บทที่ 3 ไม่มีเกียร์เหมือนวิศวะ
มหาลัยD “มานั่งเป็นต้มอึ่งอะไรตรงนี้คะคุณลูกหมู” นั่งอยู่ได้ไม่นานเสียงแหลมเหมือนหนามต้นงิ้วก็ดังแสบแก้วหูฉันมาแต่ไกลไม่เกรงในนักศึกษาที่กำลังนั่งทำงานอยู่บริเวณนี้เลยสักนิด เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนหน่อไม้เพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันมากับฉันตั้งแต่เด็กนั้นเอง กำลังเดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับปกป้องแฟนหนุ่มหน้าตาหล่อนิดหน่อยมันเองก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกันและใช่พวกมันได้กันเองแต่ท่าไหนฉันก็ไม่รู้เหมือนกันไม่ได้แอบไปอยู่ใต้เตียงพวกมัน “มานั่งรอคุณหน่อไม้ต้มเปรตและคุณปกป้องหน่อไม้แหละค่ะ” “มาเช้าเองช่วยไม่ได้” “แกเป็นอะไรทำไมทำหน้าเหมือนคนไม่ได้นอน” หน้าฉันเหมือนคนไม่ได้นอนขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยเอาเข้าจริงฉันก็ไม่ได้นอนจริงๆ นั่นแหละเพราะเมื่อคืนอยู่คุยโทรศัพท์ ไม่สิอยู่โต้วาทีกับนายอินทนนท์ทั้งคืนเลยด้วยหัวข้อ ‘โจรขโมยจูบแรก’ ของฉันทำให้เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเต็มอิ่ม “เฮ้อ การมีแฟนมันลำบากขนาดนี้เลยเหรอหน่อไม้” “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เอ๋...แต่เดี๋ยวนะพูดอย่างกับว่าแกมีแฟนแล้วอย่างงั้นแหละ” “หน่อไม้ปกป้อง...” “อะไรของแกทำไมทำเสียงอย่างนั้น” หน่อไม้มองหน้าเพื่อนสาวอย่างสงสัย “ฉันมีแฟนแล้วนะ” ฉันบอกเพื่อนทั้งสอง “พูดจริง” ดูมันสองคนทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่ออะไรขนาดนั้น! “ทำไมถามแบบนั้นหนังหน้าฉันมันเหมือนคนไม่มีใครอยากเป็นแฟนด้วยเลยหรือไง” “เปล่าฉันแค่ถามให้แน่ใจเฉยๆ แล้วแฟนแกใครละพวกฉันรู้จักไหม” “อินทนนท์ ชื่อ อินทนนท์ฉันรู้แค่นี้” “แกจะบ้าเหรอลูกหมูแกไปคบกับคนที่รู้จักกันแค่ชื่อได้ยังไงถ้าเธอหมอนั่นมันหลอกเอาเงินแกจะทำยังไง” “นั่นสิ เธอไปบอกเลิกแล้วบล็อกผู้ชายคนนั้นไปเลยดีกว่าก่อนที่มันจะมาหลอกเงินเธอ” หลอกเอาเงินตัดทิ้งไปได้เลยหมอนั่นรวยจะตายแถมเป็นลูกชายร้านทองแถมร้านจิวเวลรี่อีกรถที่ขับยังเป็นเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ด้วย ของที่ให้ฉันมาราคารวมกันเป็นแสนกว่าบาทจะมาหลอกลูกสาวผู้ใหญ่บ้านพอมีกินแบบฉันถ้าเป็นโจรก็คงจะลงทุนเกินไปไหม พลึบ “อะไรของแกหยิบโทรศัพท์ออกมาทำไม” “โทรศัพท์ที่หมอนั่นให้ฉันมาแกสองคนคิดว่าเขาจะมาหลอกเอาเงินฉันจริงๆ หรอแล้วยังมีสร้อยทองและสร้อยเพชรที่ได้มาอีกนะ” ฉันบอกทั้งสองคนก่อนจะเปิดรูปภาพของที่ฉันได้มาจากนายนนท์ให้ดู “มันไปขโมยใครมาหรือเปล่า” ปกป้อง “นั้นสิไม่น่าไว้ใจแกรับของโจรหรือเปล่าฉันว่าไปแจ้งความเอาไว้ก่อนไหม” หน่อไม้ดูเป็นห่วงฉันมากคงต้องบอกความจริงว่าบ้านหมอนั่นทำงานอะไรแหล่ะ “ตอนแรกฉันก็สงสัยว่าหมอนั่นเป็นขโมยหรือเปล่าเลยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานของกลาง แต่พอถามไปว่าของพวกนี้เอามาจากไหนหมอนั่นบอกว่าของที่บ้าน เพราะบ้านนายอินทนนท์ทำธุรกิจร้านทองและเครื่องเพชรน่ะ” “...” อึ้ง อึ้งกันไปเลยตอนฉันรู้ฉันยังอึ้งเลยว่าลูกชายร้านทองจะมาขอฉันเป็นแฟน “ลูกหมูแกเล่นของใช้ไหมบอกฉันมาเลยนะไปเล่นที่ไหนพาฉันไปหน่อยสิ!” “หน่อไม้แฟนเธอนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะโว้ย” “อุ้ยลืมตัว ลูกหมูแกได้ของโคตรดีแต่แน่ใจนะว่าแกไม่ได้เล่นของมนต์ดำ” “จะบ้าหรือไงใครจะไปเล่นกัน” “แปลก แปลกมากที่คนรวยๆ อย่างนั้นจะมาชอบแกหรือนายอินทนนท์อะไรนั้นจะเป็นเสี่ยตัวอ้วนๆ มีพุง” “เลิกคิดมโนค่ะเพื่อน เขาเป็นรุ่นๆ เดียวกับเราแถมยังอยู่มหาลัยเดียวกับพวกเราด้วย” ฉันบอกมันออกไปก่อนที่ยัยหน่อไม้จะมโนอะไรแปลกๆ อีก อืม ตายยากจริงๆ พูดถึงก็มาพอดีว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉ้นอยู่ตรงนี้และดูเดินมาอย่างหล่อนักศึกษาหญิงคณะฉันมองตามคอจะหักอะไรมันจะขนาดนั้นกันพวกเธอหันมามองดีๆ ก็ได้ไหมเห็นแล้วเจ็บคอแทน “ตัวทองมาอยู่ตรงนี้เองตัวเงินตามหาแทบแย่” มาถึงไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วยังมีหน้ามานั่งข้างฉันอีกนะ “รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ตรงนี้” “อย่ามาสมองปลาทองสิตัวทองเมื่อคืนเราคุยกันแล้วนะว่าตัวเงินจะมาหาเธอที่คณะถ้าเธอไม่นั่งรอหน้าคณะเธอจะไปเร่ร่อนเป็นสัมภเวสีอยู่ตรงไหน” เอ่อ...ทำไมรู้สึกโดนด่าว่าเป็นผีไม่มีสมองเลยวะไม่หรอกเราคงคิดมากไปเอง “งั้นเหรอ” “ครับ แล้วสองคนนี้เพื่อนเธอหรอ” เออลืมเลยว่ามีหน่อไม้กับปกป้องนั่งอยู่ด้วยและดูทั้งสองคนมองหมอนี้ตาค้างไปเลยแม้แต่ไอ้ปกป้องก็เป็นไปด้วยอะไรกันทำอย่างกับไม่เคยเห็นคนหล่อใกล้ๆ อยากถ่ายรูปตอนมันสองคนอ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าปาดซะมัด แชะ แชะ ว่าแล้วก็ขอถ่ายเก็บไว้เลยแล้วกันเผื่อวันไหนมันสองคนทำอะไรไม่ถูกใจจะได้เอารูปพวกนี้ไปโพสต์ลงโซเชียลเป็นตัวประกัน อิอิ “ใช่เพื่อนฉันเองคนนี้ปกป้องและก็หน่อไม้มันสองคนเป็นแฟนกัน” “ยินดีที่ได้รู้จักผมอินทนนท์เรียกพี่นนท์ก็ได้เป็นแฟนของลูกหมูครับ” อินทนนท์แนะนำตัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่เหรอคะ?” “ครับพี่อยู่ปีสองคณะการตลาด” “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่นนท์” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากทำความรู้จักกันไปพอประมาณเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยแต่ส่วนมากจะเป็นฉันกับนายนนท์ตีกันมากกว่าจนมาเข้าหหัวข้อ เกียร์แทนใจของวิศวะ เหมือนกับเกียร์อยู่ที่ใครใจอยู่ที่เกียร์อะไรแบบนั้นฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “เกียร์อะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความสงสัย “นี่ไงแกเกียร์วิศวะไอ้ปกพึ่งให้ฉันมา” “แล้วมันมีความหมายอะไรอะก็แค่เกียร์” แถมยัยหน่อไม้ยังทำเป็นสร้อยมาใส่คอแทนพระพี่มันใส่ประจำอีกตั้งหาก “โว๊ะ แกนี่ไม่รู้อะไรเลยเด็กวิศวะได้เกียร์มาจากการรับน้องแสนอยากลำบากพอได้มาคนที่มีแฟนแล้วก็จะเอามาให้แฟนเพื่อเป็นของแทนใจแบบเกียร์อยู่ที่ใครใจอยู่ที่เกียร์เป็นไงโรแมนติกไหมแก” เอาตรงไหนมาโรแมนติกวะ เออๆ แต่ถ้าเพื่อนว่าโรแมนติกก็โรแมนติกวะ “มองอย่างนั้นแกอยากได้บ้างหรือไงลุกหมู” อยากได้ก็บ้าแล้วแค่มองดูว่ามันต่างจากที่ฉันเคยเห็นขายตามตลาดตรงไหนถ้าอยากได้ฉันซื้อใส่เองก้ได้ไหมละ “การตลาดไม่มีเกียร์เหมือนวิศวะด้วยสิ ถ้าเธออยากได้เอาเป็นสร้อยทองสร้อยเพชรแทนได้ไหม” จู่ๆ นายนนท์ก็พูดออกมาจนฉันต้องหันไปมองหน้าทันที “ฮะ” “อุ้ย ลูกหมูถ้าแกอยากได้เกียร์วิศวะแลกสร้อยทองกับฉันก็ได้นะ” “หน่อไม้!” “เค้าแค่ล้อเล่นเองปก” “อืมอยากได้” “ฉันไม่มีเกียร์ให้เธอ” “หมายถึงอยากได้สร้อยทองอีกขอสักสามเส้นได้ปะ” ข้อเสนอมาขนาดนี้รีบกอบโกยสิจ๊ะรออะไรเผื่อวันไหนอิพ่ออิแม่การเงินช็อตไม่ส่งเงินมาให้จะได้เอาสร้อยทองไปขายเลี้ยงชีพความคิดดีจริงๆ เลยลูกหมูเอ้ย! “ลูกหมูแกดูหน้าเงินเหมือนกันนะ” หน่อไม้ลุกขึ้นมากระซิบทันทีเมื่อได้ยินที่ฉันพูด “แกต้องบอกว่าฉันหน้าทอง” “เอาสิแค่สามเส้นเอาเพิ่มอีกสี่เส้นไหมจะได้ใส่เส้นละวันไปเลยตัวทอง” โอ้ยยย! ดู ดูมันยังมีหน้ามายิ้มตาหยีให้อีกฉันแค่จะกวนประสาทเล่นไหมละใครจะไปเอาจริงกันแค่ของที่ได้มาคราวก่อนฉันยังไม่กล้าใส่เลยด้วยซ้ำใครจะอยากเอามาให้รกห้องอีกกันฉันไม่ได้หน้าเงินขนาดนั้นนะ สาธุขอให้ร้านทองหมอนี่เจ๊งทีเถอะเพี้ยง!ตอนพิเศษ ดำนาช่วยพ่อตา5 ปีต่อมา ห้าปีแล้วนับตั้งแต่งานแต่งงานจนตอนนี้ฉันเรียนจบมาช่วยงานที่บ้านเรียบร้อย ถึงจะบอกว่าช่วยงานที่บ้านฉันก็แค่เปิดร้านขายปุ๋ยขายยาโดยผู้สนับสนุนหลักจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสามีสุดที่รัก เขาเองก็มาอยู่กับฉันที่กำแพงเพชร แต่ยังคงเปิดร้านทองเหมือนเดิมแถวตัวเมื่อ เราสองคนก็ยังคงไปมากรุงเทพฯ กำแพงเพชรอยู่เรื่อย ๆ ชีวิตฉันตอนนี้มีความสุขมากเลย“หนูครับ”“ครับ หนูอยู่ตรงนี้”“ทำไมคนถึงมาบ้านเราเยอะขนาดนี้” สามีที่น่ารักเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มไปสองที“หนูยังไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้มีกิจกรรมของหมูบ้านดำนาประจำปี”“หืม ดำนา?” “ทำหน้าอย่างนี้ไม่รู้สินะ ดำนาก็คือการที่เรานำต้นกล้าหมายถึงต้นข้าวที่โตประมาณยี่สิบถึงยี่สิบห้าวันไปลงนาเพื่อปลูกน่ะ” ฉันอธิบายให้เขาเข้าใจ“แล้วที่พ่อบอกไปหว่านข้าวล่ะไม่เหมือนกันเหรอทำไมถึงต้องดำนาอีก”“เหอะ จะหว่านจะดำนาก็เหมือนกันนั่นแหละสุดท้ายก็เป็นข้าวให้เรากินกันอยู่ดี” ฉันที่ขี้เกียจอธิบายให้เขาเข้าใจจึงบอกตัดบทไป“แล้ว...”“พอเลิกสงสัยแล้วไปลองลงมือทำเองเลยดีกว่า” ฉันบอกเขาพร้อมกับจับมือไปที่รถขนกล้า“อืมได้ น่าสนุกดี” 20
บทที่ 40 อินทนนท์เป็นของลูกหมู @วันงานแต่งงาน“โห่ ฮี่โห่ ฮิ่โห่ ฮิ่โห่ ฮิ่โหยยย”“ฮิ้วววว”“ใครมีมะกรูดมาแลกมะนาวใครมีลูกสาวมาแลกลูกเขยเอาวะเอาเหวย ลูกเขยผู้ใหญ่นิดมาตาลาลา...”“หู้ยย..ฮา..โห่..ฮี้ว” เสียงเพลงวงลำแคนแต่งงานดังมาตั้งแต่ปากซอยก่อนจะเข้ามาถึงบ้านเจ้าสาวที่อยู่ห่างไม่ไกลบรรดาญาติฝ่ายหญิงเต้นรำตามขบวนขันหมากเพลงลำแคนอย่างสนุกสนานสร้างสีสันให้ขบวนได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาเดินขบวนไม่นานขบวนขันหมากของอินทนนท์ก็ได้มาหยุดที่หน้าบ้านเจ้าสาวแสนสวยเป็นที่เรียบร้อย“ขอให้เพื่อนผมเข้าไปเจอเจ้าสาวหน่อยครับ” เวย์รับหน้าเอ่ยบอกคนกั้นประตูเงิน“จะเข้าไปต้องมีอะไรมาแลกนะจ๊ะ ซองไม่หนักประตูไม่เปิดจ๊ะ” ลูกเจี๊ยบบอกด้วยรอยยิ้ม“นี่เลยครับ เจ้าบ่าวเตรียมชุดใหญ่ให้เรียบร้อย” น่านที่รับหน้าที่เป็นคนถือซองยื่นซองขาวใส่เงินจำนวนหนึ่งให้ทั้งสองคนที่กั้นประตูเงินไว้ไป“ว้าว เชิญเลยจ๊ะ” เมื่อได้รับซองประตูเงินก็เปิดออกอย่างง่ายดาย“ไปเพื่อนไปหาเจ้าสาวมึงกัน” น่าน“เดี๋ยวค่ะ ยังเข้าไปไม่ได้นะคะ” เดินเข้ามาได้ไม่นานขบวนเจ้าบ่าวก็เจอเข้ากับประตูทองที่หนอไม้กับปกป้องยืนถือสร้อยทองกั้นป
บทที่ 39 พรีเวดดิ้ง“เอ็งสองคนไปถ่ายรูปติดงานแต่งกันได้แล้ว”“พรีเวดดิ้งพ่อ”“เออนั่นแหละ ไปถ่ายกันได้แล้วข้ากับเทวาเตรียมงานหมดแล้วแล้ว” “จ๊ะ” หลังจากพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยทั้งสองครอบครัวจึงแยกย้ายไปจัดเตรียมของต่างๆที่จะใช้ในงานแต่งงานอีกครั้ง ลูกหมูกับอินทนนท์พร้อมเพื่อนและพี่แยกกันไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งทุ่งนา“เนี่ยเหรอวะต้นข้าว” เวย์เอ่ยถามอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นต้นข้าวของจริงใกล้ๆ“ค่ะ ใกล้ได้เวลาเกี่ยวแล้ว”“แล้วต้นเขียวๆตรงนั้นคือข้าวเหมือนกันใช่ไหมลูกหมู” น่านชี้ไปที่ทุ่งนาอีกฝั่งที่เป็นต้นอ่อน“ใช่ค่ะ ต้นกล้าอ่อนยังไม่โต กว่าจะโตเราต้องให้น้ำให้ปุ้ยค่อยบำรุงให้ต้นข้าวโตได้ดี” ฉันอธิบายให้พวกเขาฟังก็อย่างนี้ล่ะนะคนเมืองไม่ค่อยเจออะไรแบบนี้จึงไม่ค่อยรู้ถึงความลำบากของชาวนาว่าจะได้ข้าวไปให้กิน“สวยจริงๆ เหมาะแล้วที่เลือกถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี้” อินทนิลเอ่ยบอก“พร้อมถ่ายกันหรือยัง คนถ่ายพร้อมแล้วนะครับ” เวย์ ใช่แล้วพวกเราไม่ได้จ้างตากล้องมาถ่ายรูปให้เพราะพี่เวย์เองก็ถ่ายรูปแต่งรูปได้ดีมากจึงอาสาทำให้เราฟรีๆ แต่ฉันว่าจ้างจะถูกกว่าเพราะพี่เขาเล่นไปซื้อของจัดฉากจัด
บทที่ 38 หนุ่มน้อยตกน้ำ“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย! ถ้าจะหอนดังขนาดนั้นแน่จริงก็เดินมาพูดต่อหน้าสิวะอีพวกผีเปรตขอส่วนบุญ!” ใครจะมองยังไงช่างแม่งแล้วขอทีเถอะพวกชอบนินทาคนอื่นเนี่ยชีวิตนี้คงไม่มีอะไรทำหรือไงวะถึงได้ชอบอิจฉาคนอื่นไปทั่วถ้าไม่ได้สั่งสอนวันนี้คงนอนไม่หลับ“หนูเป็นอะไร”“มานี่” ฉันลากพี่นนท์เดินตรงไปยังกลุ่มผีเปรตที่ร้องขอส่วนบุญทันที“อะ...อะไร” “ไหนคนไหนชื่อเนย!” ฉันถามพวกมันทั้งเจ็ดคนพร้อมกับมองเรียงตัวและสายตาของทุกคนก็มองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง“คนนี้สินะ พี่นนท์ชอบหน้าตาและหุ่นอย่างยัยนี่มั้ย”“ครับ?”“หนูถามว่าพี่ชอบหุ่นหน้าตาอย่างยัยนี่มั้ย?”“ไม่ครับพี่ชอบหนู ไม่สิพี่รักลูกหมูคนเดียว”“ชัดไหมยัยพวกไม้เสียบผี เขารักฉันถึงไม่สวยแน่แต่ผู้ชายที่พวกเธออยากได้เขารักฉันของใครให้รู้ซะบ้าง”“แกอีกอ้วน!”“อ้วนแล้วหนักหัวแม่...”“นิสัยเหมือนน่าตาเลยนะครับ”“คะ?”“พวกคุณทำตัวน่ารังเกียจมาก”“สุดหล่อพวกเรายังไม่ได้ทำอะไรยัยอ้วนนี่เลย จู่ๆมันก็เดินมาหาเรื่องพวกเราก่อนอย่างนี้ใครเป็นคนน่ารังเกียจกัน”“เหรอครับ แล้วการที่พวกคุณนินทาต่อว่าคนอื่นมันดีมากเลยสินะ”“พวกเราก็แค่คุยกันขำๆ
บทที่ 37 เที่ยวงานวันก็ได้เรื่องเกิดความเงียบขึ้นเมื่อได้ยินเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกหมูบอก ผู้ใหญ่นิดจ้องมองไปที่เครื่องนวดหอมพร้อมกับหหัวเราะออกมาเสียงดัง“ฮาฮ่าๆ นวดกันรึงั้นก็แล้วไป เออข้าลืมเลยว่าแม่เองให้ข้ามาตามไปกินข้าวไปๆรีบตามกันมาล่ะ” ผู้ใหญ่นิดบอกก่อนจะเดินออกจากห้องเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทั้งห้องเกิดความเงียบทุกสายตามองตามหลังของผู้ใหญ่นิดก่อนจะหันหน้ามองกัน“จบเรื่องง่ายขนาดนี้เลย”“นี่แหละพ่อมึง จัดของเสร็จก็ลงไปกินข้าวเดี๋ยวรอนานพ่อเอ็งจะหมาบ้าเข้าอีก ลงไปกันเถอะจบเรื่องแล้ว” สาวสายหน้าเอือมระอาพร้อมกับเอ่ยบอกคนทั้งเจ็ดที่กำลังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ก่อนหน้า“ลุกออกมาได้แล้วอินทนนท์เป็นลูกผู้ชายซะเปล่าเข้าไปแอบทำไม” เทวาเอ่ยถามลูกชายที่กำลังนั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะฟึ่บ!“โธ่ ป๊าก็พูดได้สิป๊าไม่ได้เจอแบบผมนิ”“หึ เจอแค่หมัดกับเท้าป๊าเจอปืนจ่อหัวยังไม่หลบเหมือนแกเลยไอ้ลูกชาย” เทวาว่าออกมาพร้อมกับเดินออกจากห้องไป“จริงเหรอม๊า” อินทนนท์เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ“จ๊ะ ลุกขึ้นจัดการตัวเองแล้วตามม๊ามานะ” น้ำอิงบอกก่อนจะเดินตามสามีไป“ฮาฮ่า กูอยากถ่ายรูปมึงตอนนี้เอาไปเปิด
บทที่ 36 ลูกเขยเวร!“เก็บท้องไว้กินของแม่ด้วยพวกมึง” ผมเตือนมันสองตัวที่ขอเพิ่มขนมจีนน้ำยาป่าคนละสองจานแล้ว“เออ รู้แล้วแต่น้ำยาที่ใส่ขนมจีนอร่อยวะ” น่าน“จริงกูพึ่งเคยกินครั้งแรกเลย” เวย์ “พี่ก็ว่าอร่อย”“ใช่ไหมที่ผมเคยกินยังไม่อร่อยขนาดนี้เลย”“หรือเพราะพวกเราหิว” น่าน“อร่อยก็คืออร่อย ว่าแต่พี่นิลมานานแล้วเหรอพี่” เวย์เอ่ยถามอินทนิล“มาเพื่อวานตอนดึกเลย เพราะไอ้นนท์มันโทรมาบอกเรื่องเลื่อนงานแต่งงานเข้ามาม๊าป๊าเลยต้องมาเตรียมงานให้มัน” อินทนิลถือโอกาสบ่นน้องชายนิดหน่อย“ช้าเร็วผมก็แต่งอยู่แล้ว”“เออ กูรู้แต่นี่มันก็เร็วไปไหม เอาเหอะไม่มีใครขัดมึงอยู่แล้ว”“พี่นิล ป๊าม๊าไม่ได้ว่าอะไรใช่ไหมคะ?” เรียกพี่นิลทีไรชอบนึกถึงปลานิลนึ่งทุกทีเลยฉัน“ใครจะว่าอะไรล่ะครับ ป๊าม๊ายินดีจะตายจะได้ลูกหมูมาเป็นลูกสะใภ้เร็วขึ้นที่สำคัญ...เตรียมตกใจสินสอดที่ป๊าม๊าขนมาให้หนูได้เลย” สินสอดอะไรอีกทองที่ให้มาพ่อแม่ฉันยังไม่แตะเลย“สินสอดอะไรอีก แล้วของที่ให้คราวก่อน...”“มันไม่เหมือนกันสิครับ อันนั้นของฝากอันนี้สินสอด” โอ้มายก๊อด! นี่สินะที่เรียกว่าตกถังข้าวสาร แหะๆ“เอ่อ...พี่นิลช่วยกระซิบบอกหนูหน่อยได้ไหม