로그인
เสียงเครื่องยนต์รถยุโรปสีขาวดับลงหน้าบ้านหลังใหญ่ในซอยเก่า อากาศเย็นปลายฝน กลิ่นดินชื้นผสมกลิ่นน้ำหอมกลีบพีชจากหญิงสาวที่ก้าวลงจากรถทำให้บรรยากาศรอบบ้านเหมือนหยุดนิ่ง
ขนมในเดรสสั้นสีครีมผ่าสูงเล็กน้อย ก้าวลงจากรถอย่างมั่นใจ ร่างบางบนรองเท้าส้นสูง ปลายผมสีน้ำตาลเข้มสะบัดไหวตามแรงลม เธอยกมือขึ้นปัดปอยผมทัดหู แสงแดดยามบ่ายสะท้อนผิวขาวนวลจนเหมือนเรืองแสงได้
ขนม — อดีตเด็กแสบประจำซอยที่เคยยัดขนมใส่มือพี่กันต์ทุกวัน หลังจากที่เธอเรียนจบและทำงานในกรุงเทพฯ เป็นเวลาเกือบ 6 ปี ตอนนี้กลับมาบ้านเกิดเพราะได้งานใหม่ที่นี่
เธอถือถุงของฝากในมือ ตั้งใจจะมาเยี่ยม ‘มิว’ เพื่อนสนิทบ้านข้าง ๆ ที่อยู่กับพี่ชายของเธอ—พี่กันต์ ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยตามจีบจนเพื่อนล้อทั้งซอย
“ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ บ้านนี้” เธอยิ้มพลางมองรั้วเหล็กที่เคยปีนหนีตอนโดนพี่กันต์ดุเรื่องแอบเอารถเขาไปล้าง
มือเรียวยกขึ้นกดกริ่ง
ติ๊ง...ต่อง...
เสียงฝีเท้าดังจากในบ้าน ก่อนประตูไม้ถูกเปิดออกช้า ๆ และทันทีที่ใบหน้าคมคายของคนที่เธอคิดถึงปรากฏขึ้น...
หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นกว่าเดิม
กันต์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนพับแขนถึงข้อศอก สาบเสื้อแง้มเผยแนวอกแข็งแรง ดวงตาคมเข้มคู่นั้นจ้องเธอราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“...ขนม?”
เสียงทุ้มต่ำลอดออกจากลำคอแหบพร่า
จากเด็กหัวฟูในเสื้อยืดลายการ์ตูน กลายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง ผมยาวสีน้ำตาลเข้มระเรื่อแสงแดด อกเป็นอก เอวเป็นเอว
ผิวขาวอมชมพูสะท้อนแดดยามบ่ายจนเขาต้องเบือนหน้าหนี
“ใช่ค่ะ จำขนมไม่ได้เหรอคะ?”
เสียงหวานมีแววล้อเลียนเล็ก ๆ ปลายประโยคลากยาวจนคนฟังต้องกลืนน้ำลาย
สายตาของเขาเผลอไล่จากปลายผมถึงข้อเท้าโดยไม่รู้ตัว
‘นมแน่น…แค่ก แค่ก! เอวคอด และตาคมๆ เชี่ย!! แย่แล้วกรู!’
กันต์ถึงกับอ้าปากค้าง และพยายามตั้งสติ
เขา—หนุ่มฮอตประจำหมู่บ้าน ที่ปัจจุบันกลายเป็นวิศวกรโครงการ หนุ่มมาดนิ่ง ไฟแรง เจ้าของฉายา ‘พี่กันต์สายคาสโนว่า’
แต่ตอนนี้...แขนขาเขากลับแข็งไปหมดจริง ๆ แน่นอนรวมถึงส่วนนั้นด้วยที่แข็งขึ้นมาภายใต้กางเกง
“โต...มาก” เขาพึมพำเบา ๆ
ภาพเด็กตัวเล็กในชุดนักเรียนที่เคยยัดขนมให้เขาทุกวัน กลับกลายเป็นผู้หญิงที่หอมเหมือนลูกพีช เห็นแล้วอยากกัด
‘ไปโตตอนไหนวะ...’
ขนมอมยิ้ม เธอจงใจยื่นถุงของฝากให้จนปลายนิ้วสัมผัสหลังมือเขา
“ของฝากค่ะ พี่กันต์...เผื่อยังชอบกินของหวานเหมือนเดิม”
กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมผสมกับกลิ่นกายผู้หญิงทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลาย
ภาพเด็กสาวที่เคยยัดขนมให้เขาเมื่อหกปีก่อนซ้อนทับกับหญิงสาวตรงหน้า
— ต่างกันแค่ตอนนี้ เขาอยากกิน ‘ขนม’
“จะยืนมองอีกนานมั้ยคะ?”
เธอเอียงคอถาม ยิ้มหวานราวกับตั้งใจยั่ว ทำไม่รู้ไม่ชี้กับหน้าตาตื่น ๆ ของเขา ดวงตาหวานคมแอบเหลือบมอง ‘ส่วนนั้น’ ของเขาที่มันตุงออกจนเห็นเด่นชัด
‘หึ เมื่อก่อนตามจีบไม่สน ตอนนี้ทำมาสนใจงั้นเหรอ’
“มิวไม่อยู่เหรอคะ?”
“งั้น...ไว้หนูมาใหม่แล้วกันค่ะ” ขนมส่งยิ้มหวาน
กันต์อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออก
เธอหันหลังเดินจากไปช้า ๆ เดรสสั้นพลิ้วไหวตามลม เผยช่วงขาขาวเนียนที่สะท้อนแดดอ่อน ๆ เขาเผลอกลืนน้ำลายอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
“โตขนาดนี้แล้ว...จะให้เรียกหนูได้อีกเหรอวะ…”
เขาพึมพำกับตัวเอง พลางยกมือแตะหน้าอก เพราะหัวใจมันเต้นแรงจนแทบระเบิดอยู่แล้ว
...
ภายในห้องนั่งเล่น บ้านของกันต์ยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากถุงของฝากที่เธอเพิ่งยื่นให้
กล่องขนมเล็ก ๆ วางอยู่บนโต๊ะไม้ตรงหน้า
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นกลิ่นวนิลลาจากขนมหรือกลิ่นน้ำหอมของเจ้าของกันแน่ที่ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
กันต์เอนหลังพิงโซฟา หัวใจยังเต้นแรงไม่ยอมสงบ ภาพของเธอเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนยังวนซ้ำในหัว รอยยิ้มหวาน เสียงพูดที่ไพเราะ และเดรสสั้นที่ทำเอาเขาหายใจติดขัด
สายตาเขาเลื่อนมองกล่องขนม แล้วรอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฏขึ้น
“หนูจะจีบพี่ให้ได้เลย คอยดู!”
เขาหัวเราะ เอานิ้วดีดหน้าผากเธอเบา ๆ
“เร็วไป เด็กน้อยเอ๊ย...”
เสียงหัวเราะในวันเก่าแว่วขึ้นในหัว ภาพเด็กสาวผมฟูแก้มกลมวิ่งมาส่งเขาหน้าบ้านยังติดตา
จนกระทั่งวันนั้น ...วันที่เธอยืนหน้าแดงก่ำในชุดนักเรียน ม.ปลาย
“หนูชอบพี่กันต์ค่ะ!”
“ขอโทษนะ พี่ไม่นิยมกินเด็กอะ”
เขายังจำแววตาเจ็บปวดน้อย ๆ ของเธอได้ดี
แต่วันนี้...
เด็กคนนั้นหายไปแล้ว
เหลือแค่ผู้หญิงที่กลิ่นตัวหอมจนแทบคลั่ง ผู้หญิงที่เขาอยากกอด อยากจูบ อยากลากขึ้นเตียงให้หายคิดถึง
กันต์สูดหายใจลึก พยายามสลัดภาพในหัวแต่กลับยิ่งชัด
เขานึกถึงตอนที่ปลายนิ้วของเธอแตะหลังมือเขา สัมผัสเพียงแค่นิดเดียวแต่กลับรู้สึกเหมือนไฟช็อตทั้งตัว
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอลอยวาบเข้ามาในหัวอีกครั้ง
...ถ้าเขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้กว่านั้นอีกนิด
...ถ้าเธอไม่หันหลังเดินหนีไป
จะเกิดอะไรขึ้นนะ...ถ้าเขาเผลอจูบเด็กคนนั้นตรงประตูบ้าน...
แค่คิด ปลายนิ้วก็เผลอเกร็งแน่นอยู่บนต้นขา
ร่างกายรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ภาพของเธอในเดรสสั้นชวนให้ใจเต้น และส่วนล่างของเขาก็ดันมีปฎิกิรยาตอบสนองไวจนน่าหงุดหงิด
เขาเอนตัวพิงโซฟา หลับตาลง แต่กลับเห็นภาพเธอซ้ำในหัวตลอดเวลา ริมฝีปากแดงระเรื่อ...เดรสสั้นแนบตัว...เสียงหวานที่ยังวนอยู่ในหู
‘อยากกินเด็กว้อย!!’
“พี่กันต์!”
เสียงเรียกแหลมเล็กดังมาจากประตูจนเขาสะดุ้งแทบร่วงจากโซฟา
มิว — น้องสาวตัวแสบ เดินเข้ามาพร้อมถุงของกินในมือ
“ทำไมหน้าแดงขนาดนั้นอะพี่? แอร์เสียเหรอ?”
กันต์กระแอมเล็กน้อย รีบขยับตัวให้ดูปกติที่สุด
“ไม่มีอะไร...แค่คิดอะไรเพลิน ๆ นิดหน่อย”
มิวหัวเราะในลำคอ หรี่ตามองพี่ชายอย่างเจ้าเล่ห์ รู้ดีว่าคำว่า ‘เพลิน’ ของพี่ชายคาสโนว่าตัวดีไม่พ้นเรื่องสิบแปดบวกแน่นอน
“เพลินกับอะไรล่ะ~?”
กันต์เบือนหน้า
“อย่ามากวน”
สายตาน้องสาวเหลือบไปเห็นกล่องขนมบนโต๊ะก่อนจะเลิกคิ้ว
“แล้วนั่นอะไรคะ?”
“ขนมเอามาให้น่ะ”
“ขนม...เพื่อนมิวอะนะ?”
มิวเบิกตากว้าง
“นางมาหาเหรอ! มาตอนไหน! แล้วทำไมไม่เรียกมิวออกมาด้วย!”
คำถามรัวติดกันเป็นชุด มือเล็ก ๆ เขย่าแขนพี่ชายไม่หยุดจนเขาถอนหายใจ
“วู้ว~ ใจเย็นหน่อยสิ แม่น้องสาว!”
เขาพูดกลั้วหัวเราะ
“ขนมแวะมานิดเดียว แล้วบอกว่าจะมาใหม่”
“ไม่ได้ละ มิวต้องโทรหาก่อน!”
มิวพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์เพื่อนรักแทบจะทันที
กันต์มองท่าทีตื่นเต้นของน้องสาวแล้วไอเดียบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว...ทั้งเพื่อตัวเอง...และเพื่อจะได้เจอเธออีกครั้ง
“ก็ชวนขนมมากินข้าวเย็นสิ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่แฝงรอยยิ้มไว้ในมุมปาก
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานไม่ใช่เหรอ?”
“หืมม พี่ดูแปลก ๆ นะ~” มิวหรี่ตาใส่ แต่ก็ยิ้มร่า รีบโทรหาเพื่อนต่อโดยไม่คิดมาก
กันต์หัวเราะเบา ๆ พลางเปิดกล่องที่เธอเอามาให้
กลิ่นหอมของคุกกี้เนยกลิ่นวนิลลาลอยอบอวลทันที ของโปรดของเขาและของมิว
เขาหยิบชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาชิม เนื้อคุกกี้กรอบนอกนุ่มใน ละลายในปากจนเขาหลับตา
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นแรงกลับไม่ใช่รสหวานของคุกกี้...
หากเป็นกลิ่นหอมของเธอที่ยังติดอยู่บนกระดาษห่อ...หอมจนอยากกัดเจ้าของมากกว่า
กันต์วางกล่องคุกกี้ลงบนโต๊ะช้า ๆ รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นสะท้อนแววตาคมที่ซ่อนบางอย่างไว้ภายใน ความคิดถึงที่ผสมความอยากรู้...อยากเจอ...อยากสัมผัส
‘ไม่ได้เจอกันตั้งหกปี...แล้วจะให้พี่ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรได้ยังไงกันล่ะ ขนม...’
