“ของคุณหญิงรับแค่สลัดก็พอนะน้า ตอนอยู่วัดท่านถือศีลแปด งดกินอาหารหลังเที่ยงมาเป็นเดือนจนเริ่มจะชินแล้ว กลับมากินอะไรเบา ๆ ก่อนก็พอ”
“ได้ค่ะคุณวีณา”
รำพึงรับคำเมื่อผู้ช่วยส่วนตัวของคุณหญิงธัญญาเดินมาสั่ง วีณาทำงานกับคุณหญิงมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีด้วยทุนของมูลนิธิธนกิจการศึกษาจนตอนนี้เธอก็อายุ 35 ปีแล้ว ถ้าเป็นงานของบริษัท คุณหญิงธัญญาในฐานะประธานกรรมการของธามเอนเตอร์ไพรซ์จะมีจำรัสเป็นเลขานุการและทีมผู้ช่วยอีกสามคน
แต่ถ้าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ คนเดียวที่รับจบก็คือวีณาคนนี้ เรียกได้ว่าเป็นคนที่รู้ใจและได้รับความไว้วางใจจากคุณหญิงธัญญามากที่สุด แม้แต่การไปปฏิบัติปีละครั้งก็ยังต้องให้วีณาตามไปด้วย
“แต่ว่าอาหารอย่างอื่นของคุณธามกับคุณเพิร์ล ก็จัดเหมือนเดิมเลยนะ เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”
“ค่ะคุณวีณา”
“อืม...” หญิงสาวมองