LOGIN"นึกว่าจะไม่ให้"
"เอ๋!!!" เสียงคุ้นๆ นะ ร่างบางหันไปตามเสียงที่ได้ยินให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด และเป็นเขาคนที่ฉันล็อคมงเอาไว้ ยืนพิงผนังพ่นควันสีขาวให้ลอยออกไปในอากาศ ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ว่าแต่เขาหมายถึงฉันหรอ? "พูดกับฉันหรอ?" "พูดลอยลอย" ฉันลองมองหันซ้ายหันขวาว่ามีคนอื่นนอกจากฉันยืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า มองจนแน่ใจว่าตรงนี้มีเพียงฉันกับเขาที่ยืนอยู่เท่านั้น เพราะงั้นเจาพูดกับฉันแน่ "ถ้าอยากได้บ้าง ก็ขอดีดีสิ" ฉันกอดอกถามอย่างท้าทาย ใครใช้ให้เขากวนกันก่อนละ เคยได้ยินไหม กวนมา กวนกลับ ไม่โกง! "ง่วงก็กลับไปนอน" ไหนยัยแพรบอกว่าเขาพูดน้อยไง พูดน้อยแบบไหนกัน! "กลับพร้อมกันไหมละ?" ฉันทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้ แต่ก็เว้นระยะห่างไม่ให้ใกล้จนเกินไป เงยหน้ามองคนตัวโตที่ปรายตามามองเพียงครู่ก่อนจะทิ้งบุหรี่ในมือลงถังขยะด้านข้าง แล้วก้าวเข้ามาหาฉันจนปลายรองเท้าของเราทั้งคู่ชนกัน แถมยังถือวิสาสะโอบเอวฉันไว้ไม่ให้ถอยหนี ทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเจือกลิ่นบุหรี่ปนกลิ่นมิ้นท์อ่อนๆ "หึ" "ตัวสั่นขนาดนี้ ทำเก่ง" ฉันไม่ได้ตาฝาดหรอกใช่ไหม ตาคู่คมมองกันด้วยสายตาเกินคาดเดาไม่หลงเหลือความเย็นชาเลยสักนิด ไหนจะมุมปากได้รูปยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์นั่นอีก ใกล้กันขนาดนี้จะไม่ให้ฉันรู้สึกสั่นไหวได้อย่างไรกัน ไม่อ่อนโยนต่อใจฉันเลยสักนิด "สะ สั่นสู้หรอก" "หึ เก่ง" "ปะ ปล่อย" "..." "ถะ ถ้าไม่ปล่อยฉันจูบนายแน่" "..." นอกจากเขาจะไม่ปล่อยแล้ว ยังกระชับแขนแกร่งที่โอบเอวฉันไว้ให้แน่นขึ้นจนอะไรต่อมิอะไรของฉันแนบเข้ากับแผงอกแกร่งของเขา สัมผัสได้ถึงความแข็งร้อนตรงหน้าท้องทำฉันมวนท้องรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อมาบินเล่นอยู่ในนั้นนับร้อยนับพันตัวเลย เขาคงคิดว่าฉันจะไม่กล้าสินะ ถึงได้แกล้งกันแบบนี้ เอาวะพริบพราว! ถ้าจะต้องเสียจูบแรกทั้งที ก็ต้องได้จูบกับผู้ชายที่ติ๊กถูกตรงสเปคทุกข้ออย่างเขาสิ พอคิดได้อย่างนั้น สองแขนเล็กก็ยื่นไปคล้องคอคนตัวสูงให้โน้มลงมาใกล้อีกนิด เขย่งปลายเท้าเล็กน้อยให้ริมฝีปากได้แตะปากร้ายๆ นั่น ก่อนจะผละตัวออกทันที เขินก็เขิน อายก็อาย แต่ก็อยากเอาชนะเขาด้วยเหมือนกัน "จูบ?" "ใช่หน่ะสิ" จุ๊บ "อื้อ" กึก! "อะ อื้อ" ไม่ถึงหนึ่งวินาทีที่ฉันยืนยันในคำตอบและทำตามที่พูด ปากร้ายนั่นก็ฉกจูบลงมาที่ปากสีแดงของฉัน ริมฝีปากร้อนค่อยๆ ขบเม้มไล่เลียชิมริมฝีปากอวบอิ่มทีละนิด ก่อนจะกัดลงเบาเบาให้ฉันเผลออ้าปากออกเปิดทางให้เขาส่งลิ้นร้อนเข้ามาหยอกล้อลิ้นเล็กเล่นไปมา