กำจัดมารหัวขน
เรื่องนี้น่าประหลาดใจและชวนให้หงุดหงิด ก็คือการที่สวีหรันเฟยถามออกไปแล้ว กลับไร้คำตอบ ทั้งซานซือ และ
หนิเจี้ยนต่างทำท่าเหมือนคนน้ำท่วมปาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางรู้ว่าตนคงต้องคอยมองว่า แมวเทาตัวนั้นจะโผล่มาอีกเมื่อใด ซึ่งแน่นอน หนูที่อาละวาดย่อมเป็นฝีมือแมวปีศาจ เมื่อส่งขนมหัวผักกาดและลูกอมถั่วที่โรงเตี้ยม กับเหลาอาหารเรียบร้อย สวีหรันเฟยต้องพบเรื่องที่ไม่คาดฝันอีกหน คราวนี้กลายเป็นว่านางไม่อาจเดินทางกลับเรือนบรรพชนสกุลจ้าวได้ในทันที นั่นเป็นเพราะหนิงเจี้ยนปวดท้องอย่างหนัก
สถานการณ์เช่นนี้ ไม่น่าไว้วางใจ ดังนั้นจึงให้ซานซือ เปิดห้องพักพาหนิงเจี้ยนไปรอพบหมอตำแย แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายดาย เนื่องจาก จู่ๆ ประตูเมืองเปิดต้อนรับ คนแปลกหน้า ทั้งพ่อค้า ชาวต่างแคว้น และมือสังหารไม่ทราบฝ่าย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการมาเยือนของทหารที่มีเผยอี้ฮุ่ยนำทัพนั่นเอง ร้านค้าต่างๆ จึงปิดเร็วกว่าปกติ ใครที่ไม่อยากมีเรื่องกับพวกขุนนางพากันเก็บตัวเงียบ
“ไหวหรือไม่”
หนิงเจี้ยน ถูกทรมานร่างกายจากสามีมาไม่น้อย ครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นแจ้งความประสงค์ว่า ไม่ต้องการให้นางตั้งครรภ์ จึงหาทางทำลายมารหัวขนตลอดมา ทั้งป้อนยา ตบตี ซึ่งมันคงส่งผลร้ายถึงนางโดยตรง
“ท่านผู้มีพระคุณข้าคงไร้วาสนา และไม่อาจตอบแทนท่าน ใกล้ค่ำแล้ว กลับเรือนของท่านไปก่อนเถิด ปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่ ชีวิตข้าไม่อาจมีค่าเท่าความปลอดภัยท่าน” หนิงเจี้ยนเอ่ยเช่นนั้น เพราะประเมินได้ว่าเผยอี้ฮุ่ยเป็นคนกัดไม่ปล่อย สายตาที่อาฆาตแค้นก่อนหน้าที่เขาจะจากไป แจ้งชัดว่าต้องมีการเอาคืนแน่นอน
“เหลวไหล ข้าช่วยเจ้าแล้ว ไฉนจะทิ้งกันง่ายๆ อีกอย่างเด็กในท้องย่อมบริสุทธ์ เขาสมควรได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก”
“ท่านยังไม่เข้าใจ” หนิงเจี้ยนเอ่ยและเสียงเศร้า สีหน้าซีดราวกับศพ นั่นเป็นเพราะสังหรณ์ใจว่าอาจเกิดเรื่องร้ายทั้งกับตน และผู้มีพระคุณ อีกอย่างที่นางสืบรู้ก่อนหน้าคือ ยามนี้พวกที่ตายแล้วฟื้นกำลังจะคืนชีพ
“อย่าได้ห่วงข้า หรือผู้อื่น เป็นเจ้าที่ต้องดูแลตนและลูกในท้องให้ดี” สวีหรันเฟยเอ่ย พลางมองไปที่ประตู จนป่านนี้ซานซือซึ่งไปตามหมอตำแยยังไม่โผล่หน้ามา
