ใบหน้าบึ้งตึงของเมธาวีเรียกรอยยิ้มขบขันจากเด็กหนุ่มผู้เป็นสารถีขับรถให้กับหญิงสาวตลอดเส้นทาง แม้จะไม่พอใจแค่ไหนแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทำให้เมธาวียิ่งหงุดหงิดไปอีก
“เอาน่าเดี๋ยวครั้งหน้าผมเอารถยนต์มาแล้วกันโอเคไหม”
“ไม่ต้องมีครั้งหน้าหรอกแค่นายไม่ต้องมาส่งจะเป็นพระคุณกับฉันมาก”
“แทนตัวผมว่าฟินได้ไหมเรียกนายๆ อยู่นั่นห่างเหินชะมัด”
“ได้ข่าวว่าเรารู้จักกันแค่หนึ่งอาทิตย์ บอกไว้เผื่อลืม”
“นั่นสินะ งั้น…ผมบอกแม่เปลี่ยนติวเตอร์คนใหม่ก็ได้คงคุยง่ายกว่าพี่เยอะเลย”
“เออๆๆ ฟินก็ฟิน ชิ”
“ก็แค่นี้”
“ขอบคุณนะที่มาส่ง พี่ไปนะ”
“เดี๋ยว! เมย์สิครับ”
“อะ อะไร?”
“แทนตัวเองว่าเมย์ได้ไหมครับ”
“ฉันอายุมากกว่านายเอ่อ…ฟินตั้งกี่ปีอย่าปีนเกลียว”
“โอเค เปลี่ยนคนติวง่ายกว่าสินะ” ฟีนิกซ์ที่รู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายยกเรื่องงานของเธอขึ้นมาข่มขู่อีกหนและแน่นอนว่ามันได้ผลเหมือนเคย
“เมย์ก็เมย์ เฮ้อ~ ถ้าไม่ติดว่าโดนทัณฑ์บนไว้นะ” สุดท้ายเมธาวีก็ต้องยอมเด็กหนุ่มจนได้ ฟีนิกซ์ยกยิ้มชอบใจที่แกล้งหญิงสาวได้สำเร็จ
“แล้วลูกพี่คนไหนละ” พอได้ในสิ่งที่ต้องการฟีนิกซ์ก็หันไปสนใจกลุ่มเด็กๆ ต่อแต่มองดูแล้วก็ไม่มีเด็กคนไหนที่มีหน้าตาคล้ายกับหญิงสาวที่เขามาด้วยเลยสักคนหรือเด็กอาจจะหน้าเหมือนพ่อกันนะ สุดท้ายฟีนิกซ์ก็ต้องถามคนเป็นแม่เด็กในที่สุด
“จะไปด้วยจริงเหรอ” เมธาวีเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจเพราะเขากับเธอนั้นรู้จักกันได้เพียงไม่นานเธอเองไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมาอยากรู้จักลูกชายของเธอจริงๆ หรอก
“มาจนถึงแล้วไหม” เด็กหนุ่มตอบเจ้าของคำถามด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนี่เธอคิดว่าเขาล้อเล่นหรืออย่างไรถึงขนาดมาถึงที่ขนาดนี้มีอะไรให้สงสัยอีกกัน
“ก็จริงของนา…ฟิน งั้นไปกันเถอะเมย์กระดากปากอะ ชิ เมย์จะแนะนำให้รู้จักน้องเมฆ”
“แทนว่าพี่นั่นแหละ ผมแกล้งพี่เล่นเฉยๆ”
“นั่นไงเมฆลูกพี่เอง”
“คนนั้นเหรอ”
“อืม น่ารักป่ะ” เมธาวีบอกอย่างภูมิใจในตัวลูกชาย
“อืม น่ารัก เหมือนแม่เลย” ฟีนิกซ์ละสายตาจากแก้มกลมๆ ของเด็กน้อยมามองหญิงสาวข้างกายโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเขากำลังมองอยู่
“ใช่ไหมๆ ใครๆ ก็บอกเมฆหน้าเหมือนพี่ทั้งนั้น” เมธาวีระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแค่ได้เห็นหน้าลูกชายตัวน้อยเธอก็มีความสุขแล้วไม่ว่าจะเหนื่อยจากงานหรือจะผ่านอะไรมาแค่ได้เห็นหน้าเด็กน้อยเธอก็เห็นว่าอุปสรรคและปัญหาที่เจอมามันแค่เล็กน้อยเสมอ
“อืม หน้าตาก็เหมือนแม่ น่ารักก็เหมือนแม่”
“นี่” ปกติคนก็ชมเธอออกบ่อยแต่กับเด็กหนุ่มคนนี้กลับทำให้เธอเขินจนตอนนี้ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรมือไม้ก็เกะกะไปหมด
“เขินเหรอ” เด็กหนุ่มพูดเย้าแหย่หญิงสาวเมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของเธอแม้เจ้าตัวจะพยายามซ่อนความเขินอายเอาไว้แต่คนที่แอบมองเธออยู่ตลอด มีหรือที่จะไม่เห็น
“ฟิน ขอร้องหยุดเลย”
“อ้าวคุณเมย์ น้องเมฆมาๆๆ คุณแม่มาแล้ว”
“ไง ชื่อเมฆใช่ไหมพี่ฟินนะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“อุ้ม อุ้มๆๆๆ”
“โอเคๆๆ อุ้มแล้วๆๆ ขี้อ้อนเหมือนกันนะเรา”
“แวะเล่นทรายไหมครับคนเก่ง” เด็กน้อยที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับอย่างรู้ความแม้วัยเพียงขวบกว่าเท่านั้นเด็กน้อยเล่นทรายได้สักพักผู้เป็นแม่ก็เรียกกลับบ้านเพราะกลัวจะมืดค่ำพอเด็กน้อยมาถึงผู้เป็นแม่ก็รีบอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน
“คราวหน้าพาเมฆไปที่คอนโดผมด้วยก็ได้นะ” ฟีนิกซ์มองเด็กน้อยตัวป้อมในอ้อมแขนของมารดาด้วยความเอ็นดู
“คงไม่ดีมั้งอีกอย่างฉันก็จ่ายค่าฝากเลี้ยงไปแล้วไม่ต้องห่วงหรอก” เมธาวีบอกอย่างเกรงใจและอีกอย่างการที่จะทำแบบนั้นมันคงไม่เหมาะกับงานที่เธอทำอยู่ด้วย
