของเพื่อนรักเจ้าสาวของงานถึงกับหน้าถอดสีกันเลยทีเดียว เขาจะหาว่าฉันลามกหรือเปล่าเนี่ยนั้นคือคำถามที่เมธาวีถามตัวเอง"งั้นพวกฉันไปรอในงานนะ"จัสมินบอ
ทันทีที่ความใหญ่โตถูกกระแทกเข้าช่องทางคับแคบฉ่ำน้ำร่างบางก็โผเข้ากอดเจ้าของการกระทำราวกับต้องการให้คนตัวโตปลอบแต่อีกฝ่ายกลับกระแทกกระทั้นเข้าใส่ร่องเล็กด้วยความกระสัน"อึก~ เบาหน่อยสิจุก"ร่างบางใบหน้าเหยเกเมื่อความใหญ่โตถูกถอนออกแทบจะหลุดออกจากกันก่อนจะกระแทกแทรกเข้ามาจนสุดลำอีกครั้ง“ก็หิว งั้นถ้าไม่อยากจุกก็กระแทกสิ”มาเฟียหนุ่มเอ่ยกระตุ้นให้ร่างบางปรนเปรอตนเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง“กระแทกผมสิครับพี่เมย์”คนตัวโตอ้อนเหมือนที่หญิงสาวชอบและทุกครั้ง เธอก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกทีแต่ครั้งนี้กลับผิดคาด หึ~ แต่ถ้าอ้อนไม่ได้ผลงั้นคงต้องบังคับสินะแต่วิธีบังคับในแบบของฟีนิกซ์นั้นเป็นการบังคับแบบเต็มใจเท่านั้นมันจึงจะถึงใจปึก~ ปึก~ ปึก~คนตัวโตกระแทกเอวสวนขึ้นใส่ร่องเล็กคับแคบจนร่างบางกระเด้งกระดอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น“อื้อ~ จุก!”ร่างเล็กร้องประท้วงทันทีเมื่อถูกเล่นงานที่ใจกลางความเป็นสาวปัก! ปัก! ปัก!ร่างบางเริ่มขยับโยกส่งตัวตนเข้าช่องน้ำหวานเป็นจังหวะเนิบนาบ“ขอแรงอีกได้ไหมครับ”“มะ มันเสียว”แม้ปากจะปฏิเสธแต่สะโพกมนก็เร่งจังหวะกระแทกตามแรงอารมณ์ที่มีไม่ต่างจากคนร้องขอ“เมียผมแ
หลังจากเพื่อนๆของชายหนุ่มกลับไปทิพย์อาภาก็ถือโอกาสพูดเคลียร์ใจกับลูกสะใภ้เสียเลย"เมย์""คะ?""เรื่องเมื่อตอนนั้นแม่ขอโทษนะแม่ไม่คิดว่าสิ่งที่แม่ทำมันจะทำร้ายหนูขนาดนั้น"ทิพย์อาภาบอกอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนั้นเมย์ไม่ได้คิดอะไรแล้วค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว""ขอบใจนะ""อีกอย่าง...คนที่ช่วยเมย์จากการถูกส่งขายอวัยวะก็คือคุณแม่นี่คะ"เมธาวียิ้มอ่อนให้กับแม่ของชายคนที่เธอรัก"ตอนนั้นเมย์ไม่มั่นใจว่าใช่คุณแม่ไหมแต่หลังจากที่เมย์ออกมาได้แล้วเมย์ก็มารู้ว่าคนที่ช่วยซื้อเมย์ออกมาก็คือเพื่อนของคุณแม่ ที่มีสามีชื่อชยันต์""...""หลังจากนั้นก็เป็นมาเฟียที่ชื่อชยันต์ที่รับตัวเมย์มาส่งคุณปู่เอง""เมย์พยายามจะบอกเรื่องนี้กับฟินในตอนนั้นแต่เขาก็หายหน้าไป""แม่ตั้งใจช่วยเมียผมแต่แรกแล้วเหรอ""อืม ก็ฟินรักเขาขนาดนั้นแม่จะปล่อยเขาเป็นอะไรไปได้ยังไง""...""ความสุขของฟินก็คือความสุขของแม่ ถึงแม้ความรักของแม่ฟินจะไม่ต้องการก็ตาม"คนเป็นแม่น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจที่ลูกไม่เคยรักเธอเลย"ใครบอกว่าฟินไม่รักแม่"ฟีนิกซ์เดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่น้ำตาคลอ"ฟินรักแม่นะ รักมากด้วยฟินต้องการแม่มาตลอด"คนเป็
กว่าที่หมอจะยอมให้มาเฟียหนุ่มกลับบ้านได้ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม พื้นที่แออัดในห้องพักสี่เหลี่ยมทำอารมณ์มาเฟียหนุ่มค่อนข้างหงุดหงิดทำให้พยาบาลที่เขามาทำหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างลำบากเดือดร้อนหมอเดนิสต้องเขามาทำการรักษาให้แบบส่วนตัว“ครั้งหน้ากรุณาอย่าเจ็บนะครับหมอขอร้อง”เดนิสบอกมาเฟียหนุ่มด้วยความเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของคนไข้แต่คนไข้กลับไม่สะทกสะท้านสักนิด“แกเป็นหมอไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้แบบฉัน”“คนไข้แบบแกหมอปกติที่ไหนจะรักษาได้”เดนิสมองฟีนิกซ์อย่างเบื่อหน่าย แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเป็นเจ้าของไข้เพื่อนจอมเอาแต่ใจแต่ครั้งนี้ฟีนิกซ์ดันบ้ากว่าเดิมไม่เห็นเมียไม่ยอมล้างแผลไม่ยอมกินยา“คุณเมย์ได้กลับไปพักผ่อนบ้างไหมครับ”เมื่อพูดกับคนไข้ไปก็เปล่าประโยชน์เดนิสจึงหันมาสนใจหญิงสาวที่ใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดหลับอดนอน“ไอ้หมอคุยกับคนไข้ก็พอครับอย่าเสือกยุ่งกับเมียคนไข้”“เฮ้อ~ ว่างก็ไปเช็คประสาทบ้างนะ”จากที่กำลังเป็นห่วงหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องพักผู้ป่วยเดนิสชักอยากจะพาเพื่อนตัวเองไปเช็คประสาทขึ้นมาแล้ว“ขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับผมชินแล้ว ตอนอยู่อังกฤษมั
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นสองบอดี้การ์ดคนสนิท ก็เข้ามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้านายหนุ่มภายในห้องพักแต่ดูเหมือนว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ท่าทางแปลกไปจนเจ้านายหนุ่มสังเกตได้“ปราบ”“ครับนาย"“เอเดนมันเป็นอะไรของมันมองฉันอย่างกับฉันไปหยิกไข่มัน”ตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาพร้อมเมธาวีเอเดนก็เอาแต่มองค้อนเจ้านายหนุ่มไม่หยุดนี่ถ้าเป็นผู้หญิงเขาคงคิดว่าเอเดนงอนเขาอยู่แน่ๆ“เอ่อ”ปราบปรามกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเพราะจะให้เขาตอบไปตามตรงก็กลัวจะทำให้เจ้านายไม่พอใจ“เฮอะ”พอได้ยินเจ้านายว่าตัวเองแบบนั้นความน้อยใจยิ่งเพิ่มขึ้นจนลืมความเกรงกลัวที่เคยมีต่อเจ้านายแถมยังสะบัดหน้าหนีผู้เป็นนายราวกับสาวน้อยงอนคนรัก“เอเดนแกอย่าทำแบบนี้ขอร้องฉันจะอ้วก”ฟีนิกซ์เห็นท่าทางของมือซ้ายคนสนิทอดขยาดไม่ได้ ตัวโตอย่างกับควายมาทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้“ผมทำอะไรก็ไม่ดีในสายตานายหรอกครับ”พูดจบก็สะบัดหน้าหนีอีกรอบฟีนิกซ์ถึงกับกุมขมับกับท่าทางของเอเดน เรียกได้ว่าหมดคำจะพูด“ลากตัวมันออกไปเถอะฉันรำคาญลูกตา”“ครับนาย”ปราบปรามโค้งหัวให้เจ้านายเล็กน้อยแล้วเดินไปลากตัวเอเดนออกไปแต่เอเดนกลับไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายฟีนิกซ์ก็จำต้องมา
เมธาวีเดินออกมาสูดอากาศในช่วงเช้ามืดเหมือนอย่างทุกวันแต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูผิดแปลกไปหมดเริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามจากที่เห็นเขากับพ่อจะมานั่งทำกิจกรรมยามเช้ากันในทุกๆวันแต่วันนี้ทั้งคู่กลับสวมสูทพร้อมกับยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้ารั้วบ้านของเขาแทนแถมยังเอาแต่จ้องมองมาที่บ้านของเธอจนร่างบางรู้สึกประหม่าสุดท้ายเมธาวีก็เดินกลับเข้าบ้านแทนการไปสูดอากาศตามที่ตั้งใจตอนแรก“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันมีหวังอึดอัดตาย”“อ้าวเมย์ทำไมวันนี้กลับเข้าบ้านเร็วจัง”“แม่เห็นบ้านตรงข้ามยังคะ”“อ่อ เห็นแล้ว”“แล้วแม่ไม่แปลกใจเหรอคะหรือกลัวไหมคะ”“จะกลัวทำไมละคนของพ่อเจ้าพาทั้งนั้น”“นี่แม่ก็รู้เหรอคะ”“รู้สิ”“…”“ก็พวกนั้นเขามากับเจ้านายเขาบ่อยๆน่ะ”“มาบ่อย? ตอนไหนทำไมเมย์ไม่รู้”“ก็ถ้าเมื่อก่อนรู้จะอยู่ที่นี่ต่อไหมล่ะ”“…”“ก็นั่นแหละพ่อเจ้าพาเลยไม่ให้ใครบอกเมย์รวมทั้งแม่ก็ด้วย”“งั้นก็แสดงว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยมีแค่เมย์สินะคะ”“อย่าไปโกรธพ่อเจ้าพาเลยลูก เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเต็มที่แล้ว เจ้าพาเองก็ไม่ต้องทนรู้สึกขาดพ่อ”“อืม เมย์ไปชงโกโก้อุ่นๆดื่มก่อนนะคะ”“จ๊ะ”ผู้เป็นแม่มองตามลูก