4
ยินดีที่ได้รู้จัก วันที่สามสิบกันยายน… ช่วงสายที่ห้องเสื้อพิชชา ดีไซน์เนอร์สาวกับพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนกำลังง่วนอยู่กับชุดฟินาเล่ที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว วันนี้พิชชาก็ต้องเอาชุดไปให้นางแบบลองสวมใส่เดินบนเวที “วันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ ต้องเอาชุดไปให้นางแบบลองนะคะ” “งั้นเดี๋ยวพี่ไปสวมถุงคลุมชุดให้นะคะ” เอบีและมอลลี่ช่วยกันถอดชุดออกจากหุ่นเพื่อเอาไปใส่ในถุงคลุม “พี่เอาชุดใส่ไว้ในถุงคลุมแล้ว…เดี๋ยวพี่เอาไปไว้ในรถตู้ให้นะคะ” “ขอบคุณค่ะ” พิชชาหยิบกระเป๋ามาคล้องแขน แล้วเดินออกไปขึ้นรถตู้ ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่เดินตามมาขึ้นรถ วันนี้ห้องเสื้อพิชชี่ปิดให้บริการสองวันเนื่องจากไปทำงานนอกสถานที่ … พิชชากับใบเฟิร์นเดินนำเข้าไปถามพนักงานต้อนรับที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เอบีกับมอลลี่ขนชุดราตรีและหยิบกระเป๋าอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า เดินตามพิชชาเข้าไปในโรงแรมSky-high “สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรค่ะ” เสียงพนักงานสาวถามพิชชาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพนอบน้อม “ไม่ทราบว่างานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรของคุณหญิงดวงมณีกับคุณหญิงโสภิษนภาอยู่ชั้นไหนเหรอคะ ฉันเป็นทีมงานที่ออกแบบชุดสำหรับงานนี้ค่ะ” “ถ้างั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันพาคุณขึ้นไปเองค่ะ” พนักงานสาวเดินนำทางไปส่งพิชชาและพวกรุ่นพี่อีกสามคนขึ้นไปที่ห้องงานแสดง พนักงานสาวเดินไปกดปุ่มขึ้นลิฟต์ ติ๊ง! เสียงลิฟต์เตือนพนักงานสาวและพวกเธอที่ยืนคอยอยู่ให้เตรียมตัวเข้าลิฟต์ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกพนักงานสาวผายมือให้พวกเธอเข้าไปก่อน แล้วพนักงานสาวเดินเข้าไปที่หลัง พนักงานสาวกดปุ่มชั้นที่ยี่สิบและกดปุ่มปิดลิฟต์ทันที ... ติ๊ง! เสียงลิฟต์ดังเตือนอีกครั้งเมื่อลิฟต์มาหยุดที่ชั้นยี่สิบ ประตูลิฟต์เปิดออกพนักงานสาวและพวกเธอก็เดินออกมา แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องบอลรูมใหญ่ที่ตกแต่งได้หวือหวาอลังการมาก พิชชาหันหลังมาพูดกับพนักงานสาวที่เดินนำทางมาพวกเธอ “ขอบคุณนะคะ...ส่งแค่นี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพวกเราเดินเข้าไปเองค่ะ” “ได้ค่ะ” พนักงานสาวเอามือประสานกันและก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไป จากนั้นดีไซน์เนอร์สาวและพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนก็เดินตรงไปหาคุณหญิงดวงมณีที่กำลังยืนสั่งงานอยู่ “คุณหญิงดวงมณี สวัสดีค่ะ” ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่ก็ยกมือไหว้คุณหญิงดวงมณี คุณหญิงดวงมณีก็หันกลับมามองแล้วยิ้มให้พวกเธอ “สวัสดีจ้ะ… นี่ชุดฟินาเล่ใช่ไหมจ้ะ” “ใช่ค่ะ…งั้นพวกเราเอาชุดไปให้นางแบบลองก่อนนะคะ” คุณหญิงดวงมณีสั่งให้ทีมงานพาพวกพิชชาเข้าไปด้านหลังเวที เพื่อที่จะให้นางแบบสวมชุดราตรี ดูความเรียบร้อยของชุดก่อนนางแบบจะซ้อมเดิน แต่พอพิชชาเดินเข้ามาด้านหลังเวทีก็เจอซาบีน่านั่งรออยู่ เธอมองหน้ารุ่นพี่ทั้งสามคนอย่างเหวอ “ไฮ! พิ้งค์…ในที่สุดเราสองคนก็ได้ร่วมงานกันสักที” นางแบบสาวลุกขึ้นมาทักทายเพื่อน “บีน่ามาเดินแบบงานนี้ด้วยเหรอ” ดีไซน์เนอร์สาวเอ่ยถามอย่างสงสัย “ตอนแรกฉันก็ไม่ได้มางานนี้หรอก…แต่นางแบบคนก่อนไม่สบาย ฉันก็เลยมาเดินแทนน่ะ” พิชชารู้เหตุผลที่ได้มาเจอกับซาบีน่าในงานนี้แล้ว เธอก็หายสงสัยและทำงานกันต่อ พอซาบีน่าสวมใส่ชุดราตรีแล้ว พิชชากับพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนก็เดินออกไปดูหน้าเวทีเพื่อเช็คความเรียบร้อยของชุดราตรีว่ามีตรงไหนที่ไม่โอเคไหม คุณหญิงโสภิษนภาเห็นพิชชานั่งดูนางแบบซ้อมเดินอยู่ข้างล่างเวที คุณหญิงก็เลยเดินเข้ามาทักทายและนั่งคุยด้วย “ฉันขอนั่งด้วยคนได้ไหมค่ะ” คุณหญิงโสภิษนภาพูดพลางยิ้มให้พิชชาอย่างอ่อนโยน ดีไซน์เนอร์สาวแหงนหน้าขึ้นมามองดู “เชิญค่ะ” “ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ได้แจ้งพวกคุณไปว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนางแบบ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…เผอิญนางแบบคนนี้กับนางแบบคนก่อนไซส์พอ ๆ กันน่ะค่ะ” “ถือว่าโชคดีนะคะ” พิชชายิ้มหวานให้กับคุณหญิงก่อนจะหันกลับมามองนางแบบบนเวที แต่แล้วในขณะที่พิชชาเหลือบไปเห็นชายหนุ่ม ร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวภูมิฐานกำลังเดินตรงเข้ามาข้างเวทีที่เธอกับคุณหญิงนั่งอยู่ และมีบอดี้การ์ดเดินตามมาหนึ่งคน แล้วชายหนุ่มกับบอดี้การ์ดก็เดินมาหยุดตรงหน้าคุณหญิงโสภิษนภาและเอ่ยพูดทักทาย “สวัสดีครับ คุณย่า” คุณหญิงโสภิษนภาแหงนหน้าขึ้นไปมอง “อ้าว! วิน...มาแล้วเหรอ” “ขอโทษครับคุณย่า...พอดีมีงานด่วนเลยมาช้าครับ” “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” คุณหญิงโสภิษนภาหันมาหาพิชชาแล้วก็แนะนำหลานชายสุดหล่อให้เธอรู้จัก “คนนี้หลานชายฉันเอง ชื่อเมธาวินค่ะ” พิชชาลุกขึ้นจากเก้าอี้หันมามองหน้าเมธาวินแล้วยิ้มให้ก่อนแนะนำตัว “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันพิชชา” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” เขาและเธอจับมือทำความรู้กัน ก่อนจะปล่อยมือจากกัน “ผมขอนั่งดูด้วยคนได้ไหมครับ” “เชิญค่ะ” ทั้งสองก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเวที หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมกำลังแอบมองดีไซน์เนอร์สาวอย่างไม่ให้เธอรู้ตัวแต่พอเธอหันมาเห็นเขา...ก็ทำเป็นมองนางแบบที่เดินไปเดินมาอยู่บนเวที ... งานซ้อมในวันนี้ก็จบลง ดีไซน์เนอร์สาวกับพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนก็เก็บของเรียบร้อยและกำลังจะเดินออกจากงาน คุณหญิงทั้งสองคนเรียกให้พวกเธอหยุดก่อน คุณหญิงดวงมณีเอ่ยปากชมพิชชาและพวกรุ่นพี่สามคนว่าชุดที่พวกเธอออกแบบนั่นสวยงามและเลอค่ามาก “ฉันดีใจมากที่ได้พวกคุณมาร่วมงานนี้” “ฉันก็ต้องขอบคุณ คุณหญิงทั้งสองที่ให้โอกาสพวกเราได้มาทำงานร่วมกับมืออาชีพนะคะ” เมธาวินเดินมาหยุดอยู่ตรงกลาง แล้วเอ่ยปากชวนทุกคนไปทานมื้อเย็นด้วยกัน “นี่ก็เย็นแล้ว ผมว่าพวกเราไปทานข้าวกันก่อนเถอะครับ..มื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ” หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมเดินนำไปที่ห้องอาหารของโรงแรม ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง… หลังจากที่ทานข้าวกับพวกคุณหญิงและเมธาวินเสร็จ พิชชาก็สั่งให้คนขับรถตู้ไปส่งพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนกลับคอนโดก่อน “ขอบคุณมากนะคะ...ที่มาส่งพวกพี่” “ไม่เป็นไรค่ะ” “ถ้างั้นพวกพี่ขึ้นห้องก่อนนะคะ” “พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” ใบเฟิร์น เอบีและมอลลี่ลงจากรถตู้ แล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียม ดีไซน์เนอร์สาวจึงสั่งคนขับให้ออกรถเพื่อกลับบ้านเช่นกัน (ห้องนี้มันเป็นของใบเฟิร์น และจากที่เอบีกับมอลลี่ได้มาทำงานที่ห้องเสื้อของพิชชา ก็เลยขอใบเฟิร์นมาอยู่ด้วยเนื่องจากว่าบ้านของทั้งสองคนอยู่ห่างไกลกับที่ทำงาน ใบเฟิร์นเลยให้เข้ามาอยู่ เพราะยังมีห้องนอนเหลืออีกห้อง และเธอก็จะได้มีเพื่อนมาอยู่ด้วย เอบีกับมอลลี่เลยได้เข้ามาอยู่)40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน