เข้าสู่ระบบ“ล้างจานเป็นไหม” เห็นเด็กสาวยืนมองอ่างล้างจาน ยายชื่นจึงลองถามดู ยายแก่อย่างนางอบรมสั่งสอนคนรับใช้ในบ้านหลังนี้มาแล้วหลายรุ่น รุ่นที่สอนยากที่สุดก็เห็นจะเป็นพวกเด็กรุ่นนี้แหละ
“เอ่อ เป็นค่ะ ให้หนูล้างให้นะคะ”
เห็นเด็กสาวไม่ได้มือไม้แข็งเหมือนคนวัยเดียวกันคนอื่นๆ
จึงหาอย่างอื่นให้นางทำเพิ่ม
ตลอดสายจนย่ำค่ำ มัลลิกาเดินตามติดยายชื่นไปทุกหนทุกแห่งในบ้าน ยายให้เธอหั่นผักเธอก็หั่น ให้หั่นหมูเธอก็หั่น ให้รดน้ำต้นไม้ก็เดินรดไปทุกต้น มีเด็กสาวคล่องแคล้วคอยเดินตามหลัง ยายชื่นก็คลายเหงาไปได้มากโข สุดท้ายจึงลองให้แม่หนูมิ้งทำแกงมัสมั่นของโปรดของคุณจอม เผื่อว่าเจ้าบ้านจะกลับมาทานมื้อเย็น แต่สุดท้ายก็รอเก้อ
“ไปๆ วันนี้ยายไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เข้าห้องไปเถอะ”
ครั้งนี้มัลลิกาไม่ต้องขึ้นไปนอนขดอยู่บนพรมหน้าห้องน้ำอีก ยายชื่นให้เธอเข้าไปนอนในห้องว่างห้องหนึ่งในเรือนเดียวกันกับพวกคนรับใช้ หญิงสาวดีใจเหลือเกิน เธอเกลียดอากาศเย็น และห้องของจอมทัพก็แสนจะเย็นเฉียบ
บ้านของเขาใหญ่โตสมกับเป็นครอบครัวนายตำรวจยศใหญ่ ตัวบ้านมีทั้งหมดสองชั้น ประกอบด้วยห้องต่างๆร่วมห้าหกเจ็ดห้อง เธอไม่แน่ใจ ภายนอกยังมีสวนกว้างขวาง นึกถึงตอนเดินรดน้ำต้นไม้ ใช้เวลาร่วมสามสิบนาทีกว่าจะทั่วทั้งสวน
ถัดจากบ้านหลัก ด้านหลังยังมีเรือนไม้ตั้งอยู่อีก แต่คล้ายจะร้างผู้อยู่อาศัย เธอไม่เห็นเงาคน
นอกจากเรือนหลังนั้น ภายในอาณาเขตของเขายังมีเรือนสำหรับคนใช้อยู่อีก หญิงสาวไม่แปลกใจที่แม้กระทั่งห้องสำหรับคนใช้ยังดูดีกว่าห้องเช่ารูหนูของเธอ แต่เธอไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ เธออยากกลับไปนอนบนเตียงแข็งๆ ห้องเล็กๆห้องเดิมของเธอ เมื่อไหร่กันหนอเธอจึงจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายได้ดังเดิม
กว่าจอมทัพจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาจวนเจียนเที่ยงคืน ห้องเย็นฉ่ำและเตียงนอนเรียบกริบทำให้เขาหลงลืมเรื่องบางอย่างไปเสียสนิท ชายหนุ่มนั่งอ่านเอกสารต่ออีกพักใหญ่จึงเข้านอน ช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่น คล้ายจะรู้สึกว่าเตียงนอนกว้างกว่าเมื่อคืน
เช้าวันต่อมาเวลาเดิม อาหารเช้าตั้งโต๊ะก่อนเจ้าบ้านจะไปถึงเสียอีก ได้กลิ่นหอมของเครื่องแกง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเช้านี้คงเจริญอาหารอีกแล้ว ฝีมือทำอาหารของแม่นมทำให้เขาควบคุมน้ำหนักยากเหลือเกิน
พอชิมคำแรก จอมทัพก็ขมวดคิ้ว
“ไม่อร่อยหรือคะ” ยายชื่นอดเอ่ยถามไม่ได้
จอมทัพไม่ได้ตอบ แม้จะรู้สึกว่ารสชาติผิดแผกไปจากเดิม แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจะเสียเวลาใส่ใจไปใย ขอแค่ไม่แย่จนกระเดือกไม่ลงเป็นพอ
“อิ่มแล้ว ผมไปล่ะ”
คุณจอมของนางยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม
ยายชื่นมองชามว่างเปล่าของแกงมัสมั่นกับจานข้าวว่างเปล่า 2 ใบ อาหารอื่นๆบนโต๊ะล้วนไม่ถูกแตะต้อง สงสัยยายแก่อย่างนางคงไม่ต้องลงมือเข้าครัวเองอีกแล้ว
วันคืนผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า เมื่อหญิงสาวไม่มาปรากฏตัวให้จอมทัพเห็นหน้า เขาก็เหมือนจะลืมไปแล้วว่าในบ้านหลังนี้ยังมีผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
มัลลิกาใช้ชีวิตอย่างเงียบเชียบ เธอสามารถเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจอมทัพได้อย่างง่ายดาย และเขาคงจะลืมเลือนเธอไปตลอดกาล หากชายหนุ่มไม่บังเอิญเห็นความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้อง
แม่บ้านของเขาไม่มีใครฉลาดมากพอจะสังเกตเห็นว่าเขาจัดเรียงเสื้อผ้าไล่ระดับสี เขามักจะหงุดหงิดเสมอกับการย้ายเสื้อสีขาวออกมาจากเสื้อสีเทาเกือบขาว แต่หลายวันมานี้เขากลับไม่เคยหงุดหงิดใจกับเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้อีก
นอกจากเรื่องนี้ ยังมีเรื่องที่ของใช้ภายในห้องถูกขยับเข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อย แม่บ้านของเขาไม่มีใครกล้าแตะต้องข้าวของส่วนตัวของเขา มีบางอย่างแปลกไป หากไม่ใช่แม่นมของเขา ใครเลยจะกล้า
เช้านี้มัลลิกายังคงตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารก่อนเวลาปกติของจอมทัพหนึ่งชั่วโมง เพราะทำแบบนี้จึงเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาได้ตลอดมา หญิงสาววางแกงจืดเต้าหู้หมูสับลงระหว่างจานไข่เจียวทรงเครื่องกับซี่โครงหมูทอด
เมื่อจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยก็จวนเจียนได้เวลา เธอรีบปลีกตัวออกไปก่อนที่ชายหนุ่มจะโผล่เข้ามา พอใกล้จะ 8 โมงตรง คนอื่นจึงค่อยทยอยเดินเข้ามารอรับหน้าเจ้าบ้าน
ทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาเฉียบคม จอมทัพเดินเข้ามาตรงเวลาเป๊ะ เขามองอาหารบนโต๊ะ แม้แต่องศาของลวดลายบนชามยังวางไปในทิศทางเดียวกัน นึกถึงตำแหน่งการจัดข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องของเขาในหลายวันที่ผ่านมา จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากผู้หญิงคนนั้น
ความขุ่นมัวก่อตัวขึ้นในใจ เขาเกลียดผู้หญิงคนนั้น ยิ่งรู้ว่าหล่อนเข้ามายุ่มย่ามกับพื้นที่ส่วนตัวก็ยิ่งขัดใจ พาลหงุดหงิดจนไม่อยากแตะต้องอาหารเมื่อคิดว่ารสชาติที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนั้นด้วยก็ได้
“ไปทำอย่างอื่นมา ของพวกนี้เอาไปเททิ้งให้หมด”
เหล่าคนใช้ลอบมองสบตากันเลิ่กลั่กเมื่อเห็นว่าจู่ๆเจ้านายก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวโดยไม่ทราบสาเหตุ ยายชื่นจึงเป็นคนออกหน้า
“ถ้าแม่ครัวไม่คิดจะทำหน้าที่แล้วก็ไสหัวออกไป แล้วรับคนใหม่เข้ามา!”
แม่ครัวรีบกระวีกระวาดวิ่งกลับเข้าไปในครัว เพียงชั่วอึดใจนางก็เดินกลับออกมาพร้อมข้าวผัดหมูไข่ดาวง่ายๆ เพราะรู้ว่ายิ่งช้าจะยิ่งทำให้คุณจอมหงุดหงิด
“…”
สุดท้ายก็ฝืนทานเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งจาน โทสะพลันกลั่นตัวมวยม้วนขึ้นมาตามช่องท้อง เขาทุบโต๊ะเสียงดังลั่น
“เลี้ยงไว้ก็เสียข้าวสุก กับข้าวไม่ยอมทำ งานบ้านก็ทำกันไม่เรียบร้อย ไล่ออกไปให้หมด!”
เห็นอารมณ์เดือดดาลแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน ยายชื่นก็ถอนหายใจ “เพิ่งเปลี่ยนชุดใหม่ไม่ถึงสองเดือน ใจคอคุณหนูจะไม่ให้ยายแก่อย่างนมพักบ้างเลยหรือ เอาเถอะ เปลี่ยนก็เปลี่ยน อย่างมากยายแก่คนนี้ก็แค่ตายไวขึ้นอีกหน่อย”
สีหน้าของจอมทัพพลันเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิม
เขาทุบโต๊ะอีกครั้ง คราวนี้หันไปตวาดทางแม่ครัวและบรรดาคนใช้หน้าใหม่แทน “ไม่เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยน!” แล้วชายหนุ่มก็สะบัดตัวหนีออกมาจากโต๊ะอาหาร ทุกอย่างเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว!
จอมทัพรู้ว่าจะหาตัวหล่อนได้ที่ไหน เขาสาวเท้าเข้าไปในครัว มัลลิกาได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาก็คิดว่าแม่ครัวทำอาหารไม่ถูกใจผู้ชายร้ายกาจคนนั้น เธอจึงวางมีดกับผักลง ก่อนจะเอ่ยปากอาสาทำให้
“ป้านวล ให้มิ้งทำ…!”
ใบหน้าพลันขาวซีดเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
จอมทัพกระชากร่างบางขึ้น ยิ่งได้มองสบตา ความโกรธแค้นที่เหมือนจะเคยลืมเลือนไปชั่วขณะก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เห็นคนตรงหน้ามีสีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดก็นึกถึงใบหน้าแบบเดียวกันที่ได้เห็นในคืนนั้น
“เธออยู่ที่นี่ในฐานะนักโทษของฉัน อย่าริอาจก้าวเท้าเข้าไปในห้องของฉันหรือแม้กระทั่งทำอาหารให้ฉันกินอีก ไม่งั้นฉันฆ่าเธอแน่”
แล้วชายหนุ่มก็สะบัดหน้าจากไป
อีกเพียงนิดเดียวแขนเธอคงแหลกคามือเขาจริงๆ
หญิงสาวลูบคลำรอยแดงรอบข้อมือ ตอนนี้เธอได้คำตอบให้กับตัวเองแล้วข้อหนึ่ง เหตุผลที่เขาพาเธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ที่แท้เธอก็ถูกเลื่อนขั้นจากผู้ต้องหา กลายมาเป็นนักโทษของเขาไปแล้วนั่นเอง
ตอนพิเศษ 6ครอบครัวอบอุ่นของผู้กองจอมทัพอาณาเขตของบ้านพงศ์พานิชถูกขยับขยายเต็มพื้นที่ ตัวบ้านหลังเดิมถูกต่อเติมเพิ่มขึ้นอีกหลายห้องเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ของบ้าน ทางด้านหลังมีการขุดลอกทำคลองเพื่อนำน้ำจากธรรมชาติมาใช้สอยรดพืชผักสวนครัวและเลี้ยงไก่ทางด้านหน้าติดประตูรั้วเป็นสถานพยาบาลเบื้องต้น ขนาดไม่ใหญ่มาก ทว่าก็มีชาวบ้านเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสาย วันนี้ยังไม่ทันถึงเวลาเปิดให้บริการก็มีเสียงตะโกนเรียก น้ำเสียงฟังดูตื่นตระหนก “พ่อเฒ่าไถลลงบันได ถูกตะปูตำ แผลลึกเลยอีหล้า” มัลลิการีบกุลีกุจอออกมา ไม่ทันแม้แต่ถอดผ้ากันเปื้อน “ไปเอาชุดล้างแผลมาให้แม่หน่อยได้ไหมคะหนูลิน” เด็กหญิงวัยสิบขวบขานรับฉะฉาน สองเท้าก้าวอย่างฉับไวเข้าไปในสถานพยาบาลของมารดา มัลลิการีบมองประเมินบาดแผล เลือดหยุดไหลแล้ว แต่บาดแผลก็ลึกพอสมควร เห็นทีต้องรีบล้างแผลและให้ญาติพาตัวคนเจ็บเข้าไปฉีดยากันบาดทะยักที่อนามัยโดยเร็วที่สุด “พี่รบครับ พี่รบไปบอกคุณพ่อให้ช่วยหยิบน้ำเกลือให้คุณแม่หน่อยได้ไหมครับ” มัลลิกาหันไปหาเด็กชายตัวป้อมที่ยืนเกาะแขนเธอไม
ตอนพิเศษ 5ยัยโจรห้าร้อยกับผู้กองเอวดุประวิทย์ไม่คาดคิดว่าคนอย่างเขาจะมีช่วงเวลาแห่งความเหงา นับตั้งแต่คู่หูมีคนเข้ามาดามใจ ธีรเมศฐ์ก็ไม่เคยไปไหนมาไหนกับเขาอีกเลย เฝ้าแต่คุยโทรศัพท์ทางไกลกับเมียเด็ก “ไอ้ธีร์ เย็นนี้เอ็งไปดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิวะ ข้าเหงา” ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้กองธีร์แทนคำตอบ “ใครจะไปรู้ ว่าคนเจ้าชู้อย่างเอ็งจะมานั่งบ่นว่าเหงา ฮ่าๆๆ”เขาตบบ่าเพื่อนรักพลางลุกออกไปจากโต๊ะ“เลิกเจ้าชู้เห๊อะไอ้วิทย์ ระวังเถอะ สักวันเวรกรรมจะตามสนอง”นอกจากเพื่อนรักจะไม่เหลียวแล มันยังทิ้งคำสาปแช่งไว้ให้อีก มันน่านัก เดี๋ยวพ่อก็แช่งให้เมียเด็กเอ็งมีชู้ซะนี่!สุดท้ายผู้กองวิทย์ก็พาตนเองมาคลายความเหงาที่ผับดังแห่งหนึ่งย่านรัชดา เขามาที่นี่บ่อยครั้ง แต่ละครั้งก็ได้สาวกลับไปกินที่คอนโดไม่ซ้ำหน้าทว่าวันนี้ไม่รู้ทำไมมองไปทางไหนก็มีแต่ความเบื่อหน่าย“เฮ้อ… กลับก็ได้วะ”ขณะลุกขึ้น ด้านหลังก็ถูกชนเข้าอย่างจังจนเสียหลักพุ่งชนเหลี่ยมขอบโต๊ะ จุกไปทั้งหน้าท้อง อารมณ์ขุ่นเคืองที่สั่งสมมานานหลายวันพลันปะทุขึ้น“ระวังหน่อยสิวะ!”พอหันกลับไปก็ต้องตะลึงงัน ดาราที่ไหนวะเนี่ย…เขาผ่านผู้ห
ตอนพิเศษ 4หนูชื่อก้านแก้วไม่ใช่แก่นแก้วธีรเมศฐ์แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าหญิงสาวในชุดนักศึกษาทรวดทรงนาฬิกาทรายที่เพิ่งเดินผ่านหน้าบ้านไปจะเป็นยายเด็กจอมแก่นคนนั้นจริงๆ เขาถือโอกาสที่มาร่วมงานแต่งของท่านจอมขอลาพักร้อนกลับมาพักใจที่บ้าน เพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่าตนเป็นคนบ้านเดียวกันกับมัลลิกา หมู่บ้านของหล่อนอยู่ถัดจากบ้านของเขาไปไม่ได้ไกลมาก ห่างกันราวสิบกิโลเห็นจะได้ พอนึกว่าแต่ก่อนหล่อนอยู่ห่างไปเพียงแค่ไม่กี่หลังคากั้น เขากลับไม่เคยมีบุญวาสนาจะได้พานพบ ก็คงเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิตไม่ให้พวกเขาได้เป็นคู่กันแน่แท้แล้ว สีหน้าของผู้กองพลันเซื่องซึม เขาถอนหายใจจนมารดาแก่ชราอดบ่นไม่ได้ ไม่ใช่แค่ผู้กองที่ลอบสังเกตเห็น แต่ ‘ก้านแก้ว’ เองก็เห็นชายหนุ่มแล้วเช่นกัน ‘พี่ธีร์’ พี่ชายข้างบ้านที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าเป็นฮีโร่ในวัยเยาว์ก็ว่าได้ นับตั้งแต่พี่ธีร์ย้ายไปเรียนกรุงเทพ กระทั่งเข้ารับราชการในกรมตำรวจ เขาก็กลับมาเยี่ยมบ้านแทบจะนับครั้งได้ และทุกครั้งที่เขากลับมา แก้วก็มักจะคอยลุ้นอยู่เสมอว่าจะได้เห็นเขาหอบลูกหอบเมียกลับมาด้วยหรือไม่ ครั้งนี้ก็เ
ตอนพิเศษ 3ไม่ว่าน้องอยากได้อะไรพี่ก็จะหามาให้บ้านหลังใหม่ของมัลลิกามีทั้งหมดสี่ห้องนอน เดิมเธอกับบิดามารดารวมกันยังเหลือห้องว่างอีกสองห้อง แต่พอคณะของจอมทัพย้ายเข้ามา บ้านหลังใหญ่ก็ดูคับแคบลงไปถนัดตายายชื่นได้พักหนึ่งห้อง อีกห้องจึงให้ป้านวลกับแป้งอาศัยอยู่ร่วมกัน เศษส่วนเกินที่เหลือจึงกลายเป็นจอมทัพ ชายหนุ่มยืนอยู่ในห้องของมัลลิกาด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผิดกับเจ้าของห้องที่มีสีหน้าเก้อกระดาก เธออยากไล่เขาไปนอนที่อื่น ติดที่ไม่รู้จะอธิบายกับบิดามารดาว่าอย่างไร “เดี๋ยวพี่ออกไปพักในเมืองก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยขับรถกลับมา” ระยะทางไปกลับระหว่างตัวเมืองกับเขตอำเภอไม่ใช่ใกล้ๆ ใช้เวลาอย่างน้อยก็หนึ่งชั่วโมง คะเนจากสีหน้าท่าทางก็รู้ว่าเขามั่นใจอยู่แล้วว่าเธอคงไม่กล้าปล่อยให้เขาทำอย่างนั้น “ทำไมจะมาถึงไม่บอกก่อนคะ” เธอแสร้งเปลี่ยนเรื่อง หมุนตัวไปหยิบผ้านวมผืนใหญ่ออกมาจากตู้ จอมทัพฉวยโอกาสที่หญิงสาวหันหลังเดินเข้าไปสวมกอด ลอบสูดดมกลิ่นกายหอมละมุนที่แสนคิดถึงให้ฉ่ำปอด “ก็เธอไม่ยอมบอกเบอร์ติดต่อ พี่จะบอกเธอยังไง”
