Share

002

last update Last Updated: 2025-10-14 16:53:13

กว่าสองนายบ่าวจะเดินมาถึงเรือนหลักด้านนอกก็มืดสนิทเสียแล้ว จะโทษที่นางล่าช้าไม่ได้ คนป่วยน่ะแค่เดินสามก้าวก็เหนื่อยหอบ มือเท้าชื้นเหงื่อเต็มไปหมด ต่อให้บำรุงมาครึ่งเดือนเรี่ยวแรงก็ยังไม่กลับมาดังเดิม น้ำในสระเย็นเฉียบ นางตกลงไปนานขนาดนั้น ไม่ขาดอากาศหายใจตายต้องส่งสุมบุญมากี่สิบชาติกัน

จะว่าไปตกน้ำครั้งนี้คุ้มค่าไม่น้อย ความทรงจำชาติก่อนผนวกเข้ากับความพิเศษบางอย่าง ทำให้นางรู้เช่นเห็นชาติของคนพวกนี้อย่างไรล่ะ!

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของครอบครัว เสียงแว่วแห่งความสุขดังออกจากเรือนหลักเป็นระยะ มือเล็กที่กำลังยกขึ้นจับห่วงประตูชะงักไปเล็กน้อย ลมหนาวพัดผ่านหัวใจซูเหยาไปหอบหนึ่ง สั่นสะท้านไปทั้งกาย นางหลับตาเม้มปากเข้าหากันแน่น สูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง เนิ่นนานค่อยลืมตาขึ้นมา มองประตูด้วยแววตาสงบนิ่ง สดับฟังสรรพสิ่งอย่างไร้ความรู้สึก

ซูเหยาเดินเข้าไป สาวใช้และบ่าวรับใช้ภายในเรือนชั้นนอกเข้ามาคารวะนางเหมือนในยามปกติ รอจนซูเหยาพยักหน้าเชิงรับรู้ จากนั้นค่อยทยอยกลับไปทำงานกันต่อ ทุกอย่างยังดำเนินไปตามเดิมเหมือนทุกครั้งที่นางมา ทว่าใจคนบางคนกลับเปลี่ยนไปตลอดกาล

เมื่อมาถึงเรือนชั้นใน ซูเหยาไม่ได้เร่งร้อนเดินเข้าไปร่วมวงสนทนากับทุกคน นางยืนพิงเสามองสำรวจสีหน้าแห่งความสุขที่แผ่กระจายทั่วหน้าของทุกคน พลางคิด ในที่นี้จะมีสักกี่คนที่รู้สึกมีความสุขจริงๆบ้าง 

เอาเถิด ให้เวลาพวกเขาอยู่ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักความอบอุ่นของครอบครัวไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน หากเห็นหน้าข้าแล้วเกรงว่าจะรักษาสีหน้าแห่งความสุขกันไว้ไม่ได้

“คุณหนูรองมาแล้ว” ไม่รู้ใครสังเกตเห็นซูเหยาที่ยืนอยู่ทางนี้ อุทานออกมาเสียงไม่หนักไม่เบาดังลอดถึงหูซูเหยา รอยยิ้มที่แต่งแต้มตรงมุมปากยิ่งกดลึกขึ้น แต่จนแล้วจนรอดคำพูดนั้นหาได้สั่นคลอน ‘วิมารแห่งความสุข’ นี้ลง 

บรรดาลูกหลานห้อมล้อมฮูหยินผู้เฒ่าราวกับวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ต้นจนจบบนใบหน้าชราประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง โฉมสะคราญหน้าตาคล้ายคลึงซูเหยาหลายส่วนคอยพูดเย้าแหย่ ส่งเสียงออดอ้อนให้หญิงชราหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว ท่านโหวนั่งอยู่ตำแหน่งที่ต่ำกว่าฮูหยินผู้เฒ่ามองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน มีฮูหยินของจวนถือถาดของว่างนั่งอยู่ด้านข้างฮูหยินผู้เฒ่า เบื้องหน้าหญิงชรามีชายหนุ่มรูปงามองอาจคุกเข่าจับมือเหี่ยวย่น ซูเหยาไม่อาจเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม แต่ให้นางเดาคงเป็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม อบอุ่นและอ่อนโยนมากเป็นแน่ 

นอกจากนี้บรรดาอี๋เหนียง น้องสาวทั้งหลายของนางอยู่กันพร้อมหน้า ซูเหยามองไปรอบๆคำรบหนึ่งก่อนจะวกสายตากลับมา พลางคิดอย่างสะทกสะท้อนใจว่านี่ถึงจะเป็นภาพแห่งความสุขที่แท้จริง บรรยากาศอบอุ่นเสียจนไม่มีใครสนใจการปรากฏตัวของนาง

จนกระทั่งอี๋เหนี๋ยงสามกล่าวทักขึ้นมาอีกรอบ อาจเป็นไปได้ว่านางทนฝืนแสดงไม่ไหว อิจฉาริษยา หรือกระทั่งต้องการสร้างความลำบากใจให้ซูเหยา ส่งยิ้มอย่างจนใจให้ซูเหยาครั้งหนึ่ง “คุณหนูรอง อาการป่วยยังไม่หายดี ด้านนอกลมแรงนัก ยืนอยู่ตรงนั้นนานๆไม่ดีนะเจ้าคะ เข้ามานั่งพักผ่อนข้างในก่อนเถิด” 

ภายในห้องพลันเงียบลง บรรยากาศอันแสนอบอุ่นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด ‘ภาพแห่งความสุข’ มลายหายไปในพริบตา

ซูเหยาพยักหน้า ส่งมือผอมบางให้เมิ่งจูประคองเดินไป “รักษามาครึ่งเดือนก็ต้องฟื้นตัวบ้างเป็นธรรมดา ได้ข่าวว่าซื่อจื่อกลับจวน ข้าผู้เป็นน้องสาวจะไม่มาต้อนรับได้อย่างไร หลานคารวะท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่ พี่หญิง ซื่อจื่อเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่กลางห้องลุกขึ้นยืน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน พินิจมองใบหน้าซีดเซียวของน้องสาวร่วมอุทร เขาอายุราวๆสิบแปดสิบเก้าปี แต่งกายสุภาพ ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนคล้ายคลึงกับซูเหยาถึงเจ็ดส่วน โดยเฉพาะดวงตารีเรียวคู่นั้น

“ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดี ไม่จำเป็นต้องมาที่นี่หรอก หากร่างกายทรุดลงไปอีกจะไม่แย่หรอกหรือ” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากชายหนุ่ม

รอยยิ้มบนใบหน้างามพลันหุบลง เผยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกมองตอบพี่ชายของตน “ข้าดื่มยาแล้ว วันหน้ามีแต่จะดีขึ้นเจ้าค่ะ ขอบคุณซื่อจื่อที่เป็นห่วง”

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง 

นัยย์ตาของซูเหยียนหรี่มองซูเหยานิ่งคล้ายกำลังมองทะลุเข้าไปถึงข้างในความคิดของนาง แต่กระนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดกับซูเหยา ใบหน้าขาวซีดยังคงเรียบนิ่งดังเดิม

“เหยาเหยาแข็งแรงมาตลอด ตั้งแต่ตกน้ำครั้งนั้นก็ร่างกายอ่อนแอเรื่อยมา หลายวันมานี้ข้าเชิญท่านหมอมาตรวจถึงได้ดีขึ้น หากเจ้ามีเรื่องใดที่คิดไม่ตกก็ให้บอกแม่ ไม่ควรทำร้ายตนเองเช่นนี้ ” เสียงของเผยซื่อทำลายความเงียบงันชั่วครู่ลง

มาแล้ว เริ่มสาดโคลนใส่ข้าแล้วสินะ เรื่องกลับดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ ท่านแม่ของนางถนัดนักล่ะ

เรื่องนี้ จะว่าไปแล้วก็โทษเผยซื่อไม่ได้ โดยพื้นฐานของมารดาเลี้ยงนั้นจะรักไคร่ลูกเลี้ยงของตนเองได้อย่างไร ยิ่งนางที่ไม่ใช่ลูกติดของบิดา แต่เป็นบุตรีของภรรยาคนก่อนที่เคยอยู่ในใจของท่านพ่อมานับยี่สิบกว่าปี หากจะท้าวความเรื่องราวแต่หนหลัง เผยซื่อก็นับได้ว่าเป็นมือที่สามบ่อนทำลายความสัมพันธ์อันดีของท่านทั้งสองนั่นเอง

ซูเหยาหวนระลึกถึงค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกกระหน่ำ นางยังจำคำพูดสุดท้ายของท่านแม่ได้ สตรีผอมแห้งราวตะเกียงขาดน้ำมันนอนนิ่งอยู่บนเตียง แววตาฉายแววสิ้นหวัง ใช้แรงทั้งหมดที่มีกอบกุมมือเล็กป้อมวัยห้าขวบของนางไว้หลวมๆ น้ำเสียงแหบแห้งเบาหวิวฟังไม่รู้ความ ทว่ากลับชัดเจนฝังลึกในจิตใจของนาง

“เหยาเหยา ชีวิตนี้แม่ทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด ไม่เคยทำผิดต่อใคร ไม่เคยผิดต่อตนเอง มีเพียงเรื่องเดียวคือแม่ผิดต่อเจ้า”

“แต่หากย้อนกลับไปได้อีกครั้ง แม่ก็ยังเลือกทางเดินเส้นนี้เหมือนเดิม”

“ข้าฟางหรูซิน ไม่เคยเสียใจภายหลัง หากแต่ปล่อยวางเด็กคนนี้ไม่ลง นางยังเล็กนัก...” เสียงของท่านแม่เบาลงเรื่อยๆ จนขาดหายไปในที่สุด คืนนั้นมือน้อยของนางกุมมือเย็นชืดไร้ชีวิตของท่านแม่ไว้ทั้งคืน หยาดน้ำตาไหลลงบาดแก้มของนางแสบร้อนไปหมด

นั่นคือการสูญเสียครั้งแรกของนาง ทว่าไม่นานหลังจากนั้นพลันมีสายลมอบอุ่นสายหนึ่งจากท่านแม่อีกคนโอบกอดหัวใจดวงน้อยที่แตกสลายของนางไว้

ท่านแม่ ท่านไม่เสียใจภายหลังจริงหรือ แต่ตอนนี้ข้าเสียใจแล้ว

ซูเหยาหลุดจากภวังค์ ส่งยิ้มให้เผยซื่อบางเบาพลางเอ่ย “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงเดินไม่ระวังพลัดตกน้ำไปเท่านั้น หาได้มีเรื่องที่คิดไม่ตกอันใด”

“น้องรอง ท่านแม่เพียงเป็นห่วงเจ้า หลายวันมานี้ทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงสุขภาพของเจ้า หากมีเรื่องอันใดในใจก็บอกกล่าวออกมาเถิด พวกเราเป็นห่วงเจ้ามากนะ” ซูม่านม่าน คุณหนูใหญ่ของจวนโหวผู้สุภาพเรียบร้อยอ่อนหวาน หนึ่งในหญิงงามของเมืองหลวง หากพูดถึงโฉมสะคราญอันดับหนึ่ง ชื่อแรกที่ผู้คนนึกถึงนั่นก็คือพี่น้องตระกูลซู

ซูคนพี่งดงาม อ่อนหวาน บริสุทธิ์ราวนางฟ้านางสวรรค์

ซูคนน้องร้อนแรง สดใสดั่งดวงตะวัน

และบุรุษร้อยทั้งร้อย ชื่นชอบหญิงสาวอ่อนหวาน บริสุทธิ์อยู่เหนือโลกีย์ หากแต่ไม่กล้าชมชอบสตรีร้อนแรง ยั่วเย้า ทำได้เพียงแค่เหลือบมองเท่านั้น ช่างน่าขัน

“เหตุใดพวกท่านกล่าวหาข้าไม่เลิกเช่นนี้” ซูเหยากลอกตาคร้านจะสนใจแม่ดอกบัวขาวนางนี้ ให้ตายเถอะ พูดอีกนิดก็แทบจะบีบคั้นน้ำในตัวออกมาได้แล้ว ไฉนเมื่อก่อนนางถึงดูไม่ออกกันนะ ซูเหยาเอ๋ยซูเหยา เจ้าช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้

“โอ๋ว หรือมีเรื่องใดที่ข้าต้องเป็นกังวลหรือเจ้าคะพี่หญิง” ซูเหยาหรี่ตามองซูม่านม่านราวกับล่วงรู้ความลับที่นางซ่อนเร้นอยู่

ภายในใจซูม่านม่านร้อนรุ่ม แต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มดังเดิม “ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน เห็นเจ้าอาการไม่ดีขึ้นมาครึ่งเดือนแล้ว ย่อมคาดเดาว่าคงมีเรื่องกลุ้มใจอันใดเป็นแน่ เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าปวดใจนัก”

“จะว่าไปก็แปลกนะเจ้าคะ ข้าจำได้ว่าอากาศวันนั้นก็ไม่ร้อน ร่างกายของข้าก็ออกจะแข็งแรงปานนั้น อยู่ๆก็หน้ามืดหมดสติตกลงไปในน้ำ แถมสาวใช้ที่ติดตามไปด้วยก็ไม่อยู่ข้างกาย ที่อันตรายเช่นนั้นปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียวได้อย่างไร หรือว่า...” ซูเหยาทำหน้าฉงนไม่เข้าใจเรื่องราว ครุ่นคิดสักพักใบหน้าก็เริ่มซีดลงเรื่อยๆ ร่ายกายสั่นสะท้าน รีบหันไปสั่งกำชับสาวใช้ข้างกาย “เมิ่งจู เจ้าไปเรียกมู่ตานมาให้ข้าประเดี๋ยวนี้”

ยังไม่ทันที่เมิ่งจูจะก้าวออกจากเรือน เสียงของเผยซื่อก็ดังขึ้นมาก่อน “ข้าสั่งโบยนางแล้วให้คนโยนศพทิ้งที่หลังเขานอกเมืองตั้งแต่วันแรกที่เจ้าตกน้ำ สาวใช้บกพร่องในหน้าที่จนเกือบทำให้เจ้าเอาชีวิตไม่รอดเช่นนี้จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้”

“แต่ว่ายังไม่ทันได้สืบเรื่องราวอันใดเลยนะเจ้าคะ เหตุใดจึงลงโทษนางเสียแล้ว” คิ้วสวยของซูเหยาเลิกขึ้น 

“เอาล่ะๆ เรื่องก็จบไปนานแล้ว เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น เจ้าไข้ขึ้นอยู่หลายวันจะไปรู้เรื่องอันใด หากมีแรงแล้วก็ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างก็ดี อย่ามัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้อง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดขึ้นมาอีกแล้ว เข้าใจหรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือตัดบท วันนี้เป็นวันที่หลานชายคนโปรดของนางกลับมา เด็กพวกนี้ยังจะหาเรื่องมาชำระความแต่หนหลังไปไย ถึงนางจะไม่ค่อยชอบใจหลานสาวคนนี้ แต่อย่างไรก็เป็นคนตระกูลเดียวกัน อีกทั้งเด็กคนนี้ยังมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ นางยังไม่โง่พอที่จะหาเรื่องใส่ตัว

“หลานเข้าใจแล้ว” ซูเหยากวาดสายตามองสีหน้าของแต่ละคน ก่อนจะหลุบตาลงช้าๆ

อืม...สะใจ ยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น แม้กระทั่งเฉยชายังมี ทว่านางกลับหาไม่เจอสายตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงนางเลยสักคน

อย่างว่าแหละ บนหัวมีแต่ตัวเลขติดลบกันทั้งนั้น

“ข้าเหนื่อยแล้ว เหยียนเอ๋อร์ เจ้าพยุงย่ากลับเรือน” หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับไปแล้ว ซูเหยาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่ต่อ สองนายบ่าวเดินกลับยังเร็วกว่าตอนขามามากนัก

ตั้งแต่ต้นจนจบ บิดาและพี่ชายของนางไม่เอ่ยปากสักคำ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการสนใจว่านางจะอยู่หรือตาย ผู้คนต่างบอกว่า คนที่ไร้หัวใจที่สุดนั้นคือฮ่องเต้ วันนี้นางขอค้าน คนในจวนหย่งอันโหวแห่งนี้ต่างหากที่ไม่มีหัวใจ

นางได้สูญเสียคนในครอบครัวไปหมดแล้ว หรืออาจจะบอกได้ว่า นอกจากมารดาแท้ๆ ก็ไม่มีใครที่เห็นนางเป็นคนในครอบครอบมากกว่า

โชคชะตาช่างเล่นตลกดีแท้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   026

    ซูเหยาใช้เท้าเขี่ยขาเขาอย่างไม่ลังเล ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง น่าจะสลบไปแล้วกระมัง"ช่วยคนหนึ่งครั้งเรียกว่าบังเอิญ สองครั้งเรียกว่าสวรรค์บังคับ" ซูเหยาพึมพำกับตัวเองขณะยืนมองเขา นางเริ่มยกชายเสื้อของเขาขึ้น พิจารณาแผลกลางอกที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด แม้จะไม่ลึกมากจนถึงชีวิต แต่ถ้าไม่รีบรักษาในตอนนี้ เขาคงจะได้ตายจริง ซูเหยารู้ดีว่าเวลาไม่รีรอเมื่อมือของซูเหยาเริ่มทำแผลให้กับเขา นางรู้สึกถึงความไม่มั่นคงที่กำลังก่อตัวในใจ ความหล่อเหลาของเขาทำให้นางเผลอหยุดมองเนิ่นนาน ใบหน้าที่ไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำพูด ความงดงามของเขานั้นเหมือนเทพบุตรที่ลงมาอยู่ตรงหน้าในขณะที่นางทายา มืออีกข้างไม่รักดีถึงกับลูบไล้ใบหน้ารูปสลักนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็แทรกเข้ามาในใจของซูเหยาฉับพลัน นางรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย ซูเหยากลืนน้ำลายอึกใหญ่ สั่นศีรษะเรียกสติตนเองกลับคืน ไม่ได้ ข้าไม่อาจปล่อยให้ตัวเองติดอยู่ในความลุ่มหลงนี้ได้จู่ ๆ สัญชาตญาณบางอย่างก็ทำให้ซูเหยาหยุดการกระทำของตัวเองได้สำเร็จ นางเหลือบมองไปที่ศีรษะของชายหนุ่ม แล้วเห็นตัวเลขที่กระพริบขึ้นเหนือหัวของเขา นางไม่อาจมองข้ามสิ่งนี้ได้ ค่าความชอบ

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   025

    ซูเหยากระพริบตามองหลี่หลัวอยู่หลายที “หลี่หลัว ข้าคิดว่าตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าควรออกกำลังกายให้มากเสียหน่อย”หลี่หลัวยิ้ม ขยับแขนหมุนข้อมือ “คุณหนูเจ้าคะ ข้าก็คิดเช่นนั้นอยู่พอดี”จากนั้น เสียงฟาด ฟัน กระแทกดังสนั่นราวม้าน้ำคลั่งในลานเก่าแห่งนี้ เหล่านักฆ่าคิดว่าตัวเองคือผู้ล่า ที่ไหนได้พวกเขากลายเป็นหมูในถังไม้ไผ่ ถูกปลิดลมหายใจราวกับใบไม้หล่นเปรี๊ยะ!เสียงกระทบเหล็กดังลั่น ชายชุดดำเบี่ยงหลบ แต่มือซ้ายของเขาถูกปาดจนเส้นเอ็นขาด นิ้วที่กำคมดาบอ่อนยวบลงทันใด“เร็วเกินไปแล้ว!” เขาสบถอีกคนอาศัยจังหวะหลบหลี่หลัว พุ่งเข้าหาซูเหยาจากด้านหลัง แต่ก่อนปลายดาบจะถึงเส้นผมของนาง ซูเหยาแค่ขยับชายแขนเสื้อเบา ๆ เข็มอีกเล่มก็ฝังเข้าไปใต้คางของมันไม่กี่ลมหายใจนับจากที่เหยียดหยามนาง หกคนล้มลงต่อหน้าทุกสายตาตอนนี้ แม้แต่เสียงหัวเราะก็เริ่มฝืดคอ นักฆ่าคนหนึ่งเริ่มถอยหลัง อีกคนเบิกตากว้าง มองพัดในมือหลี่หลัวกับแววตาไร้หวั่นของซูเหยา“อี-อี-อีนังนี่ ไม่ใช่แค่คุณหนูธรรมดา! ข่าวลือเป็นเรื่องจริง อึก”“โง่จริง ถ้าข้าเป็นคุณหนูธรรมดา คงถูกฆ่าไปตั้งแต่ตอนอยู่ในจวนโหวแล้วกระมัง” ซูเหยาถอนหายใจ เพียงแค่ตอนนั้นนั

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   024

    “มีข่าวจากเรือนเล็กในตลาดฝั่งเหนือเจ้าค่ะ” เสียงของเสี่ยวเซียงดังขึ้นยามเช้า นางเป็นหนึ่งในเด็กสาวกำพร้าที่ซูเหยาช่วยไว้ตั้งแต่ยังเร่ร่อน ปัจจุบันถูกฝึกให้เป็นหูตาในเมืองหัวเฉิน“พูดมา” ซูเหยากล่าวเรียบ ดวงตายังจับจ้องแผนที่เล็กบนโต๊ะ“พ่อค้ากลุ่มใหม่จากเมืองหลวงมาเปิดร้านผ้า แต่ที่แปลกคือไม่มีการแจ้งกับตระกูลใดในเมือง หญิงที่ดูแลร้าน มีสำเนียงคล้ายคนเมืองหลวงเจ้าค่ะ”หลี่หลัวขมวดคิ้ว ช่างจองเวรจองกรรมไม่เลิกรา “พวกนั้นส่งคนมาอีกแล้วหรือ”ซูเหยาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เสียงหึในลำคอดังขึ้น นางไม่แปลกใจ คนเลวเหล่านั้นจะยอมรามือได้อย่างไร หากนางยังมีชีวิตอยู่ดี เพียงแต่กังวลที่พวกเขาเริ่ม “เดินเกมเปิด” แล้ว“ให้อาหลินลองไปสมัครเป็นเด็กยกผ้าในร้านนั้น ถ้าอีกฝ่ายรับเข้า ก็คือเปิดช่องให้เราแล้ว” ซูเหยาว่าช้า ๆ คืนหนึ่งในตลาดยามค่ำ เสียงขลุ่ยจากเด็กเร่ร่อนคนหนึ่งบรรเลงทำนองเพลง ชายวัยกลางคนแต่งกายเรียบง่ายนั่งดื่มสุรากับสหายอยู่โต๊ะใกล้ ๆชายที่ดูไม่มีพิษภัยนี้ไม่มีใครรู้ว่า เขาผู้นั้นคือหวังถง หัวหน้ากลุ่มข่าวเงาในเมืองหัวเฉิน “ข้าคิดว่านางเด็กซูนั่นจะอยู่เงียบ ๆ เสียอีก” เขากระดกเหล้าเข้า

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   023

    “รับชาหรือสำรับเจ้าคะ” หลงจู๊ถามบุรุษทั้งสอง“ขอแค่ที่นั่งเงียบ ๆ กับชาร้อนสักจอกวันนี้อากาศมันร้อนมากไปหน่อย” เสียงไม่ดัง ไม่ต่ำดังขึ้นจากบุรุษปริศนา เสียงกระดิ่งดังขึ้นจากประตูหลังร้าน ซูเหยาทันเห็นเป้าหมายสั่งสำรับอาหารบนโต๊ะพอดี เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ เขาเพียงเงยหน้ายิ้มรับซูเหยาหญิงสาวแล้วยอบกาย “ไม่ทราบท่านมาจากสำนักใดเจ้าคะ”ชายหนุ่มยิ้มบาง “ข้าแค่คนเดินทาง หยุดพักใต้ร่มเงาไม้ ไม่ได้มาจากที่ใดเป็นพิเศษ”ซูเหยายกคิ้วเล็กน้อย “คนที่ไม่มีจุดเริ่มต้น ก็มักไม่มีปลายทาง”“ข้าไม่แน่ใจเรื่องปลายทาง” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม “แต่ข้าประทับใจกลิ่นชาของที่นี่จึงแวะมาเสียหน่อย กลิ่นชาในร้านนี้ บางทีก็คล้ายกลบกลิ่นอื่นดีนัก อย่างเช่นกลิ่นยา หรือกลิ่นพิษ”“นั่นก็แล้วแต่วาสนาของแต่ละคนแล้วเจ้าค่ะ” ซูเหยายิ้มตอบ ช่างประจวบเหมาะที่น้ำชามาถึงพอดีชายหนุ่มหัวเราะในลำคอไม่โต้กลับ แต่ยกจอกชาขึ้นจิบ “อย่างน้อยตอนนี้ก็รู้ว่าจอกนี้ปลอดภัยยิ่ง”“หากจะใส่ ก็ไม่ใส่ในจอกแรกหรอกเจ้าค่ะ” ซูเหยาว่าพลางยิ้มครู่หนึ่งที่ความเงียบแทรกกลางบรรยากาศ เขาวางจอกลงอย่างแผ่วเบา “คุณหนูรองซูไม่ต้องกังวล ข้าม

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   022

    ลมเย็นจากแม่น้ำเซี่ยนที่พัดผ่านกลางเมืองหัวเฉินพัดกลิ่นน้ำแกงเข้มข้นและเสียงขลุกขลักของเตาหล่อเหลาอาหารกลางถนนเส้นรองให้โชยเข้าไปถึงอีกฟากถนน ที่ใจกลางย่านการค้าทางตะวันตกของเมือง ตั้งตระหง่านอยู่คือเหลาเจินซินเหลาอาหารที่เปิดมาสิบปีไม่เพียงขึ้นชื่อในเขตทางใต้แต่กลับโด่งดังในหมู่นักเดินทาง ขุนนางท้องถิ่น และพ่อค้าใหญ่ระหว่างแคว้นที่เดินทางมาชื่อของเหลาเจินซินอาจยังไม่เป็นที่รู้จักในเมืองหลวง แต่ในหัวเฉินหากเอ่ยถึง “หมูแดงหอมชา” หรือ “ขนมเปี๊ยะลายมังกร” ของที่นี่แล้วล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ต้องพยักหน้าทว่า ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของที่แท้จริงของเหลาอาหารหลังนี้คือใคร นอกจากคนตระกูลฟางเช้าวันรุ่งขึ้น ซูเหยาเดินมาถึงหน้าร้านโดยมีเพียงหลี่หลัวติดตาม ใบหน้าเรียบเฉยของนางซ่อนอยู่ใต้หมวกไม้ไผ่ปีกกว้าง สวมผ้าคลุมสีน้ำตาลเรียบ ไร้เครื่องประดับใด ๆ“มีข่าวจากโรงเตี๊ยมฝั่งใต้เจ้าค่ะ สายของพวกในจวนหย่งอันโหวแฝงมาเป็นแขกค้าขายแล้วสองชุด” หลี่หลัวกระซิบซูเหยาไม่ตอบในทันที มือเรียวยกขึ้นถอดหมวกปีกกว้างออก ขณะยืนมองภาพความวุ่นวายเล็กๆ ของร้าน เสียงเด็กฝึกงานตะโกนเรียกออเดอร์ เสียงหัวเราะของพ่อค้าจากดินแดนเห

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   021

    ฤดูกาลในหัวเฉินเปลี่ยนแปลงเชื่องช้า ใบไม้สีเขียวอ่อนเปลี่ยนเป็นเหลืองนวล ก่อนร่วงหล่นตามแรงลม และภายในเรือนตะวันออกของจวนตระกูล ซูเหยากำลังใช้ชีวิตที่ดูราวกับว่า สงบและเรียบง่ายหลังจากเหตุการณ์ที่เส้นทางเขานั้นผ่านไปไม่กี่วัน นางแทบไม่ได้เอ่ยถึงมันอีกเลยแม้แต่กุ้ยซินกับซุนจู๊ที่เคยเป็นบ่าวใกล้ตัว ก็ถูกท่านตาส่งไปช่วยงานในเรือนอื่นอย่าง “เหมาะสม”“พวกเขาทำงานมานาน คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศ” ท่านตากล่าวเช่นนั้นขณะจิบชาอย่างสงบ ไม่มีเสียงคัดค้านจากนางที่เป็นหลานสาวเลยแม้แต่น้อยเมื่อเข้าสู่เดือนที่สามของการพำนักในหัวเฉิน ชื่อเสียงของซูเหยาเริ่มกระจายไปทั่วเมืองทางใต้ ไม่ใช่ในฐานะคุณหนูรองจวนโหวจากเมืองหลวง ไม่ได้เป็นเพียงหญิงสาวผู้ถูกทอดทิ้ง หากแต่คือคุณหนูแห่งจวนตระกูลฟาง นางกลายเป็นผู้มีสายตาไว วาจาคม มือเปื้อนพิษ และสมองเฉียบกว่าใครในวัยเดียวกันบรรดาขุนนาง ขุนนางปลดเกษียณ พ่อค้าคหบดี หัวหน้าสำนัก และผู้นำตระกูลท้องถิ่น ต่างพากันส่งบุตรหลานมาขอเข้าพบหวังจะฝากฝัง หวังจะผูกไมตรีและในเรือนที่ลึกที่สุดของจวนตระกูลฟาง มีกล่องไม้เก่าแก่กล่องหนึ่งที่ถูกเปิดเป็นครั้งแรกในรอบสิบห้าปีกล่องซึ่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status