5
งานโชว์เครื่องเพชร ดีไซน์เนอร์สาวกำลังแต่งหน้า แต่งตัวเพื่อไปร่วมงานที่โรงแรมหรู เธอเลือกสวมชุดราตรียาวสายเดี่ยวโทนสีครีม กระโปรงผ่าข้างสูงอวดเรียวขาสวย ๆ ดูเซ็กซี่ ใส่กับรองเท้าส้นสูงเปลือยเท้า ทรงผมบันต่ำแสกกลาง ใส่ต่างหูยาว พอแต่งตัวเสร็จ ดีไซน์เนอร์สาวเดินมาส่องกระจกบานใหญ่ หมุนตัวไปมาเพื่อสำรวจความเรียบร้อย และก็หยิบกระเป๋าถือใบเล็กสีครีม เดินออกมาจากห้องนอน ลงไปข้างล่างมุ่งตรงไปขึ้นรถตู้ที่มีคนขับรถยืนรออยู่ จุดหมายคือโรงแรมSky-high … ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง กว่าจะมาถึงจุดมุ่งหมาย คนขับรถเลื่อนประตูรถตู้ ดีไซน์เนอร์สาวก้าวลงมาจากรถและเดินเข้าไปในโรงแรม ติ๊ง! เสียงเตือนลิฟต์ดัง ประตูลิฟต์เปิดออกเธอก็เดินเข้ามาในลิฟต์พร้อมกดปุ่มไปที่ชั้นยี่สิบและกดปุ่มปิดลิฟต์ … ติ๊ง! เสียงเตือนลิฟต์ดังอีกครั้งประตูลิฟต์ก็เปิดออก พิชชาเดินออกมาจากลิฟต์และเดินเข้าไปในห้องบอลรูมใหญ่ หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมหรูยืนคุยอยู่กับแขกในงาน แต่พอเห็นพิชชาเดินเข้ามาในงานถึงกับมองเธอตาไม่กระพริบ ดีไซน์เนอร์สาวเห็นเมธาวินมองมาที่เธอ จึงเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีค่ะคุณวิน” “สวัสดีครับคุณพิชชา วันนี้คุณสวยมากเลยนะครับ” ดีไซน์เนอร์สาวตรวจดูตัวเองก่อนจะตอบกลับไปอย่างเขินอาย “ขอบคุณค่ะ” เธอเปิดกระเป๋าใบเล็กสีครีมและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา “ฉันขอตัวไปหลังเวทีก่อนนะคะ” “เชิญครับ” ดีไซน์เนอร์สาวอมยิ้มและเดินเข้าไปด้านหลังเวทีที่มีห้องแต่งตัวของนางแบบ พอเธอเดินเข้ามาก็เจอเอบีและมอลลี่กำลังจัดชุดให้กับนางแบบ “สวัสดีค่ะ ขอโทษที่มาสายนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” มอลลี่พูดไปพร้อมกับทำงานไปด้วย “แล้วพี่เฟิร์นไปไหนล่ะค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวพูดยังไม่ทันขาดคำ ใบเฟิร์นก็โผล่มาพร้อมกล่องเครื่องประดับในมือ “มาแล้วค่ะ พี่ไปเอาเครื่องประดับมา” พิชชาวางกระเป๋าที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะแต่งหน้าและเปิดกล่องชุดเครื่องประดับ พอชุดราตรีเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบสร้อยคอ Blue Diamond มาใส่คอขาวๆ ของนางแบบพร้อมกับต่างหูเพชร ทรงยาว อีกไม่กี่นาทีงานจะเริ่มแล้ว ทีมงานบอกให้นางแบบทุกคนไปสแตนบายที่หลังเวที เอบีและมอลลี่ยกหางกระโปรงแล้วพานางแบบเดินไปหลังเวที ใบเฟิร์นเสนอให้พิชชาออกไปนั่งดูข้างนอก ส่วนทางนี้พวกเธอจะจัดการเอง ดีไซน์เนอร์สาวออกไปตามคำแนะนำ แล้วมาหาที่นั่งเพื่อดูแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรในค่ำคืนนี้ เมธาวินเห็นพิชชายืนชะเง้อหาที่นั่ง เขาก็เลยเดินเข้าไปชวนเธอมานั่งด้วยกัน … เธอและเขาก็มานั่งอยู่ข้างหน้าเวทีด้านในสุด สักพักพิธีกรก็ขึ้นมากล่าวเปิดงาน ทุกคนมองไปบนเวที พิธีกรกำลังพูดเปิดงานอย่างเป็นทางการอยู่หลังโพเดียม “สวัสดีครับ…แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอเชิญรับชมแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรได้ ณ บัดนี้” บนเวทีงานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชร มีเหล่าดารานางแบบมืออาชีพกำลังเดินแบบแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชร อัญมณีสีสันสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อยคอ หรือสร้อยข้อมือล้วนสวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น ดึงดูดเหล่าไฮโซ เซเลบทั้งหลายที่อยากจะได้ไปครอบครอง เมื่อการเดินแบบแฟชั่นโชว์ถึงช่วงไฮไลท์สำหรับชุดฟินาเล่ แสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องไปที่เรือนร่างผอมเพียว ใบหน้าและแววตาสวยคมเป็นเอกลักษณ์ ริมฝีอวบอิ่มสีแดง ชุดราตรีเกาะอกยาวสีน้ำเงินรัดรูป พร้อมชายกระโปรงยาวแบบเรียบ ๆ บนลำคอเนียนขาวมีเครื่องประดับเพชรอัญมณีสีน้ำเงินเม็ดงามชุดสุดท้าย ท่วงท่าการเดินที่งดงาม ดึงดูดสายตาผู้ชมทุกคู่ให้มองตรงมาที่เธอเพียงคนเดียว แชะ! แชะ! เสียงรัวชัตเตอร์ของช่างภาพและนักข่าว ซาบีน่า ออสติน เธอคือคนที่สวมชุดฟินาเล่ เธอเดินไปมาและยืนโพสต์ท่าส่งยิ้มหวานให้กับท่านผู้ชม ช่างภาพและนักข่าวทั้งหลายที่มาร่วมงาน ก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปหลังเวที ท่านผู้ชมทั้งหลายต่างก็ปรบมือให้กับโชว์นี้ หลังจากนั้นก็เดินออกมาโชว์รวมกลุ่มและพิธีกรเรียกชื่อคุณหญิงดวงมณีขึ้นมาบนเวทีเพื่อจะกล่าวปิดงานในคืนนี้ “ก่อนอื่นฉันต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรในค่ำคืนนี้ ฉันขอจบงานแต่เพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” แล้วแขกทั้งหมดในงานแฟชั่นโชว์นี้ก็รวมใจกันปรบมือให้คุณหญิงดวงมณี ... ดีไซน์เนอร์สาวลุกขึ้นเดินมาหาคุณหญิงทั้งสองคน หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ลุกขึ้นเดินตามมา “คุณหญิงดวงมณี คุณหญิงโสภิษนภา ยินดีด้วยนะคะที่งานในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี” “ฉันก็ต้องขอบคุณ...คุณด้วยนะ ที่ออกแบบชุดฟินาเล่ได้เข้ากับเครื่องประดับ Blue Diamond ได้สวยงามมาก” คุณหญิงดวงมณีเอ่ยชมจนเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ใช่ค่ะ...หากมีโอกาสพวกเราคงจะได้ร่วมงานกันอีกนะ คุณพิชชา” คุณหญิงโสภิษนภาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ขอบคุณคุณหญิงทั้งสองด้วยนะคะ ที่ไว้วางใจฉันและทีมงานห้องเสื้อพิขชา” ดีไซน์เนอร์สาวยกมือไหว้ขอบคุณคุณหญิงทั้งสองก่อนจะขอลากลับ ... ดีไซน์เนอร์สาวและพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมเดินออกมาจากงานพอดีแล้วเห็นดีไซน์เนอร์สาวและทีมงานกำลังยืนรอลิฟต์ เขาก็เลยเดินเข้าไปหาเธอ “พวกคุณจะกลับแล้วเหรอครับ” “ใช่ค่ะ แล้วคุณล่ะค่ะ” “อ๋อ… ยังหรอกครับ ผมต้องรอคุณย่าก่อน” ติ๊ง! เสียงเตือนลิฟต์ดังขึ้น “ลิฟต์มาแล้ว...งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” “อ๋อ...ครับ” พวกรุ่นพี่ทั้งสามคนเดินเข้าลิฟต์ไปก่อน แล้วพิชชาตามเข้ามาทีหลัง หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมยืนมองสบตากับดีไซน์เนอร์สาวพร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้เธอ ในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเลื่อนปิดลงช้า ๆ เมธาวินควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากเสื้อสูท แล้วเปิดภาพของพิชชาพลางคิดอะไรอยู่ในใจ...และก็ยิ้มออกมา แล้วสักพักบอดี้การ์ดเดินออกมาตามเขา บอดี้การ์ดคนสนิทได้สังเกตเห็นสีหน้าของเจ้านาย “ผมไม่เคยเห็นคุณวินยิ้มแบบนี้ให้กับผู้หญิงคนไหนเลยนะครับ” “ก็เธอคนนี้...คือคนพิเศษที่ฉันตามหา แต่น่าเสียดาย...เธอเป็นของคนอื่นไปแล้ว” เมธาวินก้มไปมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังเปิดรูปของพิชชาค้างเอาไว้ อารมณ์ที่เหมือนเคลิ้มฝัน ได้สูญสลายไปจนสิ้น40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน