Share

ตอนที่ 2 : First Kiss

last update Huling Na-update: 2025-03-16 14:42:38

ติ๊ง!!

ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองทันที เมื่อได้ยินเสียง เขาหายใจเข้าแรงแล้วสะดุดไปในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวเอวบางร่างน้อย นัยน์ตากลมโต ใบหน้าคมหวาน ผมดำยาวสลวยสยายเต็มหลัง สวมชุดแม็กซี่เดรสสีขาวปักฉลุลายดอกไม้ตัวยาวจนถึงข้อเท้า แขนยาวสามส่วนเลียนแบบชุดอาบายะห์ แต่จะออกไปในสไตล์ตะวันตกมากกว่า ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรองเท้าผ้าหุ้มส้นพิมพ์ลายดอกไม้วินเทจสีเทา กำลังเดินเข็นกระเป๋าเดินทางออกมาจากลิฟต์ รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวโดดเด่นเสียจนดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งชายและหญิง ที่นั่งอยู่ในล็อบบี้ให้มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ 

ดวงตาคมกริบล้ำลึกของชายหนุ่ม กำลังถูกตรึงจนไม่อาจถอนสายตาไปมองที่อื่นได้ พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่ราวกับวิญญาณของเขาก็กำลังถูกดูดกลืนหายไปด้วยเสียอย่างนั้น ก่อนที่จะได้สติเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปทักทายด้วยหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรง

“มิสนรากร?” เขาทักขึ้นก่อน เพื่อยืนยันว่าใช่คนที่กำลังรออยู่หรือเปล่า

นัยน์ตากลมโตมองชายหนุ่ม ที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราจนดูครึ้มไปหมด แต่กลับรู้สึกสะดุดที่นัยน์ตายาวรีคู่นั้น ถึงแม้จะดูคมกริบดุดันในนาทีแรก แต่สามารถเปลี่ยนเป็นหวานละมุนและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ขณะที่เขาเปิดปากยิ้มในนาทีต่อมา 

“ค่ะ ฉันเอง” หญิงสาวยิ้มรับเพียงเล็กน้อย แล้วส่งมือให้ 

ชายหนุ่มจับมือตอบเป็นการทักทาย แล้วกดเน้นปลายนิ้วชี้ลงบนฝ่ามือบอบบางด้านในเพื่อเป็นการส่งสัญญาณ หญิงสาวเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย เขาพูดภาษาอังกฤษเสียงเบาที่ได้ยินเพียงแค่สองคน ในขณะที่ฉีกยิ้มไปด้วยจนแทบไม่เห็นว่ากำลังขยับริมฝีปาก 

“ผมอิฟราอิม จะคอยดูแลคุณที่นี่ และเพื่อความสมจริง เราควรจะแสดงออกว่าเป็นคู่รักต่างชาติ ที่เพิ่งจะได้พบกันเป็นครั้งแรก จะเป็นการดีต่อภารกิจของเราที่สุด คุณเห็นควรว่าอย่างไร?”

“เดี๋ยวนะคะ! ฉันคิดว่า..”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เขาก็สวมกอดเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว แขนแข็งแรงราวกับปลอกเหล็ก รัดรอบตัวเธอเอาไว้แน่น ไม่ให้ดันตัวออกมาได้ พร้อมกับกระซิบเบาๆ

“อยู่นิ่งๆ มีคนแอบดูอยู่ด้านนอก!”

พอได้ยินดังนั้น ริมฝีปากแดงก่ำก็คลี่ยิ้มหวานออกมา เป็นรอยยิ้มที่เรียกได้ว่า สามารถเขย่าหัวใจผู้ชายทั้งโลก ได้เลยทีเดียว แขนเรียวเล็กโอบไปรอบคอแข็งแรง ยื่นหน้าเข้าไปชิดเล็กน้อย จนปลายจมูกเฉียดแก้มเขาไปนิดหนึ่งแล้วถอยออก เขารู้สึกว่าเป็นการหว่านเสน่ห์ที่เย้ายวนอย่างร้ายกาจที่สุด

“คิดถึงคุณจังเลยค่ะ! ฉันรอเวลาที่เราจะได้พบกันแบบนี้มานานเหลือเกิน! อุ้บส์!” หญิงสาวตกใจที่เขาเล่นนอกบทเพื่อให้สมจริงโดยไม่บอกล่วงหน้า 

อิฟราอิมจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากครั้งหนึ่งแล้วถอนออก นัยน์ตามองนิ่งที่ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อคล้ายกำลังเผลอ ก่อนจะกดริมฝีปากให้หนักขึ้นอีกอย่างห้ามใจไม่อยู่

คนแอบดูบ้านญาตินายสิ!! นี่มันนอกบทชัดๆ!!

หญิงสาวไล้นิ้วเรียวจากลำคอ เสยเข้าไปในกลุ่มผมบริเวณท้ายทอย แล้วจิกเล็บเรียวแหลมลงบนหนังศีรษะของเขาอย่างไร้ซึ่งความสงสาร พร้อมๆ กัดไปที่ริมฝีปากล่างของเขา ไม่แรงแต่ก็ไม่เบาเช่นกัน

“อึ้บ!!” หนุ่มนักแสดงได้สติถอนริมฝีปากออกเกือบจะทันที เหลือบสายตามองมาอย่างตัดพ้อ แต่กลับทำให้ดวงตาดูเป็นประกายมีเสน่ห์ชวนหลงไหลอย่างน่าประหลาด หญิงสาวไล้ปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากบางเย็นของเขา แล้วยิ้มหวานเคลือบความสะใจเอาไว้เล็กน้อย

“ที่รัก! อย่าวู่วามสิคะ ที่นี่มันที่สาธารณะ เวลาฉันเขินมือไม้มักจะกระตุก ควบคุมตัวเองได้ไม่ดี ว่าแต่ตอนนี้..เราจะไปกันได้หรือยังคะ?” 

เขาไม่พูดอะไร ยกนิ้วโป้งไล้บริเวณที่ถูกกัด ในดวงตามีประกายชื่นชมวาบผ่าน  ในขณะที่ปล่อยร่างเล็กออกจากอ้อมแขน แต่ก็ยังโอบเอวไว้ข้างหนึ่ง อีกมือลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วยราวกับไร้น้ำหนัก แล้วพาออกเดินจากโรงแรม

“น่าจะเป็นคู่รักกันจริงๆ ไม่ใช่คนที่เราสงสัยหรอก” เสียงหนึ่งที่ซุ่มดูอยู่ในรถหน้าโรงแรมพูดขึ้นมา

“อีกเดี๋ยวก็รู้!” อีกเสียงหนึ่งพูด แล้วสตาร์ทรถ ขับตามรถคันหน้าไปอย่างระแวดระวัง

…………………….

หลังจากที่โดนขโมยจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็หมายหัวผู้ชายคนนี้ทันทีว่าเป็นบุคคลอันตราย ปากว่ามือถึง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรอยู่ใกล้ๆ จะดีที่สุด ซึ่งคล้ายๆ กับความคิดของชายหนุ่ม เขาแกล้งโยนสถานการณ์ใส่หน้า เพื่อรอดูปฏิกิริยาและไหวพริบในการแก้ไขปัญหา ไม่เพียงเอาตัวรอดได้ดี ยังมีเขี้ยวเล็บรอบตัวเป็นเกราะป้องกัน ไม่ใช่กุหลาบไร้หนามอย่างที่เขาคิดไว้แต่แรก 

ชายหนุ่มยอมรับกับตัวเองว่า รู้สึกติดใจริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอยู่ไม่น้อย กลิ่นที่หอมอ่อนๆ จากกายหญิงสาวมันทำให้อารมณ์ของเขาปั่นป่วนอยู่ภายใน จนเกือบลืมตัวว่าอยู่ท่ามกลางที่สาธารณะ เห็นควรว่าต้องอยู่ให้ห่างไว้เป็นดีที่สุด จะได้ไม่เสียงาน

เมื่อรถจอดติดสัญญาณไฟแดง ต่างคนต่างหันออกไปมองนอกรถ ไม่มีใครคิดอยากจะสื่อสาร หรือพูดอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการทำลายความเงียบสงัดจนดูเป็นวังเวงนี้เลยสักคน

เขาชะลอความเร็ว และขับช้าเกือบเป็นคลาน เธอจึงหันมามองตรง เลยเห็นว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเป็นจำนวนมากอยู่หน้าสถานทูตเปเรซ เธออ่านตามป้ายข้อความที่เขียนเป็นภาษาอาหรับเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะเขียนร้องขอไม่ให้มีสงคราม

มีด่านตรวจอยู่ข้างหน้า ชายหนุ่มหันมาจ้องตาเธอนิ่งอยู่ชั่วครู่แต่ไม่พูดอะไร จากนั้นก็หมุนกระจกทักทายเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอก

“อัสลามุอะลัยกุม” เขากล่าวทักทาย ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ขอความสันติสุข หรือความสุขจงมีแด่ท่าน

“วะอะลัยกุมมุสลาม ขออนุญาต ดูเอกสารประจำตัวด้วยครับ”

อิฟราอิมยกตัวขึ้นเล็กน้อย หยิบกระเป๋าหนังใบเล็ก สีน้ำตาล ออกมาจากกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ แล้วหยิบการ์ดใบเล็กส่งให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็กำลังจ้องมองนิ่ง มาที่คนนั่งข้างคนขับอย่างไม่วางตา

“สุภาพสตรีต่างชาติท่านนี้เป็นอะไรกับคุณครับ?”

“เอ่อ..จะเรียกว่าแฟนก็ได้ เราคุยกันผ่านแอปพลิเคชันกันมาเป็นปีๆ ก่อนที่จะได้พบตัวจริงกันครั้งแรกวันนี้”

“มีหลักฐานการคุยเพื่อยืนยันสถานะไหมครับคุณผู้หญิง?” เจ้าหน้าที่พูดกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งถ้าเป็นคนต่างชาติที่ไม่รู้ภาษาเขา ก็จะไม่รู้ว่าบทสนทนาก่อนหน้านี้ได้คุยอะไรกัน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าต้องการจริงๆ เธอก็ไม่มีจะให้

“หลักฐานอะไรคะ? ราอิมคะ! ช่วยอธิบายหน่อย ฉันไม่เข้าใจภาษาของคุณ!” หญิงสาวตีเนียนเรียกชื่อชายหนุ่มคนข้างๆ อย่างสนิทสนม โดยไม่ได้ขออนุญาต

เขาไม่ตอบ แต่หยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงคอนโซลมาเปิดหาแอปพลิเคชันที่อ้างถึง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ได้ดู ทางนั้นรับไปแล้วสไลด์เลื่อนอยู่สี่ถึงห้าครั้งจึงส่งคืน

“ขอดูพาสปอร์ตด้วยครับ” เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษ ขอตรวจสอบเพิ่มเติมอีกอย่างไม่ไว้ใจ หญิงสาวเลยเปิดกระเป๋าถือ แล้วยื่นส่งให้

“มาจากประเทศทีแลนด์ มาทำอะไรที่นี่ครับ?”

“แน่นอนว่าต้องการพบแฟนฉันคนนี้” 

หญิงสาวเอื้อมมือไปทาบบนหลังมือ ชายที่อ้างว่าเป็นคนรัก มือใหญ่ที่กำลังจับเกียร์อยู่ก็พลิกฝ่ามือหงายขึ้นมากอบกุมมือเธอไว้กระชับ พร้อมกับส่งยิ้มและนัยน์ตาหวานมาให้ หญิงสาวยิ้มตอบ

“ฉันเป็นยูทูปเบอร์ด้วยค่ะ และเพื่อให้ทริปนี้เป็นการเดินทางที่คุ้มค่าและเป็นความทรงจำที่ดี ก็เลยคิดจะทำคอนเทนท์ประชาสัมพันธ์ประเทศเปเรซไปด้วยในตัว”

“ญาซากัลลอฮ์ ขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับประเทศของเรา หวังว่าแฟนของคุณจะแนะนำสถานที่ที่พวกเราภาคภูมิใจให้กับคุณ เพื่อที่จะทำคอนเทนต์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่เป็นนามบัตร หากคุณต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเปเรซ อย่าลังเลที่จะติดต่อเรา และขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลาด้วยครับ เชิญ” เขาผายมือเล็กน้อย เพื่อให้ผ่านไปได้

“ญาซากัลลอฮ์ ค็อยร็อน” อิฟราอิม กล่าวขอบคุณตอบ

หญิงสาวเหลือบตามองคนข้างๆ แต่เขากำลังมองที่กระจกมองหลัง เธอจึงเอี้ยวตัวมองบ้าง เห็นเจ้าหน้าที่คนนั้นเดินไปคุยกับคนในรถคุ้นตาที่จอดอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มหันมามองอากัปกิริยาอยากรู้อยากเห็นของคนที่นั่งข้าง ทำให้มุมปากบางเชิดขึ้นเล็กน้อย

“เรามาทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกสักครั้งดีไหม? ผมพันเอกอิฟราอิม อัลอิสมาอิล ผู้ร่วมงานในภารกิจครั้งนี้”

หญิงสาวหันหน้ามามองเขา เอ่ยกล่าวมาเสียงเรียบไม่บอกความรู้สึก

“พริมโรส นรากรค่ะ รับหน้าที่หน่วยไซเบอร์ ยินดีที่ได้ร่วมงาน”

“คุณทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองรัฐบาล หรือเป็นสายลับทหาร?”

“รัฐบาลค่ะ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่จริงๆ แล้วหน้าที่ไม่แตกต่าง สามารถทำงานร่วมกันได้ เพียงแต่หน่วยฉันจะเน้นไปทางการก่อการร้ายทางไซเบอร์ ให้ข้อมูลการติดตาม และรายงานตำแหน่งของผู้ก่อการร้ายให้กับทุกหน่วยงาน”

“คุณมีเวลาพักแค่คืนนี้ ก่อนจะเริ่มงานอย่างจริงจังในวันรุ่งขึ้น ไหวไหมทหาร?” เขาพูดล้อ

“เซอร์ เยส เซอร์!” หญิงสาวตอบรับมุกเขา พร้อมแตะสองนิ้วที่ปลายคิ้ว ทำให้เขายกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ

“คุณทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนี้ แฟนคุณเขาไม่เป็นห่วงบ้างหรือไง?”

พริมโรสนิ่ง เพราะรู้ว่าเขาแกล้งถามเรื่องส่วนตัวจึงเลือกไม่ตอบ เขาหันมามองนิดหนึ่งเห็นหญิงสาวมองตรงไปข้างหน้า ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ปล่อยให้บรรยากาศเดทแอร์ไปเสียอย่างนั้น

“คุณส่งอะไรให้เจ้าหน้าที่เขาดู?” จู่ๆ หญิงสาวก็ถามขึ้นมา 

“ก็แชทที่คุยกับสาวๆ พร้อมกับภาพส่วนตัวนิดหน่อย” หญิงสาวหน้าแดง เพราะคิดลึกไปกับคำว่าส่วนตัวของเขา ถ้าเกิดเจ้าหน้าที่นั่นต้องการให้พิสูจน์ความสัมพันธ์ตามแชทส่วนตัวที่ว่านั่น ไม่อยากจะเดาเลยว่า หมอนี่จะลังเลหรือเปล่า

“ขอโทษที่ฉันเรียกชื่อคุณเฉยๆ พอดีว่าสถานการณ์มันบังคับ”

“ผมไม่ถือ เราควรจะมีชื่อเรียกที่แสดงให้เห็นว่าเป็นคู่ที่รักกันอย่างมาก คุณมีชื่ออื่นสำหรับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวเรียกกันไหม?”

“พริมค่ะ พ่อฉันเรียกว่าพริม”

“แล้วแฟนล่ะ เรียกคุณว่าอะไร?” หญิงสาวมองหน้า เพิ่งจะรู้ตัวว่าถูกเขาต้อนมามุมเดิมอีกแล้ว

“ฉันก็มีอยู่ชื่อเดียว เขาจะเรียกอะไรก็แล้วแต่” หญิงสาวพูดเป็นกลางๆ ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็ยกยิ้มที่มุมปาก

“งั้นผมจะเรียกคุณว่าอัลบีดีไหม?” พริมโรสหน้าแดง หันมองออกนอกหน้าต่างด้านข้าง กลัวเขาจะรู้ว่าเธอรู้ความหมายของคำนั้น คำที่มีความหมายว่าที่รักในภาษาอาหรับจะมีหลายคำ อัลบีก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอรู้สึกเอือมกับความหน้ามึนของเขา ที่สามารถดึงบทสนทนาให้เข้าข้างตัวเองได้อยู่ตลอด

“บ้านโฮสต์นี่เป็นคนของคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” พริมโรสเปลี่ยนเรื่องคุย

“ใช่ เขาทำงานอยู่หน่วยข่าวกรองทั้งคู่ คุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้สบายโดยไม่ต้องระแวดระวัง”

“นอกจากคุณกับทีมของฉันแล้ว ยังมีคนอื่นอีกไหมคะ?”

