Share

บทที่ 0007

ในตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวมากจนหัวใจแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหลงถิงอยู่ในร่างฉัน ป่านนี้ฉันเดาว่าตัวเองคงไม่สามารถยืนนิ่งได้แบบนี้แน่นอน

เราทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เกือบสิบวินาที ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นน่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรบางอย่าง พลันใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าตื่นตระหนกในทันที หล่อนสลัดมือออกจากหลี่จวนและกำลังจะลอยหนีไปที่กำแพง แต่แน่นอนว่าหลิวหลงถิงย่อมไม่ให้โอกาสหล่อน เขาร่ายคาถาบางอย่างด้วยความรวดเร็ว และทันใดนั้นก็ตบฝ่ามือกับผนังอย่างแรง ราวกับสร้างเครื่องพันธนาการที่ผนัง ร่างของผู้หญิงคนนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงดังปัง แล้วเด้งตกลงบนพื้น แต่หล่อนยังคงไม่ยอมแพ้ ร่างนั้นพยายามหลบซ่อนจากหลิวหลงถิงราวกับหลบซ่อนเชื้อโรคร้ายน่ารังเกียจ หล่อนปีนกำแพงต่อไปไม่หยุด เล็บแหลมคมขูดกำแพงสีขาวราวกับหิมะอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดเสียงหวีดแหลมคมและน่าสยดสยอง!

เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของหล่อน เงาดำเล็ก ๆ บนผนังต่างก็พยายามจะดึงผู้หญิงคนนั้นไป แต่ก็ไร้ประโยชน์ พลังของพวกเขาไม่สามารถทะลุกำแพงที่หลิวหลงถิงใช้เวทมนตร์ทำขึ้นได้ เด็ก ๆและผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนกับคนแบบพวกเรา พวกเขาเริ่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง แต่ไม่มีน้ำตา

หลิวหลงถิงมองดูพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วผละตัวออกจากร่างของฉัน เขาเอ่ยเสียงเรียบอยู่คนเดียว “ที่แท้ก็ถูกเนรเทศมา”

“ถูกเนรเทศ หมายความว่าไง?” ฉันถามหลิวหลงถิง เพราะตอนนี้เขาออกจากร่างฉันไปแล้ว ฉันจึงไม่สามารถมองเห็นผีผู้หญิงและผีตัวเล็กพวกนั้นได้เลย ด้านหน้าฉันยังคงเป็นห้อง ๆ หนึ่ง ทว่าร่างของหลี่จวนนั้นล้มนอนลงอยู่บนเตียงแล้ว

“การถูกเนรเทศก็คือ บางคนที่เคยทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงในชาติที่แล้ว จะถูกจารึกไว้ในสมุดความเป็นความตาย หลังจากที่สิ้นอายุขัยแล้ว ยมโลกจะไม่รับพวกเขาไว้อีก ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเนรเทศมายังโลกมนุษย์ และปล่อยให้พวกเขาอยู่ตามยถากรรม โดยทั่วไปแล้วปีศาจร้ายประเภทนี้จะไม่มีพลังอะไรมากมาย พวกเขาจึงจำเสียงข้าได้ในทันที และผู้หญิงคนนี้คงอยากจะไปเกิดใหม่ หล่อนจึงเดินไปตามทางถนนผี และเมื่อเห็นหลี่จวนที่กำลังตั้งครรภ์ ด้วยเหตุผลบางอย่าง หล่อนจึงเข้ามาพัวพันกับเธอ” หลิวหลงถิงตอบฉันอย่างอดทน

“ในเมื่อไม่มีพลังอะไรมากมาย แล้วท่านจะจัดการกับนางยังไง?”

“ไปหากระดาษกับปากกามา” หลิวหลงถิงหันหน้ามาพูดกับฉัน

ฉันรีบหันไปที่ประตูและตะโกนเรียกหวังหงที่กำลังพยายามก้มมองเข้ามาในห้องของเราตลอดเวลา พลางขอให้เขาเอากระดาษและปากกามาให้ฉัน

หวังหงทำตามอย่างเชื่อฟัง เขารีบขอกระดาษและปากกาจากแม่ยาย แล้วถามฉันว่าฉันบ่นพึมพำอะไรในห้องคนเดียว? ใช่ว่ากำลังคุยกับเทพอยู่หรือเปล่า?

เขามองไม่เห็นหลิวหลงถิงและผู้หญิงคนนั้น ฉันจึงไม่ได้สนใจเขา มือเรียวปิดประตูแล้วเดินไปข้าง ๆ หลิวหลงถิง ก่อนยื่นกระดาษและปากกาส่งให้เขา

หลิวหลงถิงหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา แล้วเขียนตัวหนังสือลงบนกระดาษอย่างตั้งใจ “เยว่เทียนเซียง” อักษรสามตัวที่ลายเส้นของตัวอักษรนั้นมีความหนาและสวยงามเท่ากัน

จากนั้นเขาก็ส่งกลับมาให้ฉัน “เจ้านำสิ่งนี้ไปไว้ที่ทางเข้าสำนักของเรา ถึงเวลานั้นเยว่เทียนเซียงจะเป็นบริวารของสำนักเรา หากต้องการใช้พวกเขา ก็สามารถสั่งการได้ตลอดเวลา ผีจำพวกที่ถูกนำมาถวายแบบนี้จะเรียกว่าชิงเฟิง ต่อไปสำนักของเราก็จะมีทหารเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และพละกำลังของเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม”

“หมายความว่าต่อไปเราจะต้องรับบริวารตนอื่น ๆ อีกน่ะหรือ?” ฉันถามหลิวหลงถิง

“ใช่ เทียบกันกับแม่ทัพ ยามออกไปสู้รบ ก็ต้องมีกองทัพนักรบอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาเยอะ ๆ พวกเราก็เช่นกัน ชิงเฟิงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเรื่องของยมโลก หากในภายหน้าเจ้าพบเจอสิ่งชั่วร้าย เจ้าสามารถเรียกหาพวกเขาได้โดยตรง แต่ว่าข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์โดยตรงเช่นนี้ ไม่ว่าต่อไปจะมีบริวารมากเท่าใด พวกเขาทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา”

ฉันไม่รู้ว่าทำไมเมื่อหลิวหลงถิงพูดจบประโยคสุดท้าย ฉันยังรู้สึกเขินอายและอบอุ่นใจเล็กน้อย แต่เมื่อครู่กลับไม่ปฏิเสธเขาไป

หลิวหลงถิงสังเกตได้ถึงความคิดของฉันอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสีหน้าที่จริงจังของเขาก็เผยยิ้มอย่างมีเลศนัย และจู่ ๆ ฝ่ามือใหญ่ก็ตบก้นฉันดังเพี้ยะ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมหยอกล้อ “อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเจ้ามีสิทธิ์เยอะมากใช่หรือไม่? งั้นคืนนี้ข้าไปหาเจ้านะ”

ฉันไม่เข้าใจความหมายของประโยคนี้ แต่กลับรู้สึกแปลก ๆ บอกไม่ถูกว่าเขาไม่น่าจะมีเจตนาที่ดี ฉันเอื้อมมือออกไปหมายจะตีมือหลิวหลงถิง แต่หลิวหลงถิงกลับคว้ามือฉันได้อย่างง่ายดาย พลันยกฝ่ามือฉันขึ้นวางบนริมฝีปากเขาแล้วจับจ้องตรงมาที่ฉัน ทำให้ฉันอดนึกถึงฉากนั้นในหนังประเภทสิบแปดบวกไม่ได้ เขาอ่อยเก่งมากจนทำให้ฉันใจสั่นอย่างแรง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status