หน้าหลัก / โรแมนติก / อัศวินพ่ายรัก / ให้ตายก็ไม่มีวันแต่ง

แชร์

ให้ตายก็ไม่มีวันแต่ง

ผู้เขียน: ร่มหลากสี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-27 12:29:24

หลังจากที่ได้สติแล้วยันกายลุกขึ้นยืนได้ตามปกติ ชายหนุ่มยังคงโอบประคองเธอเอาไว้เพราะเกรงว่าหญิงสาวจะล้มลงไปอีก อัศวินไม่แน่ใจว่าร่างเล็กเจ็บที่ขาหรือตรงไหนหรือเปล่าอาจจะยืนไม่มั่นคงจึงยังไม่ปล่อยมือ แต่เพราะว่าเขายังคงไม่ละมือจากเอวคอดนั่นแหละทำให้พิมภารู้สึกว่ามีความขัดเขินแปลก ๆ

ในความรู้สึกของเธอรับรู้ได้ว่าตัวเองคงจะหน้าแดงมาก ความเขินอายส่งผลให้หญิงสาวผลักอีกฝ่ายออกอย่างแรง แล้วก็ตบเขาแก้เขิน

ความรู้สึกทั้งเขินทั้งอายทั้งโมโหและหงุดหงิดหลาย ๆ อย่างปะปนรวมกัน ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กับอารมณ์ที่คุกรุ่น ทำให้เธอไม่สามารถตรึกตรองได้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงเผลอลงมือทำร้ายอีกคนลงไป ทั้ง ๆ ที่ตัวหญิงสาวเองเมื่อลุกขึ้นมาแล้วมองหน้าเขาก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย

ความรู้สึกแปลกที่ตีขึ้นมาในอก มันบ่งบอกชัดในความรู้สึกแรกว่าเธอกำลังพึงพอใจกับผู้ชายที่หน้าตาดีคนนี้ เขาค่อนข้างหล่อไม่น้อย มองดูแล้วก็เหมือนจะตรงสเปกเธอด้วยซ้ำ แต่ทำอย่างไรได้ พิมภาตบเขาไปแล้วทำได้แค่เดินหนีต่อไป พยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยการทำเป็นเมินเฉยแต่ในความเป็นจริงคือเขินอายมาก อัศวินถึงกับหน้าเหวอเพราะอยู่ดี ๆ ก็โดนตบทั้ง ๆ ที่เข้าไปช่วยเอาไว้แท้ ๆ  

พิมภาจำไม่ได้ว่าตัวเองมาถึงบ้านตั้งแต่ตอนไหนหรืออย่างไร หญิงสาวตื่นมาด้วยอาการมึนหัวอย่างหนัก รู้สึกเหมือนจะไม่ไหว อาการแฮงก์ที่ไม่ได้พบเจอมานานกำลังทำร้ายเธออยู่ ในระหว่างที่กำลังคิดทบทวนก็ได้ยินเสียงมาจากด้านล่างของคฤหาสน์ชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตากลมโตมองข้าวของที่กองอยู่ด้านหน้าของคฤหาสน์อย่างไม่ค่อยเข้าใจ   

“นี่มันอะไรคะ ?” 

พิมภาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจและพอจะเดาออกว่ามันคืออะไร แม่เลี้ยงกำลังเดินสำรวจของด้วยความรู้สึกดีใจจนออกนอกหน้า ทั้ง ๆ ที่ของสิ่งนี้ถ้าหากเป็นอย่างที่เธอคิดผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ เมื่อได้ยินคำถาม ศจีผู้เป็นแม่เลี้ยง หันไปมองแล้วก็ปรับสีหน้า ในขณะที่โยษิตา พี่สาวต่างพ่อต่างแม่ได้แต่มองค้อนด้วยความไม่พอใจ  

“จะอะไรล่ะ ก็ของหมั้นที่ตระกูลนั้นส่งมาให้น่ะสิยะ ไม่มีตามองหรือไง” 

“ของหมั้นอะไร ฉันยังไม่ทันตอบตกลงอะไร ไม่ได้รับปากว่าจะแต่งงานสักหน่อย” 

“ไม่จำเป็นต้องรับปาก พ่อสั่งเธอก็ต้องทำตามนั้นอยู่ดี ใช้ชีวิตสุขสบายมานานเกินไปแล้ว หัดทำตัวให้มีประโยชน์ซะบ้างสิ” 

ศจี ผู้เป็นแม่เลี้ยงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก่อนจะหันไปยิ้มกับลูกสาวของตน โยษิตามองเหยียดพิมภาด้วยความหงุดหงิด เธออิจฉาริษยาชีวิตของพิมภามาโดยตลอด เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเจอพ่อ หญิงสาวอยู่และโตกับแม่เท่านั้น พอมองดูอีกฝ่ายที่พ่อรักขนาดนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นสองพ่อลูกแสดงความรักกัน ดีหน่อยที่ต่อมาสามีใหม่ของแม่ส่งลูกสาวไปที่ต่างประเทศ โยษิตาจึงค่อยอยู่บ้านนี้อย่างมีความสุข แต่ไม่นึกว่าความสุขของเธอจะหายไปไวขนาดนี้

ตอนนี้พิมภาเริ่มแสดงความเอาแต่ใจออกมาอีกครั้ง โดยการโวยวายว่าให้ส่งของหมั้นไปคืน เธอจะไม่ยอมรับของหมั้นพวกนี้เด็ดขาดและไม่ยอมแต่งงาน ทำให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

“ทำไมไม่ฟังกันบ้าง พ่อก็มีเหตุผลไม่คิดจะฟังกันเลยหรือไง เมื่อก่อนลูกไม่ดื้อรั้นขนาดนี้นะพิมภา” 

“หนูไม่แต่ง ให้ตายก็ไม่มีวันแต่ง” 

“พิม !! ฉันเป็นพ่อแกนะ พ่อที่มีบุญคุณให้กำเนิดแกมาเลี้ยงดูแกจนเติบโตขนาดนี้ แค่นี้ทำไมถึงตอบแทนกันไม่ได้ พ่อขอมากไปอย่างนั้นหรือ” 

“ทำไมถึงไม่ยอมแต่งล่ะน้องพิม พี่ว่าเขาเหมาะสมกับเธอดีนะ คนที่จะแต่งกับเธอน่ะก็เป็นแค่ลูกเมียน้อยเท่านั้น เหมาะสมกันดีชะมัด คิดแล้วก็ขำ !” 

เมื่อพิมภาถูกผู้เป็นพ่อเอ่ยทวงบุญคุณ และโดนพี่ต่างสายเลือดเยาะเย้ยก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ อารมณ์ที่คุกรุ่นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่เธอเลือกที่จะเชิดหน้าแล้วหันหลังกลับ ยืนกรานคำเดิมว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่แต่งเป็นอันขาด

สุดท้ายก็ไม่อยากโต้เถียงต่อเลือกที่จะเดินหนีกลับขึ้นห้องไป กิตติภพเองก็โมโหมากเหมือนกัน คนเป็นพ่อรู้สึกลำบากใจในเรื่องนี้ไม่น้อย ทั้งเมียและลูกมีความคิดเห็นไปคนละทาง ต่างคนก็พูดจากดดันเขาทั้งนั้น กิตติภพไม่ได้อยากบังคับลูก ศจี ผู้เป็นแม่เลี้ยงก็พยายามที่จะมาพูดยุยงส่งเสริมจนนึกรำคาญ จึงเดินหนีกลับเข้าห้องของตัวเองไป

ทั้งพ่อและลูกมีความลำบากใจกันคนละแบบ ต่างคนต่างคิดหนัก ด้วยนิสัยที่เหมือนกันของสองพ่อลูก พอใจเย็นแล้วก็คิดว่าจะต้องคุยกันใหม่ ขณะที่พิมภากำลังจะเปิดประตูออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน  

“คุณพ่อ” 

“พ่อขอโทษนะลูก พ่อรู้ว่าพ่อพูดรุนแรงเกินไป แต่พ่อก็มีเหตุผล พ่อขอเข้าไปคุยกับลูกข้างในได้ไหม” 