จนฉันแทบจะขาดอากาศหายใจ ราวกับอยากจะบอกว่า แบบนี้ต่างหากที่เขาเรียกว่า 'จูบ' ฉันปล่อยให้เขาจูบสูบวิญญาณอยู่นานหลายนาทีเพราะไม่มีเรี่ยวแรงพอจะขัดขืนจูบอันแสนดุเดือดของเขาได้เลยสักนิด จนลืมไปเลยว่าจุดที่เราสองคนยืนกันอยู่ตอนนี้ไม่ได้ไกลจากหน้าห้องน้ำที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมามากนัก รู้ตัวอีกที ริมฝีปากร้ายก็ถอนออกอย่างอ้อยอิ่งแต่ยังคงวางแตะไว้ตรงปากของฉันพร้อมกับน้ำเสียงแสบพร่าที่ทำให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวมากกว่าเดิม "แบบนี้เรียก...จูบ" ครืด ครืด ครืด "ปะ ปล่อย" ในขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางหนีกลับไปตั้งหลัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาช่วยชีวิตฉันจากเสือร้ายอย่างเขาได้ทันเวลาแบบฉิวเฉียด "พริบพราว แกอยู่ไหนเนี่ย" "หนะ หน้าห้องน้ำ แกอยู่ตรงไหนเดี๋ยวฉันเดินไปหา" "ฉันเดินมาหาแกที่ลานจอดรถ คิดว่าแกจะมารอที่รถฉัน" "โอเค โอเค เดี๋ยวฉันรีบไป" สองมือเล็กตบลงบนบ่าแกร่งเบาเบาส่งสัญญาณให้คนตรงหน้าปล่อยแขนออกจากเอวของฉันได้แล้ว ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดีพร้อมกับยกยิ้มอย่างเหนือกว่า คงจะแกล้งกันจนพอใจแล้วละมั้ง แต่ก็เอาเถอะ! เจอกันคราวหน้าคนชนะต้องเป็นพริบพราวคนนี้เท่านั้น จะทำให้เขายอมมาเป็นแฟนกันให้ได้เลย ก่อนจะไปขอเอาคืนนิดนิดหน่อยหน่อย เผื่อไว้ให้เขาคิดถึงฉันหน่อยแล้วกัน ฟอด ใช่! ฉันอาศัยจังหวะที่เขาไม่ทันระวังตัว เขย่งปลายเท้าขึ้นไปขโมยหอมแก้มสากฟอดใหญ่ แล้วผละตัววิ่งออกมาทันทีโดยไม่หันหลังกลับไปมองว่าเขามีสีหน้ายังไง เพราะฉันเองก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน... "ปากแกเป็นอะไร ทำไมบวมขนาดนั้น" "ห๊ะ อะ อ่อ แมลงต่อยหน่ะ" พอขึ้นรถยัยเพื่อนขี้สงสัยก็ถามขึ้นทันทีที่เห็นความผิดปกติบนใบหน้าของฉัน หูตาไวชะมัด ฉันเลยพูดโกหกคำโตเพราะไม่อยากโดนนางเซ้าซี้ยังไม่อยากตอบคำถามอะไร ใจยังคงเต้นแรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มันทั้งตื่นเต้นทั้งงงว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของฉันเลยด้วยซ้ำมั้ง ไวไฟใช่ย่อย แต่ก็ไม่แปลกหรอกหนุ่มฮอตอย่างเขาคงจะยืนจูบกับผู้หญิงในร้านเหล้าเป็นปกติสินะ สงสัย...ฉันคงต้องเจอศึกหนักซะแล้วสิ #อ่านเพลินๆ สบายๆ กันเหมือนเดิมนะคะดูความประพฤติสามวันของเมียตัวแสบก็คือ หลังจากที่ผมลักพาตัวเธอกลับมากินเค้กด้วยกันที่คอนโด ผมก็ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่ม เพราะเธอกลับไปนอนที่คอนโดของเธอ ปล่อยให้ผมนอนไม่หลับอยู่คนเดียวที่ห้อง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากแอบเถียงคนเดียวอยู่ในใจ...