บ้านเฉิง
“ซูจ๋าย นอนพักอยู่ชั้นบนลูกควรจะหาเวลาพักผ่อนบ้าง ซูจ๋ายก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรซูจ๋ายนอนพักก็ดีแล้วแต่คนที่ควรพักจริงๆควรเป็นลูกนะเฉิงซีหยวน”
เฉิงซีหยวนยิ้มเศร้าๆ
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วงผม”
“วันนี้กลับมาก็ต้องเข้าไปคอยเอาใจซูจ๋ายคอยป้อนข้าวป้อนนำลูกไม่อยู่เธอก็ไม่ยอมกินยา เด็กรับใช้ในบ้านมากมายหาที่รู้ใจซูจ๋ายสักคนคอยป้อนข้าวป้อนยา ลำพังกิจการของอวิ๋นเฉิงกรุ๊ปก็หัวหมุนพอแล้ว”
“ผมค่ไม่อยากให้ซูจ๋ายรู้สึกว่าผมไม่ใส่ใจเขาเรื่องแบบนี้เป็นผมที่ทำให้เขาจะดีกว่าให้คนอื่นทำ”คุณเสวียเต่อส่ายหน้าไปมา
“แล้วเรื่องฝากไข่ไปถึงไหนแล้วแน่ใจหรือว่าพอมีลูกอาการของซูจ๋ายจะดีขึ้น แม่ว่าจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่คนป่วยอย่างไรจะเลี้ยงดูทารกได้”
“ครับ ผมตั้งใจเซอร์ไฟรส์ซูจ๋ายสองสามอาทิตย์ก่อนพาเขาไปพบคุณหมอ และจัดการหลายเรื่องเรียบร้อยไปแล้วครับ เรื่องเลี้ยงทารกคงต้องหาทางออกอีกที”
“ยินดีด้วย แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้หรืออาจจะเป็นสวรรค์กำหนดไว้แล้วซูจ๋ายร้่างกายไม่ค้่อยแข็งแรงดีที่ยังตกไข่ให้มีทายาท”เฉิงซีหยวนยิ้ม
“คุณหมอถงเก่งครับ หากงานนี้สำเร้จตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลของอวิ๋นเฉิงคงต้องยกให้คุณหมอถงอย่างเสียไมไ่ด้ไม่เสียแรงที่ผมทุ่มเทสร้างโรงพยาบาลเพื่อพัฒนาเรื่องนี้โดยเฉพาะ”ยิ้มภูมิใจ คุณเสวียเตอถอนหายใจ
“ดีแล้ว”อยากจะพูดต่อว่าหากถึงวันที่เฉิงซีหยวนต้องกล่าวคำลาซูจ๋ายเพราะไม่สามารถรั้งซูจ๋ายที่ป่วยหนักได้อีกก็ยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของซูจ๋ายจะพูดไปก็กลัวว่าเฉิงซีหยวนจะยิ่งเศร้าโศก
“พี่เขยมาแล้ว”สาวน้อยซูจิงเดินลงมาจากชั้นบน สีหน้าแววตาบอกว่าดีใจ
เหลือบตามองคุณเสวียเตอ
เดินมายืนตรงหน้าเฉิงซีหยวน
“พี่สาวเรียหาพี่เขยทั้งวันซูจิงให้กินยาแล้วก็หลับไปแล้วก่อนนอนยังบ่นว่าวันนี้ไม่เห็นหน้าพี่เขยก่อนไปทำงาน”
เฉิงซีหยวนรีบสาวเท้ายาวๆก้าวขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน
“ขอตัวค่ะ”หันมาก้มศีรษะให้กับคุณเสวียเตอ ที่ทำสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างถือวิสาสะ
“คุณ ซีหยวนมาแล้วหรือ”เด็กรับใช้สองคนรีบก้มตัวเอินออกจากห้องที่จัดไว้อย่างสะอาดสะอ้านสวยงาม ร่างผอมบางนอนทอดกายเหยียดยาวบนเตียงกว้างที่ชีดหน้าต่างกระจกบานใหญ่สามารถมองออกไปเห็นดอกไม้หลากสีและกระต่ายที่เลี้ยงแบบปล่อยกำลังกินแครอทสดๆที่พ่อบ้านนำมากองไว้ตรงกับห้องนอนของซูจ๋ายใบหน้าสวยทว่าซีดขาวตัดกับลิปสติกสีแดงที่ฉาบอยู่บนริมฝีปากเพื่อกลบเกลื่อนริมฝีปากที่คล้ำดำ ดวงตาอ่อนล้าโรยแรงแต่รอยยิ้มยังงดงามเสมอสำหรับเฉิงซีหยวน
