LOGIN
1.รับงานเดินแบบ 10 งาน
2.มีแฟน 3.ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน นี่คือเป้าหมายที่ฉันแพลนเอาไว้ในปีนี้ สวัสดีค่ะ พริบพราวคนสวยนะคะ ฉันหน่ะชอบเขียนไดอารี่เอามากๆ เลยหล่ะ และในแต่ละปีก็จะต้องเขียนเป้าหมายเอาไว้แบบนี้เสมอเพื่อเป็นชาเลนจ์ให้ตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำได้นะ แต่ปีนี้นี่หน่ะสิ ไม่รู้ว่าจะเป็นปีแรกที่ทำไม่ได้หรือเปล่า เรื่องรับงานไม่เท่าไหร่หรอกไม่ได้ทำให้ฉันหนักใจเท่ากับข้อสองเลยสักนิด ใครจะเชื่อว่าพริบพราวคนนี้เกิดมายี่สิบปีแล้วแต่ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ขนาดมีตำแหน่งดาวคณะพ่วงท้ายชื่อด้วยนะ แม้แต่คนคุยก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย น่าห่อเหี่ยวใช่มั้ยละ? (เสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้า) "ฮัลโหล คุณพริบพราว" "ว่าไงยะ คุณแพรนวล" แพรนวลนางเป็นเพื่อนสนิทในรั้วมหาวิทยาลัยคนเดียวของฉัน ไม่สิ! เราสองคนสนิทกันตั้งแต่มัธยมปลายเลยต่างหากหล่ะ "ไปดื่มไปแดนซ์กันป่ะ" "เบาเบาพอนะ พรุ่งนี้ฉันมีถ่ายงานตอนบ่ายหน่ะ" "ได้สิจ๊ะสาว" "โอเค เจอกัน" ว่าแล้วมาส์กหน้าสักหน่อยดีกว่าจะได้ดูผิวอิ่มน้ำสุขภาพดี ยังพอมีเวลาถมเถ และชุดที่ฉันเลือกใส่ในวันนี้เป็นสายเดี่ยวสีดำตัวสั้นกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาๆ เพราะตั้งใจจะไปนั่งดื่มเบาเบาฟังเพลงสบายๆ เอาบรรยากาศกับเพื่อนเท่านั้น "ฮัลโหลแก อยู่ตรงไหน" "กำลังจอดรถ" "โอเค งั้นฉันรอด้านหน้านะ" "เคเค" และเป็นฉันที่มาถึงร้านก่อนคนนัด จะไม่ให้ถึงก่อนได้ยังไงละ ในเมื่อฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ไรเดอร์มาก็ต้องซิคแซคซอกซอยกว่ารถญี่ปุ่นของยัยแพรนวลอยู่แล้ว ปึก! "โอ๊ย!" ในจังหวะที่ฉันกำลังมองซ้ายมองขวาชะเง้อหาเพื่อนที่บอกว่ากำลังจอดรถ ไม่รู้ว่าไปจอดถึงไหนถึงยังไม่เดินมาสักที แต่แล้วจมูกสวยธรรมชาติของฉันก็ไปชนเข้ากับแผนอกแกร่งที่โผล่พ้นเสื้อของใครบางคนมาพร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดแค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าอาบน้ำวันละสิบรอบ "ถอยได้ยัง" เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า สองเท้าเล็กก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวอัตโนมัติราวกับต้องมนตร์ ผู้ชายอะไรหน้าใสได้ขนาดนี้ จมูกก็โด่งมาก สูงยังกับนายแบบเหมือนอิมพอร์ตมาจากซีรีย์จีนอย่างไงอย่างงั้น นี่ถ้าเดินคู่กับฉันต้องดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกแน่เลย พริบพราวอยากได้คนนี้! "พริบพราว ฉันมาแล้ว" มาขัดขวางความสุขของฉันหน่ะสิ! "..." ว่าที่แฟนของฉันเลยได้โอกาสเดินหนีเข้าไปในร้านไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลยสักคำ ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมๆ ชวนให้ฉันหลงใหล แต่ไม่เป็นไรหรอก พบเจอกันครั้งหนึ่งนับเป็นโชคชะตา ฉันจำมาจากซีรีย์เชียวนะ "แกรู้จักด้วยหรอ" "รู้จักใคร" "ก็พาลัน คนที่แกยืนคุยด้วยเมื่อกี้ไง" "ชื่อพาลัน?" "อ่าฮะ" แล้วประวัติโดยย่อของพาลันว่าที่แฟนของฉันก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีอรรถรสตามสไตล์ยัยแพรนวลทันทีที่เราสองคนหย่อนสะโพกลงโซฟาสีแดงมุมลับของร้าน 'พาลัน' วิศวะโยธาปีสาม หยิ่งและเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นหนุ่มฮอตอันดับต้นๆ ที่สาวๆ หมายปองแต่ยังไม่เคยมีใครได้ใจเขาไปนอนกอดเลยสักคน เขาเกิดและโตที่อเมริกาและพึ่งกลับมาเรียนที่ไทยเมื่อตอนปีหนึ่งนี่เอง ว่ากันว่ามหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่คือธุรกิจของครอบครัวเขาคนนี้นี่แหละ หล่อ รวย เย็นชา ดูน่าค้นหาแบบนี้สเปคพริบพราวเลย แล้วฉันจะใช่สเปคของเขาหรือเปล่านะ... "อุ๊ย! แก แปดนาฬิกา" "แปดนาฬิกาอะไร นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว" ฉันโวยวายใส่เพื่อนหลังจากก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือจนแน่ใจ ว่าตัวเองไม่ได้เมาจนดูเวลาผิด "ยัยบ้านี่ หันไปดูนั่น" แพรนวลยื่นสองมือมาจับหัวฉันให้หันไปมองตามทิศทางที่นางบอกราวกับฉันเป็นหุ่นยนต์ เป็นเขา 'พาลัน' นั่งอยู่กับผู้ชายอีกสองคนน่าจะเป็นเพื่อนที่คณะกลุ่มเดียวกับเขานะ เพราะถ้าตามที่แพรนวลเล่า มีแค่เพื่อนเขาเท่านั้นแหละที่เข้าใกล้เขาได้ จะว่าไปรัศมีความเย็นชาของผู้ชายกลุ่มนั้นแรงมากนะ ขนาดฉันนั่งอยู่ตรงนี้ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เย็นยะเยือกจนขนแขนลุกได้เลย เพื่อไม่ให้ดูประเจิดประเจ้อจนเกินงามฉันเลยรีบปัดมือยัยเพื่อนบ้าออกแล้วหันกลับมาสนใจค็อกเทลสีสวยตรงหน้าแทน ถ้ามันเป็นพรหมลิขิตเราสองคนคงได้เจอกันอีกครั้ง ถึงตอนนั้นค่อยพาตัวเองไปให้เขารู้จัก ก็ไม่สาย "แก แวะเข้าห้องน้ำก่อนนะ" "ได้สิ" ในเมื่อวันนี้ตั้งใจจะมาดื่มเบาเบา ฉันกับเพื่อนเลยลุคจากเก้าอี้กันตั้งแต่ห้าทุ่ม แอบเสียดายอยู่เหมือนกันนะเพลงกำลังสนุกจนอยากจะยืดเส้นยืดสายเลย แต่ก็เอาเถอะโอกาสหน้ายังมี "เธอๆ ขอคอนแทร็คหน่อยสิ" "โทรศัพท์แบตหมดหน่ะ" ฉันบอกปฏิเสธผู้ชายแปลกหน้าที่มาสะกิดไหล่ไปอย่างมีมารยาท เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด และนี่อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันไม่มีคนคุยกับเขา "งั้นขอชื่อไอจีแล้วกัน" "ก็ได้ pp.prao" เพราะเป็นโซเชียลที่ฉันไว้ลงรูปที่ชอบและงานที่ถ่ายจะเข้าไปอ่านตอบคอมเมนต์บ้างประปรายเท่านั้น ส่วนจะมีใครทักข้อความส่วนตัวมารึป่าว ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะเลือกคุยเฉพาะเพื่อนสนิท ฉันหน่ะอ่านข่าวมาเยอะมากเลยกลัวพวก scammer จนขึ้นสมอง "ไว้ทักไปนะ" "..." #พา PP #พาลันพริบพราว มาตกทุกคนค่ะ อ่านฟินฟิน ยิ้มทุกตอนแน่นอนดูความประพฤติสามวันของเมียตัวแสบก็คือ หลังจากที่ผมลักพาตัวเธอกลับมากินเค้กด้วยกันที่คอนโด ผมก็ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่ม เพราะเธอกลับไปนอนที่คอนโดของเธอ ปล่อยให้ผมนอนไม่หลับอยู่คนเดียวที่ห้อง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากแอบเถียงคนเดียวอยู่ในใจ...โคตรจะใจร้ายวันนี้ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องตั้งแต่เช้ามืด แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าอร่อยและน้ำเต้าหู้สำหรับเราสองคนตรงไปหาเธอที่ห้องตั้งแต่ยังไม่เห็นแสงรับอรุณ ถือวิสาสะแอบเปิดประตูเข้าไปจัดการวางทุกอย่างในมือบนโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก แล้วพาตัวเองมานอนกอดคนขี้เซาบนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยที่เธอก็ขยับตัวเข้ามาซุกหน้าลงตรงแผงอกทันทีราวกับกำลังรอให้ผมมานอนกอดอย่างไงอย่างนั้น แต่จะตื่นมาโวยวายทีหลังหรือเปล่านั้น ผมตอบอย่างมั่นใจได้เลยว่า...หูชาแน่นอน"นาย เข้ามาได้ยังไงเนี่ย" "เปิดประตู" "โอ้ย!" แล้วนิ้วเล็กเล็กของยัยแม่มดก็หยิกลงเนื้อต้นแขนแกร่งเข้าอย่างจังทันทีที่ตากลมโตตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวาย จนผมแทบอยากจะหยิกคืนตรงตำแหน่งที่ทำให้ใจสั่นไหวด้วยความมันเขี้ยว แต่เพื่อไม่ให้โทษที่มีเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะงั้
"..." ผมยกข้ออ้างจากรอยแดงบนหลังมือพร้อมกับแสดงอาการเจ็บปวดผ่านสีหน้าเหมือนว่ากำลังเจ็บมากราวกับจะทนไม่ไหวให้เธอยอมใจอ่อนเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลและยาทามานั่งลงข้างๆ กัน ก่อนที่สองมือเล็กจะค่อยๆ ประคองมือใหญ่ข้างที่เจ็บของผม เทแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลลงบนสำลีแล้วเอามาเช็ดบริเวณรอบๆ รอยบวมแดงอย่างใส่ใจ แล้วใช้สองนิ้วเรียวสวยค่อยๆ ลูบวนทายาให้อย่างเบามือ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าสวยๆ ก็ยังคงง้ำงอเบะปากเล็กๆ คว่ำจนผมอยากจะกัดสักทีให้หายมันเขี้ยวกึก! จุ๊บไวเท่าความคิดผมก็โน้มหน้าก้มลงไปกัดปากสีแดงหนึ่งทีอย่างท้าทายอำนาจมืด ก่อนจะกดปากจูบตรงที่เดิมโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำตากลมโตถลึงตาใส่นัยน์ตาเป็นเปลวไฟราวกับจะแผดเผาผมให้ไหม้เกรียมเสียอย่างนั้น เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมป๊าถึงไม่อยากทำให้มามี๊โกรธ"กลับไปได้แล้ว" "ไม่กลับ" ผมใช้สองแขนแกร่งรวบตัวคนตัวเล็กที่กำลังเตรียมจะลุกเดินหนีจนเซมานั่งบนตักแกร่ง"ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ" ทำเธอแสดงท่าทีเหมือนม้าพยศพยายามดิ้นไปดิ้นมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของผม "จิ๊" แน่นอนว่าผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ยิ่งร่างบางพยายามขยับตัวดิ้นเท่าไหร่ สองแขนแกร
แกร๊ก! "ยัยแพร ฉันกลับก่อนนะ" คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาในห้องรับรองพยายามเก็บอาการน้อยใจที่มีไว้ข้างใน "อะ อ่าว เดี๋ยวฉันไปส่ง" แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งปิดไม่มิด เพราะตากลมโตแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำใสใสที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา จนเพื่อนรักสังเกตเห็น"นาย เอากุญแจรถมา" เป็นแพรนวลที่หันไปขอกุญแจรถจากคนที่ไปรับเธอมา จัดแจงหยิบกระเป๋าสะพายและเสื้อผ้าของเพื่อน ก่อนจะเดินไปจูงมือเล็กออกจากห้องเงียบๆ ไม่แม้แต่จะแสดงความยินดีกับคนที่พึ่งได้รับรางวัลจากการแข่งขันเมื่อครู่ รู้เพียงแต่ว่าต้องพาเพื่อนรักออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด"..." ปลายนิ้วเรียวยาวพยายามยื่นไปสัมผัสมือเล็กอยากจะรั้งเธอให้อยู่ด้วยกันต่อ แต่เธอกลับเลื่อนมือไปจับกระเป๋าเหมือนเลี่ยงการสัมผัสจากผม เป็นผมเองที่เป็นคนทำนิสัยไม่ดีใส่เธอวันนี้ผมรอเธอมาเป็นกำลังใจตลอดทั้งวัน พยายามเข้าใจว่าเธอมีงานมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ รอเธออย่างใจเย็นทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบรอใคร จนกระทั่งเห็นเธอเดินออกมาจากข้างสนามในชุดที่มันทำให้หัวของผมร้อนจนแทบระเบิดออกมาเป็นไฟ เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยเผยให้เห็นผิวขาวและเน้นทุกสัดส่วนที่ผม
"บี๋ เค้าไปก่อนนะ" "เค้าไปส่ง""ห๊ะ""อะ เอ่อ ไม่ต้องๆ เค้าไปเองได้ค่ะ" อีกแล้ว อีกแล้ว เกือบหลุดพิรุธให้เขาจับได้อีกแล้วยัยพริบพราวฟอดฉันรีบวิ่งเข้าไปกระโดดหอมแก้มใสของคนตัวสูงฟอดใหญ่ ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าพาตัวเองออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด ขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังความลับที่ฉันพยายามเก็บเอาไว้ตลอดหลายวันได้ถูกเปิดเผยออกมาแน่ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา ตื่นเต้นจนทำอะไรหรือพูดอะไรก็พาลทำให้ดูเลิ่กลั่กไปหมด"คุณพ่อขา ลูกสาวคนสวยมาแล้วค่ะ" "หึ มีอะไรให้พ่อช่วยมั้ย" "ไม่มีค่ะ ไม่มี" วัตถุดิบมากมายพร้อมสำหรับทำเค้กขนาดสองปอนด์ถูกวางลงบนโต๊ะไอส์แลนด์สีขาวสะอาดตาในห้องครัวบ้านคุณพ่อ สถานที่ที่ฉันใช้ทำของขวัญวันเกิดให้เขา เพราะมีทั้งเตาอบขนม ไหนจะอุปกรณ์ที่ครบครัน สำคัญที่สุดปลอดภัยจากสายตาคู่คมของเขาแน่นอน"คุณพ่อทานข้าวเช้าหรือยังคะ หนูแวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝากด้วยนะ" "พ่อกำลังอยากกินพอดีเลยลูก" "เดี๋ยวหนูจัดการให้ค่ะ" น้ำเต้าหู้หวานน้อยเพื่อสุขภาพพร้อมกับปาท่องโก๋และซาลาเปาทอดถูกจัดใส่จานเล็กสำหรับใส่ของว่างพร้อมเสิร์ฟ แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะนั่งทานมื้อเช้
"อร่อยมั้ย" ซี่โครงหมูผัดพริกชิ้นพอดีคำถูกตักวางลงในจานข้าวของคนตัวโตอย่างเอาใจ เป็นเมนูโปรดที่ฉันชอบขอให้คุณพ่อทำให้กินอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ได้กลับบ้าน พอวันนี้คุณพ่อทราบว่าฉันจะแวะไปหาก็รีบเข้าครัวทำใส่กล่องเตรียมไว้ให้ฉันกล่องใหญ่ พร้อมกับข้าวสวยสำหรับสองคนและผัดบล็อคโคลีกุ้งสดตัวโตโตที่ทำให้เขาถึงกับเติมข้าวเป็นจานที่สอง"อร่อย"ดีใจจัง ที่เขาชอบรสมือของคุณพ่อจะว่าไปฉันแอบอยากชวนเขาไปนั่งกินข้าวที่บ้านของฉันสักครั้งนะ มีคุณพ่อแสดงฝีมือการทำอาหารแสนอร่อย นั่งกินกันพร้อมหน้าพูดคุยกันแบบผ่อนคลายเหมือนเวลาที่ฉันไปบ้านเขา ที่สำคัญอยากพาเขาไปแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักแฟนคนแรกของลูกสาวคนสวยคนนี้ด้วย"เสาร์นี้ เธอมีงานรึป่าว" "มีช่วงเช้าหน่ะ" งานที่ว่าก็คือ...แอบไปทำเค้กเซอร์ไพร์สเขานั่นแหละ"...""ทำไมเหรอ""เค้ามีแข่งรถ" โดนเซอร์ไพร์สกลับเข้าแล้วสิเรา"เสร็จแล้วเค้าจะรีบไปหาบี๋นะ" "..."แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะใครบางคนเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่ได้ยินว่าฉันมีงานทั้งๆ ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา เอาแต่นั่งตักข้าวใส่ปากทำหน้างอนๆ เหมือ
"ฮัลโหลสาว ตั้งแต่มีแฟนนี่ยิ้มไม่หุบเลยนะ" "พูดเว่อมาก ใครจะยิ้มไม่หุบ" "ฉันไม่ได้บ้านะ" เบื่อจริงๆ เลยยัยเพื่อนคนนี้เนี่ย ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องเรียนก็เอาแต่นั่งแซวกันไม่หยุด ฉันแค่กำลังนั่งแชทคุยกับแฟนอยู่ก็เท่านั้นเอง ทีเรื่องของนางฉันยังไม่แซวเลย หรือจะแซวดี..."ได้ข่าวว่า มีผู้ชายหอบผ้ามาอยู่ด้วยหรอ""ข่าวเก่ามาก" ไม่เก่านะ แฟนฉันพึ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เอ๊ะ! หรือว่าจะเก่าไปแล้วจริงๆ เพราะมาลองนับดูแล้วนี่ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ"อัพเดตมาบ้างเลยนะ" เรื่องของฉัน ยัยแพรนวลยังรู้เกือบทุกเรื่องเลย มีบางเรื่องเท่านั้นแหละที่ฉันไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง เช่น ความแซ่บของเขาที่ฉันเก็บเอาไว้เป็นความลับของฉัน"ไม่ฟินเท่าเรื่องของแกหรอกจ๊ะเพื่อนรัก" นี่ฉันยังไม่ได้เล่าเลยนะ แล้วนางรู้ได้ยังไงว่าฉันฟินฉันไม่ทันได้ต่อล้อต่อเถียงเพื่อนต่อ อาจารย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมแผ่รังสีที่ทำให้เสียงเจื้อยแจ้วกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเงียบกริบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายพากันหันไปสนใจจุดศูนย์กลางตรงหน้าชั้นเรียนด้วยความตั้งใจphalan.pl : กินอะไร เดี๋ยวเค้าซื้อไ