โคตรจะใจร้ายวันนี้ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องตั้งแต่เช้ามืด แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าอร่อยและน้ำเต้าหู้สำหรับเราสองคนตรงไปหาเธอที่ห้องตั้งแต่ยังไม่เห็นแสงรับอรุณ ถือวิสาสะแอบเปิดประตูเข้าไปจัดการวางทุกอย่างในมือบนโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก แล้วพาตัวเองมานอนกอดคนขี้เซาบนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยที่เธอก็ขยับตัวเข้ามาซุกหน้าลงตรงแผงอกทันทีราวกับกำลังรอให้ผมมานอนกอดอย่างไงอย่างนั้น แต่จะตื่นมาโวยวายทีหลังหรือเปล่านั้น ผมตอบอย่างมั่นใจได้เลยว่า...หูชาแน่นอน"นาย เข้ามาได้ยังไงเนี่ย" "เปิดประตู" "โอ้ย!" แล้วนิ้วเล็กเล็กของยัยแม่มดก็หยิกลงเนื้อต้นแขนแกร่งเข้าอย่างจังทันทีที่ตากลมโตตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวาย จนผมแทบอยากจะหยิกคืนตรงตำแหน่งที่ทำให้ใจสั่นไหวด้วยความมันเขี้ยว แต่เพื่อไม่ให้โทษที่มีเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะงั้
"..." ผมยกข้ออ้างจากรอยแดงบนหลังมือพร้อมกับแสดงอาการเจ็บปวดผ่านสีหน้าเหมือนว่ากำลังเจ็บมากราวกับจะทนไม่ไหวให้เธอยอมใจอ่อนเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลและยาทามานั่งลงข้างๆ กัน ก่อนที่สองมือเล็กจะค่อยๆ ประคองมือใหญ่ข้างที่เจ็บของผม เทแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลลงบนสำลีแล้วเอามาเช็ดบริเวณรอบๆ รอยบวมแดงอย่างใส่ใจ แล้วใช้สองนิ้วเรียวสวยค่อยๆ ลูบวนทายาให้อย่างเบามือ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าสวยๆ ก็ยังคงง้ำงอเบะปากเล็กๆ คว่ำจนผมอยากจะกัดสักทีให้หายมันเขี้ยวกึก! จุ๊บไวเท่าความคิดผมก็โน้มหน้าก้มลงไปกัดปากสีแดงหนึ่งทีอย่างท้าทายอำนาจมืด ก่อนจะกดปากจูบตรงที่เดิมโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำตากลมโตถลึงตาใส่นัยน์ตาเป็นเปลวไฟราวกับจะแผดเผาผมให้ไหม้เกรียมเสียอย่างนั้น เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมป๊าถึงไม่อยากทำให้มามี๊โกรธ"กลับไปได้แล้ว" "ไม่กลับ" ผมใช้สองแขนแกร่งรวบตัวคนตัวเล็กที่กำลังเตรียมจะลุกเดินหนีจนเซมานั่งบนตักแกร่ง"ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ" ทำเธอแสดงท่าทีเหมือนม้าพยศพยายามดิ้นไปดิ้นมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของผม "จิ๊" แน่นอนว่าผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ยิ่งร่างบางพยายามขยับตัวดิ้นเท่าไหร่ สองแขนแกร
แกร๊ก! "ยัยแพร ฉันกลับก่อนนะ" คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาในห้องรับรองพยายามเก็บอาการน้อยใจที่มีไว้ข้างใน "อะ อ่าว เดี๋ยวฉันไปส่ง" แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งปิดไม่มิด เพราะตากลมโตแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำใสใสที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา จนเพื่อนรักสังเกตเห็น"นาย เอากุญแจรถมา" เป็นแพรนวลที่หันไปขอกุญแจรถจากคนที่ไปรับเธอมา จัดแจงหยิบกระเป๋าสะพายและเสื้อผ้าของเพื่อน ก่อนจะเดินไปจูงมือเล็กออกจากห้องเงียบๆ ไม่แม้แต่จะแสดงความยินดีกับคนที่พึ่งได้รับรางวัลจากการแข่งขันเมื่อครู่ รู้เพียงแต่ว่าต้องพาเพื่อนรักออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด"..." ปลายนิ้วเรียวยาวพยายามยื่นไปสัมผัสมือเล็กอยากจะรั้งเธอให้อยู่ด้วยกันต่อ แต่เธอกลับเลื่อนมือไปจับกระเป๋าเหมือนเลี่ยงการสัมผัสจากผม เป็นผมเองที่เป็นคนทำนิสัยไม่ดีใส่เธอวันนี้ผมรอเธอมาเป็นกำลังใจตลอดทั้งวัน พยายามเข้าใจว่าเธอมีงานมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ รอเธออย่างใจเย็นทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบรอใคร จนกระทั่งเห็นเธอเดินออกมาจากข้างสนามในชุดที่มันทำให้หัวของผมร้อนจนแทบระเบิดออกมาเป็นไฟ เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยเผยให้เห็นผิวขาวและเน้นทุกสัดส่วนที่ผม
"บี๋ เค้าไปก่อนนะ" "เค้าไปส่ง""ห๊ะ""อะ เอ่อ ไม่ต้องๆ เค้าไปเองได้ค่ะ" อีกแล้ว อีกแล้ว เกือบหลุดพิรุธให้เขาจับได้อีกแล้วยัยพริบพราวฟอดฉันรีบวิ่งเข้าไปกระโดดหอมแก้มใสของคนตัวสูงฟอดใหญ่ ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าพาตัวเองออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด ขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังความลับที่ฉันพยายามเก็บเอาไว้ตลอดหลายวันได้ถูกเปิดเผยออกมาแน่ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา ตื่นเต้นจนทำอะไรหรือพูดอะไรก็พาลทำให้ดูเลิ่กลั่กไปหมด"คุณพ่อขา ลูกสาวคนสวยมาแล้วค่ะ" "หึ มีอะไรให้พ่อช่วยมั้ย" "ไม่มีค่ะ ไม่มี" วัตถุดิบมากมายพร้อมสำหรับทำเค้กขนาดสองปอนด์ถูกวางลงบนโต๊ะไอส์แลนด์สีขาวสะอาดตาในห้องครัวบ้านคุณพ่อ สถานที่ที่ฉันใช้ทำของขวัญวันเกิดให้เขา เพราะมีทั้งเตาอบขนม ไหนจะอุปกรณ์ที่ครบครัน สำคัญที่สุดปลอดภัยจากสายตาคู่คมของเขาแน่นอน"คุณพ่อทานข้าวเช้าหรือยังคะ หนูแวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝากด้วยนะ" "พ่อกำลังอยากกินพอดีเลยลูก" "เดี๋ยวหนูจัดการให้ค่ะ" น้ำเต้าหู้หวานน้อยเพื่อสุขภาพพร้อมกับปาท่องโก๋และซาลาเปาทอดถูกจัดใส่จานเล็กสำหรับใส่ของว่างพร้อมเสิร์ฟ แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะนั่งทานมื้อเช้
"อร่อยมั้ย" ซี่โครงหมูผัดพริกชิ้นพอดีคำถูกตักวางลงในจานข้าวของคนตัวโตอย่างเอาใจ เป็นเมนูโปรดที่ฉันชอบขอให้คุณพ่อทำให้กินอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ได้กลับบ้าน พอวันนี้คุณพ่อทราบว่าฉันจะแวะไปหาก็รีบเข้าครัวทำใส่กล่องเตรียมไว้ให้ฉันกล่องใหญ่ พร้อมกับข้าวสวยสำหรับสองคนและผัดบล็อคโคลีกุ้งสดตัวโตโตที่ทำให้เขาถึงกับเติมข้าวเป็นจานที่สอง"อร่อย"ดีใจจัง ที่เขาชอบรสมือของคุณพ่อจะว่าไปฉันแอบอยากชวนเขาไปนั่งกินข้าวที่บ้านของฉันสักครั้งนะ มีคุณพ่อแสดงฝีมือการทำอาหารแสนอร่อย นั่งกินกันพร้อมหน้าพูดคุยกันแบบผ่อนคลายเหมือนเวลาที่ฉันไปบ้านเขา ที่สำคัญอยากพาเขาไปแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักแฟนคนแรกของลูกสาวคนสวยคนนี้ด้วย"เสาร์นี้ เธอมีงานรึป่าว" "มีช่วงเช้าหน่ะ" งานที่ว่าก็คือ...แอบไปทำเค้กเซอร์ไพร์สเขานั่นแหละ"...""ทำไมเหรอ""เค้ามีแข่งรถ" โดนเซอร์ไพร์สกลับเข้าแล้วสิเรา"เสร็จแล้วเค้าจะรีบไปหาบี๋นะ" "..."แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะใครบางคนเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่ได้ยินว่าฉันมีงานทั้งๆ ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา เอาแต่นั่งตักข้าวใส่ปากทำหน้างอนๆ เหมือ
"ฮัลโหลสาว ตั้งแต่มีแฟนนี่ยิ้มไม่หุบเลยนะ" "พูดเว่อมาก ใครจะยิ้มไม่หุบ" "ฉันไม่ได้บ้านะ" เบื่อจริงๆ เลยยัยเพื่อนคนนี้เนี่ย ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องเรียนก็เอาแต่นั่งแซวกันไม่หยุด ฉันแค่กำลังนั่งแชทคุยกับแฟนอยู่ก็เท่านั้นเอง ทีเรื่องของนางฉันยังไม่แซวเลย หรือจะแซวดี..."ได้ข่าวว่า มีผู้ชายหอบผ้ามาอยู่ด้วยหรอ""ข่าวเก่ามาก" ไม่เก่านะ แฟนฉันพึ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เอ๊ะ! หรือว่าจะเก่าไปแล้วจริงๆ เพราะมาลองนับดูแล้วนี่ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ"อัพเดตมาบ้างเลยนะ" เรื่องของฉัน ยัยแพรนวลยังรู้เกือบทุกเรื่องเลย มีบางเรื่องเท่านั้นแหละที่ฉันไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง เช่น ความแซ่บของเขาที่ฉันเก็บเอาไว้เป็นความลับของฉัน"ไม่ฟินเท่าเรื่องของแกหรอกจ๊ะเพื่อนรัก" นี่ฉันยังไม่ได้เล่าเลยนะ แล้วนางรู้ได้ยังไงว่าฉันฟินฉันไม่ทันได้ต่อล้อต่อเถียงเพื่อนต่อ อาจารย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมแผ่รังสีที่ทำให้เสียงเจื้อยแจ้วกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเงียบกริบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายพากันหันไปสนใจจุดศูนย์กลางตรงหน้าชั้นเรียนด้วยความตั้งใจphalan.pl : กินอะไร เดี๋ยวเค้าซื้อไ