เขานั่งลงกุมมือซูจ๋ายไว้แน่น
“วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น เลยรีบออกจากบ้านแต่เช้า ผมความจริงตั้งใจจะบอกคุณก่อนหน้านั้นแต่มาวันนี้ได้โอกาสก็เลยคิดว่าควรพูดกับคุณเสียจะได้ไม่ต้องคอยกังวล มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขออนุญาตคุณ”
ซูจ๋ายยิ้ม บางๆยกมือของเฉิงซีหยวนขึ้นมาจูบเบาๆแล้วเอาไปแนบแก้มเย็นซืด
“คุณทำไมจะต้องเกรงใจซูจ๋ายขนาดนั้น แค่ไม่เห็นคุณก็เลยคิดว่าคุณงานยุ่งเมื่อคืนซูจ๋ายนอนไม่หลับคุณก็คอยอยู่ข้างๆจนหลับไปตอนใกล้สว่าง ไม่คิดว่าคุณยังไปที่อวิ๋นเฉิงกรุ๊ปได้อีก วันนี้มาบอกว่ามีเรื่องขออนุญาตซูจ๋ายเข้มงวดกับคุณเกินไปหรือไรจำได้ว่าเคยเห็นคุณเป็นแบบนี้ตอนที่คุณขอเป็นแฟนกับซูจ๋าย ตอนนี้คุณทำเสียงตื่นเต้นเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด”เฉิงซีหยวนยิ้ม
“ผมแค่กำลังจะบอกคุณว่าผมต้องไปดูการก่อสร้างอวิ๋นเฉิงกรุ๊ปที่เมืองxxxxแต่สัญญาว่าจะแวะมาหาคุณวันเว้นวัน”ซูจ๋ายยิ้ม
“เรื่องเล็กน้อยทำตื่นเต้นเหมือนกับจะขอมีภรรยาใหม่อย่างนั้น”เฉิงซีหยวนอมยิ้มปกติแล้วหากไม่ป่วยไข้ซูจ๋ายเป็นคนที่มีอารมณ์ขันมากมาย
“ไม่มีใครนอกจากคุณ”ก้มลงจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน
“คุณจะไม่เหงาใช่ไหม”ซูจ๋ายยิ้ม
“วันเว้นวันไม่เหงาหรอกค่ะ ซูจิงจะมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวน้องเพิ่งกลับจากต่างประเทศเรียนจบมาแล้วไม่อยากอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ ซูจิงจึงขอมาอยู่ที่นี่ด้วย พอดีเลยซีหยวนไม่อยู่ก็ยังมีคนคอยดูแลเรื่องยา”
“คงจะต้องตอบแทนน้องสาวของคุณ”ซูจ๋ายยิ้ม
“ไม่จำเป็นค่ะ”ซูจ๋ายยังพูดยิ้มๆ
“จำเป็นสิเพราะผมอยากจะให้น้องคุณก็เหมือนน้องของผม”ซูจ๋ายก้มหน้ามองมือของซีหยวน
“ลืมถามเรื่องฝากไข่ คุณหมอถงบอกว่าอีกไม่กี่วันจะเรียบร้อยซีหยวนคุณแวะไปที่โรงพยาบาลบ้างหรือเปล่าเรื่องการฝากไข่ไปถึงไหนแล้ว ที่หมอถงรับปากว่าจะหาคนที่ไว้ใจได้คนที่ไม่ผูกมัดมาอุ้มท้องลูกของเราตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนแล้ว”ดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงเรื่องที่เคยวาดฝันไว้ร่วมกัน เฉิงซีหยวนยิ้ม
“คุณหมอกำลังคัดสรรคนสำหรับอุ้มท้องลูกของเรา คงอีกไม่นานเกินรอคุณทำลืมไปไม่นานหากมีความคืบหน้าผมจะรีบบอกคุณ”
“ซูจ๋ายแอบหวั่นใจว่าไข่ที่ให้ไปจะไม่ดีพอสำหรับการฝากไข่ คุณหมอบอกไหมค่ะว่ามีปัญหาเหล่านี้”เฉิงซีหยวนส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่มีปัญหาอะไรแค่รอคนที่.. เหมาะจะมาเป็นคนอุ้มท้องลูกของเราสองคนอย่างที่ผมบอก หมอถงเป็นหมออันดับหนึ่งในเรื่องนี้ หากเขาบอกว่าได้ก็ต้องได้”ซูจ๋ายยิ้มดวงตาเป็นประกายสดใส ยกแขนโอบรอบลำคอของเฉิงซีหยวน
“ซีหยวน ที่ใจดีที่สุดที่หล่อที่สุดกำลังจะเป็นพ่อคนใช่ไหม คุณจะเป็นพ่อที่ดี แค่ไหนนะอยากเห็นคุณอุ้มทารกเล็กๆในอ้อมแขนจะอ่อนโยนแค่ไหนในเมื่อซีหยวนเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุด ซูจ๋ายดีใจด้วยค่ะ”เฉิงซีหยวนโอบกอดซูจ๋ายเกลือกลิ้งใบหน้าลงที่แก้มของซูจ๋ายเบาๆ
“คุณเฉิง…อย่า…อย่าทำแบบนี้” เหรินเหมยร้องเสียงสั่น“ทำไมเธออยากให้ฉันเป็นสามีไม่ใช่เหรอ ฉันมานี่แล้วไงมาเป็นสามีอย่าที่เธอต้องการ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะบดริมฝีปากลงอย่างรุนแรง เหรินเหมยส่ายหน้าไปมาจูบแสนวาบหวาม รุนแรงจนแทบขาดใจ…มือของเขาลูบไล้แผ่นหลังเธอ ไล่ต่ำลงเรื่อย ๆ จนหญิงสาวสะท้านเฮือก น้ำตาร่วงทั้งที่ริมฝีปากยังจูบถูกรุกล้ำเธอสั่นไปทั้งตัว ทั้งกลัว ทั้งเจ็บเฉิงซีหยวนล้วงมือเข้าไปในกระโปรงดึงกางเกงในตัวจิ๋วทิ้งไปเหรินเหมยสะดุ้งเฺฮือก“คุณเฉิงได้โปรดอย่าทำแบบนี้…” เธอร้องไห้เบาๆเฉิงซีหยวนลากเหรินเหมยขึ้นไปบนเตียง กดข้อมือตรึงร่างอวบไว้ใต้ร่างแกร่งของเขา“อย่าทำแบบนี้ ฉันมีลูกของคุณในท้อง” เฉิงซีหยวนยิ้มหยันกดปิดริมฝีปากแดงไม่สนใจรอยน้ำตา“ได้โปรด” เหรินเหมยสะอื้นอย่างหนัก“จะร้องทำไมกำลังจะสมใจแล้วเธออยากให้เป็นแบบนี้นี่ อยากเป็นเมียฉันจนตัวสั่นลงทุนอุ้มท้อง”“ไม่…ฉันเกลียดคุณไม่ได้อยากเป็นของคุณ” เฉิงซีหยวนก้มลงปิดปากบางไว้เสียเหรินเหมยทุบกำปั้นลงบนอกแกร่งดังหินผาที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยจังหวะนั้นเองเหรินเหมยกำลังจะกรีดร้องด้วยความกลัวประตูถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง ร่า
เสียงฝนตกพรำลงบนกระจกหน้าต่างของบ้านเฉิงอย่างช้า ๆ แต่ไม่มีเสียงใดดังเท่ากับเสียงลมหายใจหอบถี่ของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องนอนชั้นบนสุดซูจ๋ายกำมือแน่นเมื่อความปวดหนึบแล่นไปทั่วช่องท้อง เธอก้มลงกอดตัวเอง ร่างบางสั่นสะท้าน ริมฝีปากซีดเผือด มือที่เคยประณีตประดับแหวนเพชรในอดีตบัดนี้เย็นเฉียบและไร้เรี่ยวแรง“ซูจิง… ซูจิง…!” เสียงแหบพร่าเรียกน้องสาวของตนเบา ๆ ก่อนที่ร่างจะทรุดลงกับพื้นพรมในห้องนอนอย่างหมดแรงเสียงเรียกรถพยาบาลด่วน เสียงฝีเท้าของคนรับใช้ และเสียงร้องไห้ของซูจิงประสานกันกลายเป็นฉากโกลาหลในค่ำคืนอันหนาวเหน็บเมื่อเฉิงซีหยวนมาถึงโรงพยาบาล เขาถอดสูทลวก ๆ แล้วรีบตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ร่างสูงหยุดชะงักที่หน้าประตู ดวงตาเขามืดมน ดวงใจหนักอึ้งเหมือนมีหินพันก้อนถ่วงไว้“ซูจ๋ายเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ถามซูจิงที่หน้าตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“หมอบอกว่าเธอเครียดเกินไป... ทั้งเรื่องอาการป่วยและเรื่องของพี่เขย... ทั้งหมดพี่สาวเขาเก็บไว้คนเดียวหมดเลย” ซูจิงพูดเสียงสั่น “พี่เขยรู้ไหม...ช่วงนี้พี่เขยไม่เคยมองพี่ซูจ๋ายเลย ไม่แม้แต่จะถามว่าพี่ซูจ๋ายกินข้าวหรือยัง...”เฉิงซีหยวนกำมื
ค่ำคืนในบ้านตระกูลเฉิงเงียบสงบจนน่าประหลาด แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นสาดส่องเงาบางๆ บนผนังที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะของครอบครัว…บัดนี้มีเพียงเสียงถอนหายใจสลับกับกลิ่นบรั่นดีเจือจางในอากาศเฉิงซีหยวนนั่งกอดอกบนโซฟา แก้วบรั่นดีอยู่ในมือ สายตาเหม่อลอยไปยังเงาสะท้อนในกระจกข้างห้อง ข้างกายเขาคือชาไช้…ซึ่งนั่งเงียบๆ อยู่อีกมุมหนึ่ง มือถือแก้วบรั่นดีที่เกือบหมดแก้วแน่นราวกับยึดเหนี่ยวความอดทนของตัวเองไว้"นายเชื่อชาไช้…" เสียงเฉิงซีหยวนขาดห้วงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่ออย่างแผ่วเบา “…ว่าคนอย่างฉันจะหวั่นไหวกับใครบางคนได้อีกคนในเมื่อตลอดมาฉันมีแต่ซูจ๋ายคนเดียวในใจ"ชาไช้หันมองพี่ชาย ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นกับเขาเฉิงซีหยวนหลับตาแล้วพูดต่อ “จีเหรินเหมย…เธอไม่ได้พยายามทำอะไรเลย แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เงียบๆ …แต่ใจฉันมันโคลงเคลงทุกครั้งที่เห็นเธอเจ็บ หรือแม้แต่ยิ้ม...นายว่ามันเป็นไปได้หรือ"น้ำเสียงเขาแผ่วลงอีกขณะสบตากับชาไช้ที่เอาแต่ถอนหายใจ ยกแก้วบรั่นดีในมือขึ้นกระดกราวกับจะกลั่นความจริงจากความเมา"บางคืน…ที่ฉันสะดุ้งตื่นเพียงแค่อยากจะไปที่บ้านบนเขา ไปหาเหรินเหมย อยากจะบอกว่าฉันที่กลับทำเหมือนเป็นหน้าที
“ผมขอโทษ ผมสัญญาจะไม่ทำให้คุณต้องคิดมากอีกแล้ว ขอโทษที่ทิ้งคุณให้จมอยู่กับความเศร้า” ซูจ๋ายยิ้มบางๆ ยกมือเฉิงซีหยวนขึ้นแนบที่แก้มขาวซีด“ไม่ต้องขอโทษ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณที่คุณยังอยู่ด้วยกันคุณยังไม่ทิ้งกัน” เฉิงซีหยวนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ก้มลงจูบที่หน้าผากของซูจ่ายเบาๆ“ไม่มีทางผมไม่มีทางจะทิ้งคุณ เชื่อเถอะผมยังมีคุณคนเดียวในใจ” กอดรวบร่างซูบซีดของซูจ่ายไว้ในอ้อมแขนซูจ๋ายปล่อยน้ำตาไหลรินในแบบที่ไม่ต้องกักเก็บมันอีกต่อไปณ บ้านบนเขา ชาไช้กำลังช่วยเหรินเหมยรดน้ำดอกไม้วันนี้เหรินเหมยไม่มีอาการแพ้ท้องตื่นมาด้วยสีหน้าสดใส หรืออาจเพราะทำใจได้บ้างแล้วว่าเฉิงซีหยวนไม่มา บัวรดน้ำอยู่ในมือ ชาไช้รีบคว้าบัวรดน้ำไว้เพราะกลัวว่าจะหนักเกินไปเกินกว่าคุณแม่อุ้มท้องจะยกไหวมือของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกันในจังหวะหนึ่ง เหรินเหมยชะงัก แต่ก็ไม่ได้ดึงมือกลับในทันที ชาไช้ยิ้ม“เฮ้อ ….กลัวผมขนาดนั้นเลยหรือ” ชาไช้พูดขึ้นดังๆ“คุณน่ากลัวนี่” พูดยิ้มๆ“เอาน่าถือว่าช่วยๆ กันงานดูแลคุณนี่คืองานแรกของผมเลยนะ” เหรินเหมยอมยิ้ม“จะไม่ผ่านโปรเอาน้าาา” เหรินเหมยยิ้ม รู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป มีเพียงชาไ
ในเช้าวันฝนตกพรำๆ เธอกำลังเลือกดอกคาร์เนชั่นสีขาวเพื่อนำไปเยี่ยมสุสานของแม่ มือหนึ่งถือร่ม อีกมือแตะกลีบดอกอย่างอ่อนโยน“เหรินเหมย”เสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง เสียงทุ้มต่ำที่ทำให้ขมวดคิ้วเฉิงซีหยวนอย่างนั้นหรือ เธอหันกลับมา พลันสบตากับชาไช้ในชุดสูทที่เปียกฝนเล็กน้อยจากการวิ่ง“คุณมาที่นี่ได้ยังไง” เหรินเหมยถามน้ำเสียงแผ่ว“ผมแวะผ่านมา…และคิดว่าคุณน่าจะอยู่ตรงนี้” เขาตอบเรียบง่าย ก่อนจะเดินเข้ามากางร่มให้เธอแทน“คุณมาคนเดียวอีกแล้ว” เขาว่า พลางช่วยถือช่อดอกไม้จากมือเธอเหรินเหมยไม่ตอบ แค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง“คุณมาคนเดียวใช่ไหม” เธอพูดเบา ๆ เหมือนกับบอกกับตัวเองมากกว่าตอบเขาชาไช้ไม่ซักถาม ไม่ตำหนิ ไม่แม้แต่จะปลอบประโลมด้วยถ้อยคำพร่ำเพรื่อ เขาแค่ยืนข้างเธอ ยื่นร่มให้ครอบหัวทั้งสองไว้ไม่ให้เปียกฝน“ผมจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ” เขาพูดเบาๆ“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ…”“แต่ผมอยากจะยืนข้างๆ คุณ” ชาไช้พูด สีหน้าของเขานิ่งแต่ชัดเจนเหรินเหมยมองเขาอย่างลังเล ก่อนจะยอมปล่อยให้เขายืนเคียงข้างที่หน้าหลุมศพเรียบง่ายในสุสานชานเมือง สองคนยืนเงียบงัน ฝนยังโปรยปราย ราวกับท้องฟ้าเองก็รั
เหรินเหมยเดินช้าๆ มาตามทางดินปูด้วยหินเล็ก เสียงรองเท้ากระทบพื้นแผ่วเบา ในมืออุ้มกล่องพัสดุที่คนส่งไม่ได้ลงชื่อ แต่เธอรู้ทันทีตั้งแต่เห็นลายมือบนโน้ตแผ่นเล็ก“ดื่มก่อนนอน สบายท้องดี”ข้อความสั้นๆ แต่ทำให้หัวใจเหรินเหมยไหววูบกล่องใบนี้คือหนึ่งในหลายกล่องที่ส่งมาทุกๆวัน บ้างเป็นขนมที่เธอชอบ บ้างเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ บางครั้งเป็นหมอนรองขา หรือเทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ช่วยให้นอนหลับง่ายยามแพ้ท้องหนักเขาไม่เคยมาด้วยตัวเองอีกเลยนับจากคืนนั้นแต่การหายไปของเขา ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกว่าเขา หายไปจริงๆทุกกล่อง ทุกข้อความ ทุกความใส่ใจจากระยะไกล คือหลักฐานว่าหัวใจของเขายังวนเวียนอยู่รอบเธอไม่ห่าง“คุณจีขา คุณเฉิงส่งของมามากขนาดนี้เกือบจะเต็มบ้านแล้ว คุรเแิงเขาห่วงคุณจีจริงๆนะคะ”เสี้ยวจี้พูดขึ้น เหรินเหมยถอนหายใจยาว“เขาแค่ทำไปตามหน้าที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันใช้จริงหรือเปล่ามีเงินก็แค่ซื้อแล้วก็ส่งเงินเขาเยอะอยู่แล้วเรื่องแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก”“แต่คุณจีขาเขาใจดีจริงๆนะคะแต่ก่อนเสี่ยวจี้ตกงานเขาก็รับอย่างไม่ลังเลทั้งที่ไม่รู้ว่าจะรับไปทำไมด้วยซ้ำ”เหรินเหมยพักหน้าขึ้นลงอี