เขาเอนตัวพิงโซฟา หลับตาลงอีกครั้ง ทว่าภาพเธอในเดรสสั้นกลับชัดขึ้นกว่าเดิม รอยยิ้มหวาน เสียงหัวเราะใส และกลิ่นวนิลลาที่ไม่ยอมจาง...ทุกอย่างเหมือนยังอยู่ตรงนี้ อยู่ในบ้าน อยู่ในใจ อยู่ในทุกลมหายใจของเขา
กันต์หัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง
“ตั้งแต่พรุ่งนี้...พี่จะไม่ปล่อยให้หนูหนีไปง่าย ๆ อีก”
สองวันถัดมา...หลังจากที่ขนมรู้ว่า คนส่งกาแฟให้เธอทุกวันคือใคร ก็ถึงเวลาอ่อยกลับแบบเนียน ๆ แล้วล่ะขนมนั่งทำงานหน้าคอมเงียบ ๆ แต่มือกลับไถดูมือถือที่เพิ่งค้นประวัติร้านขนมเจ้าเก่าที่อยู่ในตลาดใกล้โรงเรียนมัธยมเก่า“ขนมเปียกปูนมะพร้าวอ่อน” ขนมที่เขาเคยกินตอนมัธยมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธอจำได้ขึ้นใจตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กน้อยที่เอาแต่แอบมองพี่กันต์นั่งกินใต้ต้นมะม่วงหลังตึกเรียนแต่ตอนนี้...เธอโตพอจะซื้อให้เขาแล้วเธอสั่งขนมเปียกปูน 2 กล่องจากร้านดั้งเดิม พร้อมกับฝากโน้ตเล็ก ๆ ไปด้วย ให้ไรเดอร์ส่งตรงไปยังสำนักงานของ KTEG“ไม่รู้ว่ายังชอบขนมเหมือนเดิมมั้ย แต่หนูจำได้...ว่าพี่เคยกินทุกเย็นหลังเลิกเรียน"โดยที่เธอก็ไม่ลงชื่อในโน้ตเหมือนกัน...ช่วงบ่าย — ที่ไซต์ก่อสร้างสำนักงานใหญ่ KTEGกันต์กำลังคุมหน้างานอยู่ จู่ ๆ ก็พนักงานรปภ. ก็เดินถือถุงขนมพร้อมโน้ตเล็ก ๆ มาส่งให้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหยิบมาเปิดดู‘ขนมเปียกปูนมะพร้าวอ่อน’แถมยังมาจากร้านเดิมที่เขาเคยซื้อทุกวันสมัยม.ปลาย ร้านที่เขาเองยังนึกไม่ถึงว่าเธอจะจำได้มือใหญ่เปิดโน้ต อ่านเพียงไม่กี่บรรทัด ก็หลุดยิ้มกว้าง...
K-TECH Engineering Group หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้น ๆ ว่า KTEG คือหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมก่อสร้างอัจฉริยะ มีโปรเจกต์นับไม่ถ้วนที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเมืองทั้งระบบและกันต์ก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านั้นเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายภายใต้ตำแหน่งที่ใคร ๆ ก็คิดว่าเป็นเพียงซีเนียร์โปรเจคเอ็นจิเนียริ่งธรรมดา ๆ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร และจริง ๆ แล้วร่ำรวยขนาดไหน เขาเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องบอก เพราะในใจ...มีเรื่องอื่นให้คิดมากกว่านั้นโดยเฉพาะเด็กข้างบ้านที่เขาเคยคิดว่า ‘ไม่เอา’ แต่ตอนนี้...เขากลับอยากได้จนแทบทนไม่ไหวกันต์จำได้ดีว่าเธอเคยวิ่งตามเขาในชุดนักเรียนมัธยมปลาย พร้อมกล่องขนมในมือและรอยยิ้มกว้างที่สดใสที่สุดในโลกจำได้ว่าเธอเคยสารภาพรัก ก่อนจะร้องไห้ออกมา เพราะเขาปฏิเสธเธออย่างไม่ไยดีเขาคิดว่าเธอแค่เด็ก คิดว่าอีกหน่อยก็ลืม แต่ตอนนี้คนที่ดันไม่ลืมกลับกลายเป็นเขาเองและเพราะแบบนั้น เขาถึงไม่กล้ามองเธอตรง ๆไม่กล้าพูด ไม่กล้าถาม ไม่กล้ารุกแรง...แต่ก็หยุดความคิดของตัวเองไม่ได้เลยสักวันเขาเริ่มคิดว่า จะจีบเธอแบบไหน ถึงจะเนียน
ที่มุม VIP ด้านในสุดของ Glow Room ราวินกับกันต์นั่งเอนกายบนโซฟาหนังนุ่ม จิบวิสกี้เย็น ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่นัดกันมาสังสรรค์บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง เสียงดนตรีเร้าใจแต่ไม่กลบเสียงพูดคุย เพลงเปลี่ยนจังหวะเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ แสงไฟหมุนช้า ๆ พาดผ่านโต๊ะและใบหน้าของคนในกลุ่มเป็นจังหวะจู่ ๆ เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งหันหน้าออกไปทางประตูร้านก็เบิกตากว้าง“เห้ยยย...นั่นน้องขนมนี่หว่า! โตแล้วสวยขนาดนี้เลยเหรอ?”กันต์ที่ตอนแรกนั่งหันหลังให้ฝั่งประตูหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อ เขารีบหันไปตามสายตาเพื่อน...แล้วก็เห็นขนมกำลังก้าวเข้ามาในผับร่างบางที่เดินเยื้องกรายภายใต้สปอร์ตไลต์ ประกอบกับแสงไฟสีม่วงอมทองก็สาดส่องบนร่างระหงนั้นพอดีกันต์ถึงกับสตั๊นราวกับโดนสาปให้กลายเป็นหิน ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มจ้องมองทุกท่วงท่าของเธอเสื้อเชิ้ตครอปสีขาวไข่มุกแนบเนื้อแนบใจ หน้าอกอวบอิ่ม กางเกงยีนส์เอวต่ำขับผิวขาวเนียนจนอยากยื่นมือไปสัมผัสร่างบาง ผมลอนนุ่มแกว่งไปตามการก้าวเดินริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนที่ตอนนี้กำลังยิ้มกับเพื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ‘แม่งเอ๊ย! อยากกดให้จมเตียง!!’กันต์ได้แต่
สองวันต่อมา...ช่วงเย็น ขนมที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังสีพีชสองชั้นที่ตอนนี้เธออาศัยอยู่คนเดียว เดิมทีบ้านหลังนี้เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของครอบครัวแต่เมื่อพ่อกับแม่ของเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นอย่างถาวรหลังจากธุรกิจลงทุนของคุณพ่อ ดันเกิดปังปุริเย่ระเบิดเถิดเทิงแบบไม่ตั้งใจ ชีวิตของขนมจึงพลิกผันกลายเป็นสาวโสดในบ้านหลังใหญ่โดยสมบูรณ์แม้ใครจะมองว่าน่าเหงา...แต่ไม่ใช่สำหรับเธอก็แหม...อยู่ตัวคนเดียว มีบ้าน มีรถ แถมยังมีอิสระให้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยสแกนชุดก่อนออกจากบ้าน ใครจะไม่ชอบล่ะ?ส่วนบ้านข้าง ๆ ที่แทบจะแชร์รั้วเดียวกัน ก็เป็นของมิวเพื่อนสนิทที่กลายเป็นเหมือนฝาแฝดคนละบ้าน และพี่กันต์ พี่ชายสุดฮอตเจ้าของฉายา ‘คาสโนว่า’ ที่ทำเอาเธอแอบเขินทุกครั้งเวลาเผลอเดินสวนกันครอบครัวของมิวกับพี่กันต์ก็ไม่ได้ต่างจากครอบครัวของขนมเท่าไหร่นัก หลังจากประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับอินเตอร์ พ่อแม่ของพวกเขาก็บินไปบริหารงานสาขาต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ ทิ้งสองพี่น้องไว้ในเมืองไทยอย่างอิสระเสรีไม่แพ้กันและนั่นเอง...คือจุดเริ่มต้นของความสนิทที่กลายเป็นความคุ้นเคยและสุดท้าย...เหมือน
เช้าวันแรกของการเริ่มงานที่บริษัทวิสต้า คอร์เปอร์เรชั่น สาขาเมืองต้นแบบ ขนมเดินเข้าสำนักงานด้วยท่าทางคล่องแคล่ว และความตื่นเต้นเล็ก ๆ ในหัวใจออฟฟิศแห่งนี้ตกแต่งอย่างเรียบหรู ผสานความล้ำสมัยเข้ากับความอบอุ่น ทุกคนดูเป็นกันเอง ไม่มีความเคร่งเครียดแบบที่เธอเคยจินตนาการถึงเพียงไม่กี่นาทีหลังเธอเซ็นชื่อเข้าทำงาน ร่างสูงในสูทสีน้ำตาลอ่อนก็ก้าวเข้ามาทักทาย“ขนม?”หญิงสาวหันขวับตามเสียง และเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“พี่วิน!?”“ใช่แล้ว จำพี่ได้ด้วย ดีใจจัง” ราวินหัวเราะอย่างเป็นมิตร ดวงตาคมกริบยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม“แหม~ พี่วิน เพื่อนสนิทของพี่กันต์ ใครจะลืมได้ลงล่ะคะ” ขนมหัวเราะอย่างสบายใจขึ้นมาทันทีที่เจอคนคุ้นหน้า“เราทำงานที่นี่เหรอ?”“ค่ะ ขนมมาเป็นเลขาฯ ท่านประธานค่ะ”เธอพูดด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่า หลายสายตาในออฟฟิศแอบมองพวกเขาอยู่เงียบ ๆ“อย่างนี้ก็แสดงว่า...เราได้ทำงานด้วยกันน่ะสิ” ราวินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย“หืม?” ขนมเลิกคิ้วงง ๆ“ยังไงคะ?”“มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้”ราวินยักคิ้วให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำไปทางลิฟต์ฝั่งผู้บริหาร ซึ่งขนมลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตามไปอย่าง
เช้าวันต่อมา...แดดอ่อน ๆ ส่องลอดม่านเข้ามาในห้องของขนม เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นพอดีกับที่เธอลืมตาตื่น วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานตำแหน่งเลขาของท่านประธานขนมลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินออกมาในชุดเดรสสีพาสเทลเข้ารูป ทับด้วยเบลเซอร์สีครีมบางเบา กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ผมลอนคลายถูกรวบครึ่งหัวดูหวานละมุน และเผยให้เห็นลำคอขาวเนียนรับกับต่างหูไข่มุกเม็ดเล็กขนมยืนหน้ากระจก ปรับปกเบลเซอร์ให้เข้าที่อีกครั้งก่อนหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นบ่า ทันทีที่เปิดประตูบ้านออก ก็เห็นมิวกำลังยืนหาวอยู่หน้าบ้านตัวเองพอดี“จะไปแล้วเหรอ ยัยขนม? ไปทำงานที่ไหนอะ?” มิวถามเสียงงัวเงีย“บริษัทวิสต้า คอร์เปอร์เรชั่นน่ะ” ขนมตอบ“ว่าแต่...น่าอิจฉาแกจริงๆ แม่อินฟลูเอ็นเซอร์ ได้ทำงานอยู่บ้าน ไม่ต้องรีบตื่นนอน”ขนมแซะเพื่อน ก่อนยื่นมือมาหยิกแก้มกลมของมิวเบา ๆมิวพึมพำเบา ๆ“…วิสต้าเหรอ? เฮ้ย! นั่นมันบริษัทที่อยู่ใกล้แยกใหญ่นี่! ทางเดียวกับบริษัทพี่กันต์เลย!”แล้วก็ไม่รอให้ขนมตอบอะไร มิวหันกลับเข้าไปในบ้าน ตะโกนเสียงดังลั่น“พี่กันต์! ที่ทำงานของขนมไปทางเดียวกับพี่อะ! ไปส่งหน่อย!!”ไม่นาน เส







