/ โรแมนติก / อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา) / 9 พินสุดา เจ้าแม่แหม่ม

공유

9 พินสุดา เจ้าแม่แหม่ม

last update 최신 업데이트: 2025-04-19 17:44:37

พิมสุดาไม่ใช่ผู้หญิงเลวมาก่อน ที่ผลักดันเธอมาอยู่ตรงนี้รุนแรงเกินพอ และเขาก็รู้ว่ามันเป็นธุรกิจที่คนดีๆ หลายคนเมินหน้าหนีและยังประณามหยามเหยียดสาปแช่ง แต่มันก็ทำให้คนอีกหลายคนมีกินมีใช้ มีชีวิตอยู่ได้...

และนี่เป็นธุรกิจหนึ่งในหลายสิ่งที่พิมสุดาทำ...แต่เธอก็กำลังจะวางมือ ล้างตัวออกไปจากแวดวงนี้ หลังจากคลุกคลีมานานปี จนอาบอิ่มไปด้วยสิ่งที่คนอื่นๆ เรียกกันว่าน้ำกาม...เขาเข้าใจเธอไม่ใช่เพราะลำเอียงจนมองไม่เห็นเขารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งดีงามอันใด แต่ตราบใดที่พิมสุดาไม่ได้ทำร้ายใคร...และต่อสู้อยู่บนหนทางของเธอ เขาไม่อาจจะซ้ำเติมเธอได้ นอกจากคอยช่วยเหลือดูแล

สมญามือขวาของเจ้าแม่แหม่มจึงปรากฏอยู่

ในเมื่อเขาเติบโตเป็นหนุ่ม เขาก็อยู่ข้างกายพิมสุดามาตลอด...โดยไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์แท้จริงของเขากับเธอ

ผู้ชายหลายคนเขม่นหน้าเขา เรียกเขาว่าแมงดาบรรดาศักดิ์ เกาะพิมสุดาไม่ยอมปล่อย

ซึ่งศิลาก็ไม่ใส่ใจกับเรื่องนั้นสักนิด

เขามองดูเธอเดินกลับมา...ผมสีแดงจ้าของหล่อนเหมือนเปลวเพลิง...ล้อมดวงหน้าเนียนผ่อง...ผิวขาวลออที่ทำให้เธอเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง...หลายคนคิดว่าย้อมสีผม...แต่เขาซิรู้ว่าผมเดิมของพิมสุดาก็ไม่เคยดำสนิทอย่างผมคนไทย...ก็พิมสุดาไม่ใช่สายเลือดไทยแท้ๆ เธอก็แค่ลูกครึ่ง...แถมยังเป็นลูกครึ่ง สมัยที่คนไทยไม่เห่อลูกครึ่งต่างชาติเสียด้วย

พิมสุดาเองก็มีปัญหามาไม่แตกต่างจากเขา...ชายหนุ่มรู้ดีอย่างหนึ่งว่าคนบ้านนี้ล้วนแล้วแต่มีบาดแผลกันมาทั้งนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปจากกัน เจ็บปวดเพราะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะคำคน...เพราะการแล้งน้ำใจและร้ายกาจอย่างเลือดเย็น เขาพบเจอมาแล้วทั้งนั้น รสชาติที่เจ็บจำไม่ลืมเลือน...

ใครบ้างจะเชื่อหากไม่ได้เจอด้วยตัวเอง ใครบ้างอยากจะเชื่อว่าความแค้นนั่นจะกินเวลานาวนาน...และศิลาก็เฝ้ารอคอยเวลามาเนิ่นนานนัก เวลาที่เขาจะขอแก้แค้นกลับคืน

เขาจะทำให้คนที่เคยทำกับเขา เคยหัวเราะเยาะใส่เขา เคยประณามด่าว่าเขาได้พินาศฉิบหาย

“ศิลา...มานี่เถอะ” เธอเรียกเขาไปที่โต๊ะอาหาร บ้านนี้สร้างแบบเอาใจเจ้าของบ้านเป็นหลัก มันเป็นซอกมุมที่วกวนและเชื่อมโยงถึงกันโดยตลอด...เขาลุกไปยังโต๊ะอาหาร

พิมสุดาดูแลเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี เธอปรนเปรอเขาด้วยอาหารรสอร่อย และเขาไม่ลืมว่าที่เขาเป็นตัวตนทุกวันนี้...งดงามอย่างที่หลายคนมองเห็นก็เพราะเธอ...เขาไม่ไม่เคยแคร์ว่าเธอเป็นใคร อาชีพใด...เขาเติบโตมาได้ด้วยเงินที่ได้จากการใด...

“น้าแหม่ม...เรื่องอ้อยน่ะ ผมยังหนักใจอยู่เลยนะ อ้อยทำท่าแปลกๆ”

เค้าหน้าของพิมสุดาบอกความยุ่งยากใจอยู่เหมือนกันจิบชาที่ชงรสเลิศในถ้วยดื่มช้าๆ และทำท่าครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

“เธอเห็นว่ายังไงอีก”

“ผมอยากให้น้าแหม่มลองพูดดูก่อน...อ้อยน่ะพัวพันมากเกินไป ผมว่ามันออกจะเหลวไหลอยู่ที่อยากได้ลูกเอาไว้เป็นเครื่องต่อรอง มันเป็นทางออกโง่ๆ ของผู้หญิงที่หาทางอื่นอีกไม่ได้แล้ว เขาไยดีตัวเสียที่ไหนกัน”

“นั่นซิ น้าเองก็นึกไม่ถึงว่ามันจะบ้าปล่อยให้ท้องควบคุมได้ก็ไม่ทำ ไม่รู้ว่าไปหลงรักอะไรกันนักหนา รู้ๆ อยู่ว่าเขาเองก็มีลูกเมียแล้ว มีครอบครัวที่เป็นระบบระเบียบดี แถมเขาไม่ใช่คนรับผิดชอบสูงส่งอะไร ซ้อมเอาจนแท้งเลยน่ะ ยังจะหลงรักอีกเชียวหรือ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“คืนนี้น้าจะไปพร้อมกับแวว ศิจะไปด้วยไหม”

“ผมไปมาแล้วเมื่อวาน...ผมยังไม่อยากพูด กลัวรุนแรงไปแล้วอ้อยจะรับไม่ได้”

“แต่ถ้ามันจำเป็นก็ต้องอาศัยเธอไปพูดละ...เมื่อวานน่ะ น้ายังไม่ได้ขอบใจเลยนะที่เป็นธุระพาไปหาหมอ...ไปขายหน้าอีกซิว่าตัวเธอลงมือเองหรือเปล่า”

เขาหัวเราะหึๆ

“ดีซิฮะจะมีคนเกรงขามอีกแยะว่าผมนี่มันโหดเหลือหลาย...เป็นไอ้ตัวร้ายไปแล้ว...” เขายังจำวาจาของมินตาได้ หล่อนถามอย่างไร้เดียงสากับเพื่อนชายของหล่อนถึงเรื่องตกเลือด...ท่าทางหล่อนไม่น่าจะเดียงสาขนาดนั้นสักนิดแล้วเขาก็เพิ่มจะฉุกใจคิดเดี๋ยวนี้เองว่า เพื่อนชายคนที่ไปกับหล่อนเมื่อวานนั้นคบหากันลึกซึ้งแค่ไหน แล้วยังจะสาวิตต์อีกคนหนึ่ง

เห็นสารรูปมอมๆ ไม่แต่งหน้าแต่งตัวแบบนั้น มีผู้ชายให้ควงถึงสองเชียวล่ะหรือ...เขานึกถึงยามจับหล่อนแปลงโฉมเสียใหม่...เขาอยากจะลองดูว่าหล่อนจะออกมาเฉิดฉายเพียงใด

แต่การจะเข้าไปถึงตัวหล่อนคงจะไม่ง่ายนัก เขาจะต้องศึกษาดูเสียแล้ว ว่าการจะชักจูงผู้หญิงแบบหล่อนนั้นควรจะทำฉันใด

“อ้อยมันโง่...” พิมสุดาพูดต่อไป “น้าจะพูดให้หมดเปลือก จะต้องแฉให้เห็นความจริง จะโกรธกันก็ยอมละ”

/////////////////////////////////////

พอเห็นพิมสุดาก้าวเข้ามาในห้อง คนป่วยบนเตียงก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางหนึ่งเกือบจะทันที นั่นทำให้พิมสุดาหันมาพยักพเยิดกับแววรัตน์ “สงสัยจะพาลโกรธมาถึงฉันด้วยนะนั่น...แววเอาของกินไปใส่จานมาทีไป๊...” เท่ากับไล่แววรัตน์ให้พ้นออกไปก่อน แล้วเธอจึงเดินเข้ามาหา “อ้อย...ฉันมาเยี่ยม เป็นไงบ้าง”

พอแตะตัวหล่อนก็รู้สึกถึงอาการเกร็งเขม็ง แต่หล่อนก็ไม่ได้สะบัดหลบแต่อย่างใดนอกจากเสียงตอบสะอื้น

“ขอบคุณค่ะ คุณแหม่ม...ใครๆ ก็มาเยี่ยมอ้อย ยกเว้นเขา...”

“เห็นใจเขาแล้วหรือยังล่ะ...ดูเขาทำกับเธอซะบ้างตบตีรุนแรงขนาดนี้ยังจะคิดให้เขามาเยี่ยมอีกหรือ”

“เขาโมโหมากไป เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”หล่อนหันหน้ากลับมาน้ำตานองหน้า “อ้อยรักเขานะคะ คุณแหม่ม...อ้อยต้องการจะมีลูกกับเขา ยอมเป็นเมียน้อย เป็นบ้านเล็ก”

“แล้วเขาเห็นดีด้วยไหม”

คราวนี้ยุพาวรรณพูดไม่ออก เหมือนคำถามจะจี้ใจของหล่อนอยู่ไม่น้อยนัก

พิมสุดาสำทับด้วยเสียงเรื่อยๆ “คิดดูให้ดีนะ อ้อย...อย่าโง่เขลาให้มากนัก เท่าที่เธอปล่อยให้ท้อง ฉันก็อยากจะบ้าตายแล้ว ยังจะมาเกิดเรื่องแบบนี้เจ็บตัวและจะเจ็บใจอีกไม่รู้ว่าเท่าไหร่ เลิกคิดถึงเขาเสียทีเถิด”

“อ้อยรักเขา” หล่อนตะเบ็งเสียง จนพิมสุดานิ่วหน้าแต่ยังเย็นอยู่

“ได้ยินไหมคะว่าอ้อยรักเขา ต้องการเขา”

“ฉันไม่ได้หูหนวกนี่...เอาละ...ฉันจะโทร. ไปหาเขาบอกกับเขาเรื่องนี้...เขาคงจะยังไม่รู้ว่าเธอตกเลือดมานอนโรงพยาบาล...แววบอกฉันว่าเธอโทร. เรียกศิลาไปรับเธอจากบ้านมาส่งโรงพยาบาล...แต่เขาจะคิดยังไง จะจัดการกับเธอยังไง ฉันไม่รับประกันนะว่าจะได้ดังใจเธอ”

“ขอให้เขามา” สีหน้าของยุพาวรรณมีความหวังมากขึ้นกว่าเดิม แววตาหม่นมัวของหล่อนยังเหลือความหวังอยู่ “อ้อยจะพูดกับเขาเอง แล้วคุณศิลา...อ้อยก็ขอบคุณเขานัก ไม่ได้เขา อ้อยคงจะตายแล้ว”

“รอบอกกับเขาเองเถิด เขาคงจะมาเยี่ยมเธอสักวัน หากเธอยังดื้อดึงแบบนี้...ให้เขามา”

ยุพาวรรณเกลือกศีรษะกับหมอน...

“ถ้าจะให้เขามาตอนนั้น อ้อยกลัวเขาจะมาซ้ำเติมอ้อย คุณศิลาน่ะใจแข็งยังกะหิน...คิดเหมือนคนธรรมดาที่ไหนกันคะ...วันนั้นน่ะดีตรงที่อ้อยไม่รู้สติอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนด่ายับเยิน”

//////////////////////////////////////////////

มินตาหอบของลงจากรถด้วยติดนิสัยเอางานกลับมาทำต่อที่บ้านด้วย และย่องเข้าบ้านเหมือนที่เคยกระทำ แต่เสียงเรียกเข้มงวดนั่นก็ทำให้มินตาผ่อนลมหายใจยาวออกมา ไม่เคยเลยที่เสียงเรียกนี้จะนุ่มหูให้ความรู้สึกที่ดีต่อตัวหล่อน แต่ทำอย่างไรได้เล่า หล่อนรู้ว่าหล่อนไม่ใช่ลูกรักของแม่ ไม่เหมือนมิ่งขวัญ...หล่อนจะได้เสียงอ่อนหวานจากแม่ก็ยามที่แม่มีความต้องการเป็นพิเศษ และหวังเงินจากกระเป๋าของหล่อน

หล่อนไม่อยากจะคิด แต่อดไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าคิดแล้วก็บาดใจตัว และยังเสียความรู้สึกต่อแม่...รวมทั้งผิดบาปที่หล่อนจะคิดต่อแม่ในทางไม่ดีเช่นนั้น อย่างน้อยการอบรมที่ฝังหัวหล่อนมาก็คือความกตัญญูต่อพ่อแม่

พ่อแม่เป็นผู้ถูกต้องเสมอ แม้จะถูกกดดันอย่างไร ลูกที่ดีก็ควรจะท่องมนต์บท ว่าด้วยความอดทนเท่านั้น เพราะหล่อนไม่มีพ่อแม่ได้ใหม่อีกแล้ว

“กลับมืดอีกแล้ว”

หล่อนได้ยินประโยคนี้บ่อยหนจนชินชา วางงานลงบนโต๊ะใกล้ๆ กันนั้น นั่งลงถอดรองเท้าถุงเท้าออกจากเท้า

“พี่มิ่งโทร. มาหาแม่...แล้วบอกอยากพูดกับเราด้วย เดี๋ยวคงจะโทร. มาอีก”

“ค่ะ...มินจะรอ”

“ชุดโต๊ะแต่งตัวของพี่มิ่งก็มาแล้ว...มาซิ...แม่รอจะอวดกับแกอยู่เชียว” ม้วนถุงเท้าเป็นก้อนกลมแล้วใส่เข้าไปในรองเท้าก่อนจะเสือกมันเข้าไปใต้โต๊ะแล้วลุกตามคุณมารศรีไปโดยเร็ว รู้ว่าไม่ควรจะพิรี้พิไรอยู่ให้เธอฉุนเฉียวเอาอีก “สวยเชียว แม่ว่ามิ่งกลับมาเห็นคงจะชอบ กลับมาบ้านแล้วมีของใหม่ๆ รอท่าจะทำให้มิ่งเบิกบาน”

หล่อนไม่รู้จะพูดสิ่งใดดี รู้สึกว่าลำคอตีบตื้น แม่เอาใจใส่ห่วงใยต่อมิ่งขวัญนักหนา...อะไรๆ ก็เป็นมิ่งขวัญไปเสียหมด...แล้วหล่อนก็โยงใยไปถึงสาวิตต์อีกคนหนึ่ง เขาเอาอาหารกลางวันล่อหล่อนเพื่อจะถามถึงมิ่งขวัญ มีแต่คนไยดีมิ่งขวัญทั้งนั้น แล้วหล่อนเล่าเหลียวหาใครไยดีหล่อนได้บ้าง

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   137 (อวสาน) มินตา-ศิลา รักเราดีที่สุดในโลกเลย

    “ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   136 ตื๊อเมีย น่ะครองโลกเสมอ

    พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   135 เขารักเธอ มินต่า

    “ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   134 เสียพ่อแล้วยังมาเสียลูก

    ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   133 มินตาแท้งลูก

    สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ

  • อสูรเริงไฟ(หัวใจศิลา)   132 ทุกอย่างเริ่มเข้าที่

    ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status