คาเฟ่แห่งหนึ่ง“ที่นี่เลยค่ะคุณจี อีกยี่สิบนาทีคุณชงซูจิงจะมาถึง” เหรินเหมยพยักหน้ายิ้มๆ เดินเข้าไปข้างในจือหรานทักทายคนในร้านอย่าสนิทสนมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ถูกนำมาเสริ์ฟ เหรินเหมยยกแก้วขึ้นมาส่องดู“นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาพวกนี้”จือหรานยิ้ม“หายากนะคะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดีที่สุดแบบคุณจีเป็นแบบอย่างที่ดีจนฉันคิดว่าไม่มีใครทำได้เหมือนคุณอีกแล้ว”“ฉันไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องกินของพวกนี้นี่ แล้วการไม่ดื่มกินของพวกนี้ก็ดีต่อสุขภาพนะ”“มิน่าคุณถึงดูผิวพรรณดีอ่อนเยาว์” ซูจิงเดินเข้ามาในตัวอาคารด้วยเสื้อผ้าที่มองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าราคาแพงระยับ“ขอโทษที่มาช้า” จือหรานลุกขึ้นขยับให้ซูจิงนั่งลงตรงหน้าจีเหรินเหมยส่วนจือหรานเดินเข้าไปกระซิบกับบริกรเรื่องเครื่องดื่มของซูจิงตามแบบของการบริการลูกค้าที่ดี พร้อมกับสั่งอาหารสองสามอย่างเหรินหมยยิ้มน้อยๆ“ไม่คิดว่าคุณอายุยังน้อยได้ยินว่าทีมงานของคุณมีคุณภาพสูงฉันเลยคิดว่าผู้บริหารจะต้อง ..มีอายุสักหน่อย”จ้องมองใบหน้าใสแต่งแต้มเพียงบางเบาของจีเหรินเหมยแล้วนึกอิจฉาคนอะไรจะหน้าเนียนใสรูปหน้าปากคอคิ้วคางเข้ารูปรับกันได้ดี
“คุณจะทำร้ายเธอหรือครับ”“นี่นายคิดว่าคนอย่างฉันทำร้ายผู้หญิงหรือ ฉันนะใจดีจะตายเบาะๆก็แค่สั่งสอนให้รู้ว่าไม่ควรดื่มในเมื่อเป็นแม่ของลูกฉัน” แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งที่ตัวเองกำลังจะแต่งงาน แล้วมีสิทธิ์อะไรมาแสดงความเป็นเจ้าของทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน“ถ้าเป็นเมื่อก่อน…ไม่แน่ครับแต่ตอนนี้ผมว่าคุณปล่อยคุณจีไปเถอะครับเธอน่าสงสารปากกัดตีนถีบเพื่อหาเลี้ยงลูกถึงสองคน”“นั่นสินะแต่ก็ไม่ควรมานั่งดื่มสบายใจแบบนี้ลูกฉันรอแม่กลับบ้านเป็นแม่ภาษาอะไร คงมาดื่มจนชินสินะถึงดื่มเก่งขนาดนั้น”เหรินเหมยกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ลงคออีกอึกใหญ่ จือหรานดึงแก้วในมือมาดื่มเสียเอง“พอแล้วค่ะคุณจีคุณไม่ควรดื่ม เร็วขนาดนี้การดื่มเร็วๆ แบบนี้ทำให้เมาง่าย แล้วยิ่งคุณไม่เคยดื่ม”ความเครียดแม้จะสะกดกลั้นไว้ภายในได้แต่ภายนอกก็ต้องแสดงออกจีเหรินเหมยคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรจึงจะบอกยกเลิกการเป็นผู้จัดการงานแต่งงานของเฉิงซีหยวนได้เอาจริงๆ ไม่อยากได้ยินชื่อของเขาด้วยซ้ำไป“ฮะฮะไม่เมาหรอกน่าคุณซูจิงตามสบายเลยนะคะ วันนี้เหรินเหมยเลี้ยงเอง อ๋อแล้วเรื่องธีมของงานตามที่อยากจะคุยกันก็คุยมาได้เลยค่ะทางเราตามใจเจ้าสาวเสมอเพ
หลี่ตงถอนหายใจ“คุณจะไม่ปล่อยคุณจีไปหรือครับ เขา…เอ่อไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้ คุณจีเธอน่ารักนะครับเธอ เหมาะที่จะเป็นคุณแม่แล้วก็เป็นคุณแม่ของลูกของคุณ”“หุบปากยุ่งเสียจริง ทำไมพูดมากแบบนี้ฉันไม่เห็นว่านายจะสนใจอะไร ผู้หญิงคนอื่นก็ผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้ก็ผู้หญิง คนอื่นนายไม่เป็นจะสนใจว่าฉันจะทำกับคนพวกนั้นแบบไหน แล้วทำไมต้องมาสนใจจีเหรินเหมยคนนี้ด้วย” หลี่ตงก้มหน้า“ขับรถไปแล้วไม่ต้องออกความเห็นอะไรฉันตัดสินใจฉันเองได้ถ้าผู้หญิงคนนี้ดีจริงเขาจะรวมหัวกันหลอกฉันทำไมอย่างไรพวกเขาก็ผิดดีแค่ไหนแล้วฉันไม่แจ้งความเรื่องนี้” หลี่ตงหุบปากนิ่งแต่มในใจกลับเถียงไม่หยุดดีที่ไม่แจ้งความแต่ก็ไม่ให้โอกาสทั้งเหรินเหมยและหมอถงเฉิงซีหยวนอุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนพาเดินขึ้นลิฟต์แบบสบายๆ โดยมีหลี่ตงอำนวยความสะดวกให้ เมื่อถึงห้องเขาก็หันมาพูดกับหลี่ตง“นายกลับไปพักผ่อนที่ห้องนานเสียพรุ่งนี้เช้าค่อยมาที่นี่” หลี่ตงถอนหายใจหวั่นใจกับความปลอดภัยของเหรินเมหยไม่น้อย เฉิงซีหยวนถ้าเป็นเฉิงซีหยวนเมื่อห้าปีที่แล้วตอนที่ซูจ๋ายยังอยู่ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่นี่เฉิงซีหยวนคนนี้ จะมีผู้หญิงกี่คนที่รอดไปได้ ยิ่งเมาๆ แบบนี้ด้
พูดว่าปล่อยอีกคนยิ่งกดริมฝีปากปิดปากเสีย ขาสองข้างตรึงจีเหรินเหมยไว้ใต้ตัวเขาไม่ให้ขยับ มือสองข้าถูกตรึงด้วยมือของเฉิงซีหยวนที่เหนือศีรษะของเหรินเหมยถึงไม่ทำอย่างนั้นคนเมาก็ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ริมฝีปากนุ่มลื่นซอกซอนจนเหรินเหมยร้อนๆ หนาวๆ อ่าาายิ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งทำให้บทรักหวาบหวามยิ่งขึ้น“ปล่อยนะฮือออออ อย่าทำแบบนี้ฉะฉะฉันเป็นเมียน้องชายคุณนะ” เฉิงซีหยวนปล่อยมือที่ตรึงมือเหรินหมยไว้ “สกปรก” เหรินเหมยน้ำตาร่วงกราว“ปล่อยฉันไปสิ”“เมาจนเดินแทบไม่ไหว ไปให้พ้นจากห้องของฉัน” เหรินเหมยทั้งอายทั้งเจ็บใจคลานจากที่นอนโซซัดโซเซ“ฉันจะโทรตามชาไช้ให้เอง เธอจะได้ไปให้พ้นๆ จากห้องฉันเสียที” เหรินเหมยถอนหายใตจโล่งอกแทบเอาชีวิตไม่รอดคนอะไร ช่างร้ายกาจเหลือเกินร้อยวันพันปีไม่เคยพบไม่เคยได้เจอกันมาวันนี้ต้องหนักใจเรื่องที่ต้องจัดงานแต่งงานให้เขากับซุจิงแล้วดันมาเจอเขาเข้าอย่างจังอีก สาปส่งไปแล้วทำไมยังเจอกันอีกโลกมันกลมหรือว่าเหริยนเหมยพลาดไปเองวางโทรศัพท์จากชาไช้แต่กดไปหาหลี่ตง“หาผู้หญิงให้ฉันสักคนให้ขึ้นมาได้เลย” เหรินเหมยยกมือขึ้นกุมขมับ ปวดหัวมึนหัวแต่รู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนติ้วไม่