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามได้ หนิงเจี้ยนพลันตัวสั่น และร้องว่าปวดท้องอย่างหนัก
“ตลอดเวลาข้าอยากมีลูกให้เขา แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่าย นับแต่คืนนั้นที่ข้า...” หนิงเจี้ยน ไม่อยากเอ่ยถึงแต่ก็จำได้ติดตาว่า ตนกับสามีออกเดินทางไปต่างเมือง คืนนั้นโรงเตี้ยมเต็ม จึงพักอาศัยที่อารามร้าง เมื่อกลางดึกเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ด้วยผู้ที่กำลังสับสะโพกใส่นางหาใช่คนรัก แต่เป็นบุรุษอื่นที่หื่นกระหาย และมีไฟราคะลุกโชน
น้ำวิสุทธิ์ของอีกฝ่าย ไม่ได้ถูกปลดปล่อยใส่เพียงแค่ในกลีบดอกไม้ หากทั้งทางปากนางก็ถูกบังคับให้กลืนกินลงท้อง
ความน่าอดสูที่เกิดขึ้น คือภาพความทรงจำที่เลวร้าย
แม้สามีจะทราบเรื่อง และบอกว่าให้อภัยแก่นาง ทว่าลึกๆ แล้ว ไฉนหนิงเจี้ยนจะไม่ล่วงรู้ การที่ถูกทำร้ายร่างกายบ่อยๆ ครั้ง อีกทั้งโดนตามล่าจากผู้ไม่เปิดเผยตัว จนสามีต้องเสียชีวิต อาจเป็นฝีมือของชายชั่วที่ข่มเหงนาง และฝ่ายนั้นอาจส่งคนมาตามตัวหนิงเจี้ยน กลับไปเพื่อเป็นทาสราคะ หรือไม่ก็ต้องการเด็กในท้อง เพื่อใช้ประโยชน์ในทางชั่วร้าย
เสียงพลุ และเสียงร้องรำทำเพลงดังขึ้นอยู่บนถนน สร้างความรำคาญอย่างหนัก ทั้งหมดมาจากกลุ่มคนที่หลั่งไหลเข้ามาในเมือง พลอยให้สวีหรันเฟยไม่สบายใจ และเมืองเผิงไม่ได้ใหญ่นัก พื้นที่จำกัด และตอนนี้สัมผัสได้ว่าไม่ปลอดภัย ด้วยมีคนชั่วปะปนอยู่ในทุกพื้นที่
กระทั่งหมอตำแยวัยชราก้าวมาพร้อมซานซือ ใบหน้างดงามจึงผ่อนคลาย
“ร่างกายนางอ่อนแอ อีกทั้งมีแผลฟกช้ำหลายแห่ง ที่สำคัญ คงต้องตรวจร่างกายโดยละเอียด”
หมอตำแยกกล่าว น้ำเสียงเครียดอยู่สักหน่อย
“หากคิดว่ารักษานางได้ ก็รีบทำเถิด”
“โถ ข้าเป็นเพียงหมอตำแย อีกอย่างอาการคนป่วยแจ้งชัดว่า ตั้งครรภ์และทารกที่อยู่ข้างในอาจมีอันตราย ข้าถนัดเพียงแต่ทำคลอด ไม่ใช่จะตรวจร่างกายผู้อื่นได้”
หมอตำแยไม่อยากกล่าวว่า พวกที่เป็นสตรีต่ำต้อยทำหน้าที่บำเรอกามให้แก่กลุ่มชนชั้นสูง และต้องตั้งครรภ์ ซึ่งยุคสมัยนั้น ตีค่าว่า ไม่ต่างจากหมา แมว หากยิ่งไร้คู่ครอง หรือเป็นหม้ายด้วยแล้ว คนที่ตั้งครรภ์ ล้วนไม่มีใครอยากคบค้า มักถูกเอารัดเอาเปรียบเสมอ จึงไม่ต่างจากทาสรับใช้ ที่ไม่มีวันสุขสบายตลอดชาติ
