LOGINเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของผู้เป็นบิดา เสียงสวบสาบของเนื้อผ้า จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคล้ายกับจะร้องห้าม เสียงร้องครวญครางราวกับเจ็บปวดมาก แล้วไหนจะเสียงเนื้อกระทบกัน ซึ่งมันดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่องอยู่เหนือศีรษะของพวกนาง
ยามนี้อวิ่นซงถิงเผลอเอาเสียงที่ได้ยินมาจินตนาการเป็นภาพ นางรู้สึกร้อนรุ่มจนสั่นสะท้าน รู้สึกแปลก ๆ ที่ช่องท้อง และส่วนล่าง
อวิ่นซงถิงอยากจะร้องไห้ นางอยากมีเวทมนตร์จะได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นใบไม้ หรือเป็นเศษฝุ่นเล็ก ๆ ก็ได้ นางจะได้ปลิวออกไปจากที่นี่! ตอนนี้เลย!!
“นายท่านมันลึก...อึก! ท่านี้มันเข้ามาลึกมาก...อื้อ! นายท่านเจ้าคะ ข้า...ข้าไม่ไหว มันเข้ามาลึกเกินไปเจ้าค่ะ!”
“อาเฉียว เจ้าชอบให้ข้าเข้าไปลึก ๆ และก็ชอบแบบแรง ๆ เช่นนี้ไม่ใช่หรือ?”
อวิ่นซงถิงหลับตาปี๋ นางไม่อยากได้ยิน นางอยากจะยกมือขึ้นมาปิดหู แต่ติดตรงที่ตัวนางถูกโอบกอด ยามนี้มือทั้งสองข้างอยู่ด้างล่าง นางจึงทำได้เพียงซุกใบหน้าเข้าไปที่แผงอกกว้าง เพื่อหลบหนีเสียงต่าง ๆ ที่มันยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แล้วในขณะนั้น...
คราแรกอวิ่นเฟยหยวนตั้งใจจะตัดประสาทสัมผัส เนื่องจากตัวเขารู้สึกมีอารมณ์ต้องการตั้งแต่มอบจุมพิตแรกให้กับอวิ่นซงถิงแล้ว
ทว่าสตรีในอ้อมแขนกลับไม่รู้ประสา นางขยับร่างกายมั่วซั่ว จนลมหายใจที่อวิ่นเฟยหยวนพยายามจะปรับ เพื่อตัด...มันเตลิดจนยากที่จะระงับ แล้วยิ่งยามนี้ความร้อนแรงจากกิจส่วนตัวของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีบนเตียง รวมเข้ากับกลิ่นหอมอ่อน ๆ และร่างกายนุ่มนิ่มที่กำลังสั่นเทาราวกับลูกนกในอ้อมกอด
หากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างอวิ่นเฟยหยวนกับสตรีนางอื่น เขาคงจะเขวี้ยงสตรีนางนั้นออกไปนอกห้องนานแล้ว หรือไม่...เขาก็คงไม่แม้แต่จะคิดก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่แรก
แต่เพราะทุกอย่างมัน...! อวิ่นเฟยหยวนกัดฟันกรอด!! เขาพยายามรวบรวมสติของตัวเองอีกครั้งอย่างสุดความสามารถ ระหว่างนั้นอวิ่นซงถิงก็ขยับซุกใบหน้าเข้ามาหา ลมหายใจอุ่นร้อนของนางตกกระทบลงบนเนื้อผ้า แล้วผ่านทะลุเข้ามาสัมผัสผิวหนัง...
เขาตัดสินใจประเดี๋ยวนั้น คว้าจับมือของสตรีในอ้อมแขน จากนั้นก็พลิกอีกฝ่ายให้นอนหงาย แล้วขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวนาง
อวิ่นเฟยหยวนตั้งใจจะตรึงอวิ่นซงถิงเอาไว้ใต้ร่าง เพื่อที่นางจะได้ไม่ขยับร่างกาย จนอาจจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา แต่ทว่า...ดวงตาคมหรี่ลงไปมองสตรีตรงหน้า
แม้อวิ่นเฟยหยวนจะรีบเบือนหน้าไปอีกทาง พยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ แต่ภาพดวงหน้างามที่เคยขาวผ่อง ยามนี้แดงซ่านไปจนถึงลำคอ ดวงตากลมโตก็กำลังหยาดเยิ้มเอ่อคลอ ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อครู่เพิ่งจะถูกเขาจุมพิตไป
‘ผู้ใดไหวไปก่อน หรือไม่ก็เชิญอดทน เชิญอดกลั้นต่อไปเถิด แต่ข้าผู้นี้...หมดความอดทนแล้ว!’
อวิ่นเฟยหยวนกดจุมพิตลงไปที่ริมฝีปากอิ่ม คราแรกเขาตั้งใจจะมอบจุมพิตหวาน ๆ แบบเมื่อครู่ต่อ แต่เพียงแค่ได้สัมผัส...เขาก็รู้สึกอยากจะกลืนกินอวิ่นซงถิงลงท้อง
ร่างกายนุ่มนิ่ม กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ แล้วไหนจะเสียงเตียงลั่น เสียงกิจส่วนตัวของท่านพ่อตากับบ่าวอุ่นเตียงที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องอยู่เหนือศีรษะ
อวิ่นเฟยหยวนรู้สึกอยากจะบ้าตาย ยามนี้ส่วนล่างลามขึ้นมาถึงส่วนบนของร่างกายราวกับมีเปลวไฟโหมกระหน่ำ
เขาพยายามดึงสติมาวางไว้ที่ริมฝีปาก จากนั้นก็หลับตา อวิ่นเฟยหยวนค่อย ๆ บดริมฝีปากของตนเองกับริมฝีปากอิ่มอย่างร้อนแรง แต่เชื่องช้า เขาดูดกลืน ขบกัด แล้วส่งปลายลิ้นร้ายกวาดผ่านแนวฟันเข้าไปไล่ต้อนลิ้นเล็กจนทั่วโพรงปาก ยิ่งสตรีใต้ร่างพยายามหลบหนี หรือหดลิ้นกลับ เขาก็ยิ่งส่งลิ้นร้ายของตนเข้าไปเกี่ยวรัด
ยามนี้อวิ่นซงถิงรู้สึกเจ็บไปทั้งปาก ช่วงที่อวิ่นเฟยหยวนผละออกให้นางหายใจ นางก็คิดจะเอ่ยประท้วง แต่เพียงแค่กดเสียงเรียกขาน ริมฝีปากของบุรุษบนร่างก็ทาบทับกลับลงมา
“พี่ชาย...อื้อ!”
อวิ่นเฟยหยวนได้ยินเสียงครางหวาน ได้ยินเสียงเอ่ยเรียกของสตรีใต้ร่าง สิ่งที่มันงัวเงียคล้ายกึ่งหลับกึ่งตื่น ตอนนี้มันตื่นขึ้นมาแล้วอย่างเต็มตา
อวิ่นซงถิงถูกจุมพิตมอมเมาจนมึนงง และชาไปทั้งปาก แล้วในระหว่างนั้นสิ่งใหญ่โตแข็ง ๆ มันก็ค่อย ๆ กดเข้ามาที่ระหว่างขา และหน้าท้องของนาง
ฉับพลัน อวิ่นซงถิงสังหรณ์ใจได้ถึงเรื่องราวที่มันกำลังจะเกิดขึ้น นางจึงรีบดิ้น รีบขยับร่างกายถอยห่าง
“ถิงเอ๋อร์ พี่ชายขอโทษ แต่ได้โปรดอย่าขยับหนี ข้าสัญญาจะสัมผัสเจ้าเพียงแค่ภายนอกเท่านั้น ข้าขอเถิดนะ ได้โปรดช่วยข้าเถิดนะคนดี” อวิ่นเฟยหยวนขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของสตรีใต้ร่าง ยามนี้เขาหมดกำลังจะสู้กับสิ่งเร้าภายนอก และความต้องการที่ปะทุขึ้นมาจากส่วนล่างแล้ว
อวิ่นซงถิงนิ่งค้าง ลมหายใจหอบถี่ของฝ่ายตรงข้ามตกลงบนริมฝีปาก นางเงยหน้าขึ้นมองอวิ่นเฟยหยวน ตอนนี้ใบหน้ารูปงามเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ อีกฝ่ายกำลังกัดฟัน แล้วใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนามองสบลงมา
ในขณะที่นางเฝ้ามอง...เสียงกิจส่วนตัวของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีที่อยู่เหนือศีรษะก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของอวิ่นซงถิงตอนนี้ก็รู้สึกปั่นป่วนรุ่มร้อนราวกับมีเปลวเพลิงกองหนึ่งกำลังลุกลามจากด้านใน ส่วนลับของนางก็เหมือนจะมีน้ำอะไรบางอย่างค่อย ๆ รินไหลออกมา
นางเงยหน้าขึ้นมองสบตากับบุรุษบนร่าง หากอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่ตนรัก นางจะเอ่ยปฏิเสธทันที นางคงไม่รู้สึกลังเลใจเช่นนี้!
แล้วยามนี้อวิ่นซงถิงก็เหมือนจะพ่ายแพ้ให้กับความต้องการ นางอยากจะยื่นมือไปสัมผัสร่างกายของฝ่ายตรงข้าม และก็อยากให้อวิ่นเฟยหยวนโอบกอด อยากให้อีกฝ่ายสัมผัสร่างกายของนาง
แม้การตัดสินใจครั้งนี้ มันอาจจะลงเอยด้วยคราบน้ำตา แต่เพราะนางก็เชื่อในคำพูด และเชื่อมั่นในตัวอวิ่นเฟยหยวนมาก
อวิ่นซงถิงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปโอบรอบคอของอวิ่นเฟยหยวน แล้วยื่นใบหน้าขึ้นไปจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากบาง จากนั้นนางก็ผละออกมาพยักหน้า
เพียงแค่นางตอบรับ สายตาของบุรุษบนร่างก็เปลี่ยน...! อวิ่นซงถิงจึงรีบเบือนหน้าไปอีกทาง
‘สายตาของพี่ชายยามนี้น่ากลัวมาก ข้าเปลี่ยนใจทันหรือไม่นะ?’
หลิวเฟยหยวนกัดฟันกรอด ตอนนี้เขาแทบจะควบคุมสติ และอารมณ์ปรารถนาของตนเอาไว้ไม่อยู่ เขาดึงตัวขึ้น แล้วแทรกเข้าไปยืนระหว่างขาของผู้เป็นภรรยา เขาจับแก่นกายใหญ่ถูไถดอกไม้งามขึ้นลงช้า ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ กดเข้าไปในช่องทางปล่อยน้ำหวาน “อื้อ...ท่านพี่!” อวิ่นซงถิงหยัดกายรับความเสียวซ่าน เนื้อตัวบิดเร่ายามที่หลิวเฟยหยวนลึกล้ำเข้ามา นางรู้สึกปั่นป่วนบริเวณช่องท้อง เมื่ออีกฝ่ายถอดถอน แล้วเติมเต็มกลับเข้ามาจนสุด หลิวเฟยหยวนโน้มตัวลงไปไล้เลียยอดอกของผู้เป็นภรรยา เขากัดฟันสูดลมหายใจเข้าลึก ด้วยคิดจะปล่อยให้อวิ่นซงถิงคุ้นชินกับแก่นกายใหญ่ของเขาสักพักก่อน เพราะเขากับนางห่างหายจากเรื่องพวกนี้มานาน แต่ทว่าหลิวเฟยหยวนยังไม่ทันจะสูดลมหายใจเข้าเป็นครั้งที่สาม ผู้เป็นภรรยาก็ขยับสะโพกเข้าออก จนส่วนล่างข
ดวงตาคู่คมเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนา แต่ทว่าก็แฝงความอ่อนโยน และผสมกับความพยายามอดทนอดกลั้น ทำเอาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่อวิ่นซงถิงเตรียมจะนำออกมาใช้เอ่ยปฏิเสธปลิวหายไปในอากาศ ในขณะที่อวิ่นซงถิงทำอะไรไม่ถูก หลิวเฟยหยวนก็ค่อย ๆ โน้มใบหน้ารูปงามลงมา แตะริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากของนาง จากนั้นก็งับเบา ๆ ราวกับต้องการยั่วยวน ก่อนจะผละออก “อาถิง สามร้อยสี่สิบแปดวันที่พวกเราไม่ได้ทำเรื่องดีงามระหว่างสามีภรรยา แล้วก็เป็นสามร้อยสี่สิบแปดวันที่ข้าทำตัวดีมาก ข้าพยายามอดทนอดกลั้น ไม่เรียกร้อง พึ่งพาเพียงกลิ่นกายจากชุดของเจ้ากับแม่นางทั้งห้า” พูดมาถึงตรงนี้ หลิวเฟยหยวนก็จับมือข้างซ้ายของอวิ่นซงถิงขึ้นมากัดเบา ๆ ลงไปที่ปลายนิ้ว พลางเลื่อนสายตามองดวงหน้างาม แล้วเอ่ยต่อว่า “ในช่วงที่ครรภ์ของเจ้ามั่นคงดีแล้ว ท่านหมอบอกกับข้าว่า พวกเราสามารถทำเรื่องดีงามระหว่างสามีภรรยาได้ แต่ต้องทำในท่าที่ถูกที่ควร แล
เมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่แปด อวิ่นซงถิงเจ็บท้องเตือนอยู่บ่อยครั้ง หลิวเฟยหยวนจึงสั่งให้หมอตำแยที่จองตัวเอาไว้มาพักอาศัยอยู่ที่เรือนตระกูลหลิวเป็นการชั่วคราว และสั่งให้เหล่าบรรดาบ่าวรับใช้สตรีในเรือนทุกคนแบ่งแยกหน้าที่ ซักซ้อมการวิ่งเตรียมของยามฉุกเฉิน และจัดเวรยามผลัดกันนอนผลัดกันตื่น เตรียมพร้อมได้ไม่ถึงครึ่งเดือน อวิ่นซงถิงก็เจ็บท้องคลอด ผู้เป็นสามีไม่ยินยอมออกไปจากห้อง และไม่ยอมอยู่ห่างจากนางเลยสักเสี้ยววินาที แม้หมอตำแยจะเดินเข้ามาเอ่ยเชิญหลิวเฟยหยวนให้ออกไปจากห้องเป็นระยะ โดยให้เหตุผลว่า ห้องคลอดเป็นสถานที่สกปรกบุรุษไม่เหมาะจะอยู่ด้านใน แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมฟัง แล้วยังคงดื้อรั้นอยู่ข้างกายนางตลอดการทำคลอด โดยผู้เป็นสามีนั่งปักหลักพิงหัวเตียง แล้วให้อวิ่นซงถิงนั่งพิงแผ่นอกของเจ้าตัว ระหว่างเบ่งคลอดหลิวเฟยหยวนก็คอยช่วยโอบประคอง เอ่ยถ้อยคำปลอบโยน ช่วยซับเหงื่อ และยังคอยส่งเสียงช่วยนางออกแรงเบ่งเป็นระยะ
“ยินดีด้วยขอรับนายท่านหลิว ฮูหยินของท่านตั้งครรภ์ได้ห้าสัปดาห์แล้วขอรับ” สิ้นคำพูดของท่านหมอ อวิ่นซงถิงนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันขวับไปมองหลิวเฟยหยวนที่กำลังนั่งอาเจียนใส่กระโถนอยู่บนเตียง แล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมามองนางด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความรู้สึกตกตะลึงไม่ต่าง นางก็รีบปรับลมหายใจ เพื่อรวบรวมสติของตนเองกลับมา หลังจากนั้นท่านหมอก็กล่าวคำแนะนำ กล่าวเตือนสิ่งที่ต้องพึงระวัง และส่งเทียบยาทั้งของผู้เป็นสามีกับเทียบยาบำรุงครรภ์ของนางให้ อวิ่นซงถิงรับมาตรวจสอบ ก่อนจะส่งไปให้อาต้าน ซึ่งยามนี้อาต้านได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นพ่อบ้านในเรือนตระกูลหลิวของพวกนางแล้ว อวิ่นซงถิงลุกขึ้นยืน พลางกล่าวขอบคุณ นางสั่งให้อาต้านตามออกไปส่งท่านหมอ และให้ออกไปซื้อยาทั้งสองเทียบกลับมาด้วย เมื่อภายในห้องพักเหลือเพียงแค่หลิวเฟยหย
นานวันเข้า หลิวเฟยหยวนเริ่มรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่อวิ่นซงถิงใกล้ชิด และให้ความสนิทสนมด้วย แล้วเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจทุกครั้งยามเห็นนางไปพูดคุย ไปให้ความสนิทสนม หรือส่งยิ้มให้กับผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่น้องชายแท้ ๆ เหล่าบรรดาน้องสาวกับน้องชายต่างมารดา และเหล่าบรรดาบ่าวสตรีรับใช้คนสนิทของนาง ช่วงแรก ๆ หลิวเฟยหยวนก็ยังไม่เข้าใจในความรู้สึกนี้ของตนเอง แล้วเขายังคิดเองเออเองไปว่า เพราะอวิ่นซงถิง คือ คนที่เขาให้ความสนิทสนมที่สุดจึงเผลอยึดติด หรือไม่...เขาก็อาจจะแค่หวงน้องสาวเท่านั้น ทว่ายิ่งพอเติบใหญ่ความรู้สึกเหล่านี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีความรู้สึกอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ แล้วก็อยาก...เขาดันเกิดความคิดอยากจะทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรกับน้องสาวบุญธรรม! จนบางครายามค่ำคืน หลิวเฟยหยวนถึงขั้นเก็บเอาความคิดไม่ถูกไม่ควรเหล่านั้นกับอวิ่นซงถิงไปฝัน!!&nbs
หลิวเฟยหยวนจ้องมองรอยยิ้มของผู้เป็นภรรยา เขาจำได้ว่า... วันนั้นเป็นวันหยุดของสำนักศึกษา หลิวเฟยหยวนกลับมาพักที่จวนนายอำเภอ ช่วงบ่ายวันนั้นอากาศค่อนข้างร้อน บริเวณรอบเรือนของเขาไม่มีต้นไม้ใหญ่พอจะใช้พึ่งพิงร่มเงาได้ แล้วอีกเพียงแค่สองวันเขาจะต้องเข้าสอบ หลิวเฟยหยวนจึงตัดสินใจก้าวเท้าออกจากเรือน แล้วเดินหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อนั่งทบทวนตำรา ในขณะที่หลิวเฟยหยวนเดินผ่านลานกว้างท้ายจวน เขาสังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ พอเห็นดวงหน้าของเด็กคนนั้น...! หลิวเฟยหยวนนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เด็กคนนี้คือ คนที่ทำให้ชีวิตภายในจวนของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย แล้วก็ยังเป็นคนที่เขาไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากพูดคุยด้วยและพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด







