Share

003

last update Last Updated: 2025-10-14 16:53:35

หลายวันก่อนคนทางนั้นส่งกงกงจากในวังมาเยี่ยมเยียนซูเหยา เห็นนางไม่เป็นอันใดมากแล้ว วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดี องค์หญิงผิงอันจัดงานเลี้ยงชมบุปผา เชิญเหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่มาร่วมงานไม่น้อย ในฐานะนางที่เป็นหนึ่งในตัวเอกของงาน ซูเหยาย่อมตอบรับคำเชิญ

ซูเหยาชอบความสนุกสนานเป็นที่สุด ดังนั้นสถานที่ใดมีความครึกครื้น มีผู้คนรวมตัวกันจำนวนมากจึงจะสามารเผยโฉมหน้าของตนให้หญิงสาวทั้งหลายริษยากันตายไปเลย หากเป็นเมื่อก่อนนั้นคงทำเพียงร่วมชมความครึกครื้นอย่างเดียว 

ทว่านับตั้งแต่สมองนางจุติใหม่อีกครั้ง ซูเหยาจึงถือคติไว้ว่า ใช้ชีวิตตามแต่ใจตน กิน ดื่ม เงินทอง เสื้อผ้าอาภรณ์ต้องไม่ขาด นี่สิถึงจะเป็นกำไรของชีวิต

นางคือซูเหยา คือหญิงงามอันดับหนึ่ง ทว่างามก็งามอยู่หรอกแต่ความคิดตื้นเขินไปสักหน่อย ในยุคที่บ้านเมืองสงบสุข ไร้ศึกสงคราม หญิงงามที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับความสามารถที่มากล้น เป็นยอดหญิงชนชั้นสูงในสายตาของผู้คน

ถึงกระนั้นเหล่าสตรีที่วันๆไม่มีอะไรทำก็อดริษยานางไม่ได้อยู่ดี เบื้องหน้านอกจากชื่อเสียงด้านรูปโฉมงดงามที่ลือกันไปทั้งเมืองหลวงแล้ว นางยังเป็นบุตรีภรรยาเอกคนก่อน มีมารดาเลี้ยงที่รักใคร่ มีคนรักเป็นบุรุษในฝันของผู้คนทั้งหลาย เบื้องหลังเป็นหลานสาวที่ไทเฮาโปรดปราน มีท่านลุงเป็นเสนาบดี ท่านน้าเป็นหมอเทวดา ใช้ชีวิตตามอำเภอใจ สุขเกษมสำราญ แค่คิดนำมาเปรียบเทียบกับตน ช่างชวนกระอักเลือดออกมาหลายคำดีแท้

ทว่าน่าเสียดาย...โฉมสะคราญก็มีจุดด่างพล้อยเช่นกัน ซูเหยามองว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดหรอก เพียงแค่บังเอิญพบเจอพี่สาวกับคนรักของนางกำลังกอดจูบกันที่สวนหลังบ้านของนางในคืนๆหนึ่ง

อ่า ชายสารเลวผู้นั้นพูดอันใดนะ 

‘นางเป็นคุณหนูของจวนหย่งอันโหว เป็นดั่งดวงหทัยของเสด็จย่า เบื้องหลังของนางนั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรนางก็เหมาะสมที่จะเป็นชายาของตำหนักคังอ๋อง’

‘แต่นางจะเทียบกับเจ้าได้อย่างไร ภายในใจของข้าเจ้าดีที่สุด อย่าร้องอีกเลย…แค่ครั้งนี้เท่านั้น ภายภาคหน้าข้าไม่มีทางทำให้เจ้าน้อยเนื้อต่ำใจเป็นแน่’

ซูเหยาได้แต่รำพึงรำพัน หากจะเชื่อคำพูดของบุรุษน่ะ ไม่สู้หนีไปนอนกลางวันเสียยังดีกว่า นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า ‘รู้จักมานาน ไม่ใช่รู้จักกันดี’

ที่จริงนางชมชอบคังอ๋องผู้นี้มาก คิดมาเสมอว่าเขาเป็นบุรุษหน้าตาดี มากความสามารถ ย่อมต้องเป็นคู่ครองที่ดีของนางอย่างแน่นอน ต่อมานางเพิ่งเข้าใจว่านอกจากหน้าตาแล้ว บุรุษผู้นั้นก็ไม่มีอะไรดี

ยังดีที่ยังไม่ได้ตกลงหมั้นหมาย วันที่ไทเฮาส่งนางกำนัลคนสนิทมาสอบถาม นางจึงเอ่ยปฏิเสธการเกี่ยวดองนี้อย่างไม่ต้องหยุดคิด

ไทเฮามาจากตระกูลฟางซึ่งเป็นตระกูลบัณทิต มีพี่ชายร่วมอุทรเพียงคนเดียว แต่โชคไม่ดีพี่ชายพี่สะใภ้ตายจากตั้งแต่ยังหนุ่มเหลือทิ้งไว้เพียงหลานชายหลานสาวให้พระนางช่วยดูแล ซึ่งก็คือท่านลุงเสนาบดีฝ่ายซ้าย ท่านน้าที่ตอนนี้ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วใต้หล้า และท่านแม่ของนางที่จากโลกนี้ไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน สตรีในตระกูลฟางนั้นมีน้อย ด้วยเหตุนี้ซูเหยาถึงได้รับอานุสงค์จากมารดาเป็นที่รักที่เอ็นดูของทุกคนในตระกูลฝั่งมารดา

ดังนั้นต่อให้ผู้คนทั้งหลายอิจฉาริษยาหรือเกลียดชัง เบื้องหน้าก็ยังต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลของนางอยู่ดี 

ซูเหยาผู้เป็นที่กล่าวถึงของชาวเมืองหลวงในขณะนี้กำลังนั่งกินดื่มอยู่ที่ตำหนักคังโซ่วเพื่อมาเข้าเฝ้าไทเฮาเป็นคนแรก งานเลี้ยงอะไรก็ดีหมด เว้นเสียแต่อาหารที่ออกจะเย็นชืดไปสักหน่อย ไม่ถูกปากช่างเลือกกินของนางแม้แต่น้อย

ไทเฮาได้ยินว่าซูเหยาจะไปร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาขององค์หญิงผิงอันที่อุทยานหลวง จึงให้ห้องครัวเล็กในตำหนักเตรียมของว่างรองท้องให้นางอย่างรู้ใจ ทั้งยังมอบเสื้อคลุมสีขาวเข้ากับชุดกระโปรงสีแดงลายดอกเหมยยิ่งขับเน้นความงามของนางให้ซูเหยาตัวหนึ่ง

“เสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวนี้เหมาะกับดรุณีน้อยอย่างเจ้ามากนัก ข้าเก็บไว้ก็ไม่ได้ใส่ ต้องให้หญิงงามใส่ถึงจะเหมาะสมที่สุด” ไทเฮาพูดอย่างสำราญใจ จ้องมองสาวน้อยตรงหน้าที่พระนางเลี้ยงมากับมือตั้งแต่นางยังเล็กจนเติบใหญ่ 

“แต่เหมือนว่าจะยังขาดสีสันบางอย่างไป หลายวันมานี้เจ้าล้มป่วยร่างกายอ่อนแอ ผิวขาวๆราวหิมะยิ่งขาวเข้าไปใหญ่ กลัวจริงๆว่าหากต้องลมเย็นมากเกินไป ร่ายกายแบบบางของเจ้าจะปลิวหรือไม่” เหล่านางกำนัลได้ยินก็อยากหัวเราะทว่าไม่กล้าส่งเสียง ยามปกติไทเฮาเป็นนายที่เคร่งขรึม เข้มงวด ยกเว้นเรื่องคุณหนูซูเหยาที่พระนางจะกลายเป็นผู้ใหญ่จอมจู้จี้ ห่วงพะวงไปเสียทุกเรื่อง

ซูเหยายกมือปิดปากหัวเราะ ดวงตารีเรียวโค้งเป็นเส้นตรงอย่างน่ารัก “ต้องให้พระองค์ทรงเป็นกังวลแล้ว หากว่าหม่อมฉันเดินสามก้าวก็ล้ม ต้องลมนิดหน่อยก็ปลิว เช่นนั้นซูเหยาก็ไม่มีหน้าออกมาพบป่ะผู้คนแล้ว”

“เจ้านี่นะ เจ้านี่นะ” ไทเฮาแย้มสรวญลูบศรีษะนางเบาๆด้วยความเอ็นดู จากนั้นหันไปบอกให้นางข้าหลวงไปหยิบเครื่องประดับทับทิมออกมาชุดหนึ่ง ลงมือหยิบเครื่องประดับชุดนั้นใส่ให้ซูเหยาอย่างตั้งใจ

“นี่สิถึงจะเรียกว่าหญิงงามแห่งยุค ไม่เสียชื่ออดีตหญิงงามอันดับหนึ่งของมารดาเจ้าแล้ว” ซูเหยาเพียงยิ้มรับ ไม่ขัดต่อความมุ่งมั่นที่ต้องการแต่งสวยให้ตน

“ขอบบพระทัยเพคะ” 

พอซูเหยาจากไป ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเจอความเศร้าหมองจางๆ “ข้าแก่แล้วไม่เหมาะกับของสวยๆงามๆเช่นนี้หรอก ผ้าเนื้อดีและเครื่องประดับนอนกองอยู่ในคลังให้ฝุ่นจับไปวันๆก็ไร้ประโยขน์ วันนี้ก็นำไปส่งให้นางสักหลายพับเถิด”

เด็กคนนี้น่าสงสารนัก หากพระนางไม่เอาใจใส่ให้มากหน่อย ใต้หล้าคงไม่มีใครเหลียวแลนางอีกแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   037

    ซูเหยาโงนเงนก้าวเข้าสู่ห้องเล็ก ๆ ที่แสงจันทร์สีเงินสาดส่องเข้ามาเพียงน้อยนิด ความร้อนรุ่มที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือดเผาผลาญสติของนางหมดลงทีละน้อย ดวงตาพร่าเลือนของนางพยายามปรับโฟกัสกับเงาร่างสูงใหญ่ที่นอนบนเตียงในวินาทีที่ร่างนั้นหันมา ความมืดไม่อาจซ่อนรูปโฉมของเขาได้หมด ซูเหยาเบิกตากว้างทันทีที่เห็นสวรรค์ ข้าเบลอคนเห็นภาพหลอนหรือ!ไม่ว่าความทรงจำจะเลือนรางแค่ไหน นางก็ไม่มีวันลืมโครงหน้าอันสมบูรณ์แบบนี้ได้ ความหล่อเหลาที่ราวกับถูกสลักเสลาจากหยกเย็นชั้นดี สูงส่ง เย็นชา และเป็นคนที่นางเคยลอบมองอยู่หลายครั้งเป็นผู้ที่นางหลงใหลอย่างลับ ๆ มาโดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแค่ก ๆซูเหยาแทบอยากกรีดร้องออกมา โอกาสเดียวที่ฟ้าประทานให้มาถึงแล้ว!แรงปรารถนาที่แล่นพล่านในกายของซูเหยา ทำให้สติสัมปชัญญะของนางพร่าเลือน นางเซถลาเข้าหาร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่อาจควบคุมได้ชายหนุ่มที่แม้จะถูกพิษอันร้อนแรงครอบงำ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายก็ยังคงฉับไว มือแกร่งข้างหนึ่งยกขึ้นมารองรับแผ่นหลังของนางไว้ได้ทันท่วงที ก่อนที่ศีรษะข

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   036

    ลวี่เจานำทางซูเหยาเดินเข้ามาด้านในของจวนหนิงอ๋องที่ห่างไกลจากความครึกครื้นของลานจัดเลี้ยง สายลมยามค่ำพัดผ่านหมู่ไม้ เสียงเสียดสีกันนั้นคล้ายเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนรอบกายซูเหยาตระหนักในทันทีว่าเส้นทางที่กำลังมุ่งไปนี้ไม่ใช่เส้นทางไปยังห้องเปลี่ยนชุดตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เป็นทางวกวนลัดเลาะสู่เรือนเล็กด้านหลังแทนซูเหยากระตุกมุมปาก พวกนางกระทำการโจ่งแจ้งยิ่งนักนางยังคงแสดงสีหน้าอ่อนเพลีย แต่ละก้าวเดินสะเปะสะปะ แต่แอบกวาดมองสำรวจทิศทางอย่างรวดเร็ว หนิงหวางเฟยผู้นั้นช่างรอบคอบนัก เดิมทีก็ไม่คิดจะให้นางเปลี่ยนชุดอยู่แล้ว หากแต่ต้องการล่อให้นางเข้ามาในสถานที่ที่สามารถลงมือได้อย่างลับตาคนแห่งนี้ต่างหาก!จนเมื่อมาถึงเรือนเล็กแห่งหนึ่ง ลวี่เจาเปิดประตูออก “คุณหนูซู เชิญด้านในเจ้าค่ะ ชุดสำรองเตรียมไว้ให้ท่านอยู่บนเตียงแล้ว”ลวี่เจากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม แต่ในแววตานั้นซ่อนความเยาะเย้ยจาง ๆ ไว้กลิ่นกำยานชนิดหนึ่งคลุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้ซูเหยาต้องสูดหายใจลึกด้วยความฉุน นางส่งเสียงตอบรับในลำคอ เดินตามลวี่เจาเข้าไป ภายในมีเพียงเตียงแกะสลักและฉากกั้นไม้ที่ทาสีเข้มตั้งตระหง่านอยู่“หากคุณหนู

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   035

    ซูเหยามองการจัดเตรียมอาหารทะเลที่หนิงหวางเฟยอุตส่าห์จัดมาให้ เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายต้องการใช้นางเป็นสนามอารมณ์ เพื่อให้เหล่าสตรีทั้งหลายริษยา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องยอมรับว่าปูนึ่งสามรสที่ถูกนำมาตั้งไว้ตรงหน้านั้นช่างยั่วยวนนักท่าทางดื่มด่ำกับอาหารมื้อนี้ขัดตาหลายคนที่มอง นางเช็ดริมฝีปากด้วยผ้าไหมเนื้อดีอย่างสำรวม หลังจากลิ้มรสปูนึ่งสามรสไปจนหมดตัวหนึ่ง พลางเหลือบมองไปทางหนิงหวางเฟย“ปูนึ่งสามรสจานนี้รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน ถูกปากยิ่งนัก เป็นอาหารเลิศรสที่สุดเท่าที่หม่อมฉันเคยทานมาในหัวเฉินเลยเพคะ” ซูเหยากล่าวชมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ“หากชอบก็กินมากหน่อย อย่าได้เกรงใจกันเกินไปเล่า” หนิงหวางเฟยจิบสุราขึ้นดื่ม รอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า“หามิได้เพคะ พระองค์ทรงเมตตาจัดเตรียมให้หม่อมฉันโดยเฉพาะ เหยาเอ๋อร์ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง” ซูเหยาลุกขึ้นยอบกายกล่าวอย่างสุภาพ“แต่ร่างกายของหม่อมฉันอ่อนแอมาตั้งแต่จับไข้ที่เมืองหลวง ไม่กล้าทานอาหาร ‘ร้อนแรง’ เช่นนี้มากนัก เพียงตัวเดียวหม่อมฉัน

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   034

    ฝั่งบุรุษเสียงสนทนาในศาลาฝั่งชายครึกครื้นไม่แพ้กัน มู่หรงไป๋อี้นั่งเงียบอยู่ในมุมข้าง หน้าต่างด้านข้างของศาลาเปิดออกพอดี ม่านแพสีทองปลิวบางเบาเขาสวมชุดคลุมสีเข้มปักลายคลื่นเงินเรียบง่าย ใบหน้าคมสงบนิ่ง ผิวขาวจนตัดกับผมดำขลับนิ้วเรียวหมุนจอกสุรา ดวงตาเรียวยาวทอดผ่านม่านออกไปยังลานฝั่งหญิงโดยไม่รู้ตัวถังเว่ยซึ่งนั่งตรงข้ามกันหัวเราะเบา ๆ “ไป๋อี้ เจ้าจ้องลานนั่นตั้งแต่คุณหนูสองคนนั้นเข้ามา ข้าไม่เคยเห็นเจ้าสนใจสตรีที่ไหนมาก่อนนะ”หวังอวี่มองตามบ้าง “เจ้ามองอะไรอยู่ไป๋อี้ ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่เคยสนใจงานเลี้ยงแบบนี้”“พูดมาก” เขาตอบเรียบ “ข้าเพียงมองดูบรรยากาศ”หรงอี้ที่ติดตามมาแอบกลอกตามองบน จะเป็นใครได้ หากไม่ใช่ท่านผู้นั้นหวังอวี่ที่นั่งข้างกันหัวเราะบ้าง “นั่นน่ะหรือคุณหนูซูเหยา เหลนสายนอกของไทเฮาสตรีผู้เป็นที่กล่าวถึงของทั้งเมืองหลวง เลื่องลือมาถึงฝั่งใต้เรา ถึงเจ้าไม่สนใจเรื่องหยุมหยิมพรรค์นี้ แต่ต้องเคยได้ยินมาบ้างกระมัง นางถือตนเองว่าได้รับความโปรดปรานของไทเฮา ใช้อำนาจบาตรใหญ่ หยิ่งยโสโอหัง ทำเรื่องวุ่นวายไม่รู้กี่ครั้ง แม้แต่ในวังหลวงยังกล้าทำมาแล้วครั้งหนึ่ง”เจิ้นหยางเสริมเสียง

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   033

    เช้าวันงานเลี้ยงแสงแดดลอดผ่านม่านลูกไม้บาง ๆ เข้าสู่เรือนด้านใน กลิ่นฝนเมื่อคืนยังไม่จาง ซูเหยานั่งเอนอยู่หน้ากระจกสำริดในชุดคลุมบางสีงาช้าง ผมยาวปล่อยสยายทั่วบ่า“คุณหนูจะใส่ชุดไหนดีเจ้าคะ” หลี่หลัวถือหีบผ้าเปิดให้ดูทีละชุด ตั้งแต่ผ้าแพรลายมังกรสีฟ้าหยกจนถึงชุดปักทองซูเหยามองเรียงทีละชิ้น “ตัดชุดครามทิ้งไปเลย สีเหมือนน้ำค้างแข็ง ใส่แล้วดูเหมือนคนตายลุกจากโลง”“เจ้าค่ะ” หลี่หลัวอมยิ้มกุ้ยซินยื่นชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อนทาบบนตัวนาง “งั้นชุดนี้เจ้าคะ ท่านใส่แล้วดูเหมือนสตรีขี้โรคผู้งดงาม”ซูเหยาปรือตาเหลือบมอง นางชมข้าว่างามหรือไม่งามกันแน่หลี่หลัวหยิบกล่องเครื่องประดับขึ้นมา “ปิ่นหยกที่ไทเฮาพระราชทานอันนี้เข้ากับชุดพอดีเจ้าค่ะ”ซูเหยาเลิกคิ้ว ปล่อยให้สองสาวใช้แต่งตัวให้ตามอำเภอใจ “งั้นใช้เถิด เวลาโดนใครด่า ข้าจะได้มีโล่กำบังอีกชั้น”ขณะพูด ซูเหยาก็หันไปมองเงาสะท้อนในกระจก ผิวซีดจนแทบกลืนกับผ้า แววตาเจอความเหนื่อยล้า เมื่อปัดแป้งบาง ๆ ลงใบหน้า ความอ่อนแอนั้นกลับกลายเป็นเสน่ห์ละมุนอย่างประหลาด เหมือนกลีบดอกที่พร้อมจะร่วง ทว่าคงความสดใหม่“คุณหนู เย็นวันนี้คุณหนูฟางเซียงจะมารับนะเจ้าคะ” สาว

  • อย่าบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นนางร้าย   032

    ในห้องเงียบงันมีเพียงเสียงลมลอดกรอบหน้าต่างและกลิ่นธูปจาง ๆ ลอยคลุ้ง ซูเหยาเอนตัวพิงหมอนอยู่บนเตียง สีหน้าอ่อนระโหยตามแบบหญิงป่วยที่ยังไม่ฟื้นดี นางยื่นมือให้หลี่หลัวนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ เตรียมผ้าชุบน้ำเย็นไว้เช็ดหน้าให้ แต่ก็อดไม่ได้จะเอ่ยเรื่องข่าวเมืองหลวงที่เพิ่งได้ยินมา ซูเหยาเอนตัวพิงหมอน ดวงตาปรือปรอยจากความเมื่อยล้า ทว่ามุมปากกลับคลี่ยิ้มบาง“เจ้าเล่าข่าวคราวในเมืองหลวงให้ข้าฟังบ้างสิ ตอนนี้เป็นอย่างไรกันแล้ว”หลี่หลัวถามอย่างยินดี “คุณหนูหมายถึงข่าวบ้านเมืองหรือเจ้าคะ”ซูเหยาเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “ข่าวบ้านเมือง? หรือว่าฝ่าบาทเปลี่ยนใจสละราชบัลลังก์เสียแล้ว”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ!” หลี่หลัวรีบมองซ้ายขวากลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยิน คุณหนูนับวันยิ่งใจกล้า แม้แต่ฮ่องเต้ยังกล้าวิจารณ์“ข้าชอบข่าวคนมากกว่า” ซูเหยาว่าพร้อมหัวเราะกับท่าทีตื่นตระหนกของนาง “ข่าวบ้านเมืองฟังแล้วปวดหัว สตรีในห้องหอจะอยากรู้เรื่องของราชสำนักไปทำไมกัน”หลี่หลัวสบตาซูเหยา ก่อนยิ้มอย่างรู้ทัน “ถ้าอย่างนั้นบ่าวจะเล่าเรื่องที่ได้ยินมาจากพ่อค้าข่าวในตลาดนะเจ้าคะ”“อืม ว่ามาสิ” ซูเหยาคงรอยยิ้มสวยงาม หากแต่นางไม่เชื่อว่าข่าวที

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status