บ้านของพีรพลอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ไกลไร่ชานัก โดยตั้งห่างจากบ้านหลังอื่น เพราะน่าจะซื้อที่ดินของคนที่นี่แล้วสร้างเมื่อตอนชายหนุ่มตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ มิรันตีจำได้ว่ามารดาเขาเป็นคนเหนือและไปทำงานในบ้านของบิดานิติพล แต่จำไม่ได้ว่าจังหวัดอะไร ซึ่งท่านเสียไปนานหลายปีแล้ว
ร่างอรชรนั่งอยู่ที่ชิงช้าตัวยาวหน้าบ้านมองพระอาทิตย์ตกดินพร้อมอากาศที่ค่อยๆ เย็นขึ้นอย่างชื่นชอบบรรยากาศธรรมชาติอันรื่นรมย์ กลับจากไร่ชาเธอกับนิติพลต่างก็แยกย้ายพักผ่อน ชายหนุ่มนอนที่โซฟา ส่วนเธอเข้าห้องจัดของต่อจากเมื่อวานจนเสร็จก่อนจะเผลอหลับไปเช่นกัน ตื่นมาเห็นว่าเย็นแล้วจึงออกมาเดินดูด้านนอกขณะที่นิติพลคุยสายกับคนรัก
“นั่งจนเย็นแล้วยังไม่เข้าบ้านอีก นอกจากยุงจะหามก่อนพี่พีกลับมา ระวังจะหวัดกินด้วย”
ร่างสูงโปร่งนั่งลงข้างๆ พร้อมในมือมีกระป๋องเบียร์ เขาเปิดแล้วก็จิบพลางมองไปข้างหน้าราวชมวิว โดยไม่ได้มองเธอ
“นายนั่นแหละ พรุ่งนี้ทำงานยังจะกินเบียร์อีก”
“กระป๋องเดียวเองจะได้นอนหลับสบาย อีกอย่างอากาศแบบนี้ได้แอลกอฮอล์เข้าไปทำให้เลือดสูบฉีดหน่อยๆ จะได้อุ่นขึ้น เอาไหม”
เขาถามพร้อมยื่นกระป๋องมาให้ มิรันตีก็ทำปากยื่นพลางส่ายหน้า ตั้งแต่เกิดเรื่องถูกมอมยาเธอก็ขยาดแอลกอลฮอล์อย่างบอกไม่ถูก แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนถืออยู่ปลอดภัย หากมันก็ชวนให้นึกถึงเครื่องดื่มที่คนพวกนั้นยื่นมาให้
“หน้าซีดอีกแล้ว”
นิติพลเสียงทุ้มขึ้น ดูไม่ขี้เล่นเหมือนตอนแรก
“รันต้องผ่านมันไปได้แน่ เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วมันเป็นอดีต อย่าปล่อยให้มันฉุดรันให้จมอยู่กับมัน รันต้องเอาชนะมัน มีความสุขกับชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่ของรัน”
มือหนาจับมือเธอไปกุมไว้ทั้งสองข้างหลังจากวางกระป๋องเบียร์ไว้ด้านข้าง แม้มือเขาจะเย็นแต่มิรันตีกลับรู้สึกอุ่นใจกับกำลังใจจากเพื่อนสนิท
“ถ้าอยู่ที่นี่แล้วสบายใจขึ้น แล้วก็รู้สึกดีมีความสุข จะอยู่ไปนานๆ หรือตลอดไปก็ได้นะ”
“พูดอย่างนี้อีกแล้ว ทั้งที่นายก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“เราจะบอกพี่พีว่าเลิกกับรันแล้ว”
“ฮะ?”
เธอมึนเพราะไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจอย่างนี้
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งคิดอะไรให้เครียดไปเลย เราอยากให้รันพักผ่อนจริงๆ ถึงขอพี่พีพารันมาอยู่ที่นี่ แต่...ถ้ามีอะไรดีๆ เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้”
นิติพลกลับไปใช้น้ำเสียงขี้เล่นกับสีหน้าเจ้าเล่ห์ในแบบของเขามิรันตีจึงชักสีหน้าใส่อีกฝ่าย
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละย่ะ”
“อือฮึ เชื่อมากกก”
ใบหน้าขาวคมยื่นมาล้อใกล้ๆ จนเธอต้องผลักออกอย่างหงุดหงิด
“ฉันเกลียดนายจริงๆ ให้ตายสิ”
อีกฝ่ายรวบมือเธอจับไว้ทั้งสองข้างเช่นเดิม
“แต่เราชอบรันนะ”
“หึ”
เธอทำเสียงหมั่นไส้ใส่เจ้าตัวก็หัวเราะออกมาราวถูกอกถูกใจ มิรันตีจึงยิ้มตาม นิติพลมักทำให้เธออารมณ์ดีเสมอ เขารู้ว่าควรจะพูดอย่างไร ทำอย่างไรเธอจึงรู้สึกดีขึ้น
เสียงแตรรถกับไฟจากหน้าประตูรั้วบ้านทำให้ทั้งสองคนหันมองแล้วนิติพลก็เอ่ยขึ้น
“เรื่องพี่พีเราจัดการเอง ไปอาบน้ำเถอะ นั่งข้างนอกนานแล้วเดี๋ยวไม่สบายเอา”
มิรันตีพยักหน้ารับแม้จะกังวลอยู่บ้างว่าเพื่อนสนิทจะพูดกับพี่ชายของเขาอย่างไร ทว่าเธอก็หวั่นใจกับท่าทางของพีรพลจึงเลี่ยงเข้าบ้านไปก่อนตามที่เพื่อนบอก แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากอาบน้ำเสร็จก็ต้องทำใจแข็งมานั่งกินมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งสามคน
“ถ้าไม่ใช่พี่พี ผมคงไม่กล้าฝากรันไว้”
“อืม ไม่ต้องห่วง จะมาเยี่ยมทุกอาทิตย์ก็ได้”
“แหม คงไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ อยู่กรุงเทพฯ ยังไม่เจอกันทุกอาทิตย์เลย”
นิติพลเอ่ยขำๆ กับพี่ชายแล้วหันมายังเธอ
“กินข้าวเยอะๆ ล่ะ ฝีมือพี่พีอร่อย ต้องฟาดให้เรียบ รู้ไหม”
มิรันตียิ้มเจื่อนเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาจับไหล่ข้างหนึ่งแล้วย้ำเรื่องไร้สาระ เข้าใจว่านิติพลอยากให้เธอผ่อนคลายจะได้ลดความกังวลใจลง แต่ถึงอย่างนั้นการจะต้องอยู่กับพีรพลตามลำพังนับจากนี้เป็นต้นไปก็ทำให้เธอนอนพลิกไปมาอยู่ค่อนคืนกว่าจะหลับ จนถึงตอนนี้ก็ยิ่งใจเต้นระรัวอย่างตื่นเต้นแม้ว่าจะมีความวิตกอยู่ด้วยก็ตาม
“ไว้โทรคุยกันนะ”
เธอบอกอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้พลางลูบไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะผละไปขึ้นรถซึ่งพีรพลจะขับไปส่งที่สนามบิน มิรันตีไม่ได้ไปด้วยเพราะเพื่อนหนุ่มบอกว่าเธอจะได้ไม่ต้องไปเจอผู้คนกับความวุ่นวาย และพี่ชายไม่ต้องขับรถย้อนไปมาก่อนไปทำงาน
เมื่อร่างสูงกำยำของพีรพลประจำที่คนขับแล้วขับออกไป มิรันตีก็เดินไปปิดประตูก่อนจะหันกลับมามองบ้านปูนชั้นเดียวก่ออิฐสีแดงสร้างในสไตล์ต่างประเทศทว่าเข้ากับสีเขียวของต้นไม้และขุนเขาด้านหลังแล้วก็บอกตัวเองว่าที่นี่น่าอยู่มาก
เหมือนบ้านในฝันของเธอ
=====
จากนี้ไปรันต้องอยู่กับพี่พีตามลำพังแล้ว จะเป็นยังไงน้า ^^
“ต่อจากเมื่อวานกันนะครับ”เอ่ยจบชายหนุ่มก็จูบซับกลีบปากอิ่ม เม้มแรงทั้งบนล่าง ปลายลิ้นอุ่นซอกแซกไล้ไปมาจนสามารถเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเธออย่างเร่าร้อนมือหนาบีบเคล้นทรวงอวบที่ยังมีผ้าลูกไม้เกาะครึ่งเต้าทรวงก่อนปลายนิ้วแกร่งจะไล้ผ่านเนินขาวขึ้นไปเกี่ยวสายเส้นเล็กลงจากไหล่บางปล่อยสองทรวงอวบใหญ่ให้เผยต่อตา ใบหน้าคมคายซุกไซ้สูดกลิ่นกายสาวปะปนสบู่เหลวหอมสดชื่น เม้มผิวอ่อนบางตรงซอกคอแล้วไซ้ลงมาหายอดอกสีหวาน เบียดแก้มสากเสียดสีกระตุ้นเร้ากายสาว และเขาก็อยากสัมผัสอกอวบคู่งามที่สุดสำหรับตนให้เนิ่นนานปากอุ่นจัดขยับเม้มยอดทรวงราวหยอกเย้าจนชูช่อโดดเด่นทั้งสองข้าง ก่อนรวบก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นเข้าอุ้งปากตน ดูดดื่มเบาแล้วเพิ่มแรงขึ้นจนหญิงสาวครวญคราง มือบางขยุ้มผมเขาหากพีรพลไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดชายหนุ่มไม่ได้ปลุกเร้าเพียงอกสาว เขาส่งมืออีกข้างสอดผ่านกางเกงขายาวเนื้อหนาของมิรันตีเข้าไปลูบโลมความสาวบอบบาง แล้วยังเคลื่อนเข้าไปแตะต้องจนถึงเนื้อใน ปลายนิ้วลากไล้ก่อนจะรุกรานอย่างย่ามใจเพราะขาเรียวสองข้างขยับกว้างเปิดทางอย่างไม่ต้องบังคับหรือบอกกล่าวมิรันตีครางเสียงเครือรับการปรนเปรอจากนิ้วแกร่ง แล
ประตูห้องเปิดผลัวะออกอย่างแรงพร้อมกับหมอนกระแทกเข้าใส่หน้าเขาเต็มๆ ทำเอานิติพลหน้าหงาย แต่ก็รับหมอนไว้ได้ก่อนหล่นลงพื้นพร้อมกับมองหน้าพี่ชายด้วยความงุนงง ทว่าพอเหลือบไปด้านหลังแล้วเห็นเจ้าของร่างอรชรรีบเดินตามมาใกล้พี่ชายที่ตีหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่ก็เข้าใจได้ทันที“เอ่อ ผมไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้”เขาบอกพร้อมสีหน้ารู้สึกผิดมิรันตีรีบแทรกมายืนด้านหน้าพีรพลพลางยิ้มเจื่อนส่งสายตาขอโทษเพื่อนแล้วบอกสิ่งที่ตนตั้งใจในตอนแรก“ฉันแค่มาเช็กว่าพี่พียังมีไข้หรือเปล่าน่ะ แล้วก็จะกลับแล้ว”“เหรอ เช็กจนผมยุ่งไปหมดเลยเนอะ โอ๊ะ...”ร่างโปร่งของนิติพลผงะเซไปด้านหลังก้าวหนึ่งเพราะพี่ชายแอบยกเท้ามายันขา แล้วก็เป็นจังหวะให้มิรันตีรีบแทรกออกไปเมื่อมีพื้นที่ หญิงสาวก้มหน้างุดไม่มองใครอีก คนเป็นเพื่อนมองตามแล้วก็ถอนหายใจหันกลับมาก็เจอเข้ากับสายตาดุเข้มของพี่ชาย“นอนข้างนอกไปเลย”“โธ่พี่ ล้อเล่นนิดเดียว ไม่คิดว่ารันจะอายขนาดนี้”“น้องเวร เป็นเพื่อนยังไงวะ”“ขอโทษครับพี่”“ไปขอโทษรันโน่น”นิติพลหน้าซีด พลางส่ายหน้า“ตอนนี้รันงอนอยู่ เอาไว้พรุ่งนี้ใจเย็นก่อนดีกว่า”เขารู้ว่าควรง้อเจ้าตัวและเอาอกเอาใจเมื่อไร มิรันตีไ
เพราะเจ็บไม่น้อยวัชพลจึงให้พีรพลไปหาหมอที่อนามัยใกล้ๆ และกลับบ้าน แล้วให้กัญญาเฝ้าร้านกับเดือน เนื่องจากรู้ว่ามิรันตีก็ต้องตามไปดูแลเขากลับมาถึงบ้านหลังจากทำแผลที่สถานีอนามัยมิรันตีก็ประคองชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาแล้วไปเอาน้ำมาให้เขา เธอพยายามเก็บอาการน้ำตาซึมกับสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาของตัวเองเอาไว้อย่างที่สุด แต่เมื่อชายหนุ่มดื่มน้ำแทบไม่ได้ แม้แต่จับแก้วยังลำบากเธอก็น้ำตาไหลจนได้“โธ่ พี่พี”ปลายนิ้วเรียวแตะโหนกแก้มช้ำกับมุมปากที่แตกของชายหนุ่มแล้วเลื่อนมือลงมาจับมือหนาที่แตกทั้งสองข้างขึ้นดู“เจ็บมากสินะคะ”พีรพลหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยิ้มอ่อนเธอจึงหน้างอ“ยังจะหัวเราะอีก รันตกใจแค่ไหนรู้ไหมคะ ที่เห็นคุณแก้มพยุงพี่พีเข้ามาร้านในสภาพนั้น”หญิงสาวเสียงเครือแล้วก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาหยดลงบนมือหนาถูกแผลทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆ เพราะแสบแต่ก็ทนได้ ทว่าเขาไม่อยากให้เธอร้องไห้ พีรพลจึงเป็นฝ่ายเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเรียวสวยเงยขึ้นเกลี่ยนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้“ทำเพื่อรัน เจ็บตัวนิดๆ หน่อยๆ พี่ทนได้”“นิดหน่อยที่ไหนกันคะ”“เอาน่า อย่างน้อยพวกนั้นก็จะไม่มาเหยียบที่ไร่ดิฐวัฒน์อีก”มิรันตีม
“มึงคิดว่ามึงแน่เหรอ ฮะ!”หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น“มึงกล้ามีเรื่องกับลูกค้าอย่างพวกกูเหรอ”อีกคนพูดเสียงดังตรงจุดนี้เป็นส่วนที่คนเข้ามาถึงน้อยเพราะจัดเอาไว้อย่างเฉพาะ ซึ่งไม่ไกลจากที่จอดรถของพีรพลนัก และเวลานี้ก็ไม่มีคนอื่นมาสูบบุหรี่“เออ กูจะเอาให้พวกมึงไม่กล้าเห่าหอนถึงผู้หญิงเสียๆ หายๆ ได้อีก”พีรพลสวนกลับอย่างไม่กลัว“มึงมาเสือกอะไรวะ หรือว่า...”คนพูดกระตุกยิ้มมุมปาก“นั่นเมียมึง”ไม่ต้องอธิบายก็รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงใคร พีรพลกระโดดยกขาเข้าไปหาในทันใดและมันก็กระโดดหลบ ขณะที่เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือรีบเข้ามารุมจับเขา ชายหนุ่มสลัดออกก่อนหันไปต่อยอีกคน แต่ก็ถูกถีบสีข้างจนเกือบล้ม แล้วก็มีคนตามมากระชากไหล่ไปต่อยการเตะต่อยสามรุมหนึ่งเป็นไปอย่างชุลมุน พีรพลโดนทั้งถีบทั้งต่อยไปหลายครั้ง หากเขาก็เหวี่ยงหมัดเอาคืนทั้งสามไปอย่างไม่หยุดหย่อนราวเรี่ยวแรงไม่หดหาย ครู่หนึ่งจึงมีคนเข้ามาห้ามซึ่งเป็นวัชพลกับคนงานในไร่อีกสองคน“หยุดได้แล้ว”วัชพลเสียงเข้ม เข้าไปกระชากหนึ่งในลูกค้าล็อกแขนไว้ คนงานอีกสองคนก็จับสองคนที่เหลือ“ปล่อยสิวะ”แม้จะไม่มีใครยอมแต่เพราะทั้งเจ็บตัวทั้งอ่อนล้าทำให้สลัดวัชพลกับคน
‘แกคิดว่าแม่เห็นแกเป็นเครื่องผลิตเงินหรือไง’เมื่อไปรับมารดาที่บ้าน มิรันตีก็ขอโทษและท่านก็เอ่ยมาราวประชด แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองเธอ ทั้งยังพูดกับพีรพลด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น ไม่ได้ซักหรือถามไถ่เรื่องงานอีก ทว่าหลังจากมาติกาออกจากโรงพยาบาลในวันถัดมา ก่อนจะลากลับมารดากลับพูดในสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับน้ำตาซึม‘ฝากรันด้วยนะคะ เด็กคนนี้ชอบทำเป็นเก่ง แต่ยังไงก็ต้องมีคนดูแล’หลายเดือนผ่านไป มิรันตีได้ฝึกชงกาแฟกับชาและเครื่องดื่มอื่นๆ เพิ่มอีกหลายเมนูจนคล่องแคล่ว แต่บาริสต้าหลักยังเป็นพีรพลและเดือนเป็นผู้ช่วย ส่วนเธอนั้นทำเมนูที่ไม่ยุ่งยากหลายขั้นตอน อีกอย่างที่นี่ก็มีเค้กที่ทำเองด้วย ซึ่งอุปกรณ์ครบพร้อมอยู่ด้านใน ส่วนนี้เดือนจะเป็นผู้ทำโดยมีเธอช่วย และเดือนก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพีรพลดี‘ก็พอจะมองออกน่ะนะ’อีกฝ่ายยักไหล่พร้อมบอกอย่างไม่แปลกใจเมื่อเธอสารภาพกับเจ้าตัวหลังกลับจากกรุงเทพฯ ในเมื่อที่บ้านเธอเกิดเรื่องแต่ชายหนุ่มกลับตามไปด้วยอย่างไรก็ดูน่าแปลกวันนี้เป็นวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์ในไร่จึงมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก และนิติพลก็บอกว่าจะมาเยี่ยม แต่เขาจะมาวันพรุ่งนี้เพราะใช้เวลากับคน
ร่างอรชรถูกปล่อยลงใกล้เตียงนอนและชายหนุ่มก็กอดจูบลูบไล้เรือนกายนุ่มละมุน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอไปด้วย มิรันตีเองก็ดึงชายเสื้อชายหนุ่มจากเอวกางเกง ร่างสูงโปร่งถอยห่างเล็กน้อยจัดการกับชุดของเธอจนเหลือเพียงซับในสองชิ้นเขาก็ถอดเสื้อตนออกอย่างรวดเร็ว แล้วโอบพาเธอลงไปนอนบนเตียงมือหนาลูบแก้ม ไล้ปลายนิ้วโป้งบนกลีบปากอิ่ม ก่อนจะลากมือระเรื่อยผ่านลำคอบางมาถึงเนินอวบขาว ปัดป่ายเย้ายวนใจพร้อมริมฝีปากได้รูปประกบกับกลีบปากอิ่มที่เห่อแดงด้วยฤทธิ์จูบก่อนหน้านี้มิรันตีเปิดรับเมื่ออีกฝ่ายส่งลิ้นเข้ามาเกี่ยวรัดพัวพัน รับรู้ได้ถึงมือหนาเกาะกุมอกอวบเคล้นคลึง ขณะเดียวกันต้นขาแกร่งก็แทรกกลางร่างเสียดสีเร้าอารมณ์อย่างเร้าใจทำเอาเธอเกร็งไปทั้งตัวดื่มด่ำกับจูบหวานลึกซึ้งแล้วปากอุ่นก็ค่อยเคลื่อนแตะแผ่วพรมทั่วลำคอขาว ซุกซบดอมดม เม้มผิวอ่อนจนแดงเรื่อแล้วจึงไต่ลงต่ำจูบซับเนินอกสองข้าง และเริ่มปลดตะขอเปิดปลือยเต้าทรวง ความกลมกลึงอวบใหญ่กับยอดอกสีหวานชวนลิ้มลองปรากฏต่อหน้า ใบหน้าคมคายก็ถูไถจนได้ยินเสียงหวานครางผะแผ่ว“รันสวยที่สุด”ชายหนุ่มพึมพำแล้วไล้ลิ้นระรัวเหนือยอดอกสีหวานที่ชูชันตื่นตัวเต็มที่และย้ายไ