“อย่างไงนายร้อนตัวหรือว่าอย่างไรบอกว่าไม่ได้เป็นสามีแล้วร้อนตัวทำไม เชอะหลอกฉันซ้ำซากนี่ก็หลอกว่าเป็นเมียนาย ทำให้ฉันไม่กล้าทำอะไร” ชาไช้ถอนหายใจ“แล้วพี่จะทำอะไรคุณจีเขาดีนะที่เขาไหวตัวทันเอาตัวรอดได้ พี่กำลังจะทำอะไรอย่าบอกนะว่าอยากจนไม่เลือกคน เงินก็มากมายซื้อกินก็ได้แล้วอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกับน้องเมียเก่าแสนสวยแล้ว พี่จะสร้างตราบาปให้เขาทำไม” เฉิงซีหยวน ยิ้มหยัน“หวงก้างสินะ เขาก็ไม่ได้ชอบนายไม่ได้เป็นเมียนายแล้วทำไมถึงต้องปกป้องเขาด้วย”“พี่รู้ไหมจีเหรินเหมยเขาต้องบากบั่นเลี้ยงดูอันอันกับเชียวอู่มาคนเดียวตลอดห้าปีถึงผมจะพูดว่าจะช่วยออกค่าใช้จ่ายหรืออะไรที่เขาขัดสนเขาก็ไม่ยอม พี่ซีหยวนพี่คิดดูดีดีผมอยู่ใกล้เขามา5ปีแม้แต่มือเขายังไม่ให้ผมจับแต่พี่พาเขาเข้าห้องตั้งใจรังแกเขาทั้งที่เขาเมาแค่นี้เขาก็เกลียดพี่จะตายอยู่แล้วผมไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่คบกับผมเพราะพี่ เพราะเขากลัวว่าจะต้องมาข้องแวะกับพี่”“ดีพูดได้ดีฉันจะทำให้เขารู้ว่าเกลียดแบบไหนได้แบบนั้น” ซูจิงที่ยืนนิ่งแอบฟังสองพี่น้องคุยกันทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงใครแต่ในใจเจ็บจี๊ด“พอได้แล้วครับผมขอร้อง” ซีหยวนเดินมาจ้องหน้าชาไช้เห
ถงซือพูดเปรยๆ ขณะขับรถกลับจากไปส่งเหรินเหมยและลูกๆ ที่บ้านของเย็นวันนั้น“คุณว่า เฉิงซีหยวนจะปล่อยมือหรือยัง” กู้เหวินถอนหายใจ“ฉันได้ข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงานกับอดีตน้องเมียน้องสาวคุณซูจ๋ายอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายตั้งห้าถ้าเขาจะจัดการกับพวกเราหรือทำอะไรลงไปก็คงทำไปแล้ว”“ไม่กล้วว่าเขาจะแย่งเอาลูกของเหรินเหมยไปหรือ แบบนั้นคนที่เจ็บปวดที่สุดคือเหรินเหมยที่ไม่มีปัญญาอะไรไปต่อกรกับเขาศาลจะอ้างทันทีเพราะเฉิงซีหยวนเขารวยล้นฟ้า”“อาจแค่บังเอิญเพราะเจ้าสาวคงไม่รุ้ว่านี่คืแม่อุ้มท้องลุกของคุณเฉิงซีหยวนและจีคอเปอเรชั่นพักหลังๆ มาก็ไปได้ดีไม่น้อยเป็นที่พูดถึงในวงการออแกไนท์ หมอถงพยักหน้าขึ้นลง“เฉิงซีหยวนจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างเช่นการประกาศว่าเป็นพ่อของเด็กใช่ไหมในเมื่อเขากำลังจะแต่งงาน” กู้เหวินยิ้ม“มันควรจะเป็นแบบนั้นหากเขาเกรงใจว่าที่ภรรยาของเขา บางทีคุณอาจแค่ห่วงเหรินเหมยมากไป” หมอถงพยักหน้าขึ้นลง จริงสินะถ้าเลี่ยงไม่พบกันเสียก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความสนุกสนานและวันของครอบครัวผ่านไปแล้ววันนี้สองแฝดต้องไปโรงเรียนอีกแล้ว รถรับส่งวิ่งมาจอดหน้าบ้านอันอันโบกมือให้กับเหรินเหมยหยอยๆ เชียวอู่ทำทีเหมือนตั
