LOGINแกร๊ก!
"แต่งตัวอะไรของเธอ" เสียงประตูเรียกความสนใจให้ผมหันไปมองรูมเมทที่หายเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปทำงานตามที่เธอบอก คนตัวเล็กเดินออกมาในชุดเศษผ้ากางเกงยีนส์ขาสั้น สั้นเสมอก้นกับเสื้อกล้ามสีดำรัดรูปให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ใส่ชุดอะไรของเขาวะ? "ชุดที่ใช้ถ่ายงานวันนี้หน่ะ" "ขาสั้น ใส่กางเกงสั้น ยิ่งดูเตี้ย" "เธอไม่รู้?" "ทฤษฎีอะไรของนาย" ยัยรูมเมททำหน้างงกับคอมเมนต์ตรงไปตรงมาของผมถึงกับก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง ก่อนจะกอดอกมองหน้าผมอย่างหาเรื่อง "ใส่ส้นสูงก็ดูขายาวแล้วเหอะ" "ใครบอกเธอ" ผมถามด้วยความสงสัย มองยังไงก็ไม่ใช่ตามที่เธอพยายามเถียง แล้วดู...เสื้อก็รัดซะจนคนมองอย่างผมหายใจไม่ออกแทน "ฉันบอกเอง" "แล้วฉันก็ไม่ได้เตี้ยด้วย สูง 167เซนติเมตร น้ำหนัก 47 กิโลกรัม แบบนี้เขาเรียกสมส่วนพอดี" "เข้าใจตรงกันนะคะ ที่รัก" ป๊อก! "เจ็บนะ!" มือหนาเคาะลงบนศีรษะคนตัวเล็กที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับสายตาวิบวับดูซุกซนจนเกิดเสียงดังให้ได้ยิน ทำเธอยืนมองตาเขียวเหมือนกำลังคิดหาวิธีเอาคืนกัน ผมเลยรีบลุกจากโซฟาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินไปเปิดตู้เย็นในห้องครัวเพื่อหยิบน้ำดื่มไม่สนใจคนยืนหน้าแดงด้วยความโมโห แอบเหล่นิดหน่อยเผื่อว่าเธอเดินมาแก้แค้นจะได้หลบทัน แต่เพื่อความสงบสุขของตัวผมเอง หยิบน้ำผลไม้แช่เย็นไปให้สักหน่อยน่าจะดี "..." "ห้ามงอน เพราะฉันไม่ง้อ" แต่นอกจากเธอจะไม่รับน้ำผลไม้จากผมแล้ว ยังสะบัดหน้าหนีเดินไปเปิดตู้รองเท้าและหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กเพื่อใส่รองเท้าบูทหนังสีดำ ไม่เถียงสู้เหมือนเมื่อหลายนาทีก่อน "ไม่ง้อก็ไม่ต้องง้อสิ" ยัยตัวยุ่งบ่นพึมพำ นั่งก้มหน้าก้มตาผูกเชือกรองเท้าของตัวเอง สงสัยจะงอนจริง งอนก็งอนดิวะ! "กลับกี่โมง" "ยุ่ง" หึ ถ้ากลับดึกผมจะรายงานมามี๊ว่าคนสวยของท่านดื้อมากขนาดไหน นึกได้อย่างนั้น มุมปากก็ยกยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์หยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงแอบมาถ่ายรูปของเธอเก็บไว้เป็นหลักฐานว่านอกจากเธอจะดื้อมากแล้ว ยังแต่งตัวโป๊มากด้วย ก้มทีเห็นไปถึงไหนต่อไหน ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟาเพื่อดูหนังที่เปิดค้างเอาไว้ต่ออย่างสบายใจ รอเวลากดรูปส่งไปฟ้องมามี๊ วันที่ผมรู้ว่าตัวเองจะต้องมีรูมเมทเป็นเธอก็รู้ชะตาทันทีเลยว่าชีวิตจะวุ่นวายแค่ไหน บอกตามตรงว่ารู้สึกเซ็งไม่น้อยเพราะจากที่เป็นคนรักความสันโดษต้องมาแบ่งพื้นที่ส่วนตัวให้อีกคนอยู่ด้วย เพียงแต่ไม่สามารถปฏิเสธหรือขัดใจมามี๊ได้เท่านั้น ทำได้แค่นั่งฟังเงียบๆ และแอบวางแผนหาเรื่องแกล้งเธออยู่ในใจให้วันวุ่นวายหลังจากนี้ไม่น่าเบื่อเกินไป และวันนี้เป็นวันแรก...ก็ไม่ได้แย่ 1first : กินเหล้าป่ะ pie.pp : ที่เดิม? 1first : เออ pie.pp : สามทุ่มถึง 1first : @phalan.pl ??? เสียงแจ้งเตือนในมือถือมาพร้อมกับแสงสว่างบนหน้าจอ เป็นแชทกลุ่มที่ไอ้สองคนนั้นส่งมาชวนออกไปดื่มเหมือนปกติ ผมเห็นและนั่งอ่านทุกข้อความแต่ไม่กดเปิดเข้าไปอ่าน เพื่อเป็นข้ออ้างตอบพวกมันในวันพรุ่งนี้ว่าผมนอนหลับ แต่อันที่จริง ผมกำลังนั่งรอจับผิดยัยตัวยุ่งว่าจะกลับมาดึกขนาดไหน ขืนออกไปกินเหล้าตอนนี้แล้วกลับมาทีหลังจะพลาดหลักฐานสำคัญที่อุตส่าห์นั่งอดทนรอมาตั้งแต่บ่ายจนค่ำ และกลายเป็นผมเองนี่แหละที่จะตกเป็นจำเลยของมามี๊และยัยตัวยุ่งในที่สุด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด แกร๊ก! "สองทุ่มครึ่ง" ทันทีที่ได้ยินเสียงกดรหัสประตูห้อง ผมรีบทำทีเป็นล้มตัวนอนเล่นอยู่บนโซฟาและหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมากดดูเวลาที่เธอกลับมาถึง ถือว่าพอใช้ได้ไม่ดึกจนเกินไป ครั้งนี้จะยังไม่รายงานมามี๊แล้วกัน หลังจากถอดรองเท้าเสร็จ ฉันก็เดินเลยคนตัวโตที่นอนตัวยาวอยู่บนโซฟาเข้าไปห้องครัวเพื่อวางของกินถุงใหญ่ในมือที่ตั้งใจแวะซื้อมาหวังจะกินเลี้ยงฉลองการเป็นรูมเมทกันวันแรก แต่ฉันไม่ลืมหรอกนะว่าเขาเขกหัวฉันแรงจนสะเทือนไปทั้งตัว เพราะงั้นเขาต้องง้อฉันก่อน ฉันถึงจะชวนกินของอร่อยด้วยกัน ถ้าไม่ง้อก็ปล่อยให้นอนกลืนน้ำลายไปคนเดียวนั่นแหละ ยืนเปิดกล่องอาหารอยู่ไม่นานกลิ่นหอมๆ ของส้มตำเอยคอหมูย่างเนื้อย่างเอยก็เรียกให้คนหน้ายักษ์เดินเข้ามาให้ห้องครัวได้ทันที แต่คนขี้เก๊กก็คือคนขี้เก๊กอยู่วันยันค่ำ เพราะเขาทำทีเป็นเปิดตู้หยิบห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาแกะใส่ชามและเดินไปต้มน้ำร้อนเงียบๆ คงจะรอให้ฉันชวนอยู่แน่ เห็นหรอกนะ ว่าแอบเหล่ตามองอยู่ตลอด เพราะฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะกินส้มตำแซ่บๆ แบบที่ฉันชอบได้หรือเปล่า เลยซื้อข้าวเหนียวมาเผื่อให้เขากินคู่กับเนื้อย่างและส้มตำข้าวโพดไข่เค็มด้วย ทั้งสวยและใจดีที่สุดก็พริบพราวคนนี้นี่แหละ ระหว่างที่ฉันนั่งใช้ส้อมจิ้มคอหมูย่างกินรอคนขี้เก๊กพลางๆ เขาก็ยกชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาวางลงบนโต๊ะเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วแทรกตัวลงนั่งก่อนจะคีบเส้นบะหมี่เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่พูดไม่จาสักคำ จนฉันเริ่มรู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อยว่าสรุปแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนงอน? "กินเนื้อย่างสิ" ฉันใช้ส้อมจิ้มเนื้อย่างพร้อมน้ำจิ้มแจ่วยื่นไปจ่อตรงปากเขา เพื่อความสันติหรอกนะ กลัวว่าคืนนี้เขาจะไม่ให้ฉันนอนบนเตียงนุ่มๆ ด้วย "..." "ไม่ให้กินแล้ว" ยังไม่ทันที่ฉันจะดึงมือกลับ มือใหญ่ก็จับข้อมือฉันเอาไว้พร้อมกับอ้าปากรับเนื้อย่างที่ฉันป้อน ก่อนจะมองสบตากันอย่างตั้งใจแววตาของเขาตอนนี้ฉายแววความเจ้าเล่ห์มุมปากเหยียดยิ้ม ราวกับบอกเป็นนัยว่าตัวเองชนะ ทำฉันแทบอยากจะเอาส้อมจิ้มตาคมให้สักที ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ ที่อยากได้เขาเป็นแฟน หนำซ้ำยังถูกจับผลัดจับผลูมาเป็นว่าที่คู่หมั้นเขาอีก แต่เห็นแก่ความหล่อที่เขามี ฉันจะลองเดินหน้าสู้ต่อไปแล้วกัน จะทำให้หลงจนหาทางออกไม่เจอเลย 'นายพาลัน'ดูความประพฤติสามวันของเมียตัวแสบก็คือ หลังจากที่ผมลักพาตัวเธอกลับมากินเค้กด้วยกันที่คอนโด ผมก็ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่ม เพราะเธอกลับไปนอนที่คอนโดของเธอ ปล่อยให้ผมนอนไม่หลับอยู่คนเดียวที่ห้อง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากแอบเถียงคนเดียวอยู่ในใจ...โคตรจะใจร้ายวันนี้ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องตั้งแต่เช้ามืด แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าอร่อยและน้ำเต้าหู้สำหรับเราสองคนตรงไปหาเธอที่ห้องตั้งแต่ยังไม่เห็นแสงรับอรุณ ถือวิสาสะแอบเปิดประตูเข้าไปจัดการวางทุกอย่างในมือบนโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก แล้วพาตัวเองมานอนกอดคนขี้เซาบนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยที่เธอก็ขยับตัวเข้ามาซุกหน้าลงตรงแผงอกทันทีราวกับกำลังรอให้ผมมานอนกอดอย่างไงอย่างนั้น แต่จะตื่นมาโวยวายทีหลังหรือเปล่านั้น ผมตอบอย่างมั่นใจได้เลยว่า...หูชาแน่นอน"นาย เข้ามาได้ยังไงเนี่ย" "เปิดประตู" "โอ้ย!" แล้วนิ้วเล็กเล็กของยัยแม่มดก็หยิกลงเนื้อต้นแขนแกร่งเข้าอย่างจังทันทีที่ตากลมโตตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวาย จนผมแทบอยากจะหยิกคืนตรงตำแหน่งที่ทำให้ใจสั่นไหวด้วยความมันเขี้ยว แต่เพื่อไม่ให้โทษที่มีเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะงั้
"..." ผมยกข้ออ้างจากรอยแดงบนหลังมือพร้อมกับแสดงอาการเจ็บปวดผ่านสีหน้าเหมือนว่ากำลังเจ็บมากราวกับจะทนไม่ไหวให้เธอยอมใจอ่อนเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลและยาทามานั่งลงข้างๆ กัน ก่อนที่สองมือเล็กจะค่อยๆ ประคองมือใหญ่ข้างที่เจ็บของผม เทแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลลงบนสำลีแล้วเอามาเช็ดบริเวณรอบๆ รอยบวมแดงอย่างใส่ใจ แล้วใช้สองนิ้วเรียวสวยค่อยๆ ลูบวนทายาให้อย่างเบามือ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าสวยๆ ก็ยังคงง้ำงอเบะปากเล็กๆ คว่ำจนผมอยากจะกัดสักทีให้หายมันเขี้ยวกึก! จุ๊บไวเท่าความคิดผมก็โน้มหน้าก้มลงไปกัดปากสีแดงหนึ่งทีอย่างท้าทายอำนาจมืด ก่อนจะกดปากจูบตรงที่เดิมโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำตากลมโตถลึงตาใส่นัยน์ตาเป็นเปลวไฟราวกับจะแผดเผาผมให้ไหม้เกรียมเสียอย่างนั้น เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมป๊าถึงไม่อยากทำให้มามี๊โกรธ"กลับไปได้แล้ว" "ไม่กลับ" ผมใช้สองแขนแกร่งรวบตัวคนตัวเล็กที่กำลังเตรียมจะลุกเดินหนีจนเซมานั่งบนตักแกร่ง"ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ" ทำเธอแสดงท่าทีเหมือนม้าพยศพยายามดิ้นไปดิ้นมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของผม "จิ๊" แน่นอนว่าผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ยิ่งร่างบางพยายามขยับตัวดิ้นเท่าไหร่ สองแขนแกร
แกร๊ก! "ยัยแพร ฉันกลับก่อนนะ" คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาในห้องรับรองพยายามเก็บอาการน้อยใจที่มีไว้ข้างใน "อะ อ่าว เดี๋ยวฉันไปส่ง" แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งปิดไม่มิด เพราะตากลมโตแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำใสใสที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา จนเพื่อนรักสังเกตเห็น"นาย เอากุญแจรถมา" เป็นแพรนวลที่หันไปขอกุญแจรถจากคนที่ไปรับเธอมา จัดแจงหยิบกระเป๋าสะพายและเสื้อผ้าของเพื่อน ก่อนจะเดินไปจูงมือเล็กออกจากห้องเงียบๆ ไม่แม้แต่จะแสดงความยินดีกับคนที่พึ่งได้รับรางวัลจากการแข่งขันเมื่อครู่ รู้เพียงแต่ว่าต้องพาเพื่อนรักออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด"..." ปลายนิ้วเรียวยาวพยายามยื่นไปสัมผัสมือเล็กอยากจะรั้งเธอให้อยู่ด้วยกันต่อ แต่เธอกลับเลื่อนมือไปจับกระเป๋าเหมือนเลี่ยงการสัมผัสจากผม เป็นผมเองที่เป็นคนทำนิสัยไม่ดีใส่เธอวันนี้ผมรอเธอมาเป็นกำลังใจตลอดทั้งวัน พยายามเข้าใจว่าเธอมีงานมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ รอเธออย่างใจเย็นทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบรอใคร จนกระทั่งเห็นเธอเดินออกมาจากข้างสนามในชุดที่มันทำให้หัวของผมร้อนจนแทบระเบิดออกมาเป็นไฟ เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยเผยให้เห็นผิวขาวและเน้นทุกสัดส่วนที่ผม
"บี๋ เค้าไปก่อนนะ" "เค้าไปส่ง""ห๊ะ""อะ เอ่อ ไม่ต้องๆ เค้าไปเองได้ค่ะ" อีกแล้ว อีกแล้ว เกือบหลุดพิรุธให้เขาจับได้อีกแล้วยัยพริบพราวฟอดฉันรีบวิ่งเข้าไปกระโดดหอมแก้มใสของคนตัวสูงฟอดใหญ่ ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าพาตัวเองออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด ขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังความลับที่ฉันพยายามเก็บเอาไว้ตลอดหลายวันได้ถูกเปิดเผยออกมาแน่ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา ตื่นเต้นจนทำอะไรหรือพูดอะไรก็พาลทำให้ดูเลิ่กลั่กไปหมด"คุณพ่อขา ลูกสาวคนสวยมาแล้วค่ะ" "หึ มีอะไรให้พ่อช่วยมั้ย" "ไม่มีค่ะ ไม่มี" วัตถุดิบมากมายพร้อมสำหรับทำเค้กขนาดสองปอนด์ถูกวางลงบนโต๊ะไอส์แลนด์สีขาวสะอาดตาในห้องครัวบ้านคุณพ่อ สถานที่ที่ฉันใช้ทำของขวัญวันเกิดให้เขา เพราะมีทั้งเตาอบขนม ไหนจะอุปกรณ์ที่ครบครัน สำคัญที่สุดปลอดภัยจากสายตาคู่คมของเขาแน่นอน"คุณพ่อทานข้าวเช้าหรือยังคะ หนูแวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝากด้วยนะ" "พ่อกำลังอยากกินพอดีเลยลูก" "เดี๋ยวหนูจัดการให้ค่ะ" น้ำเต้าหู้หวานน้อยเพื่อสุขภาพพร้อมกับปาท่องโก๋และซาลาเปาทอดถูกจัดใส่จานเล็กสำหรับใส่ของว่างพร้อมเสิร์ฟ แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะนั่งทานมื้อเช้
"อร่อยมั้ย" ซี่โครงหมูผัดพริกชิ้นพอดีคำถูกตักวางลงในจานข้าวของคนตัวโตอย่างเอาใจ เป็นเมนูโปรดที่ฉันชอบขอให้คุณพ่อทำให้กินอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ได้กลับบ้าน พอวันนี้คุณพ่อทราบว่าฉันจะแวะไปหาก็รีบเข้าครัวทำใส่กล่องเตรียมไว้ให้ฉันกล่องใหญ่ พร้อมกับข้าวสวยสำหรับสองคนและผัดบล็อคโคลีกุ้งสดตัวโตโตที่ทำให้เขาถึงกับเติมข้าวเป็นจานที่สอง"อร่อย"ดีใจจัง ที่เขาชอบรสมือของคุณพ่อจะว่าไปฉันแอบอยากชวนเขาไปนั่งกินข้าวที่บ้านของฉันสักครั้งนะ มีคุณพ่อแสดงฝีมือการทำอาหารแสนอร่อย นั่งกินกันพร้อมหน้าพูดคุยกันแบบผ่อนคลายเหมือนเวลาที่ฉันไปบ้านเขา ที่สำคัญอยากพาเขาไปแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักแฟนคนแรกของลูกสาวคนสวยคนนี้ด้วย"เสาร์นี้ เธอมีงานรึป่าว" "มีช่วงเช้าหน่ะ" งานที่ว่าก็คือ...แอบไปทำเค้กเซอร์ไพร์สเขานั่นแหละ"...""ทำไมเหรอ""เค้ามีแข่งรถ" โดนเซอร์ไพร์สกลับเข้าแล้วสิเรา"เสร็จแล้วเค้าจะรีบไปหาบี๋นะ" "..."แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะใครบางคนเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่ได้ยินว่าฉันมีงานทั้งๆ ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา เอาแต่นั่งตักข้าวใส่ปากทำหน้างอนๆ เหมือ
"ฮัลโหลสาว ตั้งแต่มีแฟนนี่ยิ้มไม่หุบเลยนะ" "พูดเว่อมาก ใครจะยิ้มไม่หุบ" "ฉันไม่ได้บ้านะ" เบื่อจริงๆ เลยยัยเพื่อนคนนี้เนี่ย ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องเรียนก็เอาแต่นั่งแซวกันไม่หยุด ฉันแค่กำลังนั่งแชทคุยกับแฟนอยู่ก็เท่านั้นเอง ทีเรื่องของนางฉันยังไม่แซวเลย หรือจะแซวดี..."ได้ข่าวว่า มีผู้ชายหอบผ้ามาอยู่ด้วยหรอ""ข่าวเก่ามาก" ไม่เก่านะ แฟนฉันพึ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เอ๊ะ! หรือว่าจะเก่าไปแล้วจริงๆ เพราะมาลองนับดูแล้วนี่ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ"อัพเดตมาบ้างเลยนะ" เรื่องของฉัน ยัยแพรนวลยังรู้เกือบทุกเรื่องเลย มีบางเรื่องเท่านั้นแหละที่ฉันไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง เช่น ความแซ่บของเขาที่ฉันเก็บเอาไว้เป็นความลับของฉัน"ไม่ฟินเท่าเรื่องของแกหรอกจ๊ะเพื่อนรัก" นี่ฉันยังไม่ได้เล่าเลยนะ แล้วนางรู้ได้ยังไงว่าฉันฟินฉันไม่ทันได้ต่อล้อต่อเถียงเพื่อนต่อ อาจารย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมแผ่รังสีที่ทำให้เสียงเจื้อยแจ้วกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเงียบกริบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายพากันหันไปสนใจจุดศูนย์กลางตรงหน้าชั้นเรียนด้วยความตั้งใจphalan.pl : กินอะไร เดี๋ยวเค้าซื้อไ