"ป้าเหวยหนูวานป้าพาเด็กๆ ไปอาบน้ำให้หน่อยค่ะแล้วให้พวกแกทำการบ้านที่คุณครูให้มาที่ห้องด้านในด้วยค่ะ” ป้าเหวยรีบมาจูงแขนอันอันที่หันหน้าหันหลังแต่เชียวอู่ที่ยักคิ้วแผล็บๆเมื่อคนทั้งสามไปแล้ว “มีอะไรที่มีปัญหาในเรื่องการจัดการแต่งงานหรือเปล่าคะคุณเฉิงถึงมาถึงนี่” น้ำเสียงเรียบเฉยจนน่ากลัว“ไม่มีนี่” เฉิงซีหยวนพูดขึ้นเบาๆ กำลังหาวิธีรับมือกับความเฉยชาของเหรินเหมย“อย่างนั้นเชิญคุณกลับได้แล้วค่ะนี่ก็ใกล้จะมืดแล้วเป็นเวลาของครอบครัวเราไม่นิยมให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงกับเด็ก” เฉิงซีหยวนยิ้มมุมปาก“ผมเป็นตัวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ” เหรินเหมยหลุบตามองพื้น แล้วเงยหน้าที่มีแววตามั่นคงไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับคำพูดตัดพ้อของเฉิงซีหยวนในเมื่อไม่เคยเกี่ยวข้องไม่เคยได้รับการช่วยเหลืออะไรในการเลี้ยงดูลูกที่อดยอมรับไม่ได้ว่าเป็นของเขาครึ่งหนึ่งแต่นั่นเพราะความบังเอิญหรอกนะหากไม่มีกรณีก่อนหน้าเหรินเหมยจะไม่มีมีทางเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเฉิงอันยิ่งใหญ่ และให้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขาผสมมา“ถ้าคุณยังไม่ไปฉันจะเรียกตำรวจ”“ใจร้ายที่สุดผมก็แค่อยากจะมาเจอเด็กๆ บ้างก็เท่านั้น” เหริอนเห
“จุนแม่ขาอย่าโกรธจุนลุงเลยนะคะจุนลุงแค่มาเล่นกับเรา” อันอันกับเชียวอู่ที่วิ่งเข้ามากอดแขนกอดขาเหรินเหมยไว้ ป้าเหวยวิ่งตามมาติดๆ แต่ไม่ทันเด็กทั้งสองเฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ไปซะ ไปจากชีวิตพวกเราเสีย”“จุนแม่ขาจุนลุงน่าสงสารนะคะเขาแค่คิดถึงลูกเขา” อันอันพูดพร้อมกับแววตาเศร้าสร้อย“แม่สอนกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้เข้าใกล้คนแปลกหน้าไม่เคยจำหรือไรแม่จะลงโทษต่อไปแม่จะไปรับที่โรงเรียนทุกวันและตลอดเวลาสามเดือนนี้ห้ามกินไอศกรีมและซื้อของเล่น”“ฮือออออจุนแม่ใจร้ายที่สุดจุนแม่ใจร้ายยยยย เราสองคนไม่รักจุนแม่แล้ว”“เข้าไปในห้องแล้วปิดประตูห้ามออกมาอันอัน พาน้องเข้าไปในห้อง” อันอันเบ้ปากร้องไห้ดังลั่นป้าเหวยรีบเข้ามาโอบกอดเด็กทั้งสองพาเดินเข้าห้องไป“เราผิดอะไรเราแค่อยากเล่นกับจุนลุงจุนลุงใจดีมาเล่นกับเราไม่เหมือนจุนแม่ที่ทำแต่งาน”“คุณคนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไปให้พ้นไปให้พ้นจากลูกของฉัน” เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว“ใจร้ายมากคุณทำกับลุกของผมแบบนี้ได้อย่างไรพวกแกไม่มีพ่อ ผมไม่มีทางปล่อยคุณกับลูกไปแน่ๆ นั่นคือลูกของผมเด็กๆ ต้องการผม”และหลายวันต่อมาในวันที่ฟ้าใส เหรินเหมยก็รู้ว่าเฉิงซีหยวนเอาจริงเมื่อจือหรา
หลี่ตงเหลียวรถตรงหัวมุมตึกหันหน้าเข้ามาหาสำนักงานของเหรินเหมยที่ตอนนี้เหรินเหมยกับชาไช้มายืนรออยู่ก่อนแล้ว ประตูรถถูกเลื่อนเปิดออกช้าๆ เฉิงซีหยวนนั่งๆ ไขว่ห้างบนนั้น ชาไช้ชะโงกหน้าเข้าไป“พี่ครับต้องการคนกลางไหมครับ” เฉิงซีหยวนยิ้มมุมปาก“ไม่จำเป็น ฉันไม่ทำอะไรแฟนนายหรอกน่าหวงไปได้” เหรินเหมยเชิดหน้า“เหรินเหมยให้ผมไปด้วยไหม”“เอ้าหมอนี่ฉันบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็น นายทำอย่างกับว่าฉันจะฆ่าจะแกงแฟนนายอย่างนั้นคุณจีของนายเขาเป็นคนนัดฉันไม่ใช่หรือ เอาแบบนี้ฉันไม่ลงจากรถคุยเสร็จแล้วพาเขากลับมาส่งที่เดินแค่หนึ่งชั่วโมง ตกลงไหมคุณจี” ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับเหรินเหมยที่นั่งตัวลีบอยู่ด้านหน้าชาไช้“มีอะไรโทรหาผมนะ” ชาไช้ยังวายเป็นห่วง“เข้าใจแล้วค่ะ คุณไปรับอันอันกับเชียวอู่ไปรอฉันที่บ้านดีไหม” ชาไช้ยิ้มพยักหน้าขึ้นลงแต่เฉิงซีหยวนกับอารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ดกดเลื่อนประตูปิดทันที เหรินเหมยถอนหายใจยาว เฉิงซีหยวนกดปิดช่องระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร ที่ข้างหน้ามีหลี่ตงนั่งขับรถอยู่เหรินเหมยเริ่มใจตุ๋มๆ ต่อมๆ ตอนนี้เหมือนอยู่กับเขาแค่สองคนและไม่รู้ว่าที่แคบๆ แบบนี้จะหนีเขาพ้นได้อย่างไร“คุณทำแบบนี้ไม่มีอะไรดี
“ชอบจังด่าอีกสิ จะเลวให้สมกับคำด่า”กดเหรินเหมยลงกับพื้น ล้วงมือเข้าไปปลดกางเกงแล้วดึงลงไปที่ข้อเท้าเหรินเหมยพยายามดึงกางเกงขึ้นมาข้างบนแต่ด้านบนนั้นอกอวบกลับถูกรุกล้ำด้วยริมฝีปากอุ่นดิ้นสุดแรงเพื่อเอาตัวรอดรู้สึกว่าเขาดูถูกเหรินเหมยทำแบบนี้ไม่ต่างจากการข่มขืน “นี่มันในรถนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ร้องตะโกนดังแต่ไร้การตอบรับสงสัยว่าหลี่ตงก็คนของเขานี่จะช่วยเหรินเหมยทำไมแล้วเฉิงซีหยวนก็คงพาสาวๆ มีเชือดที่นี่ประจำน่าจะไหวตัวทันตั้งแต่เห็นเขาเปลี่ยนรถเป็นรถคันนี้“ในรถหรือ นั่นล่ะฉันชอบไม่ต้องห่วงนะห้องโดยสารนี้เก็บเสียง….ครางได้เต็มที่” เหรินเหมยผลักร่างสูงอย่างแรงแต่ไม่สำหรับผลักต้องนั้นตรงนี้เผลอทั้งข้างล่างข้างบนเป็นจุดอ่อนไปหมดปิดตรงนั้นเหลือตรงนี้ เขามีสองมือเท่ากับเหรินเหมยแต่ทำไมรูู้สึกว่าเขาได้เปรียบทั้งมือทั้งปากที่ใช้จัดการกับเหรินเหมยจนอ่อนระทวย มืออุ่นยังรุกล้ำไปไปเกินกว่าจะให้อภัย มันกำลังจะทำการสำเร็จแล้วหน้าท้องเนียนเสียวซ่านเมื่อมืออุ่นลูบวนแล้วไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ นิ้วเรียวเล็กสอดเข้าที่จุดอ่อนไหวหรือกลีบดอกไม้จนสุดลำ เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกกอดเขาไว้แน่น เฉิงซีหยวนยิ้ม ชักนิ้
เหรินเหมยส่ายหน้า“ปล่อยฉันไปเสีย” เฉิงซีหยวนกอดรวบเอวบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เหรินเหมยกลับนิ่งเฉย“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยฉัน” กัดฟันพูดออกมาเบาๆ เฉิงซีหยวนส่ายหน้าไปมา“ผมจะให้ชาไช้มารับคุณ” น้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่” น้ำเสียงที่ปรับให้เป็นเรียบเฉย ไม่มองหน้าอีกคนด้วยซ้ำ“อย่างนั้นผมก็ไม่ไว้ใจให้คุณลงจากรถ” เสียงเข้มขึ้นมาอีกครั้งแต่เหรินเหมยไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้วพยายามจะเปิดประตูรถออกไปให้ได้“มันเปิดไม่ได้คุณก็รู้ จะพยายามทำไมกัน อยู่กับผมให้ผม ได้ ขอโทษ”“ไม่มีประโยชน์”“จีเหรินเหมย ผมจะยกเลิกงานแต่งงานแล้วมาแต่งกับคุณและๆๆ จะดีกับคุณคุณก็รู้ว่าผมต้องการลูก” ความเจ็บปวดแล้วความน้อยเนื้อต่ำใจไหลเข้ามาในใจให้เจ็บแปลบ เขาแค่รับผิดชอบสิ่งที่ทำเขาแค่ต้องการลูกแล้วเหรินเหมยจะคาดหวังอะไร คาดหวังให้เขาบอกว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะความรักเพราะห้ามใจไม่ได้กับเหรินเหมยนะหรือ อย่าคิดฝันไปไกลก็แค่คนที่ไม่รู้จักพอแค่ผู้ชายมักมากผู้ชายที่ฟาดไม่เลือกก็เท่านั้น“ผมขอโทษ ผมพยายามแล้วพยายามที่จะไม่…ไม่ทำอะไรคุณพยายามที่จะหักห้ามใจแต่ทำได้ ก่อนหน้านั้นจะสารภาพอย่างไรว่าผมรู้สึกอย่างไรเวลาที่เข้าใกล้คุณ”“ฉันไ
ชาไช้ นั่งก้มหน้ารอโทรศัพท์จากเหรินเหมยอย่างใจจดจ่อ ที่สำนักงานของเหรินเหมยซูจิงที่หอบเอาขนมในมือ มาพะรุงพะรังก้าวเดินเข้ามาทำมองไม่เห็นชาไช้เสียอย่างนั้น“นี่คุณ คุณมาทำอะไรที่นี่” คิ้วสวยเลิกสูงขึ้นจ้องมองชาไช้ตาไม่กะพริบ“ฉันมาที่นี่เพื่อมาติดตามเรื่องงานแต่งงานนั่นไม่น่าแปลกใจแต่ที่แปลกใจคือคุณมาทำอะไรที่นี่” ชาไช้ถอนหายใจส่ายหน้าไปมาเลยเวลาที่นัดไว้กับเหรินเหมยแล้วหนึ่งชั่วโมงตามที่เแิงซีหยวนบอกไว้แต่มาถึงตอนนี้ผ่านไปแล้วกว่าสองชั่วโมง“ไปกินข้าวกัน” พูดขึ้นดังๆ แล้วลุกขึ้นคว้าข้อมือของเหรินเหมยดึงเอาห่อขนมในมือซูจิงวางไว้บนโต๊ะทำงานของเหรินเหมยแล้วลากซูจิงออกจากห้องไป“ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหน”“เอ้าก็พาไปกินข้าวไงผมหิวอล้วหาเพื่อนกินข้าว”“คุณก็ไปคนเดียวสิ ฉันมีธุระกับคุณจี” ชาไช้ถอนหายใจอีกครั้ง“วันนี้คุณจีเขาไม่ว่างหรอก คุณจะพูดดีดีกบผมบ้างไม่ได้หรือ” ชาไช้กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นคำว่าคุณจีไม่ว่างป่านนี้เฉิงซีหยวน จะพาเหรินเหมยไปถึงไหนที่ไหนคำสัญญาของเฉิงซีหยวนเชื่อได้แค่ไหนที่บอกว่าจะไม่ทำอะไรเหรินเหมยซูจิงเม้มปาก“ทำไมต้องพูดดีดีในเมื่อเราไม่ถูกกัน”“อย่างน้อยก็ในฐานะคน เคย…จู
“ไม่ควรตามแล้วครับจือหรานคงพอจะช่วยได้นะครับท่าน” หลี่ตงที่พูดอย่างนอบน้อม“ฉัน…ห่วงเขา” หลี่ตงเผลอยิ้ม“ครับ”“ไปรอเขาที่บ้านเล่นกับเด็กๆ ดีไหม” หลี่ตงส่ายหน้าไปมาบทจะมึน เฉิงซีหยวนก็ไม่แบ่งใคร“แล้วจะไม่กลัวว่าคุณจีเธอจะโกรธมากกว่านี้หรือครับ”“ช่างเขาสิฉันก็แค่อยากจะเล่นกับลูก” ใช้ความลูกได้สนิทใจไม่มีอึกอักก็ได้แม่แล้วนี่ ถึงจะบอกว่าช่างเขาแต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้กลัวว่าเหรินเหมยจะโกรธ“กลับก่อนดีไหม ครับแล้วค่อยหาทางปรับความเข้าใจกัน” หลี่ตงพูดไปแบบนั้นความจริงแล้วกำลังคิดว่า คนอย่างเฉิงซีหยวนที่ทำอะไรแบบนี้ก็ต้องได้รับผลตอบแทนบ้างเพราะทำร้ายเหรินเหมยจนไม่น่าให้อภัยหากเป็นเพราะความแค้น ก็ยิ่งไม่น่าให้อภัยแต่หากเป็นเพราะความรักก็ควรจะอ่อนข้อไม่ใช่ยังใช้ลูกมึนแบบนี้“กลับบ้านฉันต้องคุยเรื่องการแต่งงานกับซูจิงและคุณแม่” หลี่ตงยิ่งถอนหายใจยาวบ้านเฉิง“คุณแม่ให้ผมโทรเรียกซูจิงมาที่นี่ดีไหม เราจะได้คุยเสียให้พร้อมหน้ากัน” คุณเสวียเตอหลุบตามองพื้น“แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่อย่าบอกนะว่าจะยกเลิกงานแต่งงานทั้งๆ ที่ทุกอย่างดำเนินการไปเกือบ70เปอร์เซ็นต์แล้วรอแค่ แกจะเข้าพิธีกับซูจิงก็เท่านั้นเฉิง
“เราสองคน ไม่โกรธกันแล้วใช่ไหม” ชาไช้ถามเบาๆ เสียงแหบพร่า“ทำไมต้องทำเสียงแหบด้วยพูดดีดีไม่ได้หรือ” ซูจิงพูดเหมือนรู้ทัน“โธ่กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว น่าน่าจะโรแมนติกกว่านี้หน่อยไมไ่ด้หรือ” ซุจิงถอนหายใจ“นี่คุณไม่ได้อกหักหรอกหรือไม่ได้เสียใจที่คุณจีเธอๆๆ ไม่รู้สิจะพูดว่าอย่างไรดีฉันก็ไม่ได้เห็นกับตาหรอกนะฟังแต่คุณพูดแล้วฉันก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าพี่ชายของคุณ มีใจให้กับคุณจี” ชาไช้ถอนหายใจยาว“นั่นสินะเอาเข้าจีจริงๆ พี่ซีหยวนคิดอย่างไรผมก็ไม่ได้นั่งในใจเขา ช่างพวกเขาเหอะเราสองคน เลิกพูดถึงเขาแล้วไปเที่ยวกันดีกว่าไหนใครเมื่อกี้บอกจะเลี้ยงเหล้าผม” ชาไช้ทวงสัญญาซูจิงเบ้ปาก“คุณหายเศร้าแล้วนี้กลับกันดีกว่าฉันไม่ได้บอกคุณแม่ว่าจะไปไหนเดี๋ยวจะโทรจิก” ยกโทรศัพท์ขึ้นมาชาไบ้ดึงโทรศัพท์ในมือของซูจิงมากดพิมพ์สองสามคำแล้วปิดเครื่องโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะหลัง“อะ…คุณทำอะไรนะ” ชาไช่หยักคิ้วยิ้มๆ“ผมก็แค่บอกคุณแม่คุณว่าคืนนี้ไม่กลับนะคะและโทรศัพท์แบตกำลังจะหมด” ซูจิงอ้าปากค้าง“คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะแบบนี้คุณแม่ของฉันก็ยิ่งจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน” ซูจิงโวยวาย“นี่คุณลูกแหง่นี่ ถามจริงเถอะท
เธอเม้มปากแน่น พลางยื่นซองเอกสารปึกหนึ่งให้ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่อาจปิดบังคุณ”หมอถงหยิบแฟ้มมาเปิดดู เงียบไปครู่ใหญ่กู้เหวินเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “คุณหมอจูดี้...เธอขโมยน้ำเชื้อจากคลังโดยใช้ชื่อคนไข้เก่า และไปทำเด็กหลอดแก้วโดยไม่มีการอนุญาตใดๆ ... ที่สำคัญ เธอกำลังโกหกว่าเด็กในท้องเป็นผลจากการมีอะไรกับคุณเฉิงซีหยวน”หมอถงวางเอกสารลง ใบหน้าเคร่งขรึม “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้... นี่มันผิดทั้งจริยธรรมและกฎหมาย เขากำลังทำอะไรกันล้อเล่นอย่างนั้นหรือ”“คุณจูดี้กำลังจะลากผู้ชายที่ไม่เคยผิดอะไรให้ต้องรับผิดชอบกับการโกหกครั้งใหญ่ และยิ่งกว่านั้น… มันกำลังทำร้ายคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายเลยสักนิด เหรินเหมยเป็นคนดี ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ แถมยังรักลูกๆ และชีวิตที่กำลังอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดี”หมอถงพยักหน้าเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง “เข้าใจแล้วคุณห่วงเหรินเหมยสินะ”กู้เหวินสบตาสามี “ฉันรู้ว่าเหรินเหมยเข้มแข็ง แต่ก็ควรได้อยู่แบบสบายๆ เสียหทีหลังจากที่ต้องรนบกับคุณเฉิงมาตั้งนานและต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้ง5ปี”หมอถงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวช้า ๆ “ฉันจะไปพูดกับคุณเฉิงซีหยวนด้วยตัวเอง และจะเอาหลักฐา
นอกหน้าต่างห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดาษบาง ๆ พลิกเบา ๆ และลมหายใจของผู้หญิงสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันในห้องเก็บเอกสารลับของโรงพยาบาล BBBกู้เหวินภรรยาของคุณหมอถงที่ทำงานกับคลินิกภาวะเจริญพันธุ์ของจูดี้ ถอนหายใจแผ่วเมื่อวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า หมอฟานลี่ชิง"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูด... แต่นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง" เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนั้น จะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดอย่างไม่มีทางย้อนกลับหมอฟานเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบแต่สายตาเริ่มจับจ้องจริงจัง “หมายความว่ายังไง กู้เหวิน” กู้เหวินเม้มปาก ก่อนพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด“ตอนที่คุณจูดี้มาขอใช้คลินิกเพื่อทำ IVF… เธอใช้ชื่อคนไข้เก่าของโครงการอุ้มบุญ แต่รหัสตัวอ่อนที่เธอขอใช้นั้น... ไม่ได้เป็นของเธอค่ะแต่อ้างว่ามีคนไข้ที่คุณหมอฟานตั้งใจให้คุณจูดี้จัดการเพื่อให้เครดิต”เธอเลื่อนเอกสารผลแล็บและใบคำขอใช้สเปิร์มในอดีตให้หมอฟานดู “ดูตรงลายเซ็นต์ค่ะ มันเป็นการกรอกข้อมูลย้อนหลัง แล้วแอบขออนุญาตจากพนักงานใหม่ที่ไม่ตรวจสอบให้ดี ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าคุณจูดี้นำเสปริ์มของ ลูกค้าสรายหนึ่งออกไป”
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ
หมอฟานขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านบนเขามือที่จับพวงมาลัยแน่นนั้นสั่นเล็กน้อย แต่แววตาของหมอฟานเด็ดเดี่ยว"ไม่ว่าจะผลลัพธ์เป็นอย่างไร ฉันจะบอกความจริงกับซีหยวน... จะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดทำลายชีวิตใครอีก"รถแล่นฝ่าเข้าไปในความมืดมิดของคืนยาว เหมือนกับการเดินหน้าเข้าสู่การชำระล้างบาปที่ไม่มีวันหวนกลับ...กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยออกมาจากครัว เสียงหัวเราะใสๆ ของอันอันกับเชียวอู่ที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านอบอวลด้วยความอบอุ่นเฉิงซีหยวนเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเหรินเหมยในชุดผ้ากันเปื้อน รอยยิ้มที่มุมปากเขา อ่อนโยนอย่างที่เหรินเหมยแทบไม่เคยเห็นมาก่อน“เด็กๆๆๆ วันนี้พ่อทำอาหารด้วยตัวเองพวกหนูจัต้องลองชิมและให้กำลังใจโดยการกล่าวชมคุณพ่อด้วยนะครับ” เหรินเหมยอมยิ้ม“ทำไมต้องพูดแบบนี้ก่อนด้วยนะลูกๆ ก็ต้องชมคุณอยู่แล้วเพราะคุณตั้งใจทำ” อันอันกับเชียวอู่รีบมาชะโงกหน้ามองถาดปลาสามรสที่ส่งกลิ่นหอมหวน“น่ากินที่สุดเลยฮับจุนพ่อ” เชียวอู่พูดขึ้นดังๆ ยักคิ้วแผล็บๆ“เราต้องลองชิมก่อนเชียวอู่หากว่าจุนพ่อทำอร่อยต่อไปเราก็จะต้องให้จุนพ่อทำอาหารเสมอ” อันอันพูดขึ้นบ้าง เหรินเหมยยิ้ม
เสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว แก้วหนึ่งดังกริ๊กๆ เบา ๆ จูดี้นั่งเอนตัวพิงโซฟาหนังแทบจะกลายเป็นนอนเมามายแเล้ว ริมฝีปากแดงฉ่ำแห้งผากไปหมด เธอกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียงบนโต๊ะกระจก เศษแก้วเปล่าๆ วางกระจัดกระจาย ถัดไปคือแฟ้มผลตรวจครรภ์ที่ถูกเปิดค้างไว้ “ฮ่า... เขากำลังมีความสุข...สินะ บ้าจริงฉันทำไมต้องเศร้าก็แค่คู่นอนพวกผู้ชายก็แบบนี้เวลาอยากจะนอนด้วยก็พูดเสียหวาน ยอมทำทุกอย่างให้” เธอพึมพำเหมือนคนละเมอ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองความว่างเปล่า “ฮะฮะฮะฮ่าาาแล้วกับผู้หญิงคนนั้นละทำให้ถึงใจเหมือนที่ทำกับฉันไหมเหมือนที่นอนกับฉันไหมคุณหลงเสน่ห์ผู้หญิงจืดชืดคนนั้นได้อย่างไรเราเข้าขากันดีจะตายทำไมคุณลืมฉันได้ลงคอ เฉิงซีหยวน ซีหยวนซีหยวนคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้...”เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ“จูดี้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ แกจะขังตัวเองแบบนั้นไม่ได้” เป็นเสียงคุ้นเคยของคุณหมอฟานลี่ชิงที่กังวลใจอย่างปิดไม่มิดจูดี้หัวเราะในลำคอ แล้วลุกเซ ๆ ไปเปิดประตู เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเปื้อนน้ำตา“หนูโง่เองใช่ไหม..ที่ไปหลงรักเขาผู้ชายที่ไม่มีให้หัวใจให้ใครนอกจาก ซูจ๋าย แล
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