เปิดประตูเข้าไปในสตูดิโอ“นี่เธอใช่ไหมคนประสานงานจือหรานยิ้มกว้าง“จือหรานค่ะ”“อ่อ ไม่ต้องบอกชื่อฉันแค่สงสัยว่าซูจิงเขาจ่ายเงินมหาศาลเพื่อมาถ่ายพรีเวดดิ้งในสตูดิโอเนี๊ยะนะ”“เอ่อคือความจริงเราคุยกันแล้วค่ะเราเซ็ทฉากขึ้นมาทั้งหมดอยู่แล้วสถานที่จริงไม่มีตรงไหนตรงประเด็นที่คุณซูจิงอยากได้ และคุณซูจิงก็บอกกับทางเราว่าไม่อยากให้ผิวโดนแดดเพราะแต่งงานในอีกไม่กี่วันอุตส่าห์บำรุงผิวมาทั้งเดือน” อยากจะพูดต่อว่าค่าเซ็ทฉากก็เป็นเงินไม่น้อยแล้วจะเอาแบบไหนอีก เฉิงซีหยวนถอนหายใจซูจิงเดินเข้ามาอีกคนจือหรานยิ้มแก้มป่องตัวช่วยมาแล้ว“มาช้าสิบนาที” ซูจิงฝืนยิ้ม“พอดี ยุ่งกับหน้าที่เลขาของพี่นั่นแหละเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ชอบงานนี้นะได้ใส่ใจพี่และได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับพี่ซีหยวนที่ทำงาน” ไม่กล้าบอกว่า ชาไช้รั้งไว้ด้วยคำพูดหยามเหยียด“เริ่มเลยไหมค่ะจะได้เรียบร้อยเสียทีตากล้องรอนานแล้ว”“วิสกี้ออนเดอะร็อคของฉันเล่า”“เอ่อ สักครู่นะคะฝ่ายบริการกำลังจัดหามาให้ค่ะคุณสองคนเปลี่ยนชุดแล้วก็แต่งหน้าให้เรียบร้อยก่อนดีไหม” ซูจิงพยักหน้าขึ้นลงยิ้มๆ“ไม่ ให้ได้ดื่มก่อนจึงจะเริ่ม ตั้งแต่มายังไม่เห็นเจ้าของ จีออแกไนท์…
“ปล่อยนะ” จีเหรินเหมยเค้นเสียงพูด อีกคนปล่อยมือออกจากเอวส่งผลทำให้เหรินเหมยร่วงลงไปกองกับพื้น“อุ๊ป” ช่างภาพรีบมาประคองเหรินเหมยที่มีสีหน้าเหยเก เฉิงซีหยวนปัดมือเบาๆ ยิ้มหยันที่เหรินเหมยยอมให้ช่างภาพแตะตัว แม่เลี้ยงเดี่ยวที่เนื้อหอมสินะ“สำออยถอยไปได้แล้วฉันจะถ่ายแบบแล้ว” จือหรานขมวดคิ้วจีเหรินเหมยรีบเดินหลบออกมาลูบที่ศอกของตัวเองปอยๆ“พี่เขยคุณพบกับคุณจีครั้งแรกคุณก็ ทำร้ายเธอเลยหรือ มีปมอะไรหรือเปล่า” ซูจิงถามมืออยู่ในท่าโพสน์เตรียมถ่ายแบบ“ไม่นี่คิดว่าต้องมีด้วยหรือเธอคิดมากไปเองฉันก็แค่รู้สึกว่าเขาไม่ให้เกียรติเราเลยแกล้งเขานิดหน่อย” ซูจิงพยักหน้าขึ้นลง“คุณจีเธอน่ารักนะคะพี่ไม่ชอบคนน่ารักหรือ เธอเหมือนพี่ซูจ๋ายตอนที่ยังวัยรุ่นตอนยังไม่ป่วย” เฉิงซีหยวนชะงักงัน“พร้อมหรือยังครับ” ช่างภาพตะโกนถามดังๆ จือหรานวิ่งไปหยิบยานวดบรรเทาปวดมานวดที่ข้อศอกให้กับเหรินเหมย“พร้อมนะครับหนึ่ง..สอง…สาม ดีครับสวยครับ ผ่านแล้วครับ” ซูจิงยิ้มหันมองเหรินเหมยที่จือหรานกำลังทายาให้“พี่ซีหยวนพี่จะไม่ขอโทษคุณจีเขาหน่อยหรือ” อีกคนยิ้มยียวน“ไม่จำเป็น เขารู้ดีว่าไม่จำเป็น” ซูจิงถอนหายใจ“ปกติพี่ชอบผู้หญิ
เธอเม้มปากแน่น พลางยื่นซองเอกสารปึกหนึ่งให้ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่อาจปิดบังคุณ”หมอถงหยิบแฟ้มมาเปิดดู เงียบไปครู่ใหญ่กู้เหวินเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “คุณหมอจูดี้...เธอขโมยน้ำเชื้อจากคลังโดยใช้ชื่อคนไข้เก่า และไปทำเด็กหลอดแก้วโดยไม่มีการอนุญาตใดๆ ... ที่สำคัญ เธอกำลังโกหกว่าเด็กในท้องเป็นผลจากการมีอะไรกับคุณเฉิงซีหยวน”หมอถงวางเอกสารลง ใบหน้าเคร่งขรึม “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้... นี่มันผิดทั้งจริยธรรมและกฎหมาย เขากำลังทำอะไรกันล้อเล่นอย่างนั้นหรือ”“คุณจูดี้กำลังจะลากผู้ชายที่ไม่เคยผิดอะไรให้ต้องรับผิดชอบกับการโกหกครั้งใหญ่ และยิ่งกว่านั้น… มันกำลังทำร้ายคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายเลยสักนิด เหรินเหมยเป็นคนดี ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ แถมยังรักลูกๆ และชีวิตที่กำลังอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดี”หมอถงพยักหน้าเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง “เข้าใจแล้วคุณห่วงเหรินเหมยสินะ”กู้เหวินสบตาสามี “ฉันรู้ว่าเหรินเหมยเข้มแข็ง แต่ก็ควรได้อยู่แบบสบายๆ เสียหทีหลังจากที่ต้องรนบกับคุณเฉิงมาตั้งนานและต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้ง5ปี”หมอถงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวช้า ๆ “ฉันจะไปพูดกับคุณเฉิงซีหยวนด้วยตัวเอง และจะเอาหลักฐา
นอกหน้าต่างห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดาษบาง ๆ พลิกเบา ๆ และลมหายใจของผู้หญิงสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันในห้องเก็บเอกสารลับของโรงพยาบาล BBBกู้เหวินภรรยาของคุณหมอถงที่ทำงานกับคลินิกภาวะเจริญพันธุ์ของจูดี้ ถอนหายใจแผ่วเมื่อวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า หมอฟานลี่ชิง"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูด... แต่นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง" เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนั้น จะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดอย่างไม่มีทางย้อนกลับหมอฟานเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบแต่สายตาเริ่มจับจ้องจริงจัง “หมายความว่ายังไง กู้เหวิน” กู้เหวินเม้มปาก ก่อนพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด“ตอนที่คุณจูดี้มาขอใช้คลินิกเพื่อทำ IVF… เธอใช้ชื่อคนไข้เก่าของโครงการอุ้มบุญ แต่รหัสตัวอ่อนที่เธอขอใช้นั้น... ไม่ได้เป็นของเธอค่ะแต่อ้างว่ามีคนไข้ที่คุณหมอฟานตั้งใจให้คุณจูดี้จัดการเพื่อให้เครดิต”เธอเลื่อนเอกสารผลแล็บและใบคำขอใช้สเปิร์มในอดีตให้หมอฟานดู “ดูตรงลายเซ็นต์ค่ะ มันเป็นการกรอกข้อมูลย้อนหลัง แล้วแอบขออนุญาตจากพนักงานใหม่ที่ไม่ตรวจสอบให้ดี ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าคุณจูดี้นำเสปริ์มของ ลูกค้าสรายหนึ่งออกไป”
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ
หมอฟานขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านบนเขามือที่จับพวงมาลัยแน่นนั้นสั่นเล็กน้อย แต่แววตาของหมอฟานเด็ดเดี่ยว"ไม่ว่าจะผลลัพธ์เป็นอย่างไร ฉันจะบอกความจริงกับซีหยวน... จะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดทำลายชีวิตใครอีก"รถแล่นฝ่าเข้าไปในความมืดมิดของคืนยาว เหมือนกับการเดินหน้าเข้าสู่การชำระล้างบาปที่ไม่มีวันหวนกลับ...กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยออกมาจากครัว เสียงหัวเราะใสๆ ของอันอันกับเชียวอู่ที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านอบอวลด้วยความอบอุ่นเฉิงซีหยวนเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเหรินเหมยในชุดผ้ากันเปื้อน รอยยิ้มที่มุมปากเขา อ่อนโยนอย่างที่เหรินเหมยแทบไม่เคยเห็นมาก่อน“เด็กๆๆๆ วันนี้พ่อทำอาหารด้วยตัวเองพวกหนูจัต้องลองชิมและให้กำลังใจโดยการกล่าวชมคุณพ่อด้วยนะครับ” เหรินเหมยอมยิ้ม“ทำไมต้องพูดแบบนี้ก่อนด้วยนะลูกๆ ก็ต้องชมคุณอยู่แล้วเพราะคุณตั้งใจทำ” อันอันกับเชียวอู่รีบมาชะโงกหน้ามองถาดปลาสามรสที่ส่งกลิ่นหอมหวน“น่ากินที่สุดเลยฮับจุนพ่อ” เชียวอู่พูดขึ้นดังๆ ยักคิ้วแผล็บๆ“เราต้องลองชิมก่อนเชียวอู่หากว่าจุนพ่อทำอร่อยต่อไปเราก็จะต้องให้จุนพ่อทำอาหารเสมอ” อันอันพูดขึ้นบ้าง เหรินเหมยยิ้ม
เสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว แก้วหนึ่งดังกริ๊กๆ เบา ๆ จูดี้นั่งเอนตัวพิงโซฟาหนังแทบจะกลายเป็นนอนเมามายแเล้ว ริมฝีปากแดงฉ่ำแห้งผากไปหมด เธอกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียงบนโต๊ะกระจก เศษแก้วเปล่าๆ วางกระจัดกระจาย ถัดไปคือแฟ้มผลตรวจครรภ์ที่ถูกเปิดค้างไว้ “ฮ่า... เขากำลังมีความสุข...สินะ บ้าจริงฉันทำไมต้องเศร้าก็แค่คู่นอนพวกผู้ชายก็แบบนี้เวลาอยากจะนอนด้วยก็พูดเสียหวาน ยอมทำทุกอย่างให้” เธอพึมพำเหมือนคนละเมอ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองความว่างเปล่า “ฮะฮะฮะฮ่าาาแล้วกับผู้หญิงคนนั้นละทำให้ถึงใจเหมือนที่ทำกับฉันไหมเหมือนที่นอนกับฉันไหมคุณหลงเสน่ห์ผู้หญิงจืดชืดคนนั้นได้อย่างไรเราเข้าขากันดีจะตายทำไมคุณลืมฉันได้ลงคอ เฉิงซีหยวน ซีหยวนซีหยวนคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้...”เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ“จูดี้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ แกจะขังตัวเองแบบนั้นไม่ได้” เป็นเสียงคุ้นเคยของคุณหมอฟานลี่ชิงที่กังวลใจอย่างปิดไม่มิดจูดี้หัวเราะในลำคอ แล้วลุกเซ ๆ ไปเปิดประตู เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเปื้อนน้ำตา“หนูโง่เองใช่ไหม..ที่ไปหลงรักเขาผู้ชายที่ไม่มีให้หัวใจให้ใครนอกจาก ซูจ๋าย แล
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