로그인หลังจากวันที่คุณพ่อพาฉันไปทานข้าวกับคุณลุงคุณป้าและพาลันว่าที่แฟนที่ฉันปักหมุดเอาไว้ สเตตัสใหม่ของฉันกับเขาก็เปลี่ยนไปเป็น 'ว่าที่คู่หมั้น' แบบก้าวกระโดดทันทีที่งานเลี้ยงจบลง
ซึ่งตลอดสองชั่วโมงในห้องอาหารเขาก็นั่งหน้าเรียบเฉยสีหน้าไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้นเอาแต่นั่งหั่นสเต๊กป้อนเข้าปากตัวเองไม่พูดไม่จา เหมือนกับกำลังประท้วงในโลกรู้ว่าตัวเองโดนบังคับอย่างนั้นแหละ ยิ่งตอนที่คุณป้าพูดกับคุณพ่อขอให้ฉันย้ายเข้ามาอยู่กับเขาเพื่อเรียนรู้ก่อนใช้ชีวิตด้วยกัน ตอนนั้น...เขาถึงกับจ้องฉันตาขวางทำหน้ายักษ์จนน่าขนลุก คงจะกลัวว่าจะตกหลุมรักฉันก่อนละมั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์วันที่ฉันควรนอนต่ออีกหน่อย ก่อนจะออกไปถ่ายงานในช่วงบ่าย กลับต้องเป็นวันที่ขนเสื้อผ้ามายืนอยู่หน้าประตูเคาะห้องผู้ชายอยู่อย่างนี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้ตื่นหรือยัง ก๊อก ก๊อ... "กลัวคนอื่นไม่ได้ยิน?" ยืนเคาะอยู่เกือบห้านาทีกว่าคนหน้ายักษ์จะยอมเปิดประตูออกมาต้อนรับ แต่จากสีหน้าแล้วคงไม่อยากต้อนรับเท่าไหร่หรอก "กลัวคุณคู่หมั้นไม่เปิดประตูให้ค่ะ" ฉันยืนเขินม้วนไปมาอยู่หน้าประตู แต่ก็ยังทำใจกล้าหยอดเขาไปพอกรุบกริบ จะอะไรซะอีกล ก็ภาพเขาตอนนี้มันกร้าวใจจนเลือดกำเดาฉันแทบพุ่ง เผลอไล่สายตานับลอนซิคแพคบนผิวขาวๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงไลน์วีเชฟที่โผล่พ้นขอบบ็อกเซอร์สีดำขึ้นมาอวดสายตากัน พระเอกเอ็มวีหรือนายแบบที่ฉันเคยถ่ายงานด้วยยังไม่หุ่นดีเท่าเขาเลย ปัง! "โอ๊ยนี่นาย! เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ" "ถ้าไม่เปิด ฉันจะ..." แกร๊ก! สุดท้ายคุณว่าที่คู่หมั้นก็ทนความโวยวายของฉันไม่ไหวเปิดประตูต้อนรับฉันอีกครั้ง ต้อนรับแบบคิ้วขมวดทำหน้ายุ่งนั่นแหละ ฉันเลยรีบลากกระเป๋าก้าวเข้าไปในห้องที่ฉันเคยมาแล้วหนึ่งครั้งถ้วน เพราะกลัวเขาจะปิดประตูหนีกันอีก "ให้ฉันเอาเสื้อผ้าไว้ที่ไหนหรอ" ฉันถามเจ้าของห้องอย่างมีมารยาท "ในห้อง" ฉันไม่รอช้ารีบเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ให้เรียบร้อย ส่วนเขาก็ล้มตัวนอนบนที่นอนไม่สนใจกันอีกต่อไป ไม่กลัวฉันยกเค้าหนีบ้างหรือไงกัน ฉันเลยพักเรื่องสนใจเขาไว้ก่อน และพาตัวเองมานั่งจุมปุ๊กข้างกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมือจัดเสื้อผ้าใส่ไม้แขวนใส่ตู้เสื้อผ้าฝั่งที่เขาเปิดเอาไว้ให้ แอบเตรียมพื้นที่ให้กันด้วยนะ น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ถึงคอนโดของเขาจะใหญ่มากแต่มีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว โต๊ะกินข้าว และห้องออกกำลังกายไปหมดแล้ว เลยทำให้ฉันคิดว่าตั้งแต่คืนนี้เราสองคนคงได้นอนเตียงเดียวกันแน่ "นาย" "..." "พาลัน" "..." "ตื่นมาคุยกันก่อนสิ" หลังจากจัดของเข้าที่เข้าทางเสร็จ ฉันก็เดินมานั่งตรงข้างเตียงพยายามปลุกคนตัวโตตั้งใจอยากจะคุยกับเขาให้เข้าใจกันเสียก่อน คนสองคนที่แทบจะเป็นคนแปลกหน้ากันกลับต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบกระทันหันอย่างนี้ ฉันว่า เราสองคนควรมีข้อตกลงกัน อย่างน้อยๆ ก็ควรรู้ข้อมูลเบื้องต้นว่าใครชอบหรือไม่ชอบอะไร มันสำคัญนะ "ค่อยคุย" "อยากคุยตอนนี้ บ่ายฉันมีงาน" "จิ๊ ยุ่งจังวะ" เขาพลิกตัวนอนหงายประสานมือตรงท้ายทอยมองกลับมาด้วยสายตาหงุดหงิด วันไหนมองฉันตาเคลิ้มเมื่อไหร่จะล้อจนลูกโตเลยคอยดู! "สามเดือน" "อะไร" "ฉันจะทำให้นายชอบฉันภายในสามเดือน" "มั่นใจสุดสุด" มุมปากได้รูปเหยียดยิ้มเหมือนตัวร้าย เหล่ตามองกันเหมือนกำลังว่าฉันยังไงก็ไม่รู้ "แน่นอนสิ" ฉันกอดอกเชิดหน้ามองเขาอย่างมั่นใจ หน้าตาฉันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หุ่นก็เรียกได้ว่ากระทัดรัดพกพาง่าย ต้องมีวันที่ฉันตกเขาได้บ้างหล่ะ "ถ้าฉันไม่ชอบเธอ?" ไม่ได้เตรียมใจมาตอบข้อนี้ด้วยละสิ "ก็ ยกเลิกงานหมั้น" แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็แค่ลากกระเป๋าออกไปจากห้องนี้ และนั่งรถไปบอกคุณลุงคุณป้าด้วยตัวเอง "..." "ตกลงมั้ย" "อืม" "สัญญา" ฉันยกนิ้วก้อยเล็กไปตรงหน้าว่าที่คู่หมั้น ส่งสายตาบังคับให้เขายกนิ้วก้อยของเขาขึ้นมาเกี่ยวเป็นการทำสัญญาระหว่างเรา จุ๊บ ก่อนจะทำใจกล้ากดริมฝีปากจูบลงบนริมฝีปากร้ายๆ แผ่วเบาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเป็นการลงนามประทับตราในข้อตกลงของเรา และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ของเขาที่กระทบแก้มนุ่ม "ประทับตรานายสิ" "..." "เร็วๆ สิ เดี๋ยวสัญญาไม่สมบูรณ์นะ" แค่แตะจมูกลงมาที่แก้มนุ่มๆ ตรงนี้นิดเดียวเอง "ไปเล่นตรงโน้นไป" "ทำไม? กลัวหวั่นไหวหรอ" ในตอนนี้ฉันหันหน้ากลับไปเถียงเขา จมูกมีสันก็สัมผัสตรงแก้มนุ่มเบาเบาแบบไม่ได้ตั้งใจ แบบนี้เรียกว่าลงตราประทับหรือยังนะ เวลานี้ตาคู่คมจ้องตากลมโตด้วยสายตาเกินคาดเดาไม่เหลือแววตาหงุดหงิดเหมือนเมื่อหลายนาทีก่อน ปลายจมูกเชิดรั้นแตะตรงปลายจมูกโด่งจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เธอจูบปากเขาเพื่อประทับตราในส่วนของเธอ แต่ให้เขาทำเพียงหอมแก้มเธอเท่านั้น จะเรียกว่าเขาประทับตราได้อย่างไร จุ๊บ มือหนาจากที่ประสานตรงท้ายทอยของเขา เปลี่ยนมาจับท้ายทอยคนตัวเล็กให้รับการประทับตราจากเขา ที่เขาค่อยๆ ประทับ ค่อยๆ ย้ำแรงให้ข้อตกลงระหว่างเราลงนามสมบูรณ์ #เฮ้อ อยากทำสัญญากับเขาบ้างจังดูความประพฤติสามวันของเมียตัวแสบก็คือ หลังจากที่ผมลักพาตัวเธอกลับมากินเค้กด้วยกันที่คอนโด ผมก็ไม่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่ม เพราะเธอกลับไปนอนที่คอนโดของเธอ ปล่อยให้ผมนอนไม่หลับอยู่คนเดียวที่ห้อง แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากแอบเถียงคนเดียวอยู่ในใจ...โคตรจะใจร้ายวันนี้ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องตั้งแต่เช้ามืด แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าอร่อยและน้ำเต้าหู้สำหรับเราสองคนตรงไปหาเธอที่ห้องตั้งแต่ยังไม่เห็นแสงรับอรุณ ถือวิสาสะแอบเปิดประตูเข้าไปจัดการวางทุกอย่างในมือบนโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก แล้วพาตัวเองมานอนกอดคนขี้เซาบนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยที่เธอก็ขยับตัวเข้ามาซุกหน้าลงตรงแผงอกทันทีราวกับกำลังรอให้ผมมานอนกอดอย่างไงอย่างนั้น แต่จะตื่นมาโวยวายทีหลังหรือเปล่านั้น ผมตอบอย่างมั่นใจได้เลยว่า...หูชาแน่นอน"นาย เข้ามาได้ยังไงเนี่ย" "เปิดประตู" "โอ้ย!" แล้วนิ้วเล็กเล็กของยัยแม่มดก็หยิกลงเนื้อต้นแขนแกร่งเข้าอย่างจังทันทีที่ตากลมโตตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวาย จนผมแทบอยากจะหยิกคืนตรงตำแหน่งที่ทำให้ใจสั่นไหวด้วยความมันเขี้ยว แต่เพื่อไม่ให้โทษที่มีเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ เพราะงั้
"..." ผมยกข้ออ้างจากรอยแดงบนหลังมือพร้อมกับแสดงอาการเจ็บปวดผ่านสีหน้าเหมือนว่ากำลังเจ็บมากราวกับจะทนไม่ไหวให้เธอยอมใจอ่อนเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลและยาทามานั่งลงข้างๆ กัน ก่อนที่สองมือเล็กจะค่อยๆ ประคองมือใหญ่ข้างที่เจ็บของผม เทแอลกอฮอล์สำหรับล้างแผลลงบนสำลีแล้วเอามาเช็ดบริเวณรอบๆ รอยบวมแดงอย่างใส่ใจ แล้วใช้สองนิ้วเรียวสวยค่อยๆ ลูบวนทายาให้อย่างเบามือ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าสวยๆ ก็ยังคงง้ำงอเบะปากเล็กๆ คว่ำจนผมอยากจะกัดสักทีให้หายมันเขี้ยวกึก! จุ๊บไวเท่าความคิดผมก็โน้มหน้าก้มลงไปกัดปากสีแดงหนึ่งทีอย่างท้าทายอำนาจมืด ก่อนจะกดปากจูบตรงที่เดิมโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ทำตากลมโตถลึงตาใส่นัยน์ตาเป็นเปลวไฟราวกับจะแผดเผาผมให้ไหม้เกรียมเสียอย่างนั้น เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมป๊าถึงไม่อยากทำให้มามี๊โกรธ"กลับไปได้แล้ว" "ไม่กลับ" ผมใช้สองแขนแกร่งรวบตัวคนตัวเล็กที่กำลังเตรียมจะลุกเดินหนีจนเซมานั่งบนตักแกร่ง"ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ" ทำเธอแสดงท่าทีเหมือนม้าพยศพยายามดิ้นไปดิ้นมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของผม "จิ๊" แน่นอนว่าผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด ยิ่งร่างบางพยายามขยับตัวดิ้นเท่าไหร่ สองแขนแกร
แกร๊ก! "ยัยแพร ฉันกลับก่อนนะ" คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาในห้องรับรองพยายามเก็บอาการน้อยใจที่มีไว้ข้างใน "อะ อ่าว เดี๋ยวฉันไปส่ง" แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนจะยิ่งปิดไม่มิด เพราะตากลมโตแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำใสใสที่พร้อมจะร่วงหล่นลงมา จนเพื่อนรักสังเกตเห็น"นาย เอากุญแจรถมา" เป็นแพรนวลที่หันไปขอกุญแจรถจากคนที่ไปรับเธอมา จัดแจงหยิบกระเป๋าสะพายและเสื้อผ้าของเพื่อน ก่อนจะเดินไปจูงมือเล็กออกจากห้องเงียบๆ ไม่แม้แต่จะแสดงความยินดีกับคนที่พึ่งได้รับรางวัลจากการแข่งขันเมื่อครู่ รู้เพียงแต่ว่าต้องพาเพื่อนรักออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด"..." ปลายนิ้วเรียวยาวพยายามยื่นไปสัมผัสมือเล็กอยากจะรั้งเธอให้อยู่ด้วยกันต่อ แต่เธอกลับเลื่อนมือไปจับกระเป๋าเหมือนเลี่ยงการสัมผัสจากผม เป็นผมเองที่เป็นคนทำนิสัยไม่ดีใส่เธอวันนี้ผมรอเธอมาเป็นกำลังใจตลอดทั้งวัน พยายามเข้าใจว่าเธอมีงานมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ รอเธออย่างใจเย็นทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบรอใคร จนกระทั่งเห็นเธอเดินออกมาจากข้างสนามในชุดที่มันทำให้หัวของผมร้อนจนแทบระเบิดออกมาเป็นไฟ เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยเผยให้เห็นผิวขาวและเน้นทุกสัดส่วนที่ผม
"บี๋ เค้าไปก่อนนะ" "เค้าไปส่ง""ห๊ะ""อะ เอ่อ ไม่ต้องๆ เค้าไปเองได้ค่ะ" อีกแล้ว อีกแล้ว เกือบหลุดพิรุธให้เขาจับได้อีกแล้วยัยพริบพราวฟอดฉันรีบวิ่งเข้าไปกระโดดหอมแก้มใสของคนตัวสูงฟอดใหญ่ ก่อนจะรีบสะพายกระเป๋าพาตัวเองออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด ขืนอยู่นานกว่านี้ มีหวังความลับที่ฉันพยายามเก็บเอาไว้ตลอดหลายวันได้ถูกเปิดเผยออกมาแน่ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา ตื่นเต้นจนทำอะไรหรือพูดอะไรก็พาลทำให้ดูเลิ่กลั่กไปหมด"คุณพ่อขา ลูกสาวคนสวยมาแล้วค่ะ" "หึ มีอะไรให้พ่อช่วยมั้ย" "ไม่มีค่ะ ไม่มี" วัตถุดิบมากมายพร้อมสำหรับทำเค้กขนาดสองปอนด์ถูกวางลงบนโต๊ะไอส์แลนด์สีขาวสะอาดตาในห้องครัวบ้านคุณพ่อ สถานที่ที่ฉันใช้ทำของขวัญวันเกิดให้เขา เพราะมีทั้งเตาอบขนม ไหนจะอุปกรณ์ที่ครบครัน สำคัญที่สุดปลอดภัยจากสายตาคู่คมของเขาแน่นอน"คุณพ่อทานข้าวเช้าหรือยังคะ หนูแวะซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาฝากด้วยนะ" "พ่อกำลังอยากกินพอดีเลยลูก" "เดี๋ยวหนูจัดการให้ค่ะ" น้ำเต้าหู้หวานน้อยเพื่อสุขภาพพร้อมกับปาท่องโก๋และซาลาเปาทอดถูกจัดใส่จานเล็กสำหรับใส่ของว่างพร้อมเสิร์ฟ แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะนั่งทานมื้อเช้
"อร่อยมั้ย" ซี่โครงหมูผัดพริกชิ้นพอดีคำถูกตักวางลงในจานข้าวของคนตัวโตอย่างเอาใจ เป็นเมนูโปรดที่ฉันชอบขอให้คุณพ่อทำให้กินอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ได้กลับบ้าน พอวันนี้คุณพ่อทราบว่าฉันจะแวะไปหาก็รีบเข้าครัวทำใส่กล่องเตรียมไว้ให้ฉันกล่องใหญ่ พร้อมกับข้าวสวยสำหรับสองคนและผัดบล็อคโคลีกุ้งสดตัวโตโตที่ทำให้เขาถึงกับเติมข้าวเป็นจานที่สอง"อร่อย"ดีใจจัง ที่เขาชอบรสมือของคุณพ่อจะว่าไปฉันแอบอยากชวนเขาไปนั่งกินข้าวที่บ้านของฉันสักครั้งนะ มีคุณพ่อแสดงฝีมือการทำอาหารแสนอร่อย นั่งกินกันพร้อมหน้าพูดคุยกันแบบผ่อนคลายเหมือนเวลาที่ฉันไปบ้านเขา ที่สำคัญอยากพาเขาไปแนะนำให้คุณแม่ได้รู้จักแฟนคนแรกของลูกสาวคนสวยคนนี้ด้วย"เสาร์นี้ เธอมีงานรึป่าว" "มีช่วงเช้าหน่ะ" งานที่ว่าก็คือ...แอบไปทำเค้กเซอร์ไพร์สเขานั่นแหละ"...""ทำไมเหรอ""เค้ามีแข่งรถ" โดนเซอร์ไพร์สกลับเข้าแล้วสิเรา"เสร็จแล้วเค้าจะรีบไปหาบี๋นะ" "..."แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะใครบางคนเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่ได้ยินว่าฉันมีงานทั้งๆ ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา เอาแต่นั่งตักข้าวใส่ปากทำหน้างอนๆ เหมือ
"ฮัลโหลสาว ตั้งแต่มีแฟนนี่ยิ้มไม่หุบเลยนะ" "พูดเว่อมาก ใครจะยิ้มไม่หุบ" "ฉันไม่ได้บ้านะ" เบื่อจริงๆ เลยยัยเพื่อนคนนี้เนี่ย ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องเรียนก็เอาแต่นั่งแซวกันไม่หยุด ฉันแค่กำลังนั่งแชทคุยกับแฟนอยู่ก็เท่านั้นเอง ทีเรื่องของนางฉันยังไม่แซวเลย หรือจะแซวดี..."ได้ข่าวว่า มีผู้ชายหอบผ้ามาอยู่ด้วยหรอ""ข่าวเก่ามาก" ไม่เก่านะ แฟนฉันพึ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เอ๊ะ! หรือว่าจะเก่าไปแล้วจริงๆ เพราะมาลองนับดูแล้วนี่ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ"อัพเดตมาบ้างเลยนะ" เรื่องของฉัน ยัยแพรนวลยังรู้เกือบทุกเรื่องเลย มีบางเรื่องเท่านั้นแหละที่ฉันไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง เช่น ความแซ่บของเขาที่ฉันเก็บเอาไว้เป็นความลับของฉัน"ไม่ฟินเท่าเรื่องของแกหรอกจ๊ะเพื่อนรัก" นี่ฉันยังไม่ได้เล่าเลยนะ แล้วนางรู้ได้ยังไงว่าฉันฟินฉันไม่ทันได้ต่อล้อต่อเถียงเพื่อนต่อ อาจารย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมแผ่รังสีที่ทำให้เสียงเจื้อยแจ้วกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเงียบกริบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายพากันหันไปสนใจจุดศูนย์กลางตรงหน้าชั้นเรียนด้วยความตั้งใจphalan.pl : กินอะไร เดี๋ยวเค้าซื้อไ







