เข้าสู่ระบบบทที่หนึ่ง
เป็นดารา
“คัท”
เสียงตะโกนดังจากผู้ช่วยผู้กำกับราวกับเสียงสวรรค์ ฉันที่กลิ้งขลุกฝุ่นอยู่รีบลุกขึ้นจากพื้น ใช้มือปัดตามเนื้อตามตัวขณะเดินไปหาผู้กำกับใหญ่
“คุณฟ้า ฉากนี้เล่นได้ดีมาก” ผู้กำกับเอ่ยชม ฉันยิ้มนิดๆขณะเอ่ยขอบคุณ
“เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแล้วถ่ายฉากขี่ม้าต่อเลย” ผู้ช่วยหันมามองฉัน พยักหน้าให้เดินตามเข้าไปเปลี่ยนชุดในกระโจมที่ตั้งเรียงกันเป็นแนว
ฉันชื่อ ‘หยาดฟ้า’เป็นดาราที่แม้อายุถึง30ปีแล้วแต่ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันเข้าวงการมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยใส เริ่มเล่นละครเรื่องแรกแนววัยเรียนวุ่นรัก ก่อนจะเปลี่ยนแนวมาเรื่อยตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทั้งละครรักโรแมนติก ดราม่าตบจูบ ครอบครัวว้าวุ่น แต่เรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงของฉันโด่งดังจนได้รับรางวัลกลับเป็นแนวบู๊ล้างผลาญ หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการเสนอบทบู๊ต่อมาอีกหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องที่กำลังถ่ายทำในตอนนี้ด้วย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ต่อ” ฉันก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าของผู้กำกับใหญ่เพื่อเตรียมตัวถ่ายทำฉากต่อไป
“เอาล่ะ ฉากนี้เป็นตอนที่นางเอกขี่ม้าหนีคนร้าย ‘ฟ้า’ ขี่ม้าวนไปเรื่อยๆเดี๋ยวกล้องจะวิ่งตาม ส่วนสีหน้าใกล้ๆเดี๋ยวเราไปถ่ายในสตูแล้วมาตัดต่อใส่เพิ่มเอา โอเคมั้ย” พี่ต่อ ผู้กำกับใหญ่อธิบายฉากให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน
ฉันเตรียมตัวขึ้นขี่ม้าที่ทีมงานจูงมาส่งให้ วันนี้ม้าตัวใหญ่กว่าที่คุ้นเคย แต่ฉันก็ไม่กล้าบ่น เพราะฝึกขี่ม้าเพื่อเข้าฉากมาหลายปีแล้ว หากจะบ่นเรื่องแค่นี้คงโดนผู้กำกับไม่พอใจแน่
“ทุกคน...พร้อม...ฉากที่ 45 ตอน ’ขี่ม้าหนี’ 3...2...1...เริ่ม” เมื่อผู้ช่วยส่งสัญญาณมา ฉันรีบดึงเชือกขยับขาบังคับม้าให้วิ่งออกไปทันที
“ดี...ดี...วิ่งเร็วขึ้นอีก” ผู้กำกับตะโกนผ่านโทรโข่งฝ่าเสียงลมมาให้ได้ยิน
ฉันจึงเร่งม้าให้วิ่งเร็วขึ้น
แต่จู่ๆ ม้าก็สะบัดขึ้นอย่างแรงจนฉันตกกระแทกพื้นไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย...” ฉันร้องด้วยความเจ็บ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วจับหัวจับขาว่าไม่เป็นอะไร ถึงค่อยหันไปมองม้า
นั่น คนรุมล้อมม้าจนฉันมองไม่เห็น จึงขยับไปมองใกล้ๆ
เอ๊ะ...นั่นใคร นอนอยู่ที่พื้น มองไม่ถนัด
เสียงทีมงานร้องโวยวาย ผู้กำกับสั่งการเซ็งแซ่ ผู้คนวิ่งวุ่นไปมา ทั้งชนทั้งผ่านฉันไปจนฉันเริ่มสับสน
“ทำไมไม่มีใครเข้ามาดูฉัน ทุกคนห่วงแต่ม้าอย่างนั้นหรือ” ฉันเริ่มไม่พอใจ จึงเดินไปใกล้ๆม้าตัวนั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“นั่น...ใคร..ใส่ชุดเหมือนฉันเลย หน้าตาก็เหมือน ฉัน...นั่นฉันเหรอ...” ฉันค่อยๆถอยด้วยความไม่เข้าใจ
“ใช่นั่นร่างของเจ้า นางสาวหยาดฟ้า” เสียงชายหนุ่มหน้าดุซึ่งมายืนอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ดังขึ้นมา
ฉันหันขวับไปมองหน้าหนุ่มน้อยชุดดำที่พยายามทำหน้าให้ดูเคร่งขรึม ก่อนจะพูดต่อว่า
“นางสาวหยาดฟ้าตกม้าคอหักตายเมื่อเวลา 14นาฬิกา 47 นาที เอาล่ะ เจ้าเดินตามข้ามาได้แล้ว ข้าต้องรีบพาเจ้าไปส่งยังแดนแรกรับจะได้ไปรับวิญญาณดวงอื่นต่อ” ชายหน้าดุนำเชือกมาคล้องมือฉันก่อนจะกระตุกให้เดินตามไป
ฉันล่องลอยไล่หลังอย่างยังสับสนงุนงง
นี่ฉันตายแล้วอย่างนั้นหรือ คอหักตาย ตายได้น่าเกลียดจัง
ชายชุดดำที่พยายามทำหน้าดุพาฉันลอยมาจนถึงดินแดนเวิ้งว้างสุดหูสุดตา มีร่างวิญญาณลอยตามชายชุดดำตนอื่นๆให้เห็นมากมาย จนฉันอดแปลกใจไม่ได้ว่ามีคนตายมากขนาดนี้เชียวหรือ
“ยมทูตเบน เจ้าลืมเก็บร่างวิญญาณหญิงสาวรายนี้มาหรือเปล่า นางนั่งร้องไห้เสียงดังจนข้าต้องเก็บกลับมาให้เจ้าด้วย” เสียงยมทูตมีอายุดังขึ้น ขณะผลักร่างวิญญาณหญิงสาวหน้าละอ่อนมาตรงหน้าฉันกับยมทูตที่พยายามทำหน้าดุ
“ข้าเก็บนางมาแล้ว นี่อย่างไร” ยมทูตที่น่าจะชื่อว่าเบน ดึงร่างวิญญาณของฉันมายืนข้างหน้า
“ไม่ใช่แล้ว นางสาวหยาดฟ้า นาปางข้าว อายุ25ปี ตกม้าตายขณะฝึกขี่ม้า” ยมทูตมีอายุอ่านทบทวนชื่อในมือ
ร่างวิญญาณของหญิงสาวที่ยมทูตมีอายุนำมา ร้องไห้เสียงดังก่อนจะตะโกนว่า ยังไม่อยากตาย
ฉันหันไปทางยมทูตหน้าอ่อนที่หน้าตาเริ่มบูดเบี้ยว ก่อนที่จะหันมามองหน้าฉันถามว่า “เจ้าชื่อหยาดฟ้า”
“ใช่ หยาดฟ้า วงศ์สิริกุล อายุ30ปี” ฉันรีบตอบเสียงดัง พลันหน้าของยมทูตยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น
“แย่แล้ว ยมทูตเบน เจ้าเก็บวิญญาณมาผิดดวงเสียแล้ว รีบนำนางกลับไปเข้าร่างเดี๋ยวนี้” ยมทูตมีอายุรีบบอก
กะพริบตาอีกทีฉันก็รู้สึกว่าร่างลอยละลิ่วอย่างรวดเร็วจนมาโผล่หน้าเมรุแห่งหนึ่ง
“เหตุใดพวกเขาจึงเผาร่างของเจ้าเร็วนัก” ยมทูตเบนทำหน้ายุ่งยากใจ หันมามองสีหน้าที่ยังมึนงงของฉัน
“เป็นถึงดาราดัง ทำไมสวดแค่สามวันแล้วรีบเผาเลยล่ะ” เสียงซุบซิบนินทาจากแขกที่มาร่วมงานดังขึ้นข้างๆ
บทที่สาม สูญสิ้นความจำได้เวลาสำรวจเรือนร่างของฟางหรูหนิงอย่างจริงจังหญิงสาวนางนี้มีรูปร่างที่สมส่วนงดงามสมวัยสาว ทรวงอกอิ่มเต่งตึงใหญ่พอตัว เอวคอดกิ่วเล็กบางรับกับหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน แขนขาเล็กเรียว ผิวกายขาวนวลเนียนละเอียดนุ่มลื่นจนฉันอดจะลูบหลายรอบด้วยความชื่นชมเมื่อก้มลงเพ่งมองใบหน้าในน้ำ เมื่อคืนฉันมองเห็นเพียงแวบก็รู้สึกได้ว่าร่างนี้มีใบหน้าที่สวยงามมาก แต่เมื่อมีเวลาได้มองชัดๆ ใบหน้าที่สะท้อนมาช่างสมบูรณ์แบบ นางมีใบหน้าที่งดงามน่าหลงใหลเปี่ยมเสน่ห์ของสตรีเพศ ดวงตากลมโตแวววาวรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงยามแย้มยิ้มช่างดูเย้ายวนเรียกว่างามล่มเมืองก็คงไม่เกินจริงงามขนาดนี้ อ๋องชิงหนานยังกล้าปฏิเสธได้ ชักอยากเห็นหน้าอีตาอ๋องนี่เสียแล้วอันอันเข้ามาช่วยฉันแต่งตัวก่อนจะพยุงเดินออกมาด้านนอกห้องหอฉันหันมองโดยรอบ ตำหนักแห่งนี้ใหญ่โตเสียงจริง ผู้คนเดินกันอย่างมีระเบียบทั้งทหาร นางกำนัลและข้ารับใช้ แต่ไม่มีใครกล้าเดินมาเฉียดใกล้พวกเราสามคน“พวกเราจะไปที่ใดกันหรือ” ฉัน
บทที่สอง เป็นชายาฉันเริ่มเห็นภาพเล่ห์กลในการจับผู้ชายสมัยนี้“เมื่อวานเป็นพิธีสมรสของคุณหนูเจ้าค่ะ แต่เมื่อคืนท่านอ๋องไปอยู่ที่เรือนของอนุจินทั้งคืนไม่ได้มาที่ห้องหอนี้เลย บ่าวเห็นคุณหนูนอนร้องไห้อีกทั้งยังดื่มยาชามนั้นลงไปจึงเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องไม่กล้าจากไปไหน จนกระทั่งเมื่อเช้านี้เจ้าค่ะ” บ่าวน้อยเล่ามาถึงตอนนี้ก็เอ่ยถาม“ยาชามนั้นคือสิ่งใดเจ้าคะ”ฉันมองหน้าสงสัยของบ่าวน้อย ก่อนจะตอบด้วยคำพูดที่คิดว่าน่าจะต้องใช้ไปอีกนาน“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้”สาวน้อยอีกนางที่เห็นเมื่อเช้าเดินถือชามยาเข้ามา “พระชายา ดื่มยานะเพคะ”อันอันเข้ามาช่วยประคองฉันลุกขึ้น ขณะแนะนำสาวน้อยอีกนาง“พี่ผิงอันเจ้าค่ะคุณหนู พี่ผิงอันเป็นนางกำนัลที่ฮองเฮาส่งให้มารับใช้ข้างกายคุณหนูตั้งแต่สามปีที่แล้ว พวกเราอยู่ในวังกันสามคนมาโดยตลอดเจ้าค่ะ”ฉันหันไปมองหน้าผิงอันอืม..ดูมีความเรียบร้อยนุ่มนวลกว่าอันอันอยู่มากสมกับเป็นนางกำนัลในวัง“หม่อมฉันส่งข่าวไปแจ้งฮองเฮาและท่านอ๋องแล้วนะเพคะ อีกสักครู่ฮองเฮาจะส่งหมอหลวงมาตรวจอีกครา”ฉันพยักหน้า เอาสิ ตรวจให้แน่ใจว่าฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆหลังจากส่งหมอหลวงอีกหลายชุดเข้ามาตรวจ ท
บทที่สอง เป็นชายา“ช่วยด้วย...กรี๊ด...ตามหมอเร็ว... คุณหนู... พระชายา..เร็วเข้า...“ เสียงร้องตะโกนโวยวายดังขึ้นในตำหนักของอ๋องชิงหนานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พร้อมกลุ่มคนที่วิ่งสับสนวุ่นวายอยู่ในห้องหอของพระชายาที่เพิ่งแต่งเข้ามาฉันรู้สึกตัวได้สักพักแล้ว แต่ยังนอนนิ่งเฉยฟังเสียงความอลหม่านเพราะต้องการเก็บข้อมูล ความทรงจำในร่างนี้ตอนนี้ว่างเปล่ามาก ฉันจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าร่างนี้ชื่ออะไร“ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“พระชายากินสิ่งใดเข้าไป พวกข้ายังไม่สามารถตรวจสอบได้ ตอนนี้พบเพียงร่างกายอ่อนเพลียแต่ไม่คล้ายถูกพิษ เจ้าต้มยาให้พระชายาดื่มสักไม่กี่วันน่าจะดีขึ้น” เสียงชายสูงอายุคนหนึ่งตอบมาเบาๆหลังจากนั้นก็มีเสียงคนเดินออกไปจากห้องฉันค่อยๆลืมตามองรอบห้องช้าๆ“คุณหนู...พระชายา...ท่านฟื้นแล้ว” สาวน้อยคนเดิมวิ่งมาจับมือฉันอย่างดีใจ“บ่าวคิดว่า...ฮือ ฮือ ฮือ” พูดไปปาดน้ำตาไปอย่างน่าสงสารฉันคิดถึงตอนแสดงละครเรื่องหนึ่งที่เล่นเป็นคนความจำเสื่อม จึงพยายามแสดงสีหน้าเฉยชาออกมา ก่อนจะเอ่ยถามแบบไม่รู้จักกัน“เจ้าเป็นใคร”สาวน้อยเงยหน้ามองฉันอย่างพิจารณา “คุณหนู บ่าว...อันอันอย่างไรเล่าเจ้าคะ”“อ
บทที่หนึ่ง ฉันคิดก่อนจะตัดสินใจ“ได้ ฉันยินยอม แต่...” ฉันยื่นข้อเสนออย่างมีเงื่อนไข“ยมทูตท่านนี้ทำผิด ต้องคอยดูแลและทำตามที่ฉันร้องขอ ได้หรือเปล่า” ฉันชี้ไปทางยมทูตหน้าอ่อนที่ยังยืนทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ด้านข้าง“เจ้าร้องขอมากเกินไป” ยมทูตหน้าอ่อนตอบทันที“ข้าไม่สามารถทำตามที่เจ้าร้องขอได้ แต่ข้าจะหาเวลามาดูแลเจ้า หากมีสิ่งใดที่พอจะช่วยเหลือได้ข้าจะพยายาม”“ได้” ฉันตอบตกลงทันที เพราะคิดอยู่แล้วว่าร้องขอมากไป แค่ได้แกล้งยมทูตหน้าเบี้ยวคนนี้สักนิด ฉันก็ดีใจแล้วโทษฐานนำวิญญาณฉันผิดจนฉันต้องกลายมาเป็นใครก็ไม่รู้!“ถ้าเช่นนั้น เจ้าเข้าไปในร่างของหญิงสาวนางนี้ได้เลย รุ่งขึ้นเจ้าจะตื่นมาเป็นนาง” ยมทูตมีอายุรีบสรุปฉันก้าวเข้าไปยังร่างที่นอนคว่ำหน้าบนเตียงช้าๆ“อ้อ...เกือบลืม มีกฎข้อหนึ่งที่ข้าสามารถอนุญาตให้เจ้าเลือกได้ ปกติเมื่อเจ้าเป็นนางแล้ว เจ้าจะต้องลืมความทรงจำในร่างที่แล้วและเหลือเพียงความทรงจำของหญิงสาวนางนี้เท่านั้น แต่ข้าให้เจ้าเลือกได้ว่า เจ้าจะใช้ชีวิตในร่างนี้ด้วยความทรงจำของนาง หรือเจ้าจะเก็บความทรงจำเดิมของเจ้าเอาไว้ แต่หากเจ้าเก็บความทรงจำเดิมไว้ ร่างนี้ก็จะสูญเสียความทรงจำท
บทที่หนึ่ง เป็นดารายมทูตเบนทำหน้ายุ่งยากใจ หันมามองสีหน้าที่ยังมึนงงของฉัน“เป็นถึงดาราดัง ทำไมสวดแค่สามวันแล้วรีบเผาเลยล่ะ” เสียงซุบซิบนินทาจากแขกที่มาร่วมงานดังขึ้นข้างๆฉันรีบพุ่งตัวลอยไปฟังใกล้ๆ“ก็พ่อแม่นางอยู่ต่างประเทศ ต่างคนต่างมีลูกใหม่กันแล้ว ไม่มีใครยอมบินมาจัดงาน ปล่อยให้พวกเราจัดการกันเอง ผู้ชายทั้งหลายของนางก็หลบหน้าหลบตาไม่อยากแสดงตัว ทีมงานละครก็กำลังโดนตำรวจสอบสวนสาเหตุการตายกันอยู่ ทุกคนต่างไม่มีเวลา ก็เลยรีบสวดรีบเผาให้เสร็จๆไป” ทีมงานละครคนหนึ่งที่ฉันคุ้นหน้าตอบไขข้อข้องใจ“ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ไม่มีใครสนใจฉันเลยหรือนี่” ฉันก้มหน้าน้ำตารื้นไหลด้วยความเศร้าใจ ใช่แล้ว พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ฉันเพิ่งอายุ17ปี พ่อย้ายไปอยู่ออสเตรเลียมีครอบครัวและลูกใหม่ที่นั่น2คน ส่วนแม่ย้ายไปอยู่อเมริกากับสามีตาน้ำข้าว มีลูกใหม่อีก2คน ฉันจึงอยู่ที่นี่คนเดียว ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวด้วยอาชีพนักแสดงซึ่งหาเพื่อนแท้ได้ยาก แม้แต่ชายหนุ่มที่เคยคบหาก็ไม่มีใครมาช่วยจัดงานให้ฉัน“เจ้าไม่ต้องร้องไห้ แม้ร่างของเจ้าจะเผาไหม้ไปแล้ว แต่ข้ามีหนทางมาเสนอ” เสียงยมทูตมีอายุซึ่งโผล่มาปรากฏกายอยู่เค
บทที่หนึ่งเป็นดารา“คัท”เสียงตะโกนดังจากผู้ช่วยผู้กำกับราวกับเสียงสวรรค์ ฉันที่กลิ้งขลุกฝุ่นอยู่รีบลุกขึ้นจากพื้น ใช้มือปัดตามเนื้อตามตัวขณะเดินไปหาผู้กำกับใหญ่“คุณฟ้า ฉากนี้เล่นได้ดีมาก” ผู้กำกับเอ่ยชม ฉันยิ้มนิดๆขณะเอ่ยขอบคุณ“เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแล้วถ่ายฉากขี่ม้าต่อเลย” ผู้ช่วยหันมามองฉัน พยักหน้าให้เดินตามเข้าไปเปลี่ยนชุดในกระโจมที่ตั้งเรียงกันเป็นแนวฉันชื่อ ‘หยาดฟ้า’เป็นดาราที่แม้อายุถึง30ปีแล้วแต่ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ฉันเข้าวงการมาตั้งแต่ยังอยู่ในวัยใส เริ่มเล่นละครเรื่องแรกแนววัยเรียนวุ่นรัก ก่อนจะเปลี่ยนแนวมาเรื่อยตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทั้งละครรักโรแมนติก ดราม่าตบจูบ ครอบครัวว้าวุ่น แต่เรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงของฉันโด่งดังจนได้รับรางวัลกลับเป็นแนวบู๊ล้างผลาญ หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการเสนอบทบู๊ต่อมาอีกหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องที่กำลังถ่ายทำในตอนนี้ด้วย“เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ต่อ” ฉันก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าของผู้กำกับใหญ่เพื่อเตรียมตัวถ่ายทำฉากต่อไป“เอาล่ะ ฉากนี้เป็นตอนที่นางเอกขี่ม้าหนีคนร้าย ‘ฟ้า’ ขี่ม้าวนไปเรื่อยๆเดี๋ยวกล้องจะวิ่งตาม ส่วนสีหน้าใกล้ๆเดี๋ยวเราไปถ่ายในสตูแล้วมาตัดต่อใส่เ