ตอนพิเศษ 2ผู้กองจอมทัพแห่งสภ.พานจอมทัพเพิ่งย้ายมาประจำการยังสภ.พานไม่ถึงเดือนแต่อันธพาลกลับไม่มีเหลือ กิตติศัพท์ของเขาเลื่องชื่อระบือไกลไปจนถึงเขตปกครองของสภ.ข้างเคียง หากเจอขาใหญ่ประจำถิ่นคนไหนออกอาละวาด เพียงแค่เอ่ยชื่อผู้กองคนนี้ ขาใหญ่ก็ขาใหญ่เถอะ ล้วนกลัวจนหัวหด ม้วนหัวเก็บหางกลับไปแทบไม่ทัน ครั้งหนึ่งมีคนอยากลองของอันธพาลคนนั้นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของห้างทองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอำเภอพาน ทั้งยังเป็นเจ้าของตลาดสดในตัวอำเภอ ทั้งส่งออก ทั้งรับซื้อ ผูกขาดเพียงเจ้าเดียวเด็กหนุ่มคนนี้ขูดรีดค่าแผงกับแม่ค้าเป็นอาจิณ อาศัยความเป็นเจ้าหนี้ปล่อยกู้ ลูกสาวบ้านไหนถูกตาต้องใจก็ถูกบังคับเอาตัวมาขัดดอก ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัว พวกตำรวจก็พากันปวดหัวเพราะทำอะไรขาใหญ่คนนี้ไม่ได้ แว่วว่าเบื้องหลังมีการส่งส่วยให้กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่วันนั้นจอมทัพแวะตลาดหลังเลิกงานเพื่อซื้อของสดกลับบ้าน ขณะส่งเงินให้แม่ค้า กลับถูกใครบางคนคว้าเงินไปจากมือ“อันนี้ถือเป็นค่าแผงวันนี้นะ”ผู้กองในชุดนอกเครื่องแบบปรายตามอง แต่อีกฝ่ายไม่ได้มองเขา ชายคนนั้นยังเป็นวัยรุ่น อายุไม่น่าเกินยี่สิบห้า ผ
ตอนพิเศษ 1 มิอาจเลือกทางเดินไม่คิดเลยว่าชีวิตของคนคนหนึ่งจะสามารถถูกกำหนดด้วยนามสกุลที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด พิมพ์ลดากดปิดรูปถ่ายของชายหนุ่มที่ถูกส่งมาทางอีเมลเป็นคนที่เท่าไหร่ไม่รู้โดยไม่แม้แต่จะสนใจอ่านรายละเอียดที่แนบมาด้วยเธอเบื่อเหลือเกิน นับแต่จำความได้ ชีวิตก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ทั้งเรื่องเรียน เรื่องสังคม กระทั่งเรื่องความรักขณะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นสายทางไกลที่เธอมิอาจเลี่ยงได้ บิดาของเธอนั่นเอง“คุณพ่อคะ ลดาเพิ่งจะ 20 เองนะ”มันเป็นประโยคเดิมๆที่เคยพูดกับบิดามาตลอดสองปีจนตอนนี้เธอหนีจากบ้านมาเรียนไกลถึงประเทศอังกฤษ บิดาก็ยังไม่เลิกจับคู่ทางการเมืองให้เสียที“อีกสามวันจอมทัพจะบินไปเยี่ยมหลานสาวที่โน้น ยายหนูมิริน ไปพบพี่เขาซะ คนนี้พ่อเลือกแล้ว”ลดาเบิกตากว้าง ครั้งนี้ไม่ใช่ประโยคคำถาม หากแต่เป็นประโยคคำสั่งที่เธอขัดขืนไม่ได้“คุณพ่อ!!!” เธอไม่อยากจะเชื่อเลย “ถ้าเขาเป็นญาติพี่ขุน ก็แปลว่าเป็นพวกในเครื่องแบบใช่ไหมคะ”ได้ยินปลายสายตอบกลับ“ใช่ น้องชายเจ้าขุน พ่อกำลังหมายตาจะให้เขาเข้ามารับตำแหน่งพันตรี ขึ้นตรงกับพ่อโดยตรง เขาทั้งหนุ่ม ทั้งขยัน อน







