“หายใจเข้าลึกๆ” เธอพูด และผมก็บังคับตัวเองให้วางมือลงบนเข่าแล้วมองไปข้างหน้า ในขณะที่รู้สึกว่าเธอกำลังแตะที่หน้าอกของผม“เอซ?”จุงวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดขณะที่เขามองมาที่ผม และหันไปถามหมอ "เขาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?" เขาถามขณะวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้แล้วหันกลับมาหาผมขณะที่หมอตรวจโดยใช้หูฟังของแพทย์ "หายใจออก" หมอบอกและผมก็ทำตาม ผมมองไปที่จุงที่ดูสับสนจนเกินไป“อืม ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกตินะ” หมอที่ดูเหมือนจะอายุ 50 ปลายๆ หัวเราะเบาๆ ขณะที่เธอตบที่หลังและโยนหูฟังของเธอไปคล้องที่คอ เธอผลักเก้าอี้หมุนไปที่โต๊ะของเธอ “หมอครับแล้วทำไมหัวใจผมถึงเต้นแรงล่ะครับ” ผมถามอย่างสับสนขณะเอามือแตะหน้าอกและรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรง“หัวใจเต้นแรง?” จุงดูงุนงง“ใกล้สอบแล้วใช่ไหมล่ะ หรืออาจจะเป็นภาวะหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ ความเครียดจากการสอบ” หมอพูดแต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมมั่นใจจริงๆว่าไม่ได้เป็นอะไรเครียดเรื่องสอบน่ะเหรือ? อะไรกัน? ผมพร้อมมากสำหรับการสอบ “คุณหมอครับ ผมควรต้องไปตรวจเลือดอะไรแบบนี้ไหมครับ” ผมดึงดันให้เธอตรวจอย่างละเอียดมากขึ้น และเธอก็มองมาที่ผมผ่านแว่นอ่านหนังสือและพยักหน้า “ก็ได้ค
ตาของผมมองเร็วๆผ่านกระดานประกาศผลการสอบ เอซ ไนท์อันดับอยู่ที่หนึ่ง ริมฝีปากของผมก่อตัวเป็นเส้นบางๆ ผมทำคะแนนได้น้อยกว่าคะแนนเต็มไปห้าคะแนน ทำไมนะ? ผมถอนใจขณะที่คิดว่าผมทำคะแนนกับ5 แต้มที่เหลือได้อย่างไร ผมงีบหลับอยู่ในห้องสอบอย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดก็เป็นเพราะ....เพราะ...อะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้“ยินดีด้วยเพื่อน นายได้อันดับท็อปอีกแล้ว” จุงยิ้มขณะที่เขาเดินเข้ามาหาผม ขณะที่ผมกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง“เอซ?”"สวัสดี!"“เฮ้ เอซ!” เสียงของจุงทำให้ฉันหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเอง และมองที่เขาอย่างงงงันด้วยเสียงขึ้นอย่างกะทันหัน "อื้ม อะไรเหรอ?" ผมถามในขณะที่เขาหรี่ตามอง “นายดูไม่ค่อยมีความสุขเลยนะที่เป็นคนที่สอบผ่านด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง” เขามองอย่างสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่ผมจะตอบคำถามไปเขาก็มองมาด้วยสายตาที่บอกว่าฉันรู้แล้วดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น เขาจ้องมองมาที่ผม “นี่แหละปัญหาของคนอย่างนายนายแค่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่มี!” เขาบ่นอย่างฉุนๆและฉันก็ยักไหล่ให้เขา“เอซ นายไม่เข้าใจเหรอ นายเป็นตัวท็อป!ตัวท็อปเลยนะ! นายได้คะแนนน้อยกว่าคะแนนเต็มเพียงแค่ห้าคะแนน ในขณะที่คนที่ได้อันดับสองได้คะ
คุณรู้ว่าคุณต้องการทำอะไรบางอย่าง แต่คุณไม่สามารถทำได้ คุณกำลังทำมัน แต่สมองของคุณไปอยู่ที่อื่น มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องโง่ๆที่ไม่ควรจะกังวลจริงๆ ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของคนอื่นแต่คุณปล่อยให้สมองของคุณไปยุ่งกับเรื่องโง่ๆนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ ผมอ่านหนังสือมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว แต่ไม่มีอะไรเข้าหัวเลย ราวกับว่าดวงตาของผมกำลังมองผ่านลายเส้นที่ว่างเปล่า สมองของผมก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ น่าหงุดหงิดชะมัด!ผมปิดหนังสือและเดินไปที่ระเบียงเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ มันดึกแล้วและผมก็แหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน มันเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแสงจันทร์ส่องสว่างทั่วทั้งวิทยาเขต และผมก็ได้ยินเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของนกเค้าแมว วิทยาเขตแห่งนี้เป็นบ้านของนกเค้าแมวสีน้ำตาลอ่อนจำนวนมาก และผมก็เคยชินกับเสียงแหลมของพวกมัน ลมหนาวที่พัดมากระทบหน้า ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลับไปนอนหลับฝันดี ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันขณะที่ผมกำลังจะหันหลัง มีบางอย่างกระทบหน้าเข้าอย่างจังด้วยความตกใจ ผมจึงกระโดดหลบเข้ามาข้างในจับแว่นตาไว้ไม่ให้หล่นจากระเบียง ผมมองลงไปก็พบกับยางลบและรอยที่หัวคิ้วผมหยิบขึ้นมาแ
"เพื่อน?" จุงดูตกใจเมื่อเขารู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเวโรนิกา เวโรนิกาจิบกาแฟเย็นเธอนั่งบนที่นั่งและมองมาระหว่างที่เราคุยกัน “เดี๋ยวก่อนนะ! เธอทะเลาะกับเชลซีเหรอ?” เขายิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่เขาหันเก้าอี้ไปทางเวโรนิกาเวโรนิกายิ้มให้เขาซึ่งเป็นการให้คำตอบว่า ใช่แล้วเธอมีเรื่องกับเชลซี"เยี่ยมมาก! คุณผู้หญิง!" จุงดูตื่นเต้นและทั้งคู่ก็แปะมือไฮไฟว์กัน และผมก็กลอกตาขณะกินอาหาร โรงอาหารดูเหมือนจะค่อนข้างแออัด และเราสามคนก็นั่งที่เดียวกับตอนที่ผมพบกับเวโรนิกาครั้งแรก “ฉันล่ะดีใจจริงๆ ที่ในที่สุดก็มีคนมาทำให้เอลเลียตและแฟนของเขารู้ตัวเสียที เธอรู้ดีว่าเอซน่ะ ไม่มีวันที่จะมีท่าทีต่อต้านพวกเขาเลย” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อ “เฮ้ เธอรู้มั้ยว่าเอซน่ะ ไม่เคยขึ้นเสียงกับใครเลยจริงๆ?” เขาถามและนั่นทำให้เวโรนิกามองมาทางผม "จริงเหรอ?" เธอถามและผมก็ทำเป็นไม่สนใจขณะที่หยิบส้อมมากินอาหาร“เฮ้ พวก” เราเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็พบกับเรยันซ์ซึ่งเป็นนักศึกษาเรียนดีอีกคนที่เป็นรุ่นน้อง "ผมนั่งตรงนี้ได้ไหม?" เขาถามและผมก็ยิ้มให้เขา และเขายิ้มตอบแล้วนั่งลง "ใครเหรอ?" เวโรนิกากระซิบถามฉัน
สิบสี่ปีต่อมาเมื่อเดินไปตามถนนที่พลุกพล่านในแมนฮัตตัน ผมรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่คนธรรมดาจะต้องวิ่งวุ่นผ่านพ้นไปในแต่ละวันจนกว่าจะถึงวันสิ้นเดือนของพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกของที่ผมเดินไปตามท้องถนน เพราะรถเกิดยางแบนและผมต้องทิ้งมันไว้ข้างทางกับคนขับขณะที่เขากำลังยุ่งกับการเปลี่ยนยาง ผมก็ใช้เวลาเดินไปยังอาคารสำนักงานของผมซึ่งจริงๆ แล้วเป็นน้องสาวผม ที่เข้ามาดูแลกิจการบริษัท ไนท์ คอร์ปซึ่งเป็นบริษัทของพ่อตึกนี้ตั้งตระหง่านและแข็งแกร่งเหมือนพ่อและน้องสาวของผมพวกเขาทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาชื่อเสียงของบริษัทให้คงไว้ดังที่เคยเป็นมาตั้งแต่ตอนที่ปู่ผู้ล่วงลับของผมเคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ผมได้ยินมาว่าหลายคนพยายามอย่างมากที่จะแย่งชิงบริษัทไปจากพ่อ แต่ด้วยความที่เป็นคนหัวแข็งและดื้อรั้น เขาไม่เคยล้มเหลวและแสดงให้ผู้คนได้เห็นว่าจริงๆ แล้วเขาทำได้ดีกว่าพ่อของเขาเองเมื่อทำธุรกิจ ตอนนี้เป็นน้องสาวของผมเอมีเลีย เกรซ ไนท์ ที่แสดงความสนใจในธุรกิจของพ่อมาโดยตลอด และผู้คนต่างเชื่อว่าเธอคือบุคคลที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้บริหารบริษัทสืบต่อจากพ่อ เธอสำเร็จการศึกษาจากฮาร์วาร์ดเมื่อหนึ่งปีที่แล้วและได้เข้ามาร่วมทำงานท
สามเดือนแล้วที่ผมเป็นเพื่อนกับเวโรนิกา เราสามคน ผม เวโรนิกาและจุง และบางครั้งเรยันซ์ พวกเราต่างสนุกไปกับสายใยแห่งมิตรภาพ ออกไปเที่ยวด้วยกัน เรียนด้วยกัน และทำสิ่งอื่นๆด้วยกันตามที่คนปกติทั่วไปทำกันในกลุ่มเพื่อน เรยันซ์ ได้สร้างกลุ่มเพื่อนในแอปพลิเคชั่นแมสเซนเจอร์สำหรับเราทั้งสี่คน และผมก็จะช่วยพวกเขาเป็นครั้งคราวหากพวกเขามีข้อสงสัยในวิชาคณิตศาสตร์หรือวิชาอื่นๆ แต่มีบางอย่างที่คอยกวนใจผมอยู่เสมอ นั่นคือเวโรนิกา เมื่อใดก็ตามที่เธอยิ้ม ผมจะรู้สึกบางอย่างผิดปกติราวกับว่าเธอได้ไม่มีความสุขอย่างที่เธอแสดงให้เราเห็น ผมไม่เคยรู้สึกอะไรเลยหรือสัมผัสได้ถึงความสุขเมื่อใดก็ตามที่เธอหัวเราะ เราจะสัมผัสมันได้เมื่อเรายิ้มหรือเห็นคนอื่นยิ้ม? แต่ในกรณีนี้ ผมไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ ทุกครั้งที่เธอยิ้ม มีบางอย่างในดวงตาของเธอ ตลอดหลายเดือนมานี้ ผมได้เพ่งความสนใจไปที่เธออย่างสมบูรณ์ และทำให้ถามตัวเองว่าผมสนใจเธออยู่หรือ แต่ตอนนั้นผมเพิ่งอายุสิบห้า จะรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตหรือความรัก?ดวงตาของเธอว่างเปล่าเสมอ เธอซ่อนอะไรบางอย่างไว้เบื้องหลังรอยยิ้มนั้น และนั่นทำให้ผมอยู่ห่างจากเธอ ผมชอบอะไรที่เป็นความลับ และไ
เอซ...และแล้วในที่สุด วันนี้ก็มาถึง คะแนนเสียงส่วนใหญ่จากคณะกรรมการลงมติเป็นเอกฉันให้กับที่ผม ผู้สมัครอีกคนเป็นลูกชายของกรรมการอีกท่านหนึ่ง และถึงแม้ว่าเขาจะแพ้ แต่เขาบอกว่าเขาพอใจกับการตัดสินใจของทุกคน และยอมถอยออกมาด้วยความยินดี ในที่สุดผมก็ต้องเข้ามาบริหารบริษัทของพ่อในฐานะซีอีโอคนใหม่ของ ไนท์ คอร์ปผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยเมื่อเห็นพ่อนั่งปรบมือในห้องประชุมและดูมีความสุขเมื่อผมได้รับคะแนนโหวต ดูเหมือนพ่อจะมีความสุขมากเมื่อเทียบกับวันที่ผมเรียนจบหรือวันที่ผมได้รับรางวัลระดับชาติสำหรับการประดิษฐ์นวัตกรรมทางด้านมลพิษของผมน้องสาวของผมยืนอยู่ที่มุมห้องกับแม่ที่นั่งบนรถเข็นพวกเขาปรบมือให้ผม ช่วงเวลานั้นควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต แต่อย่างใรก็ตามผมกลับรู้สึกว่างเปล่าและรู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งผมกำลังรับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่พร้อมและไม่ต้องการ แต่ก็ต้องทำเพื่อครอบครัว...งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยง ผมมองดูพ่อเดินไปรอบๆ คุยกับเพื่อนร่วมงานคนโน้นคนนี้อย่างความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่อารมณ์ของเขาสะท้อนออกมาบนใบหน้า ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นอารมณ์ของพ่อคือตอนที่ผมย้ายออกจา
มันมีทางออกอยู่ สำหรับปัญหานี้ผมพยายามหาทางออกในสองวันที่ผ่านมา แต่ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่านั่นทำให้ผมเศร้าใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ผมขยำกระดาษที่มีแต่การแก้ปัญหาที่ผิดในมือทิ้ง ผมต้องแก้มันให้ได้ ทันใดนั้นมีแผ่นกระดาษพุ่งตรงมาที่ใบหน้าผมมันตกลงกระทบกับที่วางปากกา และทำให้ปากกาหล่นกระจัดกระจายอยู่กับพื้นนี่มันคืออะไร?ผมมองออกไปที่ระเบียงที่เปิดโล่งที่ซึ่งกระดาษนั้นพุ่งเข้ามาจากไหนก็ไม่รู้ผมเดินออกไปไม่พบใครอื่นนอกจากเวโรนิกา ที่อยู่นอกระเบียง ภายใต้แสงไฟถนนเธอโบกมือมาที่ผม...อย่างตื่นเต้น สาวคนนี้นี่ช่าง...ผมกลับเข้าไปหยิบกระดาษที่เธอเพิ่งเหวี่ยงใส่เข้ามา และพบว่ามีก้อนกรวดอยู่ข้างใน กระดาษถูกเขียนด้วยลายมือที่เลอะเทอะว่า...ลงมาสิผมหันกลับไปมองนาฬิกาก็พบว่านี่สามทุ่มแล้ว มันเป็นวันเสาร์ ผมเดินกลับไปที่ระเบียงเพียงเพื่อจะพบว่าเธอกำลังรอผมอยู่ เดินเตะเท้าเล่นไปตามทางเท้า เธอมองมาที่ผมและในทันทีรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอขณะที่เธอชี้มาที่ผมให้ผมลงไปหาแต่ผมส่งสัญญาณกลับไปว่าเธอควรกลับหอพักได้แล้วนี่มันดึกแล้วและฉันจะไม่ลงไป แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนดื้อรั้นที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในชีวิต เธอห