“ไม่น่าจะมี ผมสั่งให้เขาปิดรับไปแล้ว เสียงคุณดูเนือยๆ นะ ง่วงหรือเปล่า? จะนอนก็ได้นะ ถึงแล้วผมจะปลุก”

“เกรงใจคุณจัง เมื่อวานพอมาถึงที่พัก ก็เขียนคอนเทนต์ต่ออีกจนดึก เลยออกจะเพลียๆ”

“นอนเถอะ ปรับเบาะลงเลย จะได้สบายตัว”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวไม่ค้านอีก รีบปรับเบาะตามคำแนะนำ แล้วหลับไปเกือบจะทันทีที่เปลือกตาหลุบลง

“คุณ! ตื่นเถอะ ถึงแล้ว!”   ชายหนุ่มเรียก   จับไหล่บอบบางเขย่าเบาๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะรู้สึกตัว

เขาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเดินอ้อมไปฝั่งตรงข้าม กำลังจะเปิดประตูก็มีเสียงทักเสียก่อน

“ผู้พันมาเสียมืดเลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”

“เจอด่านตรวจน่ะ เลยรถติดยาว”

“เรามีปัญหาอย่างหนึ่งคือ.. มีเซิร์ฟจองเข้ามาก่อนที่เราจะปิดรับ พยายามขอยกเลิกแล้ว แต่เขาไม่ยินยอม ผมกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เลยจำเป็นต้องตอบรับ”

“ไม่เป็นไร แต่จะทำอะไรก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

“ครับผม” เขารับคำแล้วเดินไปท้ายรถ ขนกระเป๋าออกมาวางที่พื้น สายตาเหลือบมองชายหนุ่ม ที่กำลังอุ้มหญิงสาวร่างเล็กเดินเข้าไปในตัวบ้าน

อิฟราอิมเกรงว่าหญิงสาว จะตื่นขึ้นมาแล้วตกใจ ที่เห็นเขาอุ้มเธออยู่ในอ้อมแขน จึงประคองอย่างระวัง แต่หญิงสาวกลับทำตรงกันข้ามกับความคิด เธอขยับตัวเล็กน้อยซุกเบียดไปกับอกกว้างเพื่อให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้นแล้วครางออกมาเบาๆ อย่างพึงพอใจ เขามองใบหน้าหวานนวลเนียน แล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องพัก

“ผู้พัน! มิสนรากรเป็นอะไรคะ ทำไมคุณต้องอุ้มเธอเข้ามาอย่างนั้น?” อัลวานีภรรยาเจ้าของบ้านทักถามขึ้นมาอย่างตกใจ

“เพลียน่ะ! ปลุกไม่ตื่น เลยต้องอุ้มเข้ามาแบบนี้ล่ะ”

“อ๋อ! โล่งอก! ห้องของมิสทางนี้ค่ะ” อัลวานีรีบเดินนำขึ้นบันไดไปก่อน แล้วเปิดประตูทางขวามือ หลบทางหนึ่งเพื่อให้ชายหนุ่มเดินเข้าไป “ห้องของคุณอยู่ตรงข้าม สามีฉันบอกแล้วใช่ไหมคะว่าเราจะมีเซิร์ฟมาพักด้วยอีกคน”

“บอกแล้ว ห้องนี้พักกี่คน?”

“เราจัดให้มิสนอนคนเดียวค่ะ ส่วนของคุณพักร่วมกับอีกสองคน สะดวกไหมคะ”

“ไม่สะดวก! ผมกับมิสนรากรจะต้องแสดงเป็นคู่รักกัน ถ้าแยกกันคนละห้องอาจจะเป็นที่สงสัย แล้วคนที่จะมาใหม่ล่ะ?”

“ให้พักห้องข้างล่างค่ะ อยู่ตรงข้ามห้องฉันเลย จะได้คอยจับตาดูด้วย”

“อืม”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้บาซิม เอากระเป๋ามาไว้ห้องนี้ คุณทานอะไรมาหรือยัง? เราทำอาหารเตรียมไว้ให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกคุณจะมาถึงกันกี่โมง”

“เอาสิ! กำลังหิวเลย” ชายหนุ่มตอบรับ อัลวานียิ้มแล้วเดินออกไป

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (3) : อิดรีส / ไลลา

    ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (2) : หินพ่อมดลาบราดอไลต์

    แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (1) : พิธีนิกะฮ์

    ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 100 : การมา..ที่คาดไม่ถึง

    บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 99 : เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อันฟูลัน

    เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 98 : มือสังหาร

    เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status