6
ดวงตาเป็นประกาย สองวันต่อมา... ทิวากรไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่ผับย่านหนึ่ง เขาเดินเข้าไปข้างใน แสงไฟหลากสีสันและเสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมเป็นจังหวะมันส์ ๆ ภายในผับ “อ้าว! ไอ้ทิม...ทางนี้” เพื่อนของทิวากรโบกมือตะโกนเรียกเขาที่กำลังมองหาโต๊ะของเพื่อน พอเจอก็รีบเดินเข้าไปที่โต๊ะ “เห้ย! ยินดีด้วยนะเพื่อนทิม” ฌอห์นกล่าวทักทาย ทิวากรนั่งลงบนโซฟาโซนวีไอพี ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมยิ้มน้อย ๆ “ขอบใจมาก” เด็กเสิร์ฟสาวที่ยืนอยู่ก็กำลังชงเหล้า แล้วยกมาเสิร์ฟให้ทิวากร ธามยื่นแก้วเหล้าไปตรงกลางวง “เฮ้! พวกเรามาดื่มฉลองให้กับว่าที่เจ้าบ่าวกันหน่อย” ทิวากร ฌอห์นและเจน...แฟนสาวของธาม ยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนและดื่มจนหมด ... ท่ามกลางแสงไฟหลากสีสันและเสียงนักร้องสาวสวยกำลังยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างไพเราะ แต่ทันใดนั้นมีเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลังของโต๊ะโซนวีไอพี “ไฮ! เจน...” พอเจนได้ยินเสียงนี้ก็คุ้นๆ จึงหันหลังไปมอง...ก็พบว่าเป็นซาบีน่ากำลังยืนยิ้มให้กับเจนที่นั่งอยู่ “ไฮ! ซาบีน่า” ชายหนุ่มทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมามองตาไม่กะพริบ ตั้งแต่ซาบีน่าเดินเข้ามาหาเจนที่โต๊ะโซนวีไอพี ฌอห์นกระเถิบเข้ามานั่งชิดและกระซิบถามธามด้วยความอยากรู้ “ใครวะไอ้ธาม” “ไม่รู้ว่ะ...เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน” เจนก็เชิญซาบีน่ามานั่งลงและแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน เจนผายมือมาทางซาบีน่า “ทุกคน นี่ซาบีน่า…เป็นนางแบบ เธอเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก” เจนมากอดแขนแฟนหนุ่มของเธอและแนะนำให้นางแบบสาว “ส่วนคนนี้ ธาม...แฟนของฉันเอง นี่ฌอห์นและทิม” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” นางแบบสาวหันหน้าไปมองทิวากรที่กำลังนั่งมองหน้าเธออยู่เช่นกัน “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะทิม” “...บีน่าก็เช่นกันนะ” ทิวากรกล่าวทักทายนางแบบสาวตามมารยาท “นี่คุณบีน่ารู้จักกับไอ้ทิมด้วยเหรอครับ” ฌอห์นถามไปแบบงงๆ “รู้จักสิค่ะ” นางแบบสาวตอบกลับไปอย่างนุ่มนวลและหันมาสบตากับทิวากรอย่างยิ้มกริ่ม ... หลังจากที่ผับใกล้จะปิด ทิวากรขอตัวกลับก่อน...เขาเดินออกไปที่ลานจอดรถพลางล้วงกุญแจรถ และในขณะเดียวกันนางแบบสาวนั่นก็ได้เดินออกมารอเขาอยู่นานแล้ว “คุณมายืนรอผมเหรอ” ทิวากรยืนกอดอกพิงประตูรถ “ใช่ค่ะ คุณพอมีเวลา...มานั่งดื่มกับฉันสักแก้วสองแก้วมั้ยคะ” ทิวากรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ นางแบบสาวแล้วเอ่ยพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “ได้สิครับ” ทิวากรจ้องมองหน้าของนางแบบสาว พร้อมแสดงสายตาเจ้าชู้ออกมาและยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นรถไปด้วยกัน … พิชชานั่งอยู่ในห้องรับแขกกำลังนั่งดูรูปชุดสูทที่เพิ่งตัดเสร็จในไอแพด จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านหลังของเธอ “อ้าวพิ้งค์! วันนี้ไม่เข้าร้านเหรอลูก” ผู้เป็นพ่อเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวยาวและมองหน้าลูกสาวคนสวยของเขา “เผอิญว่าพิ้งค์มีนัดกับลูกค้านะคะ...ก็เลยจะเข้าร้านช่วงบ่าย แล้วคุณพ่อล่ะคะ” “พ่อเพิ่งไปคุยงานมา...เลยแวะเข้ามาเอาของนิดหน่อยแล้วจะกลับ งั้นพ่อไปก่อนนะลูก” “ค่ะ...เดินทางปลอดภัยนะคะ” พิชชายิ้มอ่ออน ๆ แล้วมองตามหลังภูผาออกไปจนลับสายตา … หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมกำลังนั่งเคลียร์เอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะมากมาย และในระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องทำงาน ~ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เมธาวินเงยหน้าขึ้นมองดูก็เห็นคุณย่าคนสวยกำลังเดินยิ้มเข้ามาหาเขา “คุณย่านี่เอง...มีอะไรเหรอครับถึงได้เข้ามาที่โรงแรม” “ย่าจะไปทานข้าวกับคุณหญิงดวงมณีน่ะ แล้วย่านัดคุณพิชชามาด้วยนะ” หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมได้ยินว่าดีไซน์เนอร์สาวนั่นก็ไปด้วย ดวงตาของเขาฉายแววประกายวิบวับขึ้นมา เมธาวินยกนาฬิกาข้อมือมาดูเวลา “นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว...ผมขอไปด้วยนะครับ” “ย่าก็กะจะมาชวนหลานไปอยู่แล้วจ้ะ” เมธาวินรีบปิดแฟ้มเอกสารและวางปากกาลง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินมาทางคุณย่าและเดินออกไปพร้อมกัน … คุณหญิงดวงมณีได้นัดไว้ที่ร้านอาหารไทย ร้านประจำของเธอ พอทุกคนมากันครบแล้ว...ก็กำลังนั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แต่ในขณะนั้นแววตาของเมธาวินฉายประกายแน่วแน่ยามลอบมองพิชชาอยู่ตลอด จนทำให้โสภิษนภาเกิดความสงสัยในตัวหลานชายของเขา เมื่อคราวก่อนในงานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับเพชรก็ลอบมองพิชชา...และในวันนี้อีก ที่หลานชายเอ่ยปากขอมาด้วยอย่างเต็มใจ ทั้ง ๆ ที่เธอชวนมาหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ไม่เคยคิดที่จะไปเลย โสภิษนภาคิดว่าหลานชายของเธอน่าจะชอบพิชชาเข้าแล้ว ดวงมณีหยิบผ้าบนตักขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนที่เธอจะเอ่ยพูด “ต้องขอบใจหลานวินมากเลยนะจ้ะ” “ไม่เป็นไรครับ...เรื่องแค่นี้เอง” เมธาวินพูดจบก็หันหน้ามองทางพิชชาที่นั่งตรงข้ามกับเขา แล้วส่งยิ้มให้กับเธออย่างอ่อนโยน “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ทุกคนพยักหน้าให้พิชชาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไป ดีไซน์เนอร์สาวเดินตรงไปเกือบจะถึงห้องน้ำแล้ว แต่เหลือบไปเห็นเพื่อนของเธอนั่งอยู่ด้านในสุดของร้าน เธอจึงเดินเข้าไปทักทายสักหน่อย “บีน่า...” นางแบบสาวเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียก แล้วพบว่าพิชชากำลังเดินเข้ามาหา เธอทำสีหน้าท่าทางตกใจเมื่อได้เห็นพิชชา “อ้าว! พิ้งค์...เธอมาทานข้าวที่นี่ด้วยเหรอ” พิชชานั่งลงข้าง ๆ นางแบบสาว “ใช่ แล้วเธอล่ะ...มากับใคร” “เอ่อ… ฉันมากับผู้จัดการน่ะ” และทันใดนั้นคนที่นางแบบสาวนัดไว้...คือทิวากร ทิวากรกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน แต่พอมองเข้าไปเห็นพิชชานั่งอยู่กับซาบีน่า เขาถึงกับชะงัก แล้วหันหลังเดินกลับมาขึ้นรถและหยิบโทรศัพท์โทรไปหาซาบีน่าทันที ... โทรศัพท์ของนางแบบสาวดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือแบรนด์เนมของเธอแล้วดู “พิ้งค์...เดี๋ยวฉันไปรับสายก่อนนะ” “ไม่ต้องหรอก... เดี๋ยวฉันจะไปเข้าห้องน้ำแค่เดินมาทักเธอเฉย ๆ ” ดีไซน์เนอร์สาวลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปก่อนนะ” ซาบีน่ายิ้มบาง ๆ ให้พิชชาก่อนที่เธอจะเดินจากไป แล้วซาบีน่าก็กดรับสายทิวากรอย่างเร็ว [ฮัลโหล บีน่า...เธอรีบออกมาเดี๋ยวนี้] “โอเค...ฉันกำลังจะไปแค่นี้แหละ” เธอกดวางสายและคว้ากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบเล็ก เดินออกจากร้านอาหาร ... ดีไซน์เนอร์สาวเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วตรงไปที่โต๊ะของเธอ “ทำไมคุณพิชชาไปนานนักล่ะค่ะ ฉันกะจะไปตามแล้วเชียว” โสภิษนภาถามด้วยความเป็นห่วง “อ๋อ...เผอิญฉันเจอบีน่า คนที่เดินแฟชั่นโชว์ชุดฟินาเล่น่ะค่ะ” โสภิษนภาพยักหน้าแล้วหันกลับไปคุยกับคุณหญิงดวงมณีเรื่องจิปาถะ ... คุณหญิงดวงมณีและคุณหญิงโสภิษนภาเดินออกมาที่ลานจอดรถของร้านอาหาร เมธาวินกับพิชชาเดินตามออกมาส่ง “วิน...เดี๋ยวย่าจะไปธุระกับคุณหญิงดวงมณี วินกลับไปเลยนะ” “ครับคุณย่า” คุณหญิงโสภิษนภาหันมาพูดกับพิชชา ก่อนจะขึ้นรถตู้ของคุณหญิงดวงมณี “ฉันไปก่อนนะ...คราวหน้าพวกเรานัดมาทานข้าวกันอีก” โสภิษนภายิ้มอย่างสดใส “ยินดีค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวยิ้มอย่างอ่อนโยน คุณหญิงโสภิษนภาก้าวขึ้นไปนั่งบนรถตู้คันหรูสีขาว แล้วประตูรถก็ปิดอัตโนมัติ จากนั้นรถเคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ พิชชาจะกลับไปที่ห้องเสื้อ เธอก็เดินไปเรียกแท็กซี่เพราะรถของเธอเอาไปเข้าศูนย์...กว่าจะเสร็จก็สองสามวันถึงจะได้ หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมถามเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณพิชชาครับ...แล้วคุณไม่ได้ขับรถมาเหรอครับ” “พอดีรถของฉันพังนะคะ” “งั้น…ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งนะครับ” สีหน้าและแววตาของเขาดูลุ้นกับคำตอบของเธอมาก “งั้น...ฉันขอรบกวนด้วยนะคะ” พิชชากับเมธาวินก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูสองประตูสีดำ หลังจากนั้นรถก็เคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน