เมื่อได้รับอนุญาต อวิ่นเฟยหยวนก็บดจุมพิตลงบนริมฝีปากอิ่มทันที เมื่อครู่เขาทันได้เห็นสายตาที่คล้ายกับจะเริ่มหวาดหวั่นของสตรีใต้ร่าง เขากลัวอวิ่นซงถิงจะเปลี่ยนใจ จึงรีบเลื่อนมือทั้งสองข้างจับลงบนสะโพกของนาง จากนั้นก็เริ่มขยับส่วนนั้นไปตามสัญชาตญาณ แม้เขาจะไม่เคยทำ แต่ก็เคยอ่านตำราวสันต์มาหลายเล่ม
อวิ่นเฟยหยวนถูไถส่วนนั้นขึ้นลงอย่างช้า ๆ แต่หนักหน่วง ยามนี้เขากับอวิ่นซงถิงต่างสัมผัสได้ถึงร่างกายของกันและกันผ่านเนื้อผ้า
“อึก! อ๊า...” ความเสียวซ่านทำให้อวิ่นเฟยหยวนเผลอหลุดเสียงครางกระเส่าเบา ๆ ออกมา เขาขังสตรีที่ตนรักเอาไว้ใต้ร่าง ออกแรงกระชับมือที่จับนาง เขาบดขยี้ ออกแรงกด พร้อมกับดึงสะโพกของร่างบางให้เข้าหา
อวิ่นเฟยหยวนเลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าบนแผ่นหลังของร่างบาง อวิ่นซงถิงแอ่นตัวขึ้นดุจดั่งคันธนู จึงทำให้หน้าอกนุ่ม ๆ ของนางแนบชิดเข้ากับแผงอกของเขามากขึ้น
ซึ่งในทุกครั้งที่เคลื่อนไหว อวิ่นเฟยหยวนก็ยังต้องพยายามควบคุมไม่ให้เสียงขยับร่างกาย และเสียงครางของเขากับอวิ่นซงถิงหลุดไปเข้าหูสองคนบนเตียง หูทั้งสองข้างของเขาจึงต้องคอยฟังความเคลื่อนไหวของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีคู่นั้นไปด้วย ในขณะที่ช่วงล่างของเขายามนี้ก็เริ่มเพิ่มความเร็ว และความแรง
อวิ่นเฟยหยวนเบนสายตาลงไปมองสิ่งที่กำลังบดเบียดกับแผงอกของเขาอย่างนุ่มนวล ตรงนั้นมีบางอย่างที่อยู่ในจินตนาการของเขายามค่ำคืนจับจองพื้นที่อยู่ แม้วันนี้จะยังไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา
ทว่า...อวิ่นเฟยหยวนตัดสินใจเลื่อนมือขึ้นมากอบกุม และเคล้นคลึงเบา ๆ ที่ทรวงอกของสตรีใต้ร่าง แม้จะยังมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่ความนุ่มนิ่มของมัน...
“อ๊ะ! พี่ชาย...อื้อ!”
เสียงครางหวานหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากของสตรีใต้ร่าง โชคดีที่หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ก็กำลังโรมรันกับกิจส่วนตัวกันอย่างหนักหน่วง
อวิ่นเฟยหยวนจึงอาศัยจังหวะนั้นเลื่อนมือกลับไปจับสะโพก แล้วกดส่วนนั้นถูไถลงไปที่ระหว่างขาของสตรีใต้ร่างอย่างร้อนแรง ถี่รัว และดุดัน เพียงไม่นานร่างกายของอวิ่นซงถิงก็กระตุกขึ้นมาอย่างแรง จากนั้นก็อ่อนยวบลงคล้ายกับว่า นางจะถึงจุดสุขสมแล้ว
ส่วนตัวเขา...อวิ่นเฟยหยวนก้มลงไปมองส่วนแสดงความเป็นบุรุษที่กำลังตั้งชันขึ้นใต้ร่มผ้า มันแข็งจนทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบ ดูเหมือนว่า แค่ถูไถภายนอกมันจะไม่เพียงพอเสียแล้ว
อวิ่นเฟยหยวนเงยหน้าขึ้นมองอวิ่นซงถิงแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจยอมเสียเปรียบนาง...
อวิ่นซงถิงนอนหอบ นางรู้สึกเหนื่อยราวกับเพิ่งไปวิ่งรอบจวนมาสักสามรอบ
เมื่อครู่นางได้สัมผัสกับความรู้สึกแปลกใหม่ อวิ่นซงถิงรู้สึกคล้ายกับมีความร้อนกำลังจะปะทุ จากนั้นนางก็รู้สึกปวดหนึบ ๆ ที่ส่วนลับ พออวิ่นเฟยหยวนขยับเอวถี่รัวขึ้น ความร้อนที่ใกล้จะปะทุก็ทะลักออกมา
นางสัมผัสได้ถึงกระแสของความอิ่มสุขไหลผ่านไปทั่วทั้งร่าง และรับรู้ได้ว่า น้ำอะไรบางอย่างไหลทะลักออกมาจากส่วนลับ จนกางเกงตัวในของนางเปียกชุ่ม อวิ่นซงถิงรู้สึกกระดากอายยิ่งนัก โชคดีที่ยามนี้อวิ่นเฟยหยวนหยุดเคลื่อนไหวแล้ว นางจึงลอบผ่อนลมหายใจออกมา
อวิ่นซงถิงยังไม่ทันจะได้สูดลมหายใจกลับเข้าปอดอย่างเต็มอิ่ม บุรุษบนร่างก็ทาบทับริมฝีปากกลับลงมา จุมพิตครั้งนี้เร่าร้อนมาก
ร่างกายของอวิ่นซงถิงที่เพิ่งถึงจุดสุขสมจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน ระหว่างที่ถูกบุรุษบนร่างมอมเมาด้วยจุมพิตดูดกลืนวิญญาณ นางรับรู้ได้ว่า อวิ่นเฟยหยวนคว้ามือข้างหนึ่งของนางเลื่อนลงไปกดบนของบางอย่างที่มันแข็ง ๆ หนา ๆ ใหญ่ ๆ แล้วยังชักนำมือข้างนั้นขยับขึ้นลงไปตามความยาวของเจ้าสิ่งนั้น!
ด้วยความที่ร่างกายยังคงอ่อนแรง สติไม่แจ่มชัด เพราะถูกมอมเมาด้วยจุมพิตจากบุรุษบนร่าง อวิ่นซงถิงจึงยังนึกไม่ออกว่า เจ้าสิ่งที่มือของนางกำลังสัมผัสอยู่มันคือ สิ่งใด? แต่ในระหว่างที่มือสัมผัส...นางก็รับรู้ได้ว่า ลมหายใจของอวิ่นเฟยหยวนถี่กระชั้นขึ้น แรงที่อีกฝ่ายจุมพิตก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วก็ราวกับว่า...บุรุษบนร่างไม่พอใจกับสัมผัสเพียงแค่ภายนอก อีกฝ่ายจับมือของนางซุกเข้าไปในร่มผ้า!
ฉับพลัน ราวกับสายฟ้าฟาดลงบนศีรษะของอวิ่นซงถิง นางรู้แล้วว่า เจ้าสิ่งใหญ่โตที่มือของนางถูกบังคับให้สัมผัสขึ้นลงอยู่คือ อะไร!
นางรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า แต่ก็ไม่อาจดึงมือข้างนั้นกลับขึ้นมาได้ เพราะบุรุษบนร่างตรึงมือของนางเอาไว้อย่างแนบแน่น แล้วยิ่งอวิ่นซงถิงพยายามจะดึงมือกลับ พยายามขัดขืนก็เหมือนกับยิ่งเข้าทางของฝ่ายตรงข้าม
จนผ่านไปสักพัก บุรุษบนร่างก็ยอมปล่อยมือของอวิ่นซงถิง จากนั้นอีกฝ่ายก็ซุกศีรษะลงบนซอกคอของนาง
อวิ่นซงถิงที่แข็งค้างไปนานแล้ว ยามนี้ภายในใจของนางคิดแค่เพียงอยากจะตัดมือข้างนั้นทิ้งไปเสีย
ผ่านไปครู่หนึ่ง บุรุษบนร่างก็ขยับเข้ามากระซิบบอกรัก กล่าวคำขอโทษ และไล่จุมพิตทั่วใบหน้า จากนั้นอวิ่นเฟยหยวนก็ก้มลงไปเช็ดของเหลวที่มือของนางออกด้วยอาภรณ์ของเจ้าตัว
วันนี้อวิ่นซงถิงถูกทำให้ตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางรู้สึกหมดแรงแล้วจริง ๆ
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ
อวิ่นเฟยหยวนหอบหายใจ เขาโอบกอดสตรีใต้ร่างเอาไว้แน่น นางเหมือนจะเหนื่อยมาก จนเผลอหลับไปแล้ว เขาจึงพลิกเอาตัวเองลงไปนอนราบ แล้วยกร่างอวิ่นซงถิงขึ้นมานอนบนตัวเขา ดวงหน้างามยามนี้ยังคงมีสีแดงระเรื่อพาดผ่าน ริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อครู่เขาคงจุมพิตนางแรงเกินไป เขาจึงยกมือข้างขวาขึ้นนวดคลึงริมฝีปากอิ่มทั้งบน และล่างอย่างทะนุถนอม จากนั้นอวิ่นเฟยหยวนก็ก้มลงจุมพิตเบา ๆ ที่ขมับของสตรีในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกรักใคร่ และหวงแหน หากแผนการที่อวิ่นเฟยหยวนวางไว้สำเร็จ อีกไม่นานเขาก็จะได้สตรีในอ้อมแขนมาครอบครองแบบสมบูรณ์ และถูกต้องในสายตาของผู้อื่น แต่หากไม่สำเร็จเขาก็ยินดีแลกด้วยทุกอย่างที่มี ต่อให้ต้องตาย เขาก็จะไม่ยอมปล่อยมือจากนาง ไม่ยอมให้นางไปเป็นภรรยาของบุรุษอื่น และจะไม่ยอมกลับไปเป็นเพียงแค่พี่น้องกับอวิ่นซงถิงเด็ดขาด! อวิ่นเฟยหยวนเหลือบตาขึ้นมองแผ่นไม้ร
เมื่อได้รับอนุญาต อวิ่นเฟยหยวนก็บดจุมพิตลงบนริมฝีปากอิ่มทันที เมื่อครู่เขาทันได้เห็นสายตาที่คล้ายกับจะเริ่มหวาดหวั่นของสตรีใต้ร่าง เขากลัวอวิ่นซงถิงจะเปลี่ยนใจ จึงรีบเลื่อนมือทั้งสองข้างจับลงบนสะโพกของนาง จากนั้นก็เริ่มขยับส่วนนั้นไปตามสัญชาตญาณ แม้เขาจะไม่เคยทำ แต่ก็เคยอ่านตำราวสันต์มาหลายเล่ม อวิ่นเฟยหยวนถูไถส่วนนั้นขึ้นลงอย่างช้า ๆ แต่หนักหน่วง ยามนี้เขากับอวิ่นซงถิงต่างสัมผัสได้ถึงร่างกายของกันและกันผ่านเนื้อผ้า “อึก! อ๊า...” ความเสียวซ่านทำให้อวิ่นเฟยหยวนเผลอหลุดเสียงครางกระเส่าเบา ๆ ออกมา เขาขังสตรีที่ตนรักเอาไว้ใต้ร่าง ออกแรงกระชับมือที่จับนาง เขาบดขยี้ ออกแรงกด พร้อมกับดึงสะโพกของร่างบางให้เข้าหา อวิ่นเฟยหยวนเลื่อนมือขึ้นมาลูบไล้ไปตามส่วนเว้าบนแผ่นหลังของร่างบาง อวิ่นซงถิงแอ่นตัวขึ้นดุจดั่งคันธนู จึงทำให้หน้าอกนุ่ม ๆ ของนางแนบชิดเข้ากับแผงอกของเขามากขึ้น ซึ่งในทุกครั้งที่เคลื่อนไหว อวิ่นเฟยหยวนก็ยังต้องพยายามควบคุมไม่ให้เสียงขยับร่างกาย และเสียงครางของเขากับอวิ่นซงถิงหลุดไปเข้าหูสองคนบนเตียง หูทั้งสองข้างของเขาจึงต้องคอยฟังความเคลื่อนไหวของหนึ่งบุร
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของผู้เป็นบิดา เสียงสวบสาบของเนื้อผ้า จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคล้ายกับจะร้องห้าม เสียงร้องครวญครางราวกับเจ็บปวดมาก แล้วไหนจะเสียงเนื้อกระทบกัน ซึ่งมันดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่องอยู่เหนือศีรษะของพวกนาง ยามนี้อวิ่นซงถิงเผลอเอาเสียงที่ได้ยินมาจินตนาการเป็นภาพ นางรู้สึกร้อนรุ่มจนสั่นสะท้าน รู้สึกแปลก ๆ ที่ช่องท้อง และส่วนล่าง อวิ่นซงถิงอยากจะร้องไห้ นางอยากมีเวทมนตร์จะได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นใบไม้ หรือเป็นเศษฝุ่นเล็ก ๆ ก็ได้ นางจะได้ปลิวออกไปจากที่นี่! ตอนนี้เลย!! “นายท่านมันลึก...อึก! ท่านี้มันเข้ามาลึกมาก...อื้อ! นายท่านเจ้าคะ ข้า...ข้าไม่ไหว มันเข้ามาลึกเกินไปเจ้าค่ะ!” “อาเฉียว เจ้าชอบให้ข้าเข้าไปลึก ๆ และก็ชอบแบบแรง ๆ เช่นนี้ไม่ใช่หรือ?” อวิ่นซงถิงหลับตาปี๋ นางไม่อยากได้ยิน นางอยากจะยกมือขึ้นมาปิดหู แต่ติดตรงที่ตัวนางถูกโอบกอด ยามนี้มือทั้งสองข้างอยู่ด้างล่าง นางจึงทำได้เพียงซุกใบหน้าเข้าไปที่แผงอกกว้าง เพื่อหลบหนีเสียงต่าง ๆ ที่มันยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วในขณะนั้น... คราแรกอวิ่นเฟยหยวนตั้งใจจะตัดประสาทสัมผัส เ
อวิ่นเฟยหยวนหรี่ตาขึ้นมอง เมื่อรับรู้ได้ถึงอาการสั่นไหวเพิ่มขึ้นของร่างบาง พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับตา เขาจึงตัดสินใจจับมือทั้งสองข้างของอวิ่นซงถิงขึ้นมาโอบรอบคอ แล้วอุ้มนางขึ้นนั่งบนโต๊ะ โดยที่ริมฝีปากของเขายังคงไม่ผละออกจากริมฝีปากของนาง หลังจากนั้นอวิ่นเฟยหยวนก็ขบเม้มริมฝีปากอิ่มทั้งบน และล่าง เรียวลิ้นร้ายปาดเลียไปตามรอยแยก ระหว่างนั้นฝ่ามือหนาก็ยกขึ้นมาแตะเบา ๆ ที่ปลายคาง แล้วใช้ปลายนิ้วโป้งกับปลายนิ้วชี้บีบพวงแก้มนุ่ม จนริมฝีปากอิ่มเผยอออก เรียวลิ้นร้ายที่ตามไล้เลียอยู่ไม่ห่าง พอสบโอกาสก็รีบสอดแทรกเข้าไปฉกชิมความหอมหวาน และไล่เกี่ยวรัดลิ้นเล็ก ๆ ของร่างบาง “อื้อ...” อวิ่นซงถิงครางประท้วง พร้อมกับลดมือทั้งสองข้างลงมาทุบเบา ๆ ที่แผงอกกว้าง นางกำลังจะขาดอากาศหายใจ อวิ่นเฟยหยวนก็ยอมผละริมฝีปากออกให้เล็กน้อย แต่ทว่าเพียงไม่นานก็ทาบทับริมฝีปากบางกลับลงมา จุมพิตครั้งนี้เร่าร้อนขึ้นกว่าเดิมมาก ริมฝีปากของอวิ่นซงถิงถูกดูดดึงไม่หนักไม่เบา เรียวลิ้นร้ายของอีกฝ่ายกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากอย่างอุกอาจ จากนั้นก็ตามพัวพันหยอกเย้าลิ้นเล็ก ๆ ของนาง ฉับพลันเสียงคล้ายกั
“แต่จุมพิตแรก...” “เพราะข้ารู้ว่า จุมพิตแรกมีไว้สำหรับคนที่ตนรัก ในเมื่อข้ารักเจ้า ข้าจึงยินดีมอบมันให้กับเจ้า แล้วอาถิงล่ะ ยินดีมอบจุมพิตแรกให้กับข้าหรือไม่?” อวิ่นเฟยหยวนกล่าว พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับอีกฝ่าย หากอวิ่นเฟยหยวนจำไม่ผิด ยามนั้นอวิ่นซงถิงน่าจะอายุประมาณสิบสองหนาวได้กระมัง เด็กหญิงตัวน้อยมักจะชอบไปนั่งฟังเรื่องเล่าจากนักเล่านิทานตามโรงเตี๊ยม และมักจะหาซื้อตำราเกี่ยวกับเรื่องราวความรักระหว่างบุรุษกับสตรีกลับมาอ่าน จากนั้นนางก็จะนำเรื่องที่ได้รับฟัง เรื่องที่ได้อ่านกลับมาเล่าให้เขาฟัง ระหว่างที่เล่า...เด็กหญิงตัวน้อยก็มักจะวาดฝันถึงบุรุษหนุ่มรูปงาม หรือไม่ก็เทพบุตรแสนดีในเรื่องเล่า แล้วยังวาดฝันถึงจุมพิตแรกที่แสนหวาน คู่ครอง และชีวิตแต่งงานในภายภาคหน้าของนาง ในยามนั้นอวิ่นเฟยหยวนคิดเอาไว้ว่า วันข้างหน้าเขาจะพยายามเสาะหาบุรุษในแบบที่อวิ่นซงถิงวาดฝันมาแต่งให้กับนาง ซึ่งตอนที่คิดเขาก็รู้สึกเหมือนจะไม่ยินยอมแปลก ๆ และรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้าย แต่เพราะตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจในความรู้สึกของตนเอง เขาจึงไม่ได้เก็บเอาความรู้สึกแปลก ๆ เหล่านั้นมาขบคิดให้มากคว
“พี่ชาย พี่นัดข้ามาพบที่นี่ตามลำพัง พี่มีเรื่องสำคัญใดอยากกล่าวกับข้าหรือเจ้าคะ?” อวิ่นซงถิงเอ่ยถามบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าเรือนร้างด้านหลังจวน โดยที่นางก้าวเท้าถอยหลังสองก้าว เพื่อเพิ่มระยะห่าง เนื่องจากเมื่อครู่นางเผลอเดินเข้าไปใกล้พี่ชายบุญธรรมมากเกินไป “เข้าไปพูดกันด้านใน” “แต่...” อวิ่นซงถิงรู้สึกลังเล ด้วยเพราะเกือบสองปีที่ผ่านมา พี่ชายบุญธรรมผู้นี้พยายามเว้นระยะห่างกับนาง ทว่าอยู่ ๆ ก็ส่งจดหมายเรียกให้มาพบที่นี่ตามลำพัง ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงเวลากลางวัน แต่สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมา...ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่น จนไม่อยากจะก้าวเท้าเข้าไปหา “หรือเจ้ารังเกียจพี่ชายคนนี้เสียแล้ว นั่นสินะ ข้ามันก็แค่...” “ข้าไม่เคยรังเกียจพี่ชายเลยนะเจ้าคะ เพียงแต่...” อวิ่นซงถิงรีบเอ่ยแทรก เมื่อเห็นท่าทีคล้ายกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจของบุรุษหนุ่มตรงหน้า แต่นางกล่าวยังไม่ทันจบ ฝ่ายตรงข้ามก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาว่า “เช่นนั้นก็ตามข้าเข้ามา” อวิ่นซงถิงเห็นแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในเรือนร้าง แม้ใจหนึ่งไม่อยากจะเดินตาม แต่เมื่อนึกไปถึงสีหน้าเมื่อครู่ของอีกฝ่าย นางก็ตัดสินใจเดินตาม