“อ๊ะ” ร่างเล็กร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ช้อนร่างเธอขึ้นก่อนจะวางลงที่ตัวถังน้ำมันโดยที่เจ้าของการกระทำยังคงนั่งคร่อมรถอยู่อย่างเดิมสร้างความงงงวยให้กับหญิงสาวไม่น้อย
“นั่งนี่แหละ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า ทำให้ใบหน้าหวานสะบัดมองเจ้าของการกระทำอย่างไม่พอใจ
“นายจะบ้าเหรออายคนตาย แล้วดูตัวฉันเล็กมากมั้ง” เห็นเธอแบบนี้เธอสูงตั้งร้อยหกสิบห้าเลยนะแต่เจ้าของรถคันนี้ต่างหากที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบได้มั้ง
“หึ~ ก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่นินอกจาก…” ใบหน้าคมกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจเมื่อเมธาวีเผลอตำหนิเขาอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับพูดจากำกวมกลั่นแกล้งหญิงสาวเล่น
“ยิ้มอะไรของนาย” คนตัวเล็กเผลอต่อว่าเด็กหนุ่มอย่างขุ่นเคืองเมื่อเห็นเด็กหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากหนาแล้วยกมือขึ้นกอดอกเมื่อเห็นสายตาของเจ้าของรถที่จ้องมองบริเวณหน้าอกของเธอ
“ผมชอบนะเวลาพี่พูดแบบนี้ดูเป็นธรรมชาติดี”
“นายแกล้งฉันทำไมฮะ! เอ่อ…พี่ขอโทษพี่ลืมตัวไปหน่อย”
“พูดแบบนี้ดีแล้วเป็นธรรมชาติดี” เด็กหนุ่มบอกหญิงสาวตรงหน้าตามความจริงไม่ได้รู้สึกโกรธหญิงสาวตรงหน้าสักนิด
“ได้ที่ไหนเกิดมีใครรู้ฉันโดนไล่ออกแน่” เมธาวีบ่นงุบงิบแต่คนหูดีก็ดันได้ยินมัน
“ไม่มีใครรู้หรอก สัญญาว่าจะไม่บอกใคร”
“เอ่อๆๆ จะอะไรก็ช่างเถอะเอาแขนออกหน่อยฉันจะลง”
“บอกว่านั่งนี่แหละดูชุดสิ”
“มันต่างจากนั่งข้างหลังตรงไหนกันมิทราบ”
“ต่างสิเพราะถ้าผมออกตัวเมื่อไหร่รับรองพี่ตกแน่ แต่ถ้านั่งตรงนี้ไม่ตกแน่นอน”
“เฮ้อ~ ไปเถอะ” สุดท้ายเมธาวีก็ยอมเด็กหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะต่อล้อต่อเถียงไปก็เสียเวลาเปล่าเพราะดูท่าแล้วลูกศิษย์คนนี้จะเอาแต่ใจไม่น้อย
บรื้น~
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มทั่วอาคารลานจอดรถของคอนโดมิเนียมหรู
“ว้าย~” ทันทีที่รถกระชากตัวออกร่างเล็กบนถังน้ำมันก็ถึงกับเสียหลักผวาเข้ากอดเจ้าของร่างกำยำตามสไตล์เด็กหนุ่มอายุสิบแปด
“กอดแน่นกว่านี้ก็ได้นะผมไม่ว่าหรอก”
“ชิ” ใบหน้าหวานสะบัดหน้าหนีเด็กหนุ่มด้วยความหงุดหงิด
ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงร้านตามสั่งใกล้ๆ โรงเรียนที่เด็กหนุ่มเรียนอยู่ ดวงตากลมปรายตามองเด็กหนุ่มด้วยความแปลกใจเด็กหนุ่มฐานะระดับนี้ไม่คิดว่าจะทานร้านแบบนี้เป็นกับเขาด้วย
“มองอะไร”
“เปล่า”
“เห็นอยู่ว่ามอง”
“เออๆๆ มองแล้วจะทำไม”
“ดื้อใช้ได้เลยนะพี่เนี่ย” เด็กหนุ่มมองหญิงสาวรุ่นพี่อย่างนึกหมั่นเขี้ยวยิ่งเห็นท่าทีขัดอกขัดใจก็ยิ่งอยากแกล้ง
“ไอ้เด็กแก่แดด”
“ด่าอีกทีผมจับทำเมียนะ”
“ไอ้!” ร่างเล็กถึงกับกลืนคำด่าลงคอแทบไม่ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของอีกคน
“ด่าสิ” ฟีนิกซ์บอกอย่างท้าทาย
“จะกินไหมข้าวอะ”
“อ้าวฟินทำไมวันนี้มาคนเดียวละ” เจ้าของร้านเอ่ยทักทายเด็กหนุ่มด้วยความสนิทสนม
“คนเดียวที่ไหนวันนี้มีสาวมาด้วย”
“อ้าวเหรอไหนละ”
“นู้นไงคนสวยๆ อะครับ”
“สวยจริงแล้ววันนี้เอาอะไรละ”
“ข้าวผัดหมูครับ”
“เมย์เอาอะไร”
“เดี๋ยวเถอะ ผัดกะเพราไก่ค่ะ” เมธาวีถลึงตาใส่เด็กหนุ่มอย่างอดไม่ได้ก่อนจะหันไปบอกเมนูกับเจ้าของร้านพร้อมกับยกยิ้มส่งให้เจ้าของร้าน
“รอแป๊บนะลูก”
“ค่ะ”
“อ้าวฟินมึงมากับใครวะสวยเชี่ยว” สายฟ้าที่บังเอิญมาทานข้าวเอ่ยทักเพื่อนสนิท
“เสือกอ่ะ”
“อ้าวไอ้นี่ เด็กมึงเหรอ”
“เปล่า” แต่ก็อยากให้เป็นอยู่ฟีนิกซ์ต่อประโยคหลังในใจ
“ก็ว่าจะเด็กฟินได้ไงป้าก็ว่าไปอย่าง” หนูดีว่าด้วยความไม่ชอบใจ
“หนูดีแรงไปป่ะ” ฟีนิกซ์ปรามเพื่อนพร้อมกับแอบชำเลืองมองคนที่เขาพามาด้วยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเสียความรู้สึกกับคำพูดของหนูดี
“แหมมแค่หยอกเล่น” หนูดีบอกอย่างไม่สะทกสะท้านแต่ก็ยังมองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร
“นั่งด้วยกันสิคะ” เมธาวีบอกอย่างเป็นมิตรไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเด็กๆ
“ไปนั่งข้างไอ้ฟินนู้น”
“ชิ รู้ย่ะใครจะอยากนั่งข้างนายคู่หมั้นฉันหล่อกระชากมดลูกขนาดนี้ไม่มีตาไว้มองใครแล้วย่ะ” หนูดีลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไร้ความเอียงอายเพราะนั้นคือสิ่งที่พ่อแม่ของทั้งคู่ได้ตกลงกันไว้แล้ว
“อาหารมาแล้วเด็กๆ แล้วสองคนจะรับอะไรดีลูก”
“กินพริกเยอะขนาดนั้นจะไม่เป็นไรเหรอ” ฟีนิกซ์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพราะอีกคนตักพริกน้ำปลาใส่จานของตัวเองเยอะมากจนน่ากลัว
“ไม่นะยิ่งเวลาเครียดๆ ฉะ เอ่อ…พี่ยิ่งชอบกินอะไรเผ็ดๆ เลย”
“อืม”
“ลองชิมไหม” เจ้าของจานผัดกะเพราตักพร้อมจ่อไปที่ริมฝีปากหนาก่อนที่เจ้าของริมฝีปากหนาจะกินข้าวในช้อนอย่างไม่อิดออด
“แต่ฟินเขาไม่ทานเผ็ดหรอกนะแค่เม็ดเดียวก็แทบไม่ไหวแล้ว แล้วดูเธอทำสิ” หนูดีบอกรุ่นพี่สาวก่อนจะยื่นน้ำให้ฟีนิกซ์
“โทษทีพี่ไม่รู้” เมธาวีบอกเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกผิด
“ผมเองก็ลืมตัว” ฟีนิกซ์บอกอีกคนเพื่อให้เธอไม่ต้องคิดมาก
“หนูดีเก็บอาการหน่อยเถอะฉันละเบื่อเธอจริงๆ” สายฟ้าที่เห็นท่าทางกระฟัดกระเฟียดของหนูดีอดว่าให้เจ้าของการกระทำไม่ได้
“แกเพื่อนใครกันแน่ฮะ” หนูดีว่าให้สายฟ้าอย่างหงุดหงิด
“นี่ก็กินลงเนอะ” หนูดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไรแถมยังทานเขาต่อหน้าตาเฉยก็อดกระแหนะกระแหนอีกฝ่ายไม่ได้
“เฮ้อ~ น้องคงเป็นลูกผู้ดีมีตังสินะอยากได้อะไรก็มีคนจัดหาให้ มีเงินมีทองเหลือกินเหลือใช้ถึงสั่งข้าวมานั่งพ่นน้ำลายว่าคนอื่นอยู่ได้ จริงๆ พี่ก็ไม่อยากอาหารตั้งแต่น้องเริ่มทำตัวไม่น่ารักแล้วแหละค่ะแต่อาหารนี่พี่สั่งมาแล้วพี่ก็จำต้องกินให้หมดเพราะข้าวทุกเม็ดนี่ พี่ต้องหาเงินซื้อมันมาเอง ยังไงพี่ขอทานต่อนะคะ”
“หึ~” ฟีนิกซ์ถึกกับหัวเราะหึในลำคอด้วยความชอบใจที่เห็นเมธาวีตอบโต้หนูดีไปอย่างนั้นส่วนหนูดีที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ได้แต่นั่งฟึดฟัดอยู่อย่างนั้น
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเมธาวียังคงมาทำหน้าที่เป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้กับฟีนิกซ์ตามปกติแต่ไม่ว่าเธอจะสอนหรืออธิบายอะไรฟีนิกซ์ก็ไม่ค่อยจะใส่ใจฟังสักเท่าไหร่เอาแต่ชวนคุยนู่นนี่นั่นไปเรื่อย“นี่! ช่วยตั้งใจฟังหน่อยได้ไหมเดี๋ยวตอนประเมินนายสอบไม่ผ่านจะทำไงไม่ได้ซวยแค่นายนะ”“ทำไมเหรอ ถ้าผมสอบไม่ผ่านพี่จะโดนไล่ออกหรือไง” คนที่เอาแต่เล่นมือถือเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอมือถือเลยสักนิด“เออสิ!” เมธาวีกระแทกเสียงตอบอย่างลืมตัวแต่คนถามก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อยยังถามต่อหน้าตาเฉย“ทำไมละ”“…”“ถ้ายอมเล่าจะยอมฟัง” ข้อเสนอของเด็กหนุ่มเรียกความสนใจจากเมธาวีได้อย่างดี“จริงเหรอ” เมธาวีถามย้ำอีกครั้งเพราะเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงเสียหน่อยแต่กลับต้องมารับกรรมจากการกระทำเหล่านั้นเสียได้“อาฮะ”“ก็ก่อนหน้านี้ฉันทำความผิดร้ายแรง…ทำร้ายลูกศิษย์นะสิ”“อธิบายมากกว่านี้หน่อยสิ” ฟีนิกซ์เก็บมือถือวางไว้ที่โซฟาหันมาให้ความสนใจกับสิ่งที่เมธาวีกำลังจะเล่าให้ฟังอย่างให้ความสนใจ“ก็…เด็กคนนั้น…”“ข่มขืนพี่เหรอ” เมื่อเห็นท่าทางลังเลของอีกฝ่ายฟีนิกซ์ก็ลองกระตุ้นคำตอบจากหญิงสาวด้วยวิธีของเขาดูและมันดันได้
ใบหน้าบึ้งตึงของเมธาวีเรียกรอยยิ้มขบขันจากเด็กหนุ่มผู้เป็นสารถีขับรถให้กับหญิงสาวตลอดเส้นทาง แม้จะไม่พอใจแค่ไหนแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ทำให้เมธาวียิ่งหงุดหงิดไปอีก“เอาน่าเดี๋ยวครั้งหน้าผมเอารถยนต์มาแล้วกันโอเคไหม”“ไม่ต้องมีครั้งหน้าหรอกแค่นายไม่ต้องมาส่งจะเป็นพระคุณกับฉันมาก”“แทนตัวผมว่าฟินได้ไหมเรียกนายๆ อยู่นั่นห่างเหินชะมัด”“ได้ข่าวว่าเรารู้จักกันแค่หนึ่งอาทิตย์ บอกไว้เผื่อลืม”“นั่นสินะ งั้น…ผมบอกแม่เปลี่ยนติวเตอร์คนใหม่ก็ได้คงคุยง่ายกว่าพี่เยอะเลย”“เออๆๆ ฟินก็ฟิน ชิ”“ก็แค่นี้”“ขอบคุณนะที่มาส่ง พี่ไปนะ”“เดี๋ยว! เมย์สิครับ”“อะ อะไร?”“แทนตัวเองว่าเมย์ได้ไหมครับ”“ฉันอายุมากกว่านายเอ่อ…ฟินตั้งกี่ปีอย่าปีนเกลียว”“โอเค เปลี่ยนคนติวง่ายกว่าสินะ” ฟีนิกซ์ที่รู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายยกเรื่องงานของเธอขึ้นมาข่มขู่อีกหนและแน่นอนว่ามันได้ผลเหมือนเคย“เมย์ก็เมย์ เฮ้อ~ ถ้าไม่ติดว่าโดนทัณฑ์บนไว้นะ” สุดท้ายเมธาวีก็ต้องยอมเด็กหนุ่มจนได้ ฟีนิกซ์ยกยิ้มชอบใจที่แกล้งหญิงสาวได้สำเร็จ“แล้วลูกพี่คนไหนละ” พอได้ในสิ่งที่ต้องการฟีนิกซ์ก็หันไปสนใจกลุ่มเด็กๆ ต่อแต่มองดูแล้วก็ไม่มีเด็กคนไหนที่มีหน้าตาคล้ายกั
บรรยากาศภายในบ้านพักเต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าอึดอัดแต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมธาวีต้องประสบกับความน่าอึดอัดนี้แต่ครั้งนี้มันดูจะหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะจัดการได้เพราะด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธจากพ่อผู้ให้กำเนิดดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง “ทำไมแกถึงเลิกกับคุณเมธไม่ปรึกษาฉันสักคำ แกเอาสมองส่วนไหนคิดฮะ!”มือหนาของผู้เป็นพ่อกระชากข้อมือเล็กของลูกสาวด้วยความโมโหจนเจ้าของข้อมือเล็กเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านการกระทำรุนแรงของผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย “เมย์กับพี่เมธคิดดีแล้วค่ะพ่อ เราไปกันไม่ได้หรอก พ่อเองก็น่าจะรู้ดี”ใช่ข้อนี้พ่อเธอรู้ดีแต่แล้วมันยังไง รักมันกินไม่ได้เงินต่างหากที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาจะไปสนมันทำไมแค่เมธาวีเอาเงินมาจากปรเมธให้เขาแค่นั้นก็พอแล้วนี่ “ทำไมจะไม่ได้นี่ไงไปได้จนมีไอ้เมฆมาเป็นภาระแกอยู่นี่ไง”ผู้เป็นพ่อต่อว่าผู้เป็นลูกสาวอย่างเดือดดาลเพราะทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ “พ่ออย่าพูดถึงเมฆแบบนี้ แล้วถึงเมย์กับพี่เมธจะเลิกกันแต่เขาก็ช่วยส่งเสียเมฆเหมือนเดิมค่ะ”นั่นคือความจริงถึงอย่างไรเมธก็ยังเป็นพ่อที่ดีเสมอและก็เพราะมีเมฆานี่แหละปรเมธถึงยอมปล่อยมือจากเมธาวีทั้งที่เ
ฟีนิกซ์ talkทุกถ้อยคำที่คนในบ้านสนทนากันผมได้ยินมันอย่างชัดเจนแต่ที่มันทำให้ผมจุกในอกคือเรื่องชีวิตแต่งงานของเมธาวีต่างหาก ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เธอจะเจ็บปวดกับเรื่องที่ต้องเผชิญแค่ไหนกันนะ“อุ้มๆๆ”เสียงเด็กน้อยร้องให้แม่อุ้มดึงสติให้ผมออกมาจากห้วงความคิดของตนเอง“อุ้มๆครับ เมฆหิวหม่ำๆไหมครับไหนนี่หม่ำๆใครเอ่ย”เมธาวียังคงพูดกับลูกน้อยด้วยน้ำเสียงสดใส่หากไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอพึ่งร้องไห้ไปหมาดๆคงไม่มีใครดูออก “หึ”นายโชคดีจังนะเมฆที่มีแม่แบบนี้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!ผมตัดสินใจเคาะประตูในที่สุด ไหนๆก็มาแล้วนี่ ถ้าโดนด่าค่อยกลับแล้วกัน“ใครมาน่ะ พ่อเรากลับมาหรือเปล่า”“เดี๋ยวเมย์ไปดูเองค่ะ”เสียงของเมธาวีบอกกับแม่ของเธอตามมาด้วยเสียงปลดล็อกประตูแอ๊ด~ทันทีที่ประตูเปิดออกใบหน้าของเมธาวีก็ปรากฏแก่สายตาของผม วันนี้เมธาวีใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาๆแต่ดูมีเสน่ห์ชะมัด“อ้าวฟินมาได้ไงอ่ะ”เสียงหวานของเมธาวีเรียกสติของผมให้กลับมาอีกครั้ง“พอดีวันนี้ว่าง มาหาเพื่อนกินข้าว”ผมชูถุงอาหารหลายอย่างที่ซื้อมาด้วยให้เมธาวีดู“เอ่อ…จะกินที่นี่เหรอ”เมธาวีถามผมสีหน้าเป็นกัง
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนแพลนจากที่ว่าจะไปเที่ยวสวนสนุกเป็นเดินห้างสรรพสินค้าแทนเพราะกลัวเมธาวีและลูกชายตัวน้อยของเธอจะไม่สบายเอา“พี่เมย์ พี่หิวไหม”“ไม่”เจ้าของใบหน้าหวานปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดโครกคราก~แต่เสียงท้องเจ้ากรรมกลับร้องประท้วงเรียกรอยยิ้มขำจากเด็กหนุ่มได้อย่างอดไม่อยู่“-///-”ใบหน้าที่เคยขาวใสแดงซ่านขึ้นมาด้วยความอับอาย ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะรู้สึกหิวสักนิดแต่พออยู่ต่อหน้าเขาดันมาร้องโครกครากเสียอย่างนั้น“หึ~ ทานชาบูกันไหม”“อาหารตามสั่งก็พอ”ด้วยรู้อยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มจะต้องจ่ายค่าอาหารทั้งหมดอย่างแน่นอนเมธาวีจึงเลือกที่จะทานอาหารที่ไม่แพงมากนัก“ผมกินได้แค่ไม่กี่อย่างเองไปกินชาบูเถอะนะ”“อะ เอางั้นก็ได้”สุดท้ายเมธาวีก็จำต้องยอมตามใจเด็กหนุ่มเพราะเขาคงจะทานอะไรแบบเธอไม่ได้จริงๆ“ส่งเมฆมาสิพี่อุ้มเอง”“เดินไปเหอะผมอุ้มได้น่า”ท่อนแขนแกร่งกอดกระชับร่างป้อมราวกับกลัวว่าจะถูกแยกเด็กน้อยไปจากอกไม่ต่างจากเจ้าของร่างป้อมน้อยที่ติดเด็กหนุ่มไม่ต่างกันทั้งที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง“ป้อๆอุ้ม”เด็กน้อยในอ้อมแขนกอดคอฟีนิกซ์ไว้แน่นเพราะกลัวผู้เป็นมารด
บรรยากาศโดยรอบดูผ่อนคลายจนเจ้าของใบหน้าหวานหลับตาพริ้มด้วยความผ่อนคลายเลยไม่ทันเห็นว่ามีดวงตาคมกำลังจ้องมองเธออยู่ในระยะประชิด“บรรยากาศดีชะมัด”“ผมก็ว่างั้นแหละ”ดวงตากลมลืมตาขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ๆก็ได้ยินเสียงทุ้มอันคุ้นเคยของฟีนิกซ์ในระยะประชิดไม่รู้ว่าเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกว่าจะถึงช้าหน่อยไงนี่มันยังไม่ถึงเวลานัดด้วยซ้ำ“ฟะ ฟิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่”เมธาวีที่เห็นเด็กหนุ่มยื่นหน้าหล่อๆของเขาเข้ามาจนจะชนกันอยู่แล้วรีบขยับตัวถอยห่างแล้วเอ่ยถามเสียตะกุกตะกักเพราะความประหม่า“สักพักแล้วแหละครับ แต่คนบางคนกลับไม่เห็นผมซะงั้น”ทั้งที่เขานั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆแท้ๆแต่เธอกลับไม่เห็นเขาเสียอย่างนั้นทั้งที่เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเข้ามาที่สวนสาธารณะแล้ว“อ่อ อืมโทษทีพี่ไม่ทันสังเกต”“ชอบไหมครับ”“ชอบนะ บรรยากาศดีเลย เหนื่อยจากงานมาพอได้มองธรรมชาติแบบนี้ก็ผ่อนคลายดี”“ผมหมายถึง…ชอบผมไหมครับ”“นายนี่จริงๆเลย”เมธาวีส่ายหน้าระอาแต่ก็ยังเผลออมยิ้มออกมาเพราะความน่ารักของเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างไม่รู้ตัว“พี่เมย์”“หือ มีอะไรเหรอดูเครียดๆนะ”“ผม…ขอติวเพิ่มได้ไหม ผมกลัวทำคะแนนสอบได้ไม่ดี
“วันนี้ผมไปส่งนะครับ”“อืม”คนพี่พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเพราะว่าปฏิเสธไปก็เท่านั้นอย่างไรเสียฟีนิกซ์ก็ต้องหาเหตุผลร้อยแปดมาใช้เป็นเหตุผลจนเธอต้องยอมอยู่ดีเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบ้านของเมธาวีฟีนิกซ์ก็ต้องจอดรถที่หน้าประตูรั้วบ้านแทนการขับเข้าไปจอดที่โรงจอดรถตามปกติเพราะตอนนี้มีรถยนต์อีกคันจอดอยู่ก่อนแล้ว“ใครมาเหรอครับ”“พี่เมธน่ะ คงมาหาเมฆ”ทันทีที่ทั้งคู่เปิดประตูเข้ามาในบ้านสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมายังพวกเขาโดยมีเมธที่ดูจะแปลกใจกว่าใครเพื่อนที่เห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าปรากฏตัวพร้อมกับอดีตภรรยานอกกฎหมายของเขาแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เลือกที่จะส่งยิ้มให้ทั้งคู่แทน"ฟินนี่คุณเมธพ่อของน้องเมฆ"เมธาวีเองที่เห็นว่าอดีตสามีของเธอไม่ได้แสดงท่าทีหึงหวงเหมือนแต่ก่อนก็รู้สึกสบายใจไม่น้อยเพราะนั้นคือสัญญาณที่ดีมากๆเพราะมันสื่อว่าเขาได้เปลี่ยนใจไปจากเธอแล้วจริงๆ"สวัสดีครับผมฟินครับ"ฟีนิกซ์ยกมือไหว้ปรเมธเพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่าพร้อมกับแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ"ครับ"ปรเมธเองก็รับไหว้เด็กหนุ่มด้วยความยินดี"ป้อๆอุ้มๆ"เมฆาที่เห็นผู้เป็นมารดาและฟีนิกซ์ก็รีบวิ่งมาหาคนทั้งคู่แต่กลับ
"มันจะดีเหรอฟิน"เมื่อเข้ามาถึงห้องพักของฟีนิกซ์เมธาวีก็อดพูดในสิ่งที่กังวลใจอยู่ไม่ได้"เอาอะไรมาไม่ดี""แล้วถ้ามีใครรู้เข้าละ"เมธาวีถามอย่างเป็นกังวลเพราะหน้าที่การงานของเธอก็อาจจะพังเพราะเรื่องนี้ด้วยก็ได้"เลือกเอาจะให้คนรู้หรือไปเป็นเมียน้อยเสี่ย”"เฮ้อ~” สุดท้ายเมธาวีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกกับชีวิต ชั่วชีวิตนี้ได้แต่นึกบ่นในใจว่าคนอย่างเมธาวีจะได้เจอความสงบสุขไหมนะ“อย่าคิดมากเลยอย่างน้อยพี่ก็โชคดีนะที่มีแต่คนรักคนชอบ” ใบหน้าหน้าหล่อโน้มลงมากระซิบบอกที่ข้างใบหูขาวเนียนของคนพี่จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กที่เจือมา“โอเค ไม่คิดมากก็ได้ แต่ช่วยขยับออกไปหน่อยได้ไหม” ความใกล้ชิดในระยะประชิดทำให้ใจของเมธาวีเต้นรัวยิ่งกว่ากลองยาวเสียจนผู้เป็นเจ้าของกลัวว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้ยินเข้า จนต้องเบี่ยงความสนใจให้เด็กหนุ่มขยับตัวออกห่าง“ทำไม? เขินเหรอ” เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มชอบใจเมื่อได้แกล้งคนพี่ แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งลูกระเบิดความเขินอายให้กับหญิงสาวตรงหน้าไว้อีกลูก“อือ” เมธาวีตอบตามตรง“อย่ามาปากแข็ง…เมื่อกี้พี่บอกว่าอือเหรอ”เมธาวีที่เห็นสีหน้าอึ้งๆ ปนยินดีของเด็กหนุ่มเผลอยกยิ้ม
ภายในงานเลี้ยงหรูหราบรรยากาศชื่นมื่นเต็มไปด้วยความยินดีที่ต่างมาแสดงความยินดีกับบ่าวสาวโดยงานถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ที่เป็นเรือนหอของทั้งคู่นั่นเอง“สวยมากเลยเมย์”เฟรย่าจับตัวเพื่อนสาวหันซ้ายหันขวามองหาจุดบกพร่องแต่ก็ไม่เจอแม้แต่จุดเดียว“ไร้ที่ติ”เฟรย่าบอกอย่างภูมิใจ“ขนาดลูกสองแล้วยังเป๊ะเว่อร์”จัสมินมองเพื่อนรักอย่างทึ้งๆ“เข้าใจกันผิดแล้วจ้ะ กำลังจะเป็นคุณแม่ลูกสาม”“ห๊ะ!”เฟรย่าร้องออกมาอย่างตกใจ“แหมมกลับมาเจอกันปุบก็ซัมกันหนักเลยนะ รีบมีเจ้าตัวเล็กเลยนะ”จัสมินเย้าแหย่เพื่อนรัก“มีสามีเด็กก็งี้แหละ กินอร่อยนะ”เมธาวีเย้าแหย่เพื่อนกลับโดยไม่ทันได้สังเกตว่าสามีเด็กเดินเข้ามาทันได้ยินพอดี“อร่อยขนาดนั้นเลย”น้ำเสียงทุ้มต่ำถามใบหน้านิ่งเรียบแต่ใบหูกลับแดงซ่านอย่างปิดไม่มิด“มาก ถึงใจสุดๆ”เมธาวีตอบกลับแบบไม่ต้องคิด“เมย์”เฟรย่าสะกิดเพื่อนเพื่อเตือนสติว่าพวกเขาไม่ใช่คนพูดประโยคนั้น“อะไรของแกยายเฟร""ผัวเด็กแก"ทันทีที่ได้ยินคำเฉลยของเพื่อนรักเจ้าสาวของงานถึงกับหน้าถอดสีกันเลยทีเดียว เขาจะหาว่าฉันลามกหรือเปล่าเนี่ยนั้นคือคำถามที่เมธาวีถามตัวเอง"งั้นพวกฉันไปรอในงานนะ"จัสมินบอ
ทันทีที่ความใหญ่โตถูกกระแทกเข้าช่องทางคับแคบฉ่ำน้ำร่างบางก็โผเข้ากอดเจ้าของการกระทำราวกับต้องการให้คนตัวโตปลอบแต่อีกฝ่ายกลับกระแทกกระทั้นเข้าใส่ร่องเล็กด้วยความกระสัน"อึก~ เบาหน่อยสิจุก"ร่างบางใบหน้าเหยเกเมื่อความใหญ่โตถูกถอนออกแทบจะหลุดออกจากกันก่อนจะกระแทกแทรกเข้ามาจนสุดลำอีกครั้ง“ก็หิว งั้นถ้าไม่อยากจุกก็กระแทกสิ”มาเฟียหนุ่มเอ่ยกระตุ้นให้ร่างบางปรนเปรอตนเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่ง“กระแทกผมสิครับพี่เมย์”คนตัวโตอ้อนเหมือนที่หญิงสาวชอบและทุกครั้ง เธอก็แพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกทีแต่ครั้งนี้กลับผิดคาด หึ~ แต่ถ้าอ้อนไม่ได้ผลงั้นคงต้องบังคับสินะแต่วิธีบังคับในแบบของฟีนิกซ์นั้นเป็นการบังคับแบบเต็มใจเท่านั้นมันจึงจะถึงใจปึก~ ปึก~ ปึก~คนตัวโตกระแทกเอวสวนขึ้นใส่ร่องเล็กคับแคบจนร่างบางกระเด้งกระดอนไปตามแรงกระแทกกระทั้น“อื้อ~ จุก!”ร่างเล็กร้องประท้วงทันทีเมื่อถูกเล่นงานที่ใจกลางความเป็นสาวปัก! ปัก! ปัก!ร่างบางเริ่มขยับโยกส่งตัวตนเข้าช่องน้ำหวานเป็นจังหวะเนิบนาบ“ขอแรงอีกได้ไหมครับ”“มะ มันเสียว”แม้ปากจะปฏิเสธแต่สะโพกมนก็เร่งจังหวะกระแทกตามแรงอารมณ์ที่มีไม่ต่างจากคนร้องขอ“เมียผมแ
หลังจากเพื่อนๆของชายหนุ่มกลับไปทิพย์อาภาก็ถือโอกาสพูดเคลียร์ใจกับลูกสะใภ้เสียเลย"เมย์""คะ?""เรื่องเมื่อตอนนั้นแม่ขอโทษนะแม่ไม่คิดว่าสิ่งที่แม่ทำมันจะทำร้ายหนูขนาดนั้น"ทิพย์อาภาบอกอย่างรู้สึกผิด"เรื่องนั้นเมย์ไม่ได้คิดอะไรแล้วค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว""ขอบใจนะ""อีกอย่าง...คนที่ช่วยเมย์จากการถูกส่งขายอวัยวะก็คือคุณแม่นี่คะ"เมธาวียิ้มอ่อนให้กับแม่ของชายคนที่เธอรัก"ตอนนั้นเมย์ไม่มั่นใจว่าใช่คุณแม่ไหมแต่หลังจากที่เมย์ออกมาได้แล้วเมย์ก็มารู้ว่าคนที่ช่วยซื้อเมย์ออกมาก็คือเพื่อนของคุณแม่ ที่มีสามีชื่อชยันต์""...""หลังจากนั้นก็เป็นมาเฟียที่ชื่อชยันต์ที่รับตัวเมย์มาส่งคุณปู่เอง""เมย์พยายามจะบอกเรื่องนี้กับฟินในตอนนั้นแต่เขาก็หายหน้าไป""แม่ตั้งใจช่วยเมียผมแต่แรกแล้วเหรอ""อืม ก็ฟินรักเขาขนาดนั้นแม่จะปล่อยเขาเป็นอะไรไปได้ยังไง""...""ความสุขของฟินก็คือความสุขของแม่ ถึงแม้ความรักของแม่ฟินจะไม่ต้องการก็ตาม"คนเป็นแม่น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจที่ลูกไม่เคยรักเธอเลย"ใครบอกว่าฟินไม่รักแม่"ฟีนิกซ์เดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่น้ำตาคลอ"ฟินรักแม่นะ รักมากด้วยฟินต้องการแม่มาตลอด"คนเป็
กว่าที่หมอจะยอมให้มาเฟียหนุ่มกลับบ้านได้ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม พื้นที่แออัดในห้องพักสี่เหลี่ยมทำอารมณ์มาเฟียหนุ่มค่อนข้างหงุดหงิดทำให้พยาบาลที่เขามาทำหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างลำบากเดือดร้อนหมอเดนิสต้องเขามาทำการรักษาให้แบบส่วนตัว“ครั้งหน้ากรุณาอย่าเจ็บนะครับหมอขอร้อง”เดนิสบอกมาเฟียหนุ่มด้วยความเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของคนไข้แต่คนไข้กลับไม่สะทกสะท้านสักนิด“แกเป็นหมอไม่มีสิทธิปฏิเสธคนไข้แบบฉัน”“คนไข้แบบแกหมอปกติที่ไหนจะรักษาได้”เดนิสมองฟีนิกซ์อย่างเบื่อหน่าย แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเป็นเจ้าของไข้เพื่อนจอมเอาแต่ใจแต่ครั้งนี้ฟีนิกซ์ดันบ้ากว่าเดิมไม่เห็นเมียไม่ยอมล้างแผลไม่ยอมกินยา“คุณเมย์ได้กลับไปพักผ่อนบ้างไหมครับ”เมื่อพูดกับคนไข้ไปก็เปล่าประโยชน์เดนิสจึงหันมาสนใจหญิงสาวที่ใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดหลับอดนอน“ไอ้หมอคุยกับคนไข้ก็พอครับอย่าเสือกยุ่งกับเมียคนไข้”“เฮ้อ~ ว่างก็ไปเช็คประสาทบ้างนะ”จากที่กำลังเป็นห่วงหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องพักผู้ป่วยเดนิสชักอยากจะพาเพื่อนตัวเองไปเช็คประสาทขึ้นมาแล้ว“ขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับผมชินแล้ว ตอนอยู่อังกฤษมั
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นสองบอดี้การ์ดคนสนิท ก็เข้ามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้านายหนุ่มภายในห้องพักแต่ดูเหมือนว่ามีอยู่หนึ่งคนที่ท่าทางแปลกไปจนเจ้านายหนุ่มสังเกตได้“ปราบ”“ครับนาย"“เอเดนมันเป็นอะไรของมันมองฉันอย่างกับฉันไปหยิกไข่มัน”ตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามาพร้อมเมธาวีเอเดนก็เอาแต่มองค้อนเจ้านายหนุ่มไม่หยุดนี่ถ้าเป็นผู้หญิงเขาคงคิดว่าเอเดนงอนเขาอยู่แน่ๆ“เอ่อ”ปราบปรามกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเพราะจะให้เขาตอบไปตามตรงก็กลัวจะทำให้เจ้านายไม่พอใจ“เฮอะ”พอได้ยินเจ้านายว่าตัวเองแบบนั้นความน้อยใจยิ่งเพิ่มขึ้นจนลืมความเกรงกลัวที่เคยมีต่อเจ้านายแถมยังสะบัดหน้าหนีผู้เป็นนายราวกับสาวน้อยงอนคนรัก“เอเดนแกอย่าทำแบบนี้ขอร้องฉันจะอ้วก”ฟีนิกซ์เห็นท่าทางของมือซ้ายคนสนิทอดขยาดไม่ได้ ตัวโตอย่างกับควายมาทำตัวเป็นสาวน้อยไปได้“ผมทำอะไรก็ไม่ดีในสายตานายหรอกครับ”พูดจบก็สะบัดหน้าหนีอีกรอบฟีนิกซ์ถึงกับกุมขมับกับท่าทางของเอเดน เรียกได้ว่าหมดคำจะพูด“ลากตัวมันออกไปเถอะฉันรำคาญลูกตา”“ครับนาย”ปราบปรามโค้งหัวให้เจ้านายเล็กน้อยแล้วเดินไปลากตัวเอเดนออกไปแต่เอเดนกลับไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายฟีนิกซ์ก็จำต้องมา
เมธาวีเดินออกมาสูดอากาศในช่วงเช้ามืดเหมือนอย่างทุกวันแต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูผิดแปลกไปหมดเริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มบ้านตรงข้ามจากที่เห็นเขากับพ่อจะมานั่งทำกิจกรรมยามเช้ากันในทุกๆวันแต่วันนี้ทั้งคู่กลับสวมสูทพร้อมกับยืนรักษาความปลอดภัยอยู่หน้ารั้วบ้านของเขาแทนแถมยังเอาแต่จ้องมองมาที่บ้านของเธอจนร่างบางรู้สึกประหม่าสุดท้ายเมธาวีก็เดินกลับเข้าบ้านแทนการไปสูดอากาศตามที่ตั้งใจตอนแรก“ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันมีหวังอึดอัดตาย”“อ้าวเมย์ทำไมวันนี้กลับเข้าบ้านเร็วจัง”“แม่เห็นบ้านตรงข้ามยังคะ”“อ่อ เห็นแล้ว”“แล้วแม่ไม่แปลกใจเหรอคะหรือกลัวไหมคะ”“จะกลัวทำไมละคนของพ่อเจ้าพาทั้งนั้น”“นี่แม่ก็รู้เหรอคะ”“รู้สิ”“…”“ก็พวกนั้นเขามากับเจ้านายเขาบ่อยๆน่ะ”“มาบ่อย? ตอนไหนทำไมเมย์ไม่รู้”“ก็ถ้าเมื่อก่อนรู้จะอยู่ที่นี่ต่อไหมล่ะ”“…”“ก็นั่นแหละพ่อเจ้าพาเลยไม่ให้ใครบอกเมย์รวมทั้งแม่ก็ด้วย”“งั้นก็แสดงว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยมีแค่เมย์สินะคะ”“อย่าไปโกรธพ่อเจ้าพาเลยลูก เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเต็มที่แล้ว เจ้าพาเองก็ไม่ต้องทนรู้สึกขาดพ่อ”“อืม เมย์ไปชงโกโก้อุ่นๆดื่มก่อนนะคะ”“จ๊ะ”ผู้เป็นแม่มองตามลูก
“นายหญิงไปเยี่ยมนายหน่อยเถอะนะครับ นี่ก็สองวันแล้วนายยังไม่ยอมทานอะไรเลย”เอเดนยังคงพยายามอ้อนวอนนายหญิงของตน“ทนหิวไม่ไหวเขาก็กินเองแหละ”แต่เมธาวีกลับตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจ“แม้แต่แผลก็ไม่ยอมให้หมอตรวจเลยนะครับ”เอเดนเสริมอีกหน“ฉันไปมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก”เธอจะไปช่วยอะไรได้เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งโดนเขาไล่ตะเพิดมา“ได้สิครับนายรักนายหญิงขนาดนั้น”เอเดนถึงกลับสะบัดคอหันมองปราบปรามอย่างไม่เชื่อหูถึงเขาจะรู้ว่าหญิงสาวมีความสำคัญกับเจ้านายเขามากแต่ก็ยังไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำอย่างที่ปราบปรามพูด“ทำไมพี่กล้าพูดแบบนั้นเกิดนายอาละวาดต่อหน้าคุณเมย์จะทำไง”เอเดนกระซิบถามปราบปรามให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน“ไม่มีทาง”“พวกคุณกลับไปเถอะตอนนี้เขาคงแค่สับสน”“ถ้างั้นนายหญิงจำเรื่องเมื่อหาปีก่อนได้ไหมครับ ตอนที่นายหญิงหายไป รู้ไหมครับว่านายต้องแรกทั้งชีวิตเลยนะครับ”เมธาวีที่ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดในตอนนั้นก็ได้แต่เงียบรอฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมสุดท้ายฟีนิกซ์ถึงยอมปล่อยมือจากเธออย่างง่ายดาย5 ปีก่อนทันทีที่รู้ว่าแฟนสาวหายตัวไปฟีนิกซ์ก็ออกตามหาถึงหนึ่งวันเต็มๆแต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย สุด
“พายุ!”เด็กชายตัวน้อยที่ได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคยรีบหันตามเสียงเรียก พายุที่เห็นพ่อของเขารีบวิ่งเข้าหาพ่อด้วยความหวาดกลัวฟีนิกซ์ก็รีบกอดเอาลูกรักมาไว้ในอ้อนแขน“พ่อ แม่ แม่เจ็บ”พายุบอกคนเป็นพ่อดวงตาแดงก่ำอย่าง น่าสงสาร แม้จะสงสารลูกชายตัวน้อยแค่ไหนแต่ตอนนี้เขาต้องหาตัวเมธาวีให้เจอก่อนโชคดีเหลือเกินที่ลูกชายวัยแค่สี่ขวบแต่สามารถสื่อสารได้เก่งมากๆ“แม่อยู่ไหน”คนเป็นพ่อถามลูกชายด้วยความกระวนกระวายใจก่อนจะได้สติเมื่อมือขวาคนสนิทเดินเข้ามาพอดี“เมียฉันอยู่ไหน!”“คุณเมย์ยังอยู่ข้างในครับ พวกนั้นมีปืนและมากันหลายคนผมเกรงว่าคุณเมย์จะได้รับอันตรายเลยยังไม่กล้าเข้าไปครับ”เป็นบอดี้การ์ดที่แฝงตัวอยู่คอยดูแลความปลอดภัยของหญิงสาวเป็นผู้รายงาน“บ้าชิบ! ปราบพาลูกฉันไป”ฟีนิกซ์สบถออกมาอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่ลืมนึกถึงความปลอดภัยของลูกชาย“แต่..”ปราบปรามไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้เจ้าอยู่กับลูกน้องโดยปราศจากเขาคอยซัพพอร์ต“แกก็รู้ว่าอะไรสำคัญกว่าฉัน”ที่เขายอมผันตัวมาเป็น มาเฟียก็เพื่อความปลอดภัยของเมธาวีแล้วชีวิตเขาจะมีค่าอะไรถ้าเมธาวีและลูกๆของเขาเป็นอะไรไป“ครับนาย”แม้ไม่อยากจะทำตามคำสั่งนี้แต่ปร
ครืด~ ครืด~ ครืด~ เสียงสมาร์ทโฟนแจ้งเตือนสายแล้วสายเล่าแต่เจ้าของเครื่องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกจากห้องน้ำมารับสายเสียที มีเพียงเสียงสายน้ำที่ตกกระทบพื้นห้องน้ำดังอยู่ไม่ขาดสายสุดท้ายชายหนุ่มจึงถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาดูเผื่อผู้โทรเข้ามาจะมีธุระด่วน“เบอร์ใครไม่เห็นบันทึกไว้”ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงตัดสินใจกดรับสายแทนหญิงสาวเจ้าของเครื่อง[เมย์พี่รอที่บ้านแล้วนะเมื่อไหร่จะกลับครับพี่อยากกอดเมย์จะแย่แล้ว]“…”ฟีนิกซ์ที่ได้ยินประโยคชวนหงุดหงิดจากปลายสายทำเพียงฟังเงียบๆสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ[เมย์ได้ยินพี่ไหม พูดกับพี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึงจะแย่แล้วไหนบอกว่าคืนนี้เราจะค้างด้วยกันไง]“คงไม่ได้! เพราะเมธาวีกำลังนอนเอากับฉันอยู่”[มึงเป็นใคร!]“เลิกยุ่งกับเมียกูซะ! ถ้ามึงยังไม่อยากตาย!”ติ๊ด!ทันทีที่พูดจบฟีนิกซ์ก็กดตัดสายทันทีมือหนากำสมาร์ทโฟน ของหญิงสาวแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนก่อนจะปามันใส่ผนังจนแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี เมธาวีที่กำลังอาบน้ำอยู่รีบวิ่งออกมาด้วยนึกเป็นห่วงว่าชายหนุ่มจะได้รับอันตรายอะไรหรือเปล่า“มะ มีอะไรหรือเปล่า”เมธาวีเอ่ยถามชายหนุ่มอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะท่าทางของเขาต