“อืม แล้วแต่พี่แล้วกัน”
“แต่ว่า…เมฆยังเล็กขนาดนี้ขึ้นรถแบบนี้คงไม่เหมาะอันตรายเกินไป” ฟีนิกซ์ที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ารถที่ตนขับมาไม่เหมาะที่จะพาเด็กชายตัวน้อยโดยสารไปด้วยพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล
“งั้นแยกกันตรงนี้ก็ได้บ้านพี่เดินไปก็ถึง” เมธาวีบอกเด็กหนุ่มด้วยความเกรงใจแค่เขาช่วยมาส่งที่ศูนย์ก็ดีมากแล้ว
“เหรอ งั้นผมเดินไปส่ง”
“เอ๋”
“เร็วเดินนำไป”
“รู้แล้วๆ” เมธาวียอมทำตามเพราะขี้เกียจจะเถียงกับเด็กหนุ่มแต่พอจะเดินนำทางเด็กหนุ่มไปกลับถูกสั่งให้หยุดอีกเสียอย่างนั้น
“เดี๋ยว!”
“อะไรอีก!” เดี๋ยวก็บอกให้รีบเดินเดี๋ยวก็บอกให้หยุดจนคนถูกสั่งอดหงุดหงิดไม่ได้แต่ประโยคถัดมาของเด็กหนุ่มก็ทำเอาเมธาวีรู้สึกผิดที่หงุดหงิดให้เด็กหนุ่มเสียได้
“ส่งเมฆมาผมอุ้มให้เอง” เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มอาสาเมธาวีก็ส่งลูกชายตัวน้อยให้เด็กหนุ่มอุ้มอย่างว่าง่ายเพราะรู้ว่าแม้จะปฏิเสธไปก็คงไม่เป็นผลอยู่ดี
เดินกันมาไม่นานร่างเล็กก็หยุดยืนอยู่หน้าบ้านสองชั้นสภาพไม่เก่าไม่ใหม่หากแต่ดูแล้วเหมือนบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จเสียมากกว่าเพราะหน้าต่างยังใช้ไม้ฝาตีปิดไว้อยู่เลย
"นี่บ้านพี่เหรอ"
"อืม ก็บ้านเช่าแหละทำไมเหรอ"ใบหน้าหวานพยักหน้ารับ
"ผมว่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัยนะ"เด็กหนุ่มบอกคนอายุมากกว่าด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีอะไรหรอกพี่ก็อยู่ที่นี่เกือบปีแล้วเพื่อนบ้านใจดีทั้งนั้น"เมธาวีบอกตามความเป็นจริงเพราะตลอดเวลาที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้เจ้าของบ้านใจดีกับเธอมากๆ ทั้งเพื่อนบ้านก็คอยแวะเวียนมาทักทายและมีของฝากมาให้เมฆาอยู่เป็นประจำแม้จะเกรงใจแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของทุกคน
"อยู่กับลูกสองคนเหรอ"
"อืม"
"เหนื่อยไหม"
"ไม่หรอกแค่มองหน้าลูกก็หายเหนื่อยแล้ว เนอะเมฆเนอะ"เมธาวีตอบเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
"โชคดีจังเลยนะเรามีแม่ที่รักตัวเองขนาดนี้"ฟีนิกซ์บีบแก้มยุ้ยๆ ของเมฆาอย่างนึกเอ็นดูถึงแม้เงินทองของหญิงสาวจะไม่ได้มีมากมายก่ายกองแต่เธอกลับทุ่มเทให้ลูกชายอย่างสุดตัวแม้รู้จักกันเพียงหนึ่งสัปดาห์แต่ฟีนิกซ์ก็เชื่อว่าเมธาวีรักลูกชายของเธอมาก
"ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก แม่ฟินก็ด้วยต้องรักฟินมากๆ แน่เชื่อพี่สิ"
"พี่คิดงั้นเหรอ"ฟีนิกซ์ถามน้ำเสียงปนเศร้าจนเมธาวีสังเกตได้
"อืม แต่คนเราแสดงความรักออกมาไม่เหมือนกันนะลองเปิดใจพยายามเข้าใจในมุมของอีกฝ่ายดูสิ"ดูอย่างแม่ของเธอสิแม้ใครจะมองว่าแม่ของเธอปล่อยให้พ่อทำร้ายจิตใจเธอเพียงใดแต่เธอกลับเข้าใจและไม่เคยโกรธเคืองผู้เป็นมารดาเลยเพราะเธอเข้าใจดีว่าผู้เป็นแม่ไม่อยากให้เธอลำบากจึงยอมให้พ่อทำอย่างนั้น
"หึ เข้าบ้านได้แล้ว"มือหนาขยี้ผมของเมธาวีอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะส่งลูกชายตัวน้อยคืนให้กับแม่ของเด็กชาย เมธาวียืนมองเด็กหนุ่มจนลับสายตาถึงเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วล็อกประตูอย่างแน่นหนา
บรรยากาศภายในบ้านพักเต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าอึดอัดแต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมธาวีต้องประสบกับความน่าอึดอัดนี้แต่ครั้งนี้มันดูจะหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะจัดการได้เพราะด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธจากพ่อผู้ให้กำเนิดดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง “ทำไมแกถึงเลิกกับคุณเมธไม่ปรึกษาฉันสักคำ แกเอาสมองส่วนไหนคิดฮะ!”มือหนาของผู้เป็นพ่อกระชากข้อมือเล็กของลูกสาวด้วยความโมโหจนเจ้าของข้อมือเล็กเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำรุนแรงของผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย “เมย์กับพี่เมธคิดดีแล้วค่ะพ่อ เราไปกันไม่ได้หรอก พ่อเองก็น่าจะรู้ดี”ใช่ข้อนี้พ่อเธอรู้ดีแต่แล้วมันยังไง รักมันกินไม่ได้เงินต่างหากที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาจะไปสนมันทำไมแค่เมธาวีเอาเงินมาจากปรเมธให้เขาแค่นั้นก็พอแล้วนี่ “ทำไมจะไม่ได้นี่ไงไปได้จนมีไอ้เมฆมาเป็นภาระแกอยู่นี่ไง”ผู้เป็นพ่อต่อว่าผู้เป็นลูกสาวอย่างเดือดดาลเพราะทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ “พ่ออย่าพูดถึงเมฆแบบนี้ แล้วถึงเมย์กับพี่เมธจะเลิกกันแต่เขาก็ช่วยส่งเสียเมฆเหมือนเดิมค่ะ”นั่นคือความจริงถึงอย่างไรเมธก็ยังเป็นพ่อที่ดีเสมอและก็เพราะมีเมฆานี่แหละปรเมธถึงยอมปล่อยมือจากเมธาวีทั้งที่เ
ฟีนิกซ์ talkทุกถ้อยคำที่คนในบ้านสนทนากันผมได้ยินมันอย่างชัดเจนแต่ที่มันทำให้ผมจุกในอกคือเรื่องชีวิตแต่งงานของเมธาวีต่างหาก ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เธอจะเจ็บปวดกับเรื่องที่ต้องเผชิญแค่ไหนกันนะ“อุ้มๆๆ”เสียงเด็กน้อยร้องให้แม่อุ้มดึงสติให้ผมออกมาจากห้วงความคิดของตนเอง“อุ้มๆครับ เมฆหิวหม่ำๆไหมครับไหนนี่หม่ำๆใครเอ่ย”เมธาวียังคงพูดกับลูกน้อยด้วยน้ำเสียงสดใส่หากไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอพึ่งร้องไห้ไปหมาดๆคงไม่มีใครดูออก “หึ”นายโชคดีจังนะเมฆที่มีแม่แบบนี้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!ผมตัดสินใจเคาะประตูในที่สุด ไหนๆก็มาแล้วนี่ ถ้าโดนด่าค่อยกลับแล้วกัน“ใครมาน่ะ พ่อเรากลับมาหรือเปล่า”“เดี๋ยวเมย์ไปดูเองค่ะ”เสียงของเมธาวีบอกกับแม่ของเธอตามมาด้วยเสียงปลดล็อกประตูแอ๊ด~ทันทีที่ประตูเปิดออกใบหน้าของเมธาวีก็ปรากฏแก่สายตาของผม วันนี้เมธาวีใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาๆแต่ดูมีเสน่ห์ชะมัด“อ้าวฟินมาได้ไงอ่ะ”เสียงหวานของเมธาวีเรียกสติของผมให้กลับมาอีกครั้ง“พอดีวันนี้ว่าง มาหาเพื่อนกินข้าว”ผมชูถุงอาหารหลายอย่างที่ซื้อมาด้วยให้เมธาวีดู“เอ่อ…จะกินที่นี่เหรอ”เมธาวีถามผมสีหน้าเป็นกัง
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนแพลนจากที่ว่าจะไปเที่ยวสวนสนุกเป็นเดินห้างสรรพสินค้าแทนเพราะกลัวเมธาวีและลูกชายตัวน้อยของเธอจะไม่สบายเอา“พี่เมย์ พี่หิวไหม”“ไม่”เจ้าของใบหน้าหวานปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดโครกคราก~แต่เสียงท้องเจ้ากรรมกลับร้องประท้วงเรียกรอยยิ้มขำจากเด็กหนุ่มได้อย่างอดไม่อยู่“-///-”ใบหน้าที่เคยขาวใสแดงซ่านขึ้นมาด้วยความอับอาย ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะรู้สึกหิวสักนิดแต่พออยู่ต่อหน้าเขาดันมาร้องโครกครากเสียอย่างนั้น“หึ~ ทานชาบูกันไหม”“อาหารตามสั่งก็พอ”ด้วยรู้อยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มจะต้องจ่ายค่าอาหารทั้งหมดอย่างแน่นอนเมธาวีจึงเลือกที่จะทานอาหารที่ไม่แพงมากนัก“ผมกินได้แค่ไม่กี่อย่างเองไปกินชาบูเถอะนะ”“อะ เอางั้นก็ได้”สุดท้ายเมธาวีก็จำต้องยอมตามใจเด็กหนุ่มเพราะเขาคงจะทานอะไรแบบเธอไม่ได้จริงๆ“ส่งเมฆมาสิพี่อุ้มเอง”“เดินไปเหอะผมอุ้มได้น่า”ท่อนแขนแกร่งกอดกระชับร่างป้อมราวกับกลัวว่าจะถูกแยกเด็กน้อยไปจากอกไม่ต่างจากเจ้าของร่างป้อมน้อยที่ติดเด็กหนุ่มไม่ต่างกันทั้งที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง“ป้อๆอุ้ม”เด็กน้อยในอ้อมแขนกอดคอฟีนิกซ์ไว้แน่นเพราะกลัวผู้เป็นมารด
บรรยากาศโดยรอบดูผ่อนคลายจนเจ้าของใบหน้าหวานหลับตาพริ้มด้วยความผ่อนคลายเลยไม่ทันเห็นว่ามีดวงตาคมกำลังจ้องมองเธออยู่ในระยะประชิด“บรรยากาศดีชะมัด”“ผมก็ว่างั้นแหละ”ดวงตากลมลืมตาขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ๆก็ได้ยินเสียงทุ้มอันคุ้นเคยของฟีนิกซ์ในระยะประชิดไม่รู้ว่าเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกว่าจะถึงช้าหน่อยไงนี่มันยังไม่ถึงเวลานัดด้วยซ้ำ“ฟะ ฟิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่”เมธาวีที่เห็นเด็กหนุ่มยื่นหน้าหล่อๆของเขาเข้ามาจนจะชนกันอยู่แล้วรีบขยับตัวถอยห่างแล้วเอ่ยถามเสียตะกุกตะกักเพราะความประหม่า“สักพักแล้วแหละครับ แต่คนบางคนกลับไม่เห็นผมซะงั้น”ทั้งที่เขานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆแท้ๆแต่เธอกลับไม่เห็นเขาเสียอย่างนั้นทั้งที่เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามาที่สวนสาธารณะแล้ว“อ่อ อืมโทษทีพี่ไม่ทันสังเกต”“ชอบไหมครับ”“ชอบนะ บรรยากาศดีเลย เหนื่อยจากงานมาพอได้มองธรรมชาติแบบนี้ก็ผ่อนคลายดี”“ผมหมายถึง…ชอบผมไหมครับ”“นายนี่จริงๆเลย”เมธาวีส่ายหน้าระอาแต่ก็ยังเผลออมยิ้มออกมาเพราะความน่ารักของเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างไม่รู้ตัว“พี่เมย์”“หือ มีอะไรเหรอดูเครียดๆนะ”“ผม…ขอติวเพิ่มได้ไหม ผมกลัวทำคะแนนสอบได้ไม่ดี
“วันนี้ผมไปส่งนะครับ”“อืม”คนพี่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเพราะว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้นอย่างไรเสียฟีนิกซ์ก็ต้องหาเหตุผลร้อยแปดมาใช้เป็นเหตุผลจนเธอต้องยอมอยู่ดีเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้านของเมธาวีฟีนิกซ์ก็ต้องจอดรถที่หน้าประตูรั้วบ้านแทนการขับเข้าไปจอดที่โรงจอดรถตามปกติเพราะตอนนี้มีรถยนต์อีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว“ใครมาเหรอครับ”“พี่เมธน่ะ คงมาหาเมฆ”ทันทีที่ทั้งคู่เปิดประตูเข้ามาในบ้านสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมายังพวกเขาโดยมีเมธที่ดูจะแปลกใจกว่าใครเพื่อนที่เห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าปรากฏตัวพร้อมกับอดีตภรรยานอกกฎหมายของเขาแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เลือกที่จะส่งยิ้มให้ทั้งคู่แทน"ฟินนี่คุณเมธพ่อของน้องเมฆ"เมธาวีเองที่เห็นว่าอดีตสามีของเธอไม่ได้แสดงท่าทีหึงหวงเหมือนแต่ก่อนก็รู้สึกสบายใจไม่น้อยเพราะนั้นคือสัญญาณที่ดีมากๆเพราะมันสื่อว่าเขาได้เปลี่ยนใจไปจากเธอแล้วจริงๆ"สวัสดีครับผมฟินครับ"ฟีนิกซ์ยกมือไหว้ปรเมธเพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่าพร้อมกับแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ"ครับ"ปรเมธเองก็รับไหว้เด็กหนุ่มด้วยความยินดี"ป้อๆอุ้มๆ"เมฆาที่เห็นผู้เป็นมารดาและฟีนิกซ์ก็รีบวิ่งมาหาคนทั้งคู่แต่กลับ
"มันจะดีเหรอฟิน"เมื่อเข้ามาถึงห้องพักของฟีนิกซ์เมธาวีก็อดพูดในสิ่งที่กังวลใจอยู่ไม่ได้"เอาอะไรมาไม่ดี""แล้วถ้ามีใครรู้เข้าละ"เมธาวีถามอย่างเป็นกังวลเพราะหน้าที่การงานของเธอก็อาจจะพังเพราะเรื่องนี้ด้วยก็ได้"เลือกเอาจะให้คนรู้หรือไปเป็นเมียน้อยเสี่ย”"เฮ้อ~” สุดท้ายเมธาวีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกกับชีวิต ชั่วชีวิตนี้ได้แต่นึกบ่นในใจว่าคนอย่างเมธาวีจะได้เจอความสงบสุขไหมนะ“อย่าคิดมากเลยอย่างน้อยพี่ก็โชคดีนะที่มีแต่คนรักคนชอบ” ใบหน้าหน้าหล่อโน้มลงมากระซิบบอกที่ข้างใบหูขาวเนียนของคนพี่จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กที่เจือมา“โอเค ไม่คิดมากก็ได้ แต่ช่วยขยับออกไปหน่อยได้ไหม” ความใกล้ชิดในระยะประชิดทำให้ใจของเมธาวีเต้นรัวยิ่งกว่ากลองยาวเสียจนผู้เป็นเจ้าของกลัวว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้ยินเข้า จนต้องเบี่ยงความสนใจให้เด็กหนุ่มขยับตัวออกห่าง“ทำไม? เขินเหรอ” เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มชอบใจเมื่อได้แกล้งคนพี่ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งลูกระเบิดความเขินอายให้กับหญิงสาวตรงหน้าไว้อีกลูก“อือ” เมธาวีตอบตามตรง“อย่ามาปากแข็ง…เมื่อกี้พี่บอกว่าอือเหรอ”เมธาวีที่เห็นสีหน้าอึ้งๆ ปนยินดีของเด็กหนุ่มเผลอยกยิ้ม
“พี่เมย์!นั่นพี่จะไปไหน” ดวงตาคมเหลือบเห็นหญิงสาวที่เขารอตลอดหลายชั่วโมงกำลังเดินย่องเบาออกจากห้องพักราวกับคนมีความผิดเอ่ยรั้งคนพี่เอาไว้ จนสองขาเล็กชะงักค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก“พี่ว่าจะออกไปตลาดน่ะ”“ผมพาไป เดี๋ยวกูมา” ฟีนิกซ์ถอนหายใจกับการกระทำของคนพี่ทั้งที่นัดกันเอาไว้แล้วแท้ๆ ยังจะออกไปทั้งที่ไม่มีเขาไปด้วยอีก“ไอ้นี่ เห็นหญิงดีกว่าเพื่อน” พระรามที่เห็นเพื่อนรักสนใจผู้หญิงมากกว่าพวกตนบ่นให้เพื่อนไม่จริงจังนักก่อนจะโดนเจ้าของห้องสวนกลับ“พูดมากเดี๋ยวกูไล่กลับให้หมดเลย”“กลัวแล้วครับท่านฟิน” พระรามแสร้งยกมือไหว้ท่วมหัวอย่างประชดประชันใส่เพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้และผลที่ได้จากการกระทำของตนก็ไม่เกินคาดหมายเพราะได้รับฝ่าเท้าหนักของเพื่อนรักมาเต็มๆ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักไม่ได้กะเอาเจ็บเพราะถ้าเอาจริงคงได้แผลไปแล้ว“มึงนี่ก็ชอบยั่วโมโหมัน” สายฟ้าว่าให้กับพระราม“แค่หยอกเปล่าวะ”“เออๆๆ ว่าแต่คนนั้นเหรอที่ไอ้ฟินมันชอบอ่ะ”“น่าจะคนนี้แหละ ถ้าไม่มันคงไม่พาเข้ามาหรอก”“สวยใช้ได้เลยนะนั่น” เพชรกล้าเอ่ยชมหญิงสาว“แต่กูหวังว่ามันคงจะแค่เล่นๆนะ เพราะถ้ามันเอาจริงแม่ม
หลังจากทั้งคู่ตกลงคบหากันนี่ก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว ทั้งคู่ไม่ได้เกินเลยกันมีเพียงความรู้สึกเท่านั้นที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและที่สำคัญการที่เมธาวีมาอยู่ที่คอนโดกับฟีนิกซ์มันก็ทำให้เธอมีเวลาติวเข้มให้กับเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยจะสนใจฟังที่เธอสอนสักเท่าไหร่ แต่พอให้ทำแบบฝึกหัดกลับทำได้ทั้งหมดภายในเวลาอันรวดเร็วแต่มักมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอเขาถึงยอมทำในช่วงเย็นเมธาวีที่กำลังทำอาหารเย็นรอเจ้าของห้องอย่างตั้งใจต้องชะงักมือเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกอดกระชับที่ขาของตนเองก่อนจะก้มลงมองที่สัมผัสนั้น“น้องเมฆ” เมธาวีที่เห็นลูกชายตัวน้อยรีบวางมือจากการทำอาหารด้วยความดีใจมือไม้ที่เคยมั่นคงก็สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ นานหลายสัปดาห์ที่เธอต้องห่างบุตรชายเธอคิดถึงมากคิดถึงแต่ก็ไม่สามารถไปหาได้เพราะเหตุผลเหล่านั้น“อุ้มๆๆ” ทันทีที่เด็กชายตัวน้อยเห็นผู้เป็นแม่เขาก็วิ่งเข้ามากอดที่ขาของมารดาอ้อนให้อุ้มด้วยความคิดถึง“น้องเมฆ อึก” ทันทีที่ได้อุ้มแก้วตาดวงใจขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนน้ำตาแห่งความยินดีก็รินไหลออกมาจากดวงตากลมอย่างห้ามไม่อยู่“ถ้าพี่ร้องอีกผมจะให้คนพาเมฆกลับ”“อึก” สิ้นคำขู่เมธาวีก็รีบกลืนก่อนสะอื้นลงคอแทบจะทั
ภายในงานเลี้ยงหรูหราบรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยความยินดีที่ต่างมาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวโดยงานถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ที่เป็นเรือนหอของทั้งคู่นั่นเอง“สวยมากเลยเมย์”เฟรย่าจับตัวเพื่อนสาวหันซ้ายหันขวามองหาจุดบกพร่องแต่ก็ไม่เจอแม้แต่จุดเดียว“ไร้ที่ติ”เฟรย่าบอกอย่างภูมิใจ“ขนาดลูกสองแล้วยังเป๊ะเว่อร์”จัสมินมองเพื่อนรักอย่างทึ้งๆ“เข้าใจกันผิดแล้วจ้ะ กำลังจะเป็นคุณแม่ลูกสาม”“ห๊ะ!”เฟรย่าร้องออกมาอย่างตกใจ“แหมมกลับมาเจอกันปุบก็ซัมกันหนักเลยนะ รีบมีเจ้าตัวเล็กเลยนะ”จัสมินเย้าแหย่เพื่อนรัก“มีสามีเด็กก็งี้แหละ กินอร่อยนะ”เมธาวีเย้าแหย่เพื่อนกลับโดยไม่ทันได้สังเกตว่าสามีเด็กเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี“อร่อยขนาดนั้นเลย”น้ำเสียงทุ้มต่ำถามใบหน้านิ่งเรียบแต่ใบหูกลับแดงซ่านอย่างปิดไม่มิด“มาก ถึงใจสุดๆ”เมธาวีตอบกลับแบบไม่ต้องคิด“เมย์”เฟรย่าสะกิดเพื่อนเพื่อเตือนสติว่าพวกเขาไม่ใช่คนพูดประโยคนั้น“อะไรของแกยายเฟร""ผัวเด็กแก"ทันทีที่ได้ยินคำเฉลยของเพื่อนรักเจ้าสาวของงานถึงกับหน้าถอดสีกันเลยทีเดียว เขาจะหาว่าฉันลามกหรือเปล่าเนี่ยนั้นคือคำถามที่เมธาวีถามตัวเอง"งั้นพวกฉันไปรอในงานนะ"จัสมินบอ
ทันทีที่ความใหญ่โตถูกกระแทกเข้าช่องทางคับแคบฉ่ำน้ำร่างบางก็โผเข้ากอดเจ้าของการกระทำราวกับต้องการให้คนตัวโตปลอบแต่อีกฝ่ายกลับกระแทกกระทั้นเข้าใส่ร่องเล็กด้วยความกระสัน"อึก~ เบาหน่อยสิจุก"ร่างบางใบหน้าเหยเกเมื่อความใหญ่โตถูกถอนออกแทบจะหลุดออกจากกันก่อนจะกระแทกแทรกเข้ามาจนสุดลำอีกครั้ง“ก็หิว งั้นถ้าไม่อยากจุกก็กระแทกสิ”มาเฟียหนุ่มเอ่ยกระตุ้นให้ร่างบางปรนเปรอตนเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง“กระแทกผมสิครับพี่เมย์”คนตัวโตอ้อนเหมือนที่หญิงสาวชอบและทุกครั้ง เธอก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกทีแต่ครั้งนี้กลับผิดคาด หึ~ แต่ถ้าอ้อนไม่ได้ผลงั้นคงต้องบังคับสินะแต่วิธีบังคับในแบบของฟีนิกซ์นั้นเป็นการบังคับแบบเต็มใจเท่านั้นมันจึงจะถึงใจปึก~ ปึก~ ปึก~คนตัวโตกระแทกเอวสวนขึ้นใส่ร่องเล็กคับแคบจนร่างบางกระเด้งกระดอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น“อื้อ~ จุก!”ร่างเล็กร้องประท้วงทันทีเมื่อถูกเล่นงานที่ใจกลางความเป็นสาวปัก! ปัก! ปัก!ร่างบางเริ่มขยับโยกส่งตัวตนเข้าช่องน้ำหวานเป็นจังหวะเนิบนาบ“ขอแรงอีกได้ไหมครับ”“มะ มันเสียว”แม้ปากจะปฏิเสธแต่สะโพกมนก็เร่งจังหวะกระแทกตามแรงอารมณ์ที่มีไม่ต่างจากคนร้องขอ“เมียผมแ
หลังจากเพื่อนๆของชายหนุ่มกลับไปทิพย์อาภาก็ถือโอกาสพูดเคลียร์ใจกับลูกสะใภ้เสียเลย"เมย์""คะ?""เรื่องเมื่อตอนนั้นแม่ขอโทษนะแม่ไม่คิดว่าสิ่งที่แม่ทำมันจะทำร้ายหนูขนาดนั้น"ทิพย์อาภาบอกอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนั้นเมย์ไม่ได้คิดอะไรแล้วค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว""ขอบใจนะ""อีกอย่าง...คนที่ช่วยเมย์จากการถูกส่งขายอวัยวะก็คือคุณแม่นี่คะ"เมธาวียิ้มอ่อนให้กับแม่ของชายคนที่เธอรัก"ตอนนั้นเมย์ไม่มั่นใจว่าใช่คุณแม่ไหมแต่หลังจากที่เมย์ออกมาได้แล้วเมย์ก็มารู้ว่าคนที่ช่วยซื้อเมย์ออกมาก็คือเพื่อนของคุณแม่ ที่มีสามีชื่อชยันต์""...""หลังจากนั้นก็เป็นมาเฟียที่ชื่อชยันต์ที่รับตัวเมย์มาส่งคุณปู่เอง""เมย์พยายามจะบอกเรื่องนี้กับฟินในตอนนั้นแต่เขาก็หายหน้าไป""แม่ตั้งใจช่วยเมียผมแต่แรกแล้วเหรอ""อืม ก็ฟินรักเขาขนาดนั้นแม่จะปล่อยเขาเป็นอะไรไปได้ยังไง""...""ความสุขของฟินก็คือความสุขของแม่ ถึงแม้ความรักของแม่ฟินจะไม่ต้องการก็ตาม"คนเป็นแม่น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจที่ลูกไม่เคยรักเธอเลย"ใครบอกว่าฟินไม่รักแม่"ฟีนิกซ์เดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่น้ำตาคลอ"ฟินรักแม่นะ รักมากด้วยฟินต้องการแม่มาตลอด"คนเป็
กว่าที่หมอจะยอมให้มาเฟียหนุ่มกลับบ้านได้ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม พื้นที่แออัดในห้องพักสี่เหลี่ยมทำอารมณ์มาเฟียหนุ่มค่อนข้างหงุดหงิดทำให้พยาบาลที่เขามาทำหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างลำบากเดือดร้อนหมอเดนิสต้องเขามาทำการรักษาให้แบบส่วนตัว“ครั้งหน้ากรุณาอย่าเจ็บนะครับหมอขอร้อง”เดนิสบอกมาเฟียหนุ่มด้วยความเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของคนไข้แต่คนไข้กลับไม่สะทกสะท้านสักนิด“แกเป็นหมอไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้แบบฉัน”“คนไข้แบบแกหมอปกติที่ไหนจะรักษาได้”เดนิสมองฟีนิกซ์อย่างเบื่อหน่าย แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเป็นเจ้าของไข้เพื่อนจอมเอาแต่ใจแต่ครั้งนี้ฟีนิกซ์ดันบ้ากว่าเดิมไม่เห็นเมียไม่ยอมล้างแผลไม่ยอมกินยา“คุณเมย์ได้กลับไปพักผ่อนบ้างไหมครับ”เมื่อพูดกับคนไข้ไปก็เปล่าประโยชน์เดนิสจึงหันมาสนใจหญิงสาวที่ใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดหลับอดนอน“ไอ้หมอคุยกับคนไข้ก็พอครับอย่าเสือกยุ่งกับเมียคนไข้”“เฮ้อ~ ว่างก็ไปเช็คประสาทบ้างนะ”จากที่กำลังเป็นห่วงหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องพักผู้ป่วยเดนิสชักอยากจะพาเพื่อนตัวเองไปเช็คประสาทขึ้นมาแล้ว“ขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับผมชินแล้ว ตอนอยู่อังกฤษมั
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นสองบอดี้การ์ดคนสนิท ก็เข้ามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้านายหนุ่มภายในห้องพักแต่ดูเหมือนว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ท่าทางแปลกไปจนเจ้านายหนุ่มสังเกตได้“ปราบ”“ครับนาย"“เอเดนมันเป็นอะไรของมันมองฉันอย่างกับฉันไปหยิกไข่มัน”ตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาพร้อมเมธาวีเอเดนก็เอาแต่มองค้อนเจ้านายหนุ่มไม่หยุดนี่ถ้าเป็นผู้หญิงเขาคงคิดว่าเอเดนงอนเขาอยู่แน่ๆ“เอ่อ”ปราบปรามกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเพราะจะให้เขาตอบไปตามตรงก็กลัวจะทำให้เจ้านายไม่พอใจ“เฮอะ”พอได้ยินเจ้านายว่าตัวเองแบบนั้นความน้อยใจยิ่งเพิ่มขึ้นจนลืมความเกรงกลัวที่เคยมีต่อเจ้านายแถมยังสะบัดหน้าหนีผู้เป็นนายราวกับสาวน้อยงอนคนรัก“เอเดนแกอย่าทำแบบนี้ขอร้องฉันจะอ้วก”ฟีนิกซ์เห็นท่าทางของมือซ้ายคนสนิทอดขยาดไม่ได้ ตัวโตอย่างกับควายมาทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้“ผมทำอะไรก็ไม่ดีในสายตานายหรอกครับ”พูดจบก็สะบัดหน้าหนีอีกรอบฟีนิกซ์ถึงกับกุมขมับกับท่าทางของเอเดน เรียกได้ว่าหมดคำจะพูด“ลากตัวมันออกไปเถอะฉันรำคาญลูกตา”“ครับนาย”ปราบปรามโค้งหัวให้เจ้านายเล็กน้อยแล้วเดินไปลากตัวเอเดนออกไปแต่เอเดนกลับไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายฟีนิกซ์ก็จำต้องมา
เมธาวีเดินออกมาสูดอากาศในช่วงเช้ามืดเหมือนอย่างทุกวันแต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูผิดแปลกไปหมดเริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามจากที่เห็นเขากับพ่อจะมานั่งทำกิจกรรมยามเช้ากันในทุกๆวันแต่วันนี้ทั้งคู่กลับสวมสูทพร้อมกับยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้ารั้วบ้านของเขาแทนแถมยังเอาแต่จ้องมองมาที่บ้านของเธอจนร่างบางรู้สึกประหม่าสุดท้ายเมธาวีก็เดินกลับเข้าบ้านแทนการไปสูดอากาศตามที่ตั้งใจตอนแรก“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันมีหวังอึดอัดตาย”“อ้าวเมย์ทำไมวันนี้กลับเข้าบ้านเร็วจัง”“แม่เห็นบ้านตรงข้ามยังคะ”“อ่อ เห็นแล้ว”“แล้วแม่ไม่แปลกใจเหรอคะหรือกลัวไหมคะ”“จะกลัวทำไมละคนของพ่อเจ้าพาทั้งนั้น”“นี่แม่ก็รู้เหรอคะ”“รู้สิ”“…”“ก็พวกนั้นเขามากับเจ้านายเขาบ่อยๆน่ะ”“มาบ่อย? ตอนไหนทำไมเมย์ไม่รู้”“ก็ถ้าเมื่อก่อนรู้จะอยู่ที่นี่ต่อไหมล่ะ”“…”“ก็นั่นแหละพ่อเจ้าพาเลยไม่ให้ใครบอกเมย์รวมทั้งแม่ก็ด้วย”“งั้นก็แสดงว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยมีแค่เมย์สินะคะ”“อย่าไปโกรธพ่อเจ้าพาเลยลูก เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเต็มที่แล้ว เจ้าพาเองก็ไม่ต้องทนรู้สึกขาดพ่อ”“อืม เมย์ไปชงโกโก้อุ่นๆดื่มก่อนนะคะ”“จ๊ะ”ผู้เป็นแม่มองตามลูก
“นายหญิงไปเยี่ยมนายหน่อยเถอะนะครับ นี่ก็สองวันแล้วนายยังไม่ยอมทานอะไรเลย”เอเดนยังคงพยายามอ้อนวอนนายหญิงของตน“ทนหิวไม่ไหวเขาก็กินเองแหละ”แต่เมธาวีกลับตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจ“แม้แต่แผลก็ไม่ยอมให้หมอตรวจเลยนะครับ”เอเดนเสริมอีกหน“ฉันไปมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก”เธอจะไปช่วยอะไรได้เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งโดนเขาไล่ตะเพิดมา“ได้สิครับนายรักนายหญิงขนาดนั้น”เอเดนถึงกลับสะบัดคอหันมองปราบปรามอย่างไม่เชื่อหูถึงเขาจะรู้ว่าหญิงสาวมีความสำคัญกับเจ้านายเขามากแต่ก็ยังไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำอย่างที่ปราบปรามพูด“ทำไมพี่กล้าพูดแบบนั้นเกิดนายอาละวาดต่อหน้าคุณเมย์จะทำไง”เอเดนกระซิบถามปราบปรามให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน“ไม่มีทาง”“พวกคุณกลับไปเถอะตอนนี้เขาคงแค่สับสน”“ถ้างั้นนายหญิงจำเรื่องเมื่อหาปีก่อนได้ไหมครับ ตอนที่นายหญิงหายไป รู้ไหมครับว่านายต้องแรกทั้งชีวิตเลยนะครับ”เมธาวีที่ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดในตอนนั้นก็ได้แต่เงียบรอฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมสุดท้ายฟีนิกซ์ถึงยอมปล่อยมือจากเธออย่างง่ายดาย5 ปีก่อนทันทีที่รู้ว่าแฟนสาวหายตัวไปฟีนิกซ์ก็ออกตามหาถึงหนึ่งวันเต็มๆแต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย สุด
“พายุ!”เด็กชายตัวน้อยที่ได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคยรีบหันตามเสียงเรียก พายุที่เห็นพ่อของเขารีบวิ่งเข้าหาพ่อด้วยความหวาดกลัวฟีนิกซ์ก็รีบกอดเอาลูกรักมาไว้ในอ้อนแขน“พ่อ แม่ แม่เจ็บ”พายุบอกคนเป็นพ่อดวงตาแดงก่ำอย่าง น่าสงสาร แม้จะสงสารลูกชายตัวน้อยแค่ไหนแต่ตอนนี้เขาต้องหาตัวเมธาวีให้เจอก่อนโชคดีเหลือเกินที่ลูกชายวัยแค่สี่ขวบแต่สามารถสื่อสารได้เก่งมากๆ“แม่อยู่ไหน”คนเป็นพ่อถามลูกชายด้วยความกระวนกระวายใจก่อนจะได้สติเมื่อมือขวาคนสนิทเดินเข้ามาพอดี“เมียฉันอยู่ไหน!”“คุณเมย์ยังอยู่ข้างในครับ พวกนั้นมีปืนและมากันหลายคนผมเกรงว่าคุณเมย์จะได้รับอันตรายเลยยังไม่กล้าเข้าไปครับ”เป็นบอดี้การ์ดที่แฝงตัวอยู่คอยดูแลความปลอดภัยของหญิงสาวเป็นผู้รายงาน“บ้าชิบ! ปราบพาลูกฉันไป”ฟีนิกซ์สบถออกมาอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่ลืมนึกถึงความปลอดภัยของลูกชาย“แต่..”ปราบปรามไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้เจ้าอยู่กับลูกน้องโดยปราศจากเขาคอยซัพพอร์ต“แกก็รู้ว่าอะไรสำคัญกว่าฉัน”ที่เขายอมผันตัวมาเป็น มาเฟียก็เพื่อความปลอดภัยของเมธาวีแล้วชีวิตเขาจะมีค่าอะไรถ้าเมธาวีและลูกๆของเขาเป็นอะไรไป“ครับนาย”แม้ไม่อยากจะทำตามคำสั่งนี้แต่ปร
ครืด~ ครืด~ ครืด~ เสียงสมาร์ทโฟนแจ้งเตือนสายแล้วสายเล่าแต่เจ้าของเครื่องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกจากห้องน้ำมารับสายเสียที มีเพียงเสียงสายน้ำที่ตกกระทบพื้นห้องน้ำดังอยู่ไม่ขาดสายสุดท้ายชายหนุ่มจึงถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาดูเผื่อผู้โทรเข้ามาจะมีธุระด่วน“เบอร์ใครไม่เห็นบันทึกไว้”ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงตัดสินใจกดรับสายแทนหญิงสาวเจ้าของเครื่อง[เมย์พี่รอที่บ้านแล้วนะเมื่อไหร่จะกลับครับพี่อยากกอดเมย์จะแย่แล้ว]“…”ฟีนิกซ์ที่ได้ยินประโยคชวนหงุดหงิดจากปลายสายทำเพียงฟังเงียบๆสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ[เมย์ได้ยินพี่ไหม พูดกับพี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึงจะแย่แล้วไหนบอกว่าคืนนี้เราจะค้างด้วยกันไง]“คงไม่ได้! เพราะเมธาวีกำลังนอนเอากับฉันอยู่”[มึงเป็นใคร!]“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ! ถ้ามึงยังไม่อยากตาย!”ติ๊ด!ทันทีที่พูดจบฟีนิกซ์ก็กดตัดสายทันทีมือหนากำสมาร์ทโฟน ของหญิงสาวแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนก่อนจะปามันใส่ผนังจนแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี เมธาวีที่กำลังอาบน้ำอยู่รีบวิ่งออกมาด้วยนึกเป็นห่วงว่าชายหนุ่มจะได้รับอันตรายอะไรหรือเปล่า“มะ มีอะไรหรือเปล่า”เมธาวีเอ่ยถามชายหนุ่มอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะท่าทางของเขาต