บทที่ 1
ภรรยาในนาม
"กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะตาเพชร" เสียงตวาดดังลั่นออกมาจากปลายสายกำลังบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง ทำให้พชรกรผละโทรศัพท์เครื่องหรูออกจากหูแทบไม่ทัน
"มีอะไรครับแม่ ผมทำงานอยู่" ชายหนุ่มตอบกลับมารดาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องที่แผนงานการขยายสาขาของปีหน้าอยู่
"กลับบ้านแล้วพาผู้หญิงคนนั้นมาด้วย"
"เย็นนี้ผมมีธุระครับ คงกลับเข้าไปหาคุณแม่ที่บ้านไม่ได้หรอก" เสียงเข้มตอบปัดราวกับไม่อยากที่จะเข้าไปคุยธุระกับมารดา
"อย่ามาบ่ายเบี่ยงนะตาเพชร พาผู้หญิงคนนั้นมาหาฉันที่บ้านด้วย"
"แต่แม่..."
ทว่าชายหนุ่มยังไม่ทันได้เอ่ยประโยคต่อ ก็ถูกมารดาชิงตัดสายไปเสียก่อนทำเอานักธุรกิจหนุ่มอย่าง เพชร พชรกร อัครธารากุล วัยสามสิบเจ็ดปี ที่เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสอย่างลับ ๆ เมื่อไม่นานมานี้ ลุกขึ้นเต้มความสูงส่ายศีรษะเล็กน้อยและกำลังจะเดินตรงออกจาห้องทำงานใหญ่ของตน ทว่าชายหนุ่มนั้นเพิ่งนึกเรื่องบางอย่างขึ้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาผู้เป็นภรรยาทันที
"คุณอยู่ที่ไหน ทำงานอยู่หรือเปล่า" ทันทีที่ปลายสายกดรับชายหนุ่มก็ไม่รีรอให้เ
ภายในห้องตกแต่งด้วยความเรียบง่ายโทนสีขาวและสีครีมเป็นหลัก มีแซมสีเขียวของต้นไม้ที่สาวเข้าไม่รู้ไปสรรหามาจากไหนมากมายทั้งที่วางอยู่ทางด้านนอกระเบียงกว้าง หรือแม้กระทั่งในห้องนั่งเล่นที่เข้ากำลังยืนสำรวจอยู่ มาหยุด ลงที่หน้าตู้วางของที่บนหลังตู้จะมีแจกันดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงวางอยูพร้อมกับกรอบรูปขนาดเล็กในนั้นมีรูปของเจ้าของห้องคนใหม่อย่างอารยาที่กำลังส่งยิ้มหวานจึงหยิบขึ้นมาดูพลอยทำให้คนมองอดยิ้มไม่ได้ จนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องออกมาพชรกรรีบวางของลงที่เดิมและทำตัวให้ปกติที่สุด“ชุดนี่เป็นยังไงบ้างคะคุณเพชร พอใช้ได้ไหม” อารยาถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจว่าเธอแต่งตัวแบบนี้จะเป็นอย่างไรบ้างเพราะส่องกระจกแล้วตัดสินใจไม่ได้เลยออกมาขอความคิดเห็นกับพชรกรน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดพชรกรมองคนตัวเล็กที่สวมเสือครอปคอกว้างสีดำ กางเกงยีนขายาว ในมือของหญิงสาวถือเสื้อคลุมสีขาวเอาไว้ด้วย การแต่งตัวของเธอสวยเหมาะสมกับวัยไม่ดูโป๊จนเกินไป ไม่ว่าจะผมยาวสีบลอนส์อ่อนดัดลอนคลาย ผิวขาวเนียนตัดกับชุดที่สวมใส่แล้วมันสวยมากเมื่ออยู่บนกายของอารยา“คุณเพชรคะ เป็นยัง
บทที่ 2แม่สามี“แน่ใจนะ ว่าคุณรับมือแม่ผมได้ ผมว่าเรากลับแล้วค่อยวันหลังดีไหม”พชรกรหันมาถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกสักหนกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันทีที่รถยนต์คันหรูของเขาจอดสนิทเทียบเข้ากับโรงจอดรถของบ้านหลังนี้หลังจากที่พชรกรจอดรถยนต์คันหรูเข้าเทียบกับโรงรถของบ้านหลังใหญ่แล้วหันไปถามย้ำกับเพื่ออารยาความแน่ใจว่าเจ้าหล่อนนั้นจะรับมือกับคุณนายทองไพลินแม่ขอบเขาได้จริง ๆ น่ะหรือ“คุณเพชรคะ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ถอยหลังกลับคงไม่ได้หรอกค่ะ” คนตัวเล็กหันหน้าตอบกลับด้วยความมั่นใจ“งั้นเราเข้าบ้านกัน ถ้าไม่ไหวบอกผมนะ”“ค่ะ” อารยาตอบกลับยิ้ม ๆไม่นานสองสามีภรรยาก็ลงจากรถที่นั่งตั้งสติอยู่นานสองนานแล้วค่อยตรงไปยังประตูบ้านหลังใหญ่ที่มีคุณนายทางไพลินยืนรอทั้งสองคนพร้อมทั้งให้คนสนิทคอยโบกพัดลายสวยเพื่อดับความกรุ่นโกรธในตัว ทำเอารยาที่เดินจับมือพชรกรมาถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของแม่สามีที่จ้องเขม็งมายังตน“คุณเพชรแม่คุณจะไม่ฆ่าฉันใช่ไหมคะ”คนตัวเล็กกระซิบถามไปพร้อมกับเดินเข้าไปหาคุณนายทองไพลิน“ไม่หร
“กว่าจะพากันมาได้นะตาเพชร ปล่อยให้แม่รอตั้งนาน” คุณนายทองไพลินเหน็บแนมบุตรชายแต่สายตาของนางกลับตำหนิคนที่อยู่ข้าง ๆ เสียอย่างนั้น“ขอโทษค่ะคุณแม่ ที่อ้อนกับคุณเพชรมาช้า” พชรกรกำลังจะอ้าปากตอบมารดาแต่ถูกอารยาชิงตอบเสียก่อน น้ำเสียงของอารยานั้นราบเรียบตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็น“เอาน่าคุณลูกก็มาแล้ว ตาเพชรพาเมียแกมานั่งเร็วจะได้กินข้าวกัน” คุณพร้อมเพชรรีบเอ่ยห้ามภรรยาทันทีเพราะเจ้าตัวกำลังโกรธที่มีคนมาต่อปากต่อคำ ก่อนหันไปบอกกับลูกชาย ซึ่งพชรกรก็พยักหน้ารับพร้อมทั้งโอบไหล่มนของอารยาที่ออกการขัดขืนเล็กน้อย เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวได้นั่ง ซึ่งเธอก็ยิ้มขอบคุณเขาเล็กน้อย"วันนี้มีแต่อาหารน่ากินนะครับคุณแม่"พชรกรมองอาหารนานาชนิดที่วางอยู่ตรงหน้ามากมายดูแล้วน่าจะระดับภัคตาคารที่จะทำอาหารได้หรูหราน่ากินขนาดนี้นางไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ลูกชายเท่านั้น"ก็ต้องน่ากินสิคะพี่เพชร คุณแม่สั่งอาหารห้าดาวระดับภัตตาคารชื่อดังมาให้ภรรยาพี่โดยเฉพาะเลยนะคะ หลายอย่างมากเลยค่ะ” พรชิตา สาวสวยโพรไฟล์เลิศว่าขึ้นพร้อมทั้งเดินถือจานอาหารราค
บทที่ 3ชีวิตที่แสนเรียบง่ายสามวันให้หลังจากที่อารยากับพชรกรที่เพิ่งกลับจากการทำธุระส่วนตัวที่ต่างจังหวัด อันที่จริงไปครั้งนี้ เป็นธุระที่บริษัทของพชรกรเสียมากกว่า ส่วนตัวของเธอนั้นก็เพียงแค่หลบเลี่ยงการที่จะพบหน้าแม่สามีเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเสนอให้เธอไปกับเขาด้วย ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าไปกับเขาน่าจะดีเสียกว่าการที่อยู่ที่คอนโดมิเนียมหรือเพนท์เฮาส์สุดหรูของเขาด้วยความเบื่อหน่าย เธอไม่ได้เปิดรับออร์เดอร์ขนมจากอินสตาร์แกรมมาหลายวันแล้ว เห็นทีว่าจะต้องเปิดรับเสียหน่อยเพราะลูกค้าจำนวนมากต่างบ่นหาขนมที่เธอทำอารยาจึงตัดสินใจออกมาซื้อวัตถุดิบทำเบเกอรี่จำนวนมากในช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเปิด แต่ทว่าระหว่างที่เธอกำลังจะออกจากเพนต์เฮาส์อยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกว่ากำลังมีสายตาจ้องมองมาที่ตน คนตัวเล็กหันรีหันขวางมองซ้ายขวาเพื่อมองหาสิ่งที่ผิดปกติแต่กลับไม่พบอะไร ร่างเล็กบอบบางจึงลองทดสอบเดินเพียงสามก้าวก็รู้สึกถึงว่ากำลังมีบางอย่างกำลังตามเธอมา อารยาจึงตัดสินใจล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าใบเล็กโทรหาพชรกรทันที“คุณเพชร! ช่วยด้วยค่ะ”หลังจากที่ชายหนุ่มรับส
“คุณเดินตามฉันมาทำไมคะคุณเพชร”“มากินข้าวกลางวัน เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเถอะ” เขาทำทีเอียงข้อมือเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาเรือนแสนของตนพร้อมทั้งเอ่ยชวนคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน“คุณเพชรไปทานเลยค่ะ ฉันจะไปซื้อของไปทำกินที่บ้าน” หญิงสาวตอบกลับ“งั้นผมกินด้วย” เขาบอกพร้อมทั้งคว้ารถเข็นที่หญิงสาวกำลังจะจับเข้ามาอยู่ในมือ"คุณจะกินด้วยแล้วไม่กลับไปทำงานเหรอคะ"คนตัวเล็กถามขึ้นอย่างใคร่รู้ทั้งที่มือและสายตาของตนยังคงเลือกที่จะให้ความสนใจกับผักผลไม้นานาชนิดที่อยู่ตรงหน้า เธอเลือกซื้อของอย่างพิถีพิถันที่จะเอามาปรุงอาหารกลางวัน แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกลับไปทำทันหรือไม่เพราะเวลาตอนนี้ก็เที่ยงจวนจะบ่ายแล้ว"ออกมาแล้วไม่จำเป็นต้องกลับ เธอลืมแล้วเหรอว่านั่นมันบริษัทของผม" ชายหนุ่มตอบกลับหลังจากที่หญิงสาวถามขึ้นสักพัก เขาตอบขึ้นในจังหวะที่อารยานำผักที่เลือกต่างไปค่อยวางลงบนรถเข็น ก่อนจะนำไปชั่งกิโล"ฉันลืมไป ขอโทษทีนะคะ" ร่างเล็กกล่าวขอโทษแล้วจับรถเข็นให้ตามมายังบริเวณขายเนื้อสัตว์ พชรกรก็เข็นตามมาแต่โดยดี"เธอมาที่
บทที่ 4ไม่ได้เมา แค่ไม่เหมือนเดิมชีวิตที่แสนเรีบง่ายของอารยาดำเนินไปอย่างราบเรียบดั่งเช่นทุกวันก็คือรับออเดอร์ขนมผ่านทางอินสตาร์แกรมของร้านที่หญิงสาวได้เปิดเอาไว้หารายได้ตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย แต่ทำเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ วันนี้หญิงสาวออกมาส่งออเดอร์ที่สั่งเข้ามาจำนานมากถูกส่งให้กับบริษัทขนส่งเพื่อนส่งให้กับลูกค้าต่อไปกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ใช้เวลาไปค่อนข้างมากรู้ตัวอีกทีดูก็เกือบที่บ่ายกว่า ๆ"ตายละบ่ายโมงแล้วเหรอเนี่ย" ดูนาฬิกาผ่านล็อกสกลีนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนแล้วเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ ก่อนปลดล็อกแล้วโทรหาเพื่อนที่นัดเอาไว้ทันที"ฮัลโหล คืนนี้นัดกันกี่โมงนะ ดาว" ทันทีที่ปลายสายตอบกลับหญิงสาวรีบถามด้วยความรวดเร็ว"สองทุ่มส่วนร้านเดี๋ยวฉันแชร์โลเคชั่นไปให้ในไลน์แล้วกัน""โอเคได้เดี๋ยวสองทุ่มเจอกัน"หลังจากวางสายหญิงสาวมีเวลาว่างอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดหมายจึงตัดสินใจไปเดินซื้อของใช้ส่วนตัวที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากนี้ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอไปสถานบันเทิงเพื่อเลี้ยงฉลองส่งท้า
สามทุ่มคืนในวันเดียวกันซึ่งเป็นเวลานัดหมายของอารยาและเพื่อนว่าจะมาที่ร้านกันตอนนี้คนตัวเล็กมาถึงร้านแล้วแต่ยังไม่เห็นกลุ่มเพื่อนของเธอเลย สายตาหวานพยายามสอดส่องไปในความมืดดสลัวท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดภายในร้านมองหาเท่าไรก็ไม่พบ หรือว่าเพื่อนเธอจะยังไม่มากันนะ“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิงมีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” พนักงานบริการของร้านเดินเข้ามาถามเธอด้วยความสุภาพ เพราะเห็นหญิงสาวยืนมอง สายตามองราวกับหาอะไรสักอย่างร่วมสิบนาทีเห็นจะได้“ฉันมองหาเพื่อนน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าจะมาหรือยัง เอ่อ…มีคนที่ชื่อแพรดาจองโต๊ะไว้” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยความสุภาพเช่นเดียวกันกับอีกฝ่ายที่ถามเธอ“อ๋อทางนี้เลยครับ” ว่าแล้วพนักงานคนที่ยืนคุยกับเธอเมื่อครู่ก็เดินทำหน้าเธอไปยังโต๊ะที่จองไว้ซึ่งอยู่ท่างได้ในและอยู่ใกล้กับวงดนตรีสด แต่การกระทำต่าง ๆ ของอารยากลับอยู่ในตาตาคมคู่หนึ่งเสมอตั้งแต่เธอเดินเข้ามาภายในร้านเสียแล้ว สายตาคู่คมมองตามอย่างสงสัยว่าหญิงสาวคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ทั้งที่จริงเธอควรอยู่ที่บ้านไม่ใช่หรือ“มึงมองอะไรวะไอ้เพชร” ภาธรหนึ่งหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยถ้อยคำที่เป็นกันเ
บทที่ 5เสพรักเมียเด็ก“ฮือ มึนหัวอะ โอ๊ยเจ็บจัง หัวไปโดนอะไรมาเนี่ย”เมื่อแสงสว่างสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ปลุกให้คนตัวเล็กที่เพิ่งถูกปล่อยให้นอนหลับสบายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาตื่นจากฝัน มันเป็นฝันที่ชวนให้เธอเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกิน ความฝันที่แสนวาบหวามที่ว่าเธอกับพชรกรนั้นมีอะไรกันแล้ว“มันก็คงจะเป็นแค่ความฝันมั้ง”คนตัวเล็กยันกายลุกขึ้นนั่งพิงเข้ากับหัวเตียงกว้างแล้วค่อย ๆ กวาดสายมองไปรอบ ๆ ห้อง ห้องนี้ไม่ใช้ห้องที่เธอนอนเหมือนดั่งทุกคืน แต่เพิ่งจะรู้สึกตัวนึกได้ว่าเหตุใดทำไมร่างกายเธอเปลือยเปล่าเช่นนี้และอีกอย่างห้องนี้มันเป็นห้องนอนชั้นสองของพชรกรอีกด้วย“ตื่นแล้วเหรอ” ทันทีที่ได้ยินจึงรีบหันไปตามต้นเสียงด้วยความรวดเร็วก็พบกับพชรกรที่ที่น่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ สังเกตให้จากทรงผมที่เปียกปอนหลังจากผ่านการสระผมมาหมาด ๆ เดินตรงเข้ามาหาทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียงถึงกับต้องกระชับผ้าห่มผืนหนาให้แนบกายมากขึ้น“เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ห้องของคุณ”พยายามตั้งสติก่อนไถ่ถามว่ามันเกิดอ
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”