“เชิญค่ะ” 

กิตติภพเดินเข้าไปด้วยใจที่ร้อนรนแต่พยายามที่จะรักษาท่าทีเอาไว้ เขาอยากจะคุยกับลูกอย่างมีเหตุผลที่สุด ชายสูงวัยนั่งลงที่ปลายเตียง ในขณะที่พิมภาก็นั่งลงเคียงข้างแล้วเอียงหัวซบไหล่พ่อเช่นที่เคยเป็นมาตั้งแต่เด็ก กิตติภพกอดลูกสาวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล  

“ลูกเอ๋ย พ่อต้องขอโทษลูกจริง ๆ แต่พ่อไม่ได้ตั้งใจจะขายลูกกิน ไม่เคยมีความคิดนั้นอยู่ในหัวของพ่อเลย ลูกจะไว้ใจสักครั้งได้ไหม ไว้ใจในความรักของพ่อได้หรือเปล่า” 

“หนูจะเชื่อพ่อก็ได้ว่าพ่อไม่ได้ขายหนูกิน แต่หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องให้หนูแต่งงานด้วย” 

“พ่อสิ้นไร้หนทางแล้วจริง ๆ ตระกูลนั้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แล้วไม่มีใครที่จะดีและเหมาะสมกับลูกเท่ากับผู้ชายคนนี้ เชื่อพ่อสักครั้งนะ” 

“ยังไงหนูก็ไม่อยากแต่งอยู่ดี ถึงจะรู้ว่าบ้านเรามีปัญหา แต่ว่ามันจำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ หนูขอไปคุยกับพวกเขาเพื่อหาทางออกร่วมกันก่อนได้ไหม พ่อบอกหนูได้ไหมว่าเขาเป็นใคร”

“บอกแล้วได้อะไร ลูกจะทำอะไร” 

“หนูก็จะไปคุย ถ้าหากว่าพ่อบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่ดีและเหมาะสมจริง ๆ แสดงว่าเขาน่าจะมีความคิดที่ดีพอ ถ้าหนูอธิบายดี ๆ และขอให้เขาช่วยโดยไม่ต้องแต่งงานเขาอาจจะรับฟังก็ได้” 

“พ่อก็ไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับข้อเสนอลูกหรือเปล่า ในสายตาของพ่อผู้ชายคนนี้เป็นคนที่นิสัยใจคอดี เป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับลูก เขาสามารถดูแลปกป้องลูกของพ่อได้ พ่อถึงอยากให้ลูกแต่งงานกับเขา ลูกเข้าใจพ่อใช่ไหม” 

“หนูเข้าใจ แต่พ่อก็ต้องเข้าใจหนูด้วย หนูไม่อยากฝืนใจแต่งงานกับคนที่หนูไม่ได้รัก ถ้าหากว่าคุยแล้วเจรจาต่อรองกันได้ผล เรื่องนี้ก็จะมีจุดจบที่พ่อก็จะไม่ลำบากใจหนูก็ไม่ต้องฝืนใจ” 

“เอาเถอะ แค่เพียงหนูยอมรับฟังให้พ่ออธิบายความจริงทุกอย่างพ่อก็ดีใจแล้ว” 

กิตติภพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งต่อข้อมูลที่เขามีเกี่ยวกับตัวอัศวินให้กับเธอ ไม่อยากคัดค้านหรือดื้อดึง จึงได้แต่ยอมให้ข้อมูลไป รู้ดีว่าลูกสาวก็ดื้อมากจนเกินไปในบางที ถ้าหากไม่ยอมอ่อนข้อให้บ้างก็จะกลายเป็นยอมแตกไม่ยอมงอเสีย สุดท้ายก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ส่วนพิมภาเมื่อได้ช่องทางติดต่อมา หญิงสาวก็คิดว่าในวันพรุ่งนี้จะต้องรีบไปเจอเขาให้ได้  

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อัศวินพ่ายรัก   กำเนิดความสุข

    เมื่อเรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายลงและผ่านไปด้วยดีแล้ว กิตติภพเองก็กลับมาในร่างกายที่แข็งแรงหลังจากทำการกายภาพบำบัดอยู่สองเดือน เขาสามารถกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้ในเบื้องต้นถึงแม้จะยังเดินไม่ค่อยคล่อง แต่ในที่สุดก็ได้กลับบ้านเสียที คณินกับอัศวินก็มาเยี่ยมถึงที่บ้านและรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน หลังมื้อค่ำจบลงชายหนุ่มก็ขอคุยกับกิตติภพเป็นการส่วนตัว “เดี๋ยวผมจะเซ็นโอนหุ้นคืนให้กับคุณพ่อนะครับ ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างและผู้ถือหุ้นทุกคนก็กลับมากันหมดแล้ว หลังจากนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วครับ” “ไม่ต้องโอนคืนมา เก็บเอาไว้อย่างนั้นแหละ พ่อก็แก่มากแล้ว เก็บเอาไว้ดูแลลูกเมียให้ดีก็พอ ตอนนี้พ่ออยากอุ้มหลานมาก” “ถ้าอย่างนั้นผมจะโอนกลับคืนให้เป็นชื่อของน้องนะครับ พิมจะต้องดีใจแน่ ๆ” “ก็ลองคุยกันดูว่าใครจะดูแลหรือถือหุ้นมากที่สุด พ่อยกให้ไปแล้วก็ไปจัดการกันเอาเอง อย่าลืมเรื่องที่พ่อพูดล่ะ พ่ออยากอุ้มหลาน…” แกร๊ก ! “คุณผู้ชายคะ คุณอัศวิน คุณหนูเป็นอะไรก็ไม่ทราบค่ะ อยู่ดี ๆ ก็วิ่งไปอาเจียนบอกว่าหน้ามืดเหมือนจะเป็นลมแล้วค่ะ” พ่อตากับลูกเขยถึงกับหันมองหน้ากัน กิตติภพกวักมือเรียกสาวใช้ให้เข้ามาเข็นรถเข็

  • อัศวินพ่ายรัก   ผมได้ยินหมดแล้ว

    “คุณดูลูกคุณนะ เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งกล้าทำร้ายลูกชายของเรา เป็นแค่เห็บหมัดมาเกาะครอบครัวคนอื่นไปวัน ๆ แท้ ๆ กล้าดียังไง…” เพียะ !! คณินเดินไปตบหน้าเขมกรฉาดใหญ่ก่อนหันไปพูดกับเมียในสมรสอย่างมยุเรศแบบใส่อารมณ์ เขาอดทนเพราะเห็นแก่พ่อตามาตลอด แต่วันนี้ความอดทนได้สิ้นสุดแล้ว “หยุดสักทีคุณมยุเรศ ผมทนมาพอแล้ว ผมฟังคุณมาสิบกว่าปีมีแต่เรื่องเดิม ๆ ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของผม ขณะที่ลูกของคุณไม่เคยได้เรื่องได้ราวอะไร คอยแต่ให้อัศวินตามเช็ดตามล้างให้ตลอด ยังกล้าที่จะเอามาเปรียบเทียบกันอีกเหรอ” “คุณพูดเรื่องอะไร นี่คุณกล้าตีลูกได้ยังไง” “คุณไม่เคยรับรู้เลยหรือยังไงว่าลูกชายของคุณไปก่อเรื่องอะไรไว้ลับหลังคุณบ้าง มันทำผู้หญิงท้องแล้วไม่ยอมรับมิหนำซ้ำยังไปทำร้ายร่างกายเขา เอาที่ดินที่ผมแค่เปรยว่าจะยกให้ มันก็ขโมยโฉนดที่ดินปลอมลายเซ็นผมไปขายทั้งที่ผมยังไม่ได้ยกอำนาจให้ เดือดร้อนต้องให้อัศวินไปตามกลับคืนมา ติดหนี้บ่อนอีกร้อยกว่าล้านคุณรู้หรือเปล่า ทุกเรื่องถ้าไม่ได้อัศวินคอยวิ่งเต้นปิดข่าวให้ ทั้งบริษัทและตระกูลนี้จะล่มจมก็เพราะลูกของคุณ”“ไม่จริง !” “จริง คุณคิดว่าอัศวินมันเดินทางบ่อยเพราะอะไร ม

  • อัศวินพ่ายรัก   เรื่องร้าย

    วันหนึ่งอัศวินหายเงียบไปทั้งวันไม่มีการแชตหาหรือโทร.หาใด ๆ ทั้งสิ้น เธอกำลังจะต่อสายหาเขาเพราะรู้สึกว่าทนรอต่อไปไม่ไหว แต่ก็มีสายเรียกเข้าแทรกเข้ามาเสียก่อนที่จะทันได้โทร.ออก“สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ โทร.จากโรงพยาบาลนะคะ พอดีในประวัติของคนไข้ที่ชื่อว่าอัศวิน แจ้งเอาไว้ว่าเบอร์ติดต่อฉุกเฉินคือเบอร์ของคุณพิมภาผู้เป็นภรรยา ไม่ทราบว่าคุณเป็นภรรยาของคุณอัศวินหรือเปล่าคะ” “ใช่ค่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” “คุณอัศวินประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อาการค่อนข้างสาหัสอยากให้คุณเดินทางมาที่โรงพยาบาลโดยด่วนค่ะ” ราวกับมีสายฟ้าผ่าลงกลางใจ ความรู้สึกเดียวกับตอนที่เธอเห็นภาพของพ่อล้มคว่ำอยู่กับพื้น คราวนี้หญิงสาวพยายามตั้งสติวิ่งไปคว้ากุญแจรถ แล้วเดินทางไปที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง ภาวนาไปตลอดทางขอให้เขาไม่เป็นอะไรมากณ โรงพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉิน พิมภามองไปทางไหนก็มีแต่ความหดหู่ ใบหน้าสวยนองไปด้วยน้ำตา เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขับมาด้วยความเร็วเท่าไร มาถึงก็วิ่งมาที่หน้าห้องแห่งนี้พร้อมทั้งเซ็นเอกสารได้ทันเวลาพอดี เพราะต้องส่งอัศวินเข้าห้องผ่าตัดด่วน หญิงสาวรออย่างใจจดใจจ่อ ถึงจะร้องไห้แต่ก็พยายามห้ามตัวเองไม่ให

  • อัศวินพ่ายรัก   อึดอัดใจ

    เวลาผ่านไปเดือนกว่าที่มาอยู่ที่บ้านของอัศวิน พิมภากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเป็นจริงเลยสักอย่าง อีกฝ่ายพูดราวกับว่าที่นี่น่ากลัวและมีคนจ้องจะรังแกเธออยู่ตลอด แต่พอมาอยู่เข้าจริง ๆ บ้านหลังนี้ดูเหมือนทุกคนจะต่างคนต่างอยู่ มีเพียงแค่วันอาทิตย์วันเดียวที่ทุกคนจะต้องไปนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน เหมือนตอนที่อัศวินเคยพาเธอมากินมื้อค่ำที่นี่เป็นครั้งแรกนอกจากนั้นก็ตัวใครตัวมัน ที่สำคัญสิ่งที่ทำให้เธอโล่งอกที่สุดก็คือไม่ได้เจอกับเขมกรผู้เป็นพี่เขย เพราะสำหรับพิมภาแล้วผู้ชายคนนี้น่ากลัวที่สุด ตอนแรกหญิงสาวรู้สึกเกร็งนิดหน่อยไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไร เพราะส่วนใหญ่แล้วอัศวินไปทำงานนอกบ้านแล้วเขาก็ไม่ค่อยให้ภรรยาเข้าไปที่บริษัทด้วยตัวเองสักเท่าไร เธอจึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านหลังนี้เขมนัฏฐ์คนที่ดูเงียบและไม่ค่อยสุงสิงกับใครที่สุดกลับเป็นคนเดียวที่คุยกับเธอมากที่สุด ช่วยให้หญิงสาวคลายเหงาลงไปได้บ้าง พิมภาไม่รู้ว่าช่วงนี้อัศวินกำลังทำอะไร เขาดูยุ่งและเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยมาก ๆเขมนัฏฐ์อายุน้อยกว่าอัศวินถึงห้าปี แต่กลับคุยกับเธอได้อย่างสนิทสนม ตอนแรกพิมภาเห็นเขามาแอบมองบ่

  • อัศวินพ่ายรัก   ความจริง

    หลังจากที่อัศวินเดินทางออกจากบ้านไปแล้ว พิมภามานั่งทบทวนตัวเอง เมื่อคืนนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง พยายามคิดอยู่ว่าตัวเองทำอะไรน่าอายไปบ้างหรือเปล่า ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ภาพริมฝีปากนุ่มของใครบางคนลอยมา จนเธอสะดุ้งสุดตัวเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แววตาหวานเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่โทร.มาจากโรงพยาบาล “สวัสดีค่ะ” พิมภารับสายด้วยหัวใจที่เต้นระรัวภาวนาขอให้เป็นข่าวดี แล้วหญิงสาวก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและรีบไปโรงพยาบาลทันที พ่อของเธอฟื้นแล้วตอนนี้ เป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ใช้เวลาไม่นานก็มาอยู่ข้างเตียงของกิตติภพ ซึ่งผ่ายผอมลงไปมากแต่แววตาของเขามีแววของนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม “ดีใจจังเลยที่พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณนะคะที่ไม่ทิ้งหนูไป หนูคิดถึงพ่อมากเลยรู้ไหมคะ” “พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยากไปหมด ถ้าพ่อไม่ดึงผู้หญิงคนนั้นมาในชีวิต โลกของพ่อก็คงไม่เปลี่ยนไป” “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ แต่พ่อดีขึ้นแล้วจริง ๆ ใช่ไหมคะไม่ได้มีอะไรปิดบังหนูใช่ไหม” พิมภากลัวว่าในระหว่างที่เธออยู่ต่างประเทศ บิดาอันเป็นที่รักเกิดเป็นโรคอะไรที่หญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อน“ไม่มีหรอกลูก” “ไม่มี

  • อัศวินพ่ายรัก   จูบละลาย

    อัศวินไม่รู้ตัวเลยว่าทำไมถึงได้โกรธขนาดนั้น เขาประคองร่างบางไปที่รถของตนเอง ขณะที่ชายหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเจ้าตัวกลับหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว รถแล่นไปได้ชั่วครู่เดียวพิมภาก็เริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะฝันร้าย ละเมอขอให้พ่ออย่าทิ้งตนไปเหมือนแม่ ขาดแม่ไปเธอก็เคว้งคว้างพอแล้วไม่อยากจะเสียพ่อไปอีก ความสงสารทำให้อารมณ์โมโหที่คุกรุ่นก่อนหน้านี้หมดไป ดวงตาคมดุเหลือบมองริมฝีปากนุ่มละมุนที่ยังคงมีสีชมพูระเรื่อน่าจูบ มองแล้วก็อดใจไม่ไหวจึงกดปิดม่านฝั่งคนขับแล้วก้มลงจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า รุ่งเช้า พิมภาค่อย ๆ ลืมตาพร้อมกับความรู้สึกที่มึนหัวนิด ๆ เธอกำลังแฮงก์และรู้ตัวดี ใบหน้าสวยขมวดคิ้วยุ่งในตอนนี้อีกทั้งยังรู้สึกมึนงงไปหมดจนกระทั่งพยายามนึกย้อนไปว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรก่อนที่หญิงสาวจะภาพตัด ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเห็นอัศวินกำลังต่อยพี่ชายของเขาก่อนที่เธอจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอีก หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะหากันเจอ เมื่อคิดได้ว่าชายหนุ่มเป็นคนไปรับจึงมองไปรอบ ๆ ห้อง กลับไม่เห็นแม้แต่เงา เธอเลยคิดว่าเขาน่าจะไปทำงานแล้วเมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางจึงลุกพรวดพราดจากเต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status