“ฮ่าๆ ๆ ดี เช่นนั้น ข้าเผยอี้ฮุ่ย ก็จะซื้อทั้งทาสผู้นี้ แล้วก็แม่นางไปพร้อมกัน”
กล่าวไม่ทันจบดี เผยอี้ฮุ่ยก็คว้าร่างสวีหรันเฟยกลับคืน แล้วสูดกลิ่นกายแสนยั่วยวน จมูกโด่งซุกไซ้ร่างของสวีหรันเฟย
อย่างล่วงเกิน คนตัวใหญ่ทั้งแข็งแรง จึงทำให้สวีหรันเฟยยากจะขัดขืน ความรู้สึกน่าอดสูเป็นเช่นนี้ และมืออีกฝ่ายป่ายแปะสำรวจเนื้อตัวจองสวีหรันเฟยกระทั่งวางที่หน้าท้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเริ่มลูบไล้อย่างล่วงเกิน
สวีหรันเฟยตัวแข็งทื่อ
และแทบหยุดหายใจ และน้ำตาเอ่อคลอหน่วย ไม่ได้กลัว แต่โกรธ ทั้งรู้สึกว่าตนช่างอ่อนด้อย ไม่อาจรักษาศักดิ์ศรีของตน
“แม่นางเนื้อตัวนุ่มนิ่มดีแท้ ทว่า...หน้าท้องยื่นๆ นี่เล่า สวมเสื้อผ้าหลายชั้น เยี่ยงนี้ ต้องการปกปิดสิ่งใดไว้หรือ!?”
น้ำเสียงเผยอี้ฮุ่ยทั้งเย้าหยอก และต้องการข่มขู่อยู่ในที
สวีหรันเฟยโกรธที่ทำสิ่งใดตอบโต้อีกฝ่ายไม่ได้
“จู่ๆ แม่นางก็เป็นใบ้ขึ้นมา หรือว่าอับอายที่มีมารหัวขนซ่อนเอาไว้ในท้อง และไม่กล้าบอกผู้อื่น เพราะเด็กนั่นไม่มีพ่อ”
เผยอี้ฮุ่ยทำให้นางโมโหอย่างหนัก ร่างกายนี้จึงร้อนรุ่มขึ้น
“ดูเหมือนจะไม่สบายด้วย ดีเดี๋ยวข้าจะรักษาให้เอง แต่ก่อนอื่น ข้าจะพาแม่นางไปตรวจร่างกาย สตรีที่ครรภ์ในยามนี้ต้องเข้มงวดกว่าราษฎรคนอื่นๆ เพราะเป็นภัยร้ายแรง นับแต่มีกองทัพปีศาจออกอาละวาด”
ในห้วงเวลาที่สวีหรันเฟยย้อนเวลาเข้ามาในโลกนี้ สตรีที่สามารถตั้งครรภ์มีจำนวนน้อย และเด็กเหล่านี้จะมีความพิเศษ เรียกได้ว่ามีความอัจฉริยะเฉพาะด้าน ดังนั้นฝ่ายอธรรม หรือพวกต้องการใช้งานเด็กๆ จึงมักแย่งชิงตัวไป เพื่อฝึกฝน ทำเรื่องชั่วช้า ไม่ก็นำไปเป็นเงา (ตัวแทน) ของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง จึงกล่าวได้เด็กเหล่านี้ มีชะตากรรมที่น่าสงสาร หากตกอยู่ในคนชั่ว ยิ่งกว่านั้นเด็กทารกบางคนถูกนำไปปรุงเป็นยาด้วย
เมื่อสวีหรันเฟยไม่กล่าวคำใด เผยอี้ฮุ่ยก็ยิ่งย่ามใจ เขาเตรียมจะปลดสายรัดเอวของคนงาม ฝ่ายสวีหรันเฟยก็กัดฟันกรอดๆ ร่างกายยามนั้นไร้ทางขัดขืน ด้วยรองแม่ทัพหนุ่มฉวยโอกาสกัดจุดนางเอาไว้
“บัดซบ ทะ ท่านยังเป็นทหาร ที่มีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอยู่หรือ”
“ฮ่ะๆ ๆ นี่แหละคือการทำงานของข้า รัชทายาทไม่ต้องการให้บ้านเมืองนี้ มีกองทัพปีศาจอีก...”
สิ่งที่เผยอี้ฮุ่ยกล่าวคล้ายจะดึงให้สวีหรันเฟยนึกถึงคนที่สวมหน้ากากเหล็ก และนอนอยู่ใต้ตำหนักวิเวก
“ข้าแค่อยากตรวจร่างกายคุณชาย หากไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ไร้ปัญหา”
รองแม่ทัพกล่าวจบ สายรัดเอวของสวีหรันเฟยก็หวิดถูกกระชากขาด และสาบเสื้อหน้าอกหมิ่นเหม่จะถูกแหวกออกเผยให้เห็นผิวขาวอมชมพูด้านใน
แต่เป็นจังหวะเดียวกันนั้นที่ มีเสียงทหาร และชาวบ้านร้องดังขึ้น
หนะ หนู... หนูป่า!
ไม่ใช่แค่หนูนับร้อยตัวที่วิ่งเข้ามาในบริเวณนั้น แต่มันยังไล่กัดทหารของเผยอี้ฮุ่ยด้วย พอกลิ่นเลือดคละคลุ้ง หนูป่าเหล่านั้นก็ยิ่งแสดงความดุร้ายกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน เผยอี้ฮุ่ยเตรียมพาสวีหรันเฟยออกไปจากบริเวณนั้น แต่กลายเป็นว่าเซเสียหลัก เมื่อจู่ๆ ชายชราผู้หนึ่ง พุ่งถลามาชนเขาอย่างแรง พร้อมฝาดไม้เท้าไปมั่วๆ
ยามนั้นเป็นเผยอี้ฮุ๋ยที่ตัวแข็งค้างไม่อยากเชื่อว่า เส้นเอ็นจะยึดได้ง่ายๆ ซึ่งเกือบหนึ่งอึดใจ ใหญ่ๆ ถึงสามารถขยับตัว
คราวนี้เขาตวาดเสียงดัง ตั้งใจกลับเข้าไปฉุดลากของ
สวีหรันเฟยและหนิงเจี้ยนอีกหน แต่เป็นชายชราตาคนเดิมที่ร้องเสียงดัง ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
“ทหารรังแกประชาชน! ดูเอาเถิด เข้ามาเมืองเผิงเพื่อบังคับให้พวกเราส่งเสบียงไม่พอ ยังจับคนทำมาหากินไปเป็นนางและนายบำเรอให้ค่ายทหาร คนพวกนี้ ยังมีหน้าอยู่ในเมืองเผิงอีกหรือ!” ซานซือร้องเช่นนั้นอยู่สองสามหน ก็เป็นเหตุใดเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
ยามนั้น แคว้นปู้โจวไม่มีศึกภายนอก (หลังจากองค์ชายสาม เซียวเหิงจิ้นปราบกบฏ บ้านเมืองก็สงบ ฮ่องเต้ยังนั่งบัลลังก์มังกรต่อไป) แต่กลับมีการขูดรีดราษฎรอย่างหนัก โดยทางการอ้างว่าคือการเตรียมความพร้อมไว้ และผู้ที่เป็นขุนนางกังฉิน ส่วนมากมาจากฝ่ายของรัชทายาท ซึ่งเป็นขั้วอำนาจตรงข้ามกับเซียวเหิงจิ้น
กระทั่งซานซือเตรียมพาสวีหรันเฟยก้าวออกจากพื้นที่บริเวณนั้น ดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นแมวสีเทาที่ยืนอยู่บนหลังคาของภัตตาคารสูงสามชั้น ดวงตาของมันจ้องมาที่นาง ไม่รู้เหตุใด ดวงตาคู่นั้นช่างคล้ายกับบุรุษที่สวมหน้ากากเหล็ก
“พ่อบ้านซาน ชินอ๋อง... เอ่อ เซียวเหิงจิ้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าหรือไม่” คำถามของสวีหรันเฟยทำให้ทั้งซานซือ และหนิงเจี้ยนต่างหน้าถอดสี....
บทส่งท้าย สามเดือนผ่านไป เหยาหรูอวี้อยู่ไม่เป็นสุข นางไม่ได้อึดอัดในการอยู่เรือนรับรองสกุลหยาง ซึ่งตอนนี้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างจนกลายเป็นตำหนักนอกวังหลวงของมู่ชิงเฉินเฮ่อไปโดยปริยาย ตอนนี้สถานะของนางคือพระชายาของอีกฝ่าย หากกล่าวไปแล้วก็ตลก ด้วยตั้งใจขอหย่า แต่มู่ชิงเฉินเฮ่อถามว่า แล้วใครจะดูแลนาง ได้ยินคำถามแบบนั้น เหยาหรูอวี้ทั้งสับสน มึนงง และทำตัวไม่ถูก “หม่อมฉันอยากเป็นอิสระ และไม่จำเป็นต้องมีบุรุษใดคอยให้ความช่วยเหลือ” “ฮ่าๆ ๆ ฝีปากกล้า แต่ดูเหมือนไม่ได้มีความมั่นใจเลย หรูอวี้” “เฉินอ๋อง... สงสารลูกนกสักตัวเถิด ท่านกำลังทำให้หม่อมฉันสับสน และอย่างไรตอนนี้ ท่านก็ต้องดูแลอนุอี้ ไม่นานนางก็คลอดปีศาจน้อย เอ๊ย คลอดองค์ชายแสนน่ารักให้ท่านเลี้ยง” “หรูอวี้ รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้ากลับแคว้นของตนไม่ได้แล้ว” อ๋องหนุ่มใช้คำถามง่ายๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงดุดัน ทว่าเป็นยามนั้นที่เหยาหรูอวี้กลั้นน้ำตาไม่ไหว นางน้อยใจเป็นทุน และคิดถึงถิ่นฐานของตนด้วย “หม่อมฉันกลัว จากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่มีคนรัก ไม่มีใครสนใจ เป็นได้แค่ท่านหญิงโง่เขลาผู้
จ้าวหว่านอี้และคนของนาง รวมถึงเหยาหรูอวี้แต่งตัวเป็นชาวเมืองทั่วไป เพื่อมาส่งอาหารและยารักษาโรค และเมื่ออยู่ด้านนอก หลายสิ่งบอกให้รู้ว่าไม่ปกติ หลี่จิ้งอยู่ไม่ห่างจ้าวหว่านอี้ ฝ่ายเหยาหรูอวี้มีคนอารักขาตลอดเวลา “สังเกตหรือไม่ว่า แม้เราปลอมตัวออกมายังมีคนรู้ นั่นย่อมหมายความว่า ในเมืองเจี้ยนมีสายให้คนพวกนี้” เหยาหรูอวี้พยักหน้ารับ พอเดินผ่านกลุ่มผู้คน เข้าไปในส่วนที่ลึกสักหน่อย ก็คนมาล้อมหน้าล้อมหลัง “ดี ข้าขี้เกียจเสียเวลา” จ้าวหว่านอี้ไม่ได้ท้าทาย นางรอให้คนร้ายเผยตัวนั่นเอง อึดใจต่อมา มีระเบิดควันพวยพุง และมือสังหารหมายเข้ามาชิงตัวจ้าวหว่านอี้ ทว่าเป็นคนของมู่ชิงเฉินเฮ่อ และทหารอารักขาปกป้องนางไว้อย่างสุดกำลัง ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีมาก “คุณหนู!” พอรู้ว่ามีผู้ที่พุ่งเข้ามาหาตนคือใคร จ้าวหว่านอี้ก็หมุนตัวไปอีกด้าน แล้วพยักหน้าให้หลี่จิ้งช่วยจับตัวไว้ คนผู้นั้นเป็นวรยุทธ์ ฝ่ายหลี่จิ้งก็พอมีฝีมือบ้าง ทั้งคู่ปะมือกันอยู่สามสี่กระบวนท่า จ้าวหว่านอี้เห็นว่าคนของตนสูงวัย กว่าอาจเพลี่ยงพล้ำเลยตะโกนไปว่า
เช้าวันใหม่เกิดความโกลาหลที่หน้าประตูเมือง จ้าวหว่านอี้ขึ้นไปบนกำแพง มองลงไปด้านนอก เห็นว่ามีชาวบ้านทยอยเดินทางมาที่เมืองเจี้ยนอย่างไม่ขาดสาย ส่วนมากเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยามนี้ไม่มีการเปิดให้คนเข้ามาด้านใน เนื่องจากป้องกันภัยและโรคติดต่อราษฎร รวมถึงพวกที่แอบอ้างปะปนเข้ามาเพื่อสร้างความก่อก่อนดังนั้นทางการจึงจัดหาที่พักด้านนอก สร้างกระโจม หรือที่นอนชั่วคราว และให้มีโรงทานแจกจ่ายนอกประตูเมืองด้วย เหยาหรูอวี้ตามมาสมทบบนกำแพงเมือง นางเห็นผู้คนมากมายก็ใจเสีย “พวกเขาอพยพมาไม่หยุด ความหิวทำให้เกิดเรื่องมากมาย และข้าเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังแน่นอน” “ดังนั้นขจัดต้นตอของปัญหา แล้วดูแลปากท้อง เมืองรอบๆ นี้ส่วนมากไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม คงต้องการแรงงานเพาะปลูก อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมด แต่ดีกว่าการป้อนอาหารให้พวกเขาอยู่เช่นนี้” จ้าวหว่านอี้กล่าวจบ เหยาหรูอวี้ก็ทึ่งจัด “อนุอี้มองการณ์ไกล ข้าไม่แปลกใจเลย หากเจ้าจะเป็นผู้มอบทายาทให้แก่เฉินอ๋อง” หญิงสาวยิ้ม แล้วตอบกลับ “แต่คนที่ฮ่องเต้อยากให้เป็นพระชายาของเฉินอ๋องคือเจ้า” เหยาหรูอวี้โบกมือไปมา พ
สถานการณ์แจกจ่ายอาหารเป็นไปตามที่จ้าวหว่านอี้คาดเดาไว้ คนที่หิวโหยรอรับของกิน ไม่มีการบ่น หรือแสดงกิริยาให้คนของจ้าวหว่านอี้ต้องปวดหัว ทว่าเวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ฝ่ายของรองเจ้าเมืองก็แจ้งว่า ด้านนอกประตูเมือง มีชาวบ้านหลั่งไหลมามากกว่าเดิม ยามนี้นับแล้วเพิ่มขึ้นนับห้าร้อยชีวิต จ้าวหว่านอี้คิดถึงเรื่องในนิยายที่ตนเขียน และวางแผนรับมือให้ได้ จากนี้คือสิ่งที่ศัตรูนางกำลังก่อความวุ่นวาย จงใจให้มีผู้คนอดยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ภายในห้าวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเจี้ยน ให้เราต้องหาอาหารให้พวกเขาไม่ต่ำกว่าสองพันคน” “โอ้ คุณหนูหากมากมายถึงเพียงนั้น เกรงว่าข้าวที่ซื้อไว้คงไม่พอ อีกทั้งเสื้อผ้า ยารักษาโรคที่พวกเขาร้องขออีก” “ข้าเข้าใจ ตอนนี้มีคนวางแผนให้เราใช้เสบียงของสกุลหยางที่กำลังผ่านมาทางนี้ และข้าจะแบ่งมาสักส่วนหนึ่ง แล้วค่อยเติมกลับ” “หากทำเช่นนั้นจะไม่เป็นตามความต้องการของคนที่คิดร้ายต่อเราหรือเจ้าคะ” ซินเยว่ถามด้วยความอยากรู้ “เราต้องช่วยคนก่อน และข้าจะให้พวกที่ก่อกวน ชดใช้อย่างสาสม เพราะภัยน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากพวกเขาทำลายเขื่อน และย
หลี่จิ้งเข้ามาหาหญิงสาว รายงานสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น “คุณหนูเช้ามืดต้องออกเดินทาง คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อยก็ราวๆ สองวันเจ้าค่ะ สกุลหยางเลือกจัดงานเลี้ยงที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวง ดังนั้นแขกที่ไปจึงไม่ได้มากนัก แต่อย่างไรเสีย มีสตรีหลายคนที่ได้รับเชิญ รวมถึงคุณหนูเซียง” “เฮ้อ ตัวข้าตั้งแต่ถูกเฉินอ๋องฉุดตัวมา ก็ชอบอยู่ที่นี่ อีกอย่างเดินทางไกลๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ” “มิได้หรอกเจ้าคะ องค์ชายสามเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว นอกจากนั้นยังมีทหาร และบ่าวอีกไม่น้อย หากจะว่าไปก็เกินความจำเป็นอยู่มาก” เมื่อหลี่จิ้งกล่าวเช่นนั้น จ้าวหว่านอี้ก็ฉุกคิดหลายสิ่ง นางมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เป็นเรือนร้างอย่างที่มู่ชิงเฉินเฮ่อบอกก็จริง หากทุกอย่างสะดวกสบาย ท่าทางเขาไม่ได้ต้องการอนุเพิ่ม อีกอย่างในไม่ช้าเหยาหรูอวี้จะมาเป็นพระชายาของอีกฝ่าย ยามนี้มีหลายสิ่งที่จ้าวหว่านอี้ไม่เข้าใจ แต่นางจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ด้วยรับรู้ว่า เนื้อหาในนิยายยามนี้สามีเก่านางคือผู้ควบคุม นอกเหนือจากนั้น เรื่องสำคัญคือนางตั้งครรภ์ และไม่ใช่กับชายชู้ หากเป็นมู่ชิงเฉินเฮ่อ แล้วที่หวานชื่น อีกฝ่ายคลั่งรั
จ้าวหว่านอี้ไม่ได้โทษคนตัวโตสักนิด เป็นนางต่างหากที่อดทนต่อความซ่านสยิวไม่ได้ เสียแต่ว่าก่อนที่เขาจะปลดปล่อย ชายหนุ่มยังไม่พานางขึ้นสวรรค์ และน้ำอุ่นขาวข้นก็ทะลักออกมามากมาย จนนางกับเขาต่างอึ้งพอๆ กัน “เอ่อ ข้าเครียดไปสักหน่อย ภาระก็มาก เลย...อยากผ่อนคลายไวๆ” เขาเขิน ใช่... เหตุใดนางจะไม่รู้ การให้นางชักท่อนลำ แล้วใช้ลิ้น ปาก ดูดเล้าโลม สลับการครอบริมฝีปากเข้าออกลำอุ่นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ฝ่ายเขาก็หลั่งไหล ถึงนางจะมีความสุข แต่อดน้อยใจไม่ได้ “หม่อมฉันไม่ยอม ท่านพี่กินอิ่มคนเดียว แล้วยังทำท่าเหมือนจะหมดแรงด้วย” นางว่าและส่งสายออดอ้อน ด้วยความสิเน่หามากล้น ทั้งห่วงใยที่นางถูกขังคุกมู่ชิงเฉินเฮ่อเลยไม่ทันยั้งมือ เผลอสาดน้ำรักอย่างบ้าคลั่ง เปรอะทั้งใบหน้างาม และลูกกรงเหล็ก “เสี่ยวอี้ ข้าอึดและมีพลังมากแค่ไหน เจ้ารู้ดี เมื่อครู่แค่ตื่นเต้นมากไปสักหน่อย” “เช่นนั้นจงแสดงให้หม่อมฉันเห็นใหม่เถิดเพคะ” มู่ชิงเฉินเฮ่อ สูดลมหายใจลึก แน่นอนเขาจะทำเรื่องขายหน้าให้ตนเองด้วยการปลดปล่อยราวกับเด็กหนุ่มเข้าหอครั้งแรกไม่ได้อีกเป็นอันขาด “ปากเจ้า หน้าอ