บทส่งท้าย สามเดือนผ่านไป เหยาหรูอวี้อยู่ไม่เป็นสุข นางไม่ได้อึดอัดในการอยู่เรือนรับรองสกุลหยาง ซึ่งตอนนี้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างจนกลายเป็นตำหนักนอกวังหลวงของมู่ชิงเฉินเฮ่อไปโดยปริยาย ตอนนี้สถานะของนางคือพระชายาของอีกฝ่าย หากกล่าวไปแล้วก็ตลก ด้วยตั้งใจขอหย่า แต่มู่ชิงเฉินเฮ่อถามว่า แล้วใครจะดูแลนาง ได้ยินคำถามแบบนั้น เหยาหรูอวี้ทั้งสับสน มึนงง และทำตัวไม่ถูก “หม่อมฉันอยากเป็นอิสระ และไม่จำเป็นต้องมีบุรุษใดคอยให้ความช่วยเหลือ” “ฮ่าๆ ๆ ฝีปากกล้า แต่ดูเหมือนไม่ได้มีความมั่นใจเลย หรูอวี้” “เฉินอ๋อง... สงสารลูกนกสักตัวเถิด ท่านกำลังทำให้หม่อมฉันสับสน และอย่างไรตอนนี้ ท่านก็ต้องดูแลอนุอี้ ไม่นานนางก็คลอดปีศาจน้อย เอ๊ย คลอดองค์ชายแสนน่ารักให้ท่านเลี้ยง” “หรูอวี้ รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้ากลับแคว้นของตนไม่ได้แล้ว” อ๋องหนุ่มใช้คำถามง่ายๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงดุดัน ทว่าเป็นยามนั้นที่เหยาหรูอวี้กลั้นน้ำตาไม่ไหว นางน้อยใจเป็นทุน และคิดถึงถิ่นฐานของตนด้วย “หม่อมฉันกลัว จากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่มีคนรัก ไม่มีใครสนใจ เป็นได้แค่ท่านหญิงโง่เขลาผู้
จ้าวหว่านอี้และคนของนาง รวมถึงเหยาหรูอวี้แต่งตัวเป็นชาวเมืองทั่วไป เพื่อมาส่งอาหารและยารักษาโรค และเมื่ออยู่ด้านนอก หลายสิ่งบอกให้รู้ว่าไม่ปกติ หลี่จิ้งอยู่ไม่ห่างจ้าวหว่านอี้ ฝ่ายเหยาหรูอวี้มีคนอารักขาตลอดเวลา “สังเกตหรือไม่ว่า แม้เราปลอมตัวออกมายังมีคนรู้ นั่นย่อมหมายความว่า ในเมืองเจี้ยนมีสายให้คนพวกนี้” เหยาหรูอวี้พยักหน้ารับ พอเดินผ่านกลุ่มผู้คน เข้าไปในส่วนที่ลึกสักหน่อย ก็คนมาล้อมหน้าล้อมหลัง “ดี ข้าขี้เกียจเสียเวลา” จ้าวหว่านอี้ไม่ได้ท้าทาย นางรอให้คนร้ายเผยตัวนั่นเอง อึดใจต่อมา มีระเบิดควันพวยพุง และมือสังหารหมายเข้ามาชิงตัวจ้าวหว่านอี้ ทว่าเป็นคนของมู่ชิงเฉินเฮ่อ และทหารอารักขาปกป้องนางไว้อย่างสุดกำลัง ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีมาก “คุณหนู!” พอรู้ว่ามีผู้ที่พุ่งเข้ามาหาตนคือใคร จ้าวหว่านอี้ก็หมุนตัวไปอีกด้าน แล้วพยักหน้าให้หลี่จิ้งช่วยจับตัวไว้ คนผู้นั้นเป็นวรยุทธ์ ฝ่ายหลี่จิ้งก็พอมีฝีมือบ้าง ทั้งคู่ปะมือกันอยู่สามสี่กระบวนท่า จ้าวหว่านอี้เห็นว่าคนของตนสูงวัย กว่าอาจเพลี่ยงพล้ำเลยตะโกนไปว่า
เช้าวันใหม่เกิดความโกลาหลที่หน้าประตูเมือง จ้าวหว่านอี้ขึ้นไปบนกำแพง มองลงไปด้านนอก เห็นว่ามีชาวบ้านทยอยเดินทางมาที่เมืองเจี้ยนอย่างไม่ขาดสาย ส่วนมากเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยามนี้ไม่มีการเปิดให้คนเข้ามาด้านใน เนื่องจากป้องกันภัยและโรคติดต่อราษฎร รวมถึงพวกที่แอบอ้างปะปนเข้ามาเพื่อสร้างความก่อก่อนดังนั้นทางการจึงจัดหาที่พักด้านนอก สร้างกระโจม หรือที่นอนชั่วคราว และให้มีโรงทานแจกจ่ายนอกประตูเมืองด้วย เหยาหรูอวี้ตามมาสมทบบนกำแพงเมือง นางเห็นผู้คนมากมายก็ใจเสีย “พวกเขาอพยพมาไม่หยุด ความหิวทำให้เกิดเรื่องมากมาย และข้าเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังแน่นอน” “ดังนั้นขจัดต้นตอของปัญหา แล้วดูแลปากท้อง เมืองรอบๆ นี้ส่วนมากไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม คงต้องการแรงงานเพาะปลูก อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมด แต่ดีกว่าการป้อนอาหารให้พวกเขาอยู่เช่นนี้” จ้าวหว่านอี้กล่าวจบ เหยาหรูอวี้ก็ทึ่งจัด “อนุอี้มองการณ์ไกล ข้าไม่แปลกใจเลย หากเจ้าจะเป็นผู้มอบทายาทให้แก่เฉินอ๋อง” หญิงสาวยิ้ม แล้วตอบกลับ “แต่คนที่ฮ่องเต้อยากให้เป็นพระชายาของเฉินอ๋องคือเจ้า” เหยาหรูอวี้โบกมือไปมา พ
สถานการณ์แจกจ่ายอาหารเป็นไปตามที่จ้าวหว่านอี้คาดเดาไว้ คนที่หิวโหยรอรับของกิน ไม่มีการบ่น หรือแสดงกิริยาให้คนของจ้าวหว่านอี้ต้องปวดหัว ทว่าเวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ฝ่ายของรองเจ้าเมืองก็แจ้งว่า ด้านนอกประตูเมือง มีชาวบ้านหลั่งไหลมามากกว่าเดิม ยามนี้นับแล้วเพิ่มขึ้นนับห้าร้อยชีวิต จ้าวหว่านอี้คิดถึงเรื่องในนิยายที่ตนเขียน และวางแผนรับมือให้ได้ จากนี้คือสิ่งที่ศัตรูนางกำลังก่อความวุ่นวาย จงใจให้มีผู้คนอดยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ภายในห้าวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเจี้ยน ให้เราต้องหาอาหารให้พวกเขาไม่ต่ำกว่าสองพันคน” “โอ้ คุณหนูหากมากมายถึงเพียงนั้น เกรงว่าข้าวที่ซื้อไว้คงไม่พอ อีกทั้งเสื้อผ้า ยารักษาโรคที่พวกเขาร้องขออีก” “ข้าเข้าใจ ตอนนี้มีคนวางแผนให้เราใช้เสบียงของสกุลหยางที่กำลังผ่านมาทางนี้ และข้าจะแบ่งมาสักส่วนหนึ่ง แล้วค่อยเติมกลับ” “หากทำเช่นนั้นจะไม่เป็นตามความต้องการของคนที่คิดร้ายต่อเราหรือเจ้าคะ” ซินเยว่ถามด้วยความอยากรู้ “เราต้องช่วยคนก่อน และข้าจะให้พวกที่ก่อกวน ชดใช้อย่างสาสม เพราะภัยน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากพวกเขาทำลายเขื่อน และย
หลี่จิ้งเข้ามาหาหญิงสาว รายงานสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น “คุณหนูเช้ามืดต้องออกเดินทาง คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อยก็ราวๆ สองวันเจ้าค่ะ สกุลหยางเลือกจัดงานเลี้ยงที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวง ดังนั้นแขกที่ไปจึงไม่ได้มากนัก แต่อย่างไรเสีย มีสตรีหลายคนที่ได้รับเชิญ รวมถึงคุณหนูเซียง” “เฮ้อ ตัวข้าตั้งแต่ถูกเฉินอ๋องฉุดตัวมา ก็ชอบอยู่ที่นี่ อีกอย่างเดินทางไกลๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ” “มิได้หรอกเจ้าคะ องค์ชายสามเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว นอกจากนั้นยังมีทหาร และบ่าวอีกไม่น้อย หากจะว่าไปก็เกินความจำเป็นอยู่มาก” เมื่อหลี่จิ้งกล่าวเช่นนั้น จ้าวหว่านอี้ก็ฉุกคิดหลายสิ่ง นางมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เป็นเรือนร้างอย่างที่มู่ชิงเฉินเฮ่อบอกก็จริง หากทุกอย่างสะดวกสบาย ท่าทางเขาไม่ได้ต้องการอนุเพิ่ม อีกอย่างในไม่ช้าเหยาหรูอวี้จะมาเป็นพระชายาของอีกฝ่าย ยามนี้มีหลายสิ่งที่จ้าวหว่านอี้ไม่เข้าใจ แต่นางจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ด้วยรับรู้ว่า เนื้อหาในนิยายยามนี้สามีเก่านางคือผู้ควบคุม นอกเหนือจากนั้น เรื่องสำคัญคือนางตั้งครรภ์ และไม่ใช่กับชายชู้ หากเป็นมู่ชิงเฉินเฮ่อ แล้วที่หวานชื่น อีกฝ่ายคลั่งรั
จ้าวหว่านอี้ไม่ได้โทษคนตัวโตสักนิด เป็นนางต่างหากที่อดทนต่อความซ่านสยิวไม่ได้ เสียแต่ว่าก่อนที่เขาจะปลดปล่อย ชายหนุ่มยังไม่พานางขึ้นสวรรค์ และน้ำอุ่นขาวข้นก็ทะลักออกมามากมาย จนนางกับเขาต่างอึ้งพอๆ กัน “เอ่อ ข้าเครียดไปสักหน่อย ภาระก็มาก เลย...อยากผ่อนคลายไวๆ” เขาเขิน ใช่... เหตุใดนางจะไม่รู้ การให้นางชักท่อนลำ แล้วใช้ลิ้น ปาก ดูดเล้าโลม สลับการครอบริมฝีปากเข้าออกลำอุ่นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ฝ่ายเขาก็หลั่งไหล ถึงนางจะมีความสุข แต่อดน้อยใจไม่ได้ “หม่อมฉันไม่ยอม ท่านพี่กินอิ่มคนเดียว แล้วยังทำท่าเหมือนจะหมดแรงด้วย” นางว่าและส่งสายออดอ้อน ด้วยความสิเน่หามากล้น ทั้งห่วงใยที่นางถูกขังคุกมู่ชิงเฉินเฮ่อเลยไม่ทันยั้งมือ เผลอสาดน้ำรักอย่างบ้าคลั่ง เปรอะทั้งใบหน้างาม และลูกกรงเหล็ก “เสี่ยวอี้ ข้าอึดและมีพลังมากแค่ไหน เจ้ารู้ดี เมื่อครู่แค่ตื่นเต้นมากไปสักหน่อย” “เช่นนั้นจงแสดงให้หม่อมฉันเห็นใหม่เถิดเพคะ” มู่ชิงเฉินเฮ่อ สูดลมหายใจลึก แน่นอนเขาจะทำเรื่องขายหน้าให้ตนเองด้วยการปลดปล่อยราวกับเด็กหนุ่มเข้าหอครั้งแรกไม่ได้อีกเป็นอันขาด “ปากเจ้า หน้าอ