พริมโรสรู้สึกหิวน้ำ จึงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่ โฟกัสไปรอบๆ ห้อง คิดอยู่ในใจว่าน่าจะเป็นบ้านของโฮสต์เลยคลายความระวังตัว ลุกขึ้นเดินจะไปเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาไปปะทะกับร่างสูงที่นอนหลับสนิทเหยียดยาวอยู่บนโซฟา
หญิงสาวระงับความไม่พอใจเอาไว้ หลังจากได้คิดว่าคงเป็นการแสดงบทบาทให้สมจริงของเขาอีกแล้ว เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มแรก เธอมองเขาด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปข้างนอก
“มิสนรากร สวัสดีตอนเช้าค่ะ” พริมโรสคิดในใจว่าผู้หญิงหน้าตาเป็นมิตรคนนี้คงจะเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน จึงยิ้มตอบอย่างอบอุ่น
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ มิสซิสซัลมาใช่ไหมคะ?”
“ค่ะ ฉันชื่ออัลวานี ส่วนสามีฉันบาซิม” บาซิมซึ่งอยู่ไม่ไกล หันมายิ้มอย่างสุภาพ พริมโรสยิ้มตอบ แล้วผงกศีรษะนิดหนึ่ง
“เรียกฉันว่าพริมก็ได้ค่ะ เอ่อ..พอดีหิวน้ำ อยากจะหาน้ำดื่มสักแก้ว”
“อ๋อ ได้สิคะ น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีคะ?” อัลวานีกุลีกุจอหยิบแก้วใสทรงดอกทิวลิปมาวางตรงหน้าพร้อมจานรอง
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“งั้นแนะนำให้เป็นชาดีกว่า ชาวเปเรซชอบดื่มชาค่ะ จะมีติดบ้านไว้เสมอ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณ”
อัลวานีเดินกระฉับกระเฉงไปที่กาต้มชาอลูมิเนียมแบบสองชั้น จัดแจงรินน้ำชาเข้มข้นจากกาชั้นบนก่อนประมาณครึ่งแก้ว แล้วตามด้วยน้ำต้มจากกาชั้นล่าง รินจนเกือบเต็มแก้ว จากนั้นก็คีบบาคลาวาออกมาจากกล่องสูญญากาศ ซึ่งเป็นขนมที่มีลักษณะคล้ายกับขนมพายหลายๆ ชั้น ในแต่ละชั้นจะสอดไส้ถั่วพิสตาชิโอ เนย และน้ำผึ้ง
หญิงสาวสูดกลิ่นหอมของชาพื้นเมืองจนเต็มปอด ก่อนที่จะยกขึ้นดื่ม สายตาก็มองตามอัลวานีเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกล่องไอศกรีมที่ทำมาจากน้ำนมแพะมาเปิด แล้วตักโปะลงบนบาคลาวาในจานตรงหน้าเธอ ซึ่งไอศกรีมน้ำนมแพะนี้ เป็นของโปรดของเธอตั้งแต่สมัยเรียนที่อิสราเอล นอกจากน้ำนมแพะที่เป็นส่วนผสมหลักแล้ว ยังมีน้ำตาลและผงจากหัวกล้วยไม้ป่าด้วย ทำให้มีรสชาติหวานมัน เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มละมุน
“ฉันทำเองลองชิมดูค่ะ แล้วคุณจะชอบ”
“ขอบคุณค่ะ”
พริมโรสตักคำแรกเข้าปากก็รู้สึกพอใจ เป็นขนมที่เข้ากันดีกับชารสเข้มสไตล์อาหรับ เพียงคำแรกก็สามารถสร้างความสุขในการบริโภคมื้อแรกของวันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอออกปากชมและอยู่คุยอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ขอตัวขึ้นข้างบน
ขณะที่เปิดประตูเข้าไป ภาพของบุรุษร่างสูงที่อยู่ร่วมห้อง ในลักษณะที่ท่อนบนยังไม่ได้ใส่เสื้อก็ปะทะเข้าสายตาเต็มๆ เผยให้เห็นมัดกล้ามของเขาในระยะเผาขน หญิงสาวอ้าปากค้างแล้วรีบหันหลังให้ทันที
จากนั้นก็เอามือป้องหน้าข้างที่เขายืนอยู่ แล้วเดินหลีกไปยังกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่มุมห้อง รื้อค้นภายในอยู่ชั่วครู่ พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็เอามือป้องหน้าอีกครั้ง เดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ พร้อมๆ กับบ่นไปด้วย
“คนบ้า! ไม่รู้จักอายเสียบ้าง!”
ชายหนุ่มเดินไปปิดประตูห้อง แล้วหันมายกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในขณะที่มือก็กลัดกระดุมเชิ้ตไปด้วย มองตามหลังร่างบางที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำจนประตูปิดลง เขาฟังไม่ออกว่าหญิงสาวพูดว่าอะไร แต่คงไม่ใช่คำชมแน่ๆ
…
พริมโรสอาบน้ำแต่งตัวในห้องน้ำเสร็จสรรพก็แง้มประตูเปิด ค่อยๆ ยื่นหน้าออกมามอง พอเห็นว่าอยู่คนเดียวก็ถอนใจโล่งอก เดินไปหยิบอุปกรณ์ทำงานมาวางเรียงที่โต๊ะหน้าโซฟา วันนี้เธอจะเริ่มแกะรอยจากสนามบินก่อน
หญิงสาวจัดการเสียบอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่างคล่องแคล่ว เปิดคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงไซส์เอสี่ และโปรเจคเตอร์โฟร์เคแบบพกพาที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ เธอจะใช้ผนังห้องแทนจอภาพจะได้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อิฟราอิมเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดในมือ บนนั้นมีแก้วชาสองแก้ว และจานขนมบาคลาวา เขาวางถาดลงบนโต๊ะ แล้วมายืนด้านหลังโซฟามองดูมือเรียวสวยพิมพ์รัวเร็วไปบนคีย์บอร์ดที่วางอยู่บนตัก คล้ายกำลังเขียนโค้ดอะไรสักอย่าง หลังกดเอ็นเตอร์โปรเจคเตอร์ก็ทำงาน ยิงภาพจากกล้องวงจรปิดของสนามบินในมุมต่างๆ ไปที่ผนังห้อง
แล้วเธอก็เปิดหน้าต่างคอมมานด์ไลน์ขึ้นมาใหม่ พิมพ์ใส่โค้ดรัวเร็วอีกครั้ง จึงปรากฎหน้าต่างป๊อบอัพของโปรแกรมควบคุมกล้องวงจรปิด หญิงสาววางคีย์บอร์ดบนโต๊ะ ใช้เมาส์เลือกหาวันและเวลาที่เกิดเหตุ และดาวน์โหลดไฟล์ลงเครื่องไว้ทั้งหมด
จากนั้นก็ปิดระบบของทางสนามบิน แล้วเปิดไฟล์จากตัวเครื่องขึ้นมาแทนเพื่อแสกนหาใบหน้าของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ชัดที่สุด ตัวโปรแกรมดึงกรอบหน้าขึ้นมาเรียงกันร่วมสิบกว่าภาพ แล้วส่งปริ้นไปที่เครื่องพิมพ์ขนาดเล็กที่วางใกล้ๆ กับบรรดาอุปกรณ์ที่วางเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ
อิฟราอิมเดินอ้อมโซฟาแล้วมานั่งลงข้างๆ
“ระบบสนามบินประเทศผมมันเจาะได้ง่ายขนาดนั้นเชียว?”
ชิ! ทำมาเป็นโยนหินถามทาง จะหลอกล่อให้เราแสดงความเบาปัญญาออกมางั้นสิ!
“ก็ไม่ง่ายหรอกค่ะ แต่ดูเหมือนว่าหน่วยข่าวกรองประเทศคุณจะเปิดช่องโหว่ไว้ให้ฉันได้เข้ามาสืบข่าวเองเสียมากกว่า”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจในความฉลาดของเธอ เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง หน่วยข่าวกรองเปเรซสามารถระบุตำแหน่งของพระชนนีได้ และออกติดตามแล้ว แต่คนของทางทีแลนด์เองไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นอยู่อย่างไร จึงต้องให้ติดตามกันเองน่าจะได้ผลเร็วกว่า
เขาหยิบกระดาษขึ้นมาพิจารณา
“ผมจะจัดการเอง”
“ขอแบบละเอียดเลยนะคะ บางทีเราอาจจะต้องตามดูทีละคน ตัวประกันอาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่พวกมันต้องการให้เรารู้เสมอไป ส่วนอันนี้เป็นสถานที่ที่พาสปอร์ตแสดงพิกัดออกมา ฉันขอพิมพ์เขียวของอาคารพวกนี้ด้วยค่ะ” หญิงสาวหยิบกระดาษข้างตัวส่งให้
“พาสปอร์ตงั้นรึ? คุณแสกนเจอได้ยังไง?”
“เป็นความลับทางราชการไม่สามารถเปิดเผยได้ ใช้ในกรณีที่ภารกิจผิดพลาด เพื่อที่จะได้ติดตามค้นหาตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ที่สูญหาย”
“ได้ จะให้คนเร่งจัดการให้ แล้ววันนี้แพลนคุณมีอะไรบ้าง?”
“คงต้องหลังจากได้แบบแปลนสถานที่ที่พิกัดโชว์ไว้มาก่อน แล้วค่อยวางแผนอีกทีค่ะ แล้วพระชนนีล่ะคะ คุณได้ตำแหน่งมาหรือยัง?”
“ได้แล้ว สมาชิกราชวงศ์ทุกคนจะมีชิปประจำตัว ทำขึ้นเผื่อมีกรณีที่ไม่คาดฝันแบบนี้เกิดขึ้น ส่วนอันนี้ของคุณ”
พริมโรสเงยหน้าขึ้นมองแหวนทองคำขาวล้อมเพชรเม็ดเล็กๆ รอบวงในมือเขา แล้วมองหน้า
“อะไรคะ?”
“แหวนคู่รัก! เราจำเป็นต้องใส่ไว้เพื่อความแนบเนียน แสดงตัวว่าเพิ่งจะหมั้นกันเองไม่นานนี้ แต่จริงๆ แล้วฝังชิปไว้สำหรับติดตาม”
“จำเป็นต้องใช้ของดีขนาดนี้เลย?”
“ประเทศผมรวย แค่นี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย” หญิงสาวมองเขาตาโตอย่างหมั่นไส้ แล้วย่นจมูก
เฮอะ!! อวดรวยใส่เราเสียอีก!!
พริมโรสยื่นมือจะไปหยิบแหวนในมือเขามาใส่เอง แต่เขาเบี่ยงหนี แล้วจับมือซ้ายของเธอขึ้นมาสวมแหวนให้ ทำให้หน้านวลแดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เขาเหลือบตาขึ้นมองแว่บหนึ่งอย่างประเมิน ก่อนจะก้มลงหมายจะจุมพิตมือที่สวมแหวน พริมโรสเห็นประกายตาระยิบนั้นแล้วก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการจะแกล้งให้เธออารมณ์ขึ้น จึงดึงมือออก แต่เขาก็คว้าข้อมือไว้ได้ทัน เธอพลิกหงายฝ่ามือขึ้น ทำให้มือของอีกฝ่ายอยู่ด้านล่าง จากนั้นก็ออกแรงดึงออกมา พร้อมๆ กับพุ่งหมัดอีกข้างไปที่หน้าเขาอย่างรวดเร็ว
เขาเอาท่อนแขนกันรับไว้ได้แล้วพลิกมือมาจับแขนไว้ หญิงสาวจึงใช้หมัดอีกข้างต่อยไปที่หน้าท้อง แต่เขาก็ยังเอามือบังไว้ได้ทันอีก เธอจึงโถมขึ้นทั้งตัวดันคางเขาจนหงายหลังไปที่เท้าแขนของโซฟา พลันประตูก็เปิดออก
พริมโรสและอิฟราอิมชะงักหันไปมองประตูทั้งคู่ ซึ่งผู้มาใหม่สองคนรวมถึงอัลวานีที่ยืนอยู่หน้าประตู ต่างก็มองเข้ามาอย่างตาค้างไปตามๆ กัน ภาพที่พวกเขาเห็นคือ ชายหนุ่มนอนหงายหลังอยู่ที่เท้าแขนโซฟา ในขณะที่หญิงสาวดันคางไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง ส่วนข้อมืออีกข้างถูกชายหนุ่มจับไว้แน่นกดไว้ที่พนักพิง เข่าของหญิงสาวอยู่ตรงกลางระหว่างขาของคนด้านล่าง ในลักษณะโถมเอนทั้งตัว คล้ายกำลังจะบังคับกระทำชำเราอีกฝ่ายยังไงยังงั้น
“พะ..พวกคุณกำลังทำอะไรกัน?” เสียงหนึ่งของผู้มาใหม่ทักขึ้นอย่างตกใจ
“ไม่ๆ!…ไม่ใช่อย่างที่พวกนายคิดนะ! คือ..เรากำลังต่อสู้กัน!” หญิงสาวแก้ตัวตะกุกตะกัก ทั้งๆ ที่ยังชะงักค้างอยู่ในท่าเดิม
“ถ้างั้น..พวกคุณสู้กันให้เสร็จก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยมาใหม่ก็ได้!” เขาพูดจบก็ปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย
“ไม่ใช่นะ!..เดี๋ยวก่อน!” หญิงสาวตะโกนเรียก พอประตูปิดก็หันขวับมามองคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างเอาเรื่อง ยิ่งสบประกายตาพราวระยับในดวงตานั้นแล้วก็ยิ่งโมโห จึงยกมือที่ดันคางขึ้นแล้วฟันสับไปที่คออย่างรวดเร็ว เขาปัดมือเธอออก แล้วเด้งตัวขึ้นพลิกกลับมากดเธอให้อยู่ใต้ล่างอีกฟากหนึ่งของโซฟาแทน
เธอดันอกเขาไว้ ดึงสองขาลอดระหว่างขาของเขาขึ้นมาแล้วถีบแรงไปที่ท้อง เขาหงายหลังกระเด็นออกห่าง หญิงสาวรีบลุกจะถอยออกให้ห่างจากโซฟา จึงทำให้มือปัดไปโดนถาดที่มีทั้งแก้วชาและจานขนมลอยละลิ่วลงพื้นไปด้วย
โครม! เคร้ง! เพล้ง!
เสียงของตกแตกกระทบพื้นที่ดังมาจากห้องข้างบน มีผลให้คนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ด้านล่างในห้องรับแขก มองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก อัลวานีหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บาซิมกลั้นขำอย่างเต็มที่
“ถ้าผมรู้ว่าเขาจะเผ็ดจนไฟลุกเบอร์นี้ คงยอมเป็นพริกขี้หนูให้เขาขยี้ไปตั้งนานแล้วล่ะ!” ประโยคคำพูดนี้เหมือนจะมีความเสียดายอยู่ในนั้น แต่น้ำเสียงกลับทำให้มีความรู้สึกที่ว่า.. ถ้าหลงเข้าไป คงเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต
“อ่าว ก็เคยเห็นแอบเหล่มาตั้งนาน ทำไมอยู่ต่อหน้าเขาถึงทำเป็นไม่กล้าไปได้ล่ะ!” อีกคนถามขึ้นอย่างสงสัย
“นายก็รู้ว่าข่าวลือนั่นเป็นความจริง! มือเท้าหนักแบบนี้ เป็นใครก็กลัวหัวหดกันหมดแหละ! จำเด็กใหม่ที่เข้าไปนอนหยอดน้ำเกลือเมื่อเดือนที่แล้วได้หรือเปล่า ฉันได้ยินแล้วยังขนหัวลุกไม่หาย!” แล้วเขาก็ทำท่าเหมือนกับว่า ขนทั้งตัวจะลุกชูชันขึ้นมาจริงๆ
โครม! ปัง! ตึง!
“ตายจริง! แล้วจะเป็นไรกันไหมคะนั่น!” อัลวานีชักเริ่มเป็นห่วง เมื่อเสียงปึงปังในห้องยังดังไม่หยุด แต่บาซิมกลับหัวเราะออกมาด้วยความสนุก
“ช่างเถอะน่า! ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เจอม้าพยศแบบนี้ เจ้าทะเลทรายของเราจะเอาอยู่ไหม ฮ่าๆๆ”
“คุณก็! มันใช่เรื่องที่จะมานั่งหัวเราะแบบนี้ไหม ฉันก็เป็นห่วงคุณพริมเหมือนกันนะ!” อัลวานีรู้สึกกังวล อีกใจก็หงุดหงิดสามีที่เอาแต่นั่งขำ ไม่ช่วยกันคิดแก้ไขปัญหา
“ผมว่า..คุณเป็นห่วงคุณคนนั้นดีกว่าครับ จากประวัติของเหยื่อที่ผ่านๆ มา นอนโรงพยาบาลกันเป็นเดือนเลยครับกว่าจะกลับมาทำงานได้ปกติ!”
“ตายจริง! ฉันจะเป็นห่วงใครดีล่ะทีนี้!”
เพล้ง! ตึง! โครม! ปัง!
…………………….
ป๊อบอัพวินโดว์ - พื้นที่แสดงส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก โดยปกติจะเป็นหน้าต่างเล็กๆ ที่ใช้การเขียนสคริปต์หรือสำหรับโฆษณา
คอมมานด์ไลน์ (Command Line ) - คือส่วนประสานงานกับผู้ใช้ ในรูปแบบหน้าต่างสีดำที่รับโค้ดคำสั่งที่เป็นตัวอักษรไปให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส
แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ
ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ
บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั
เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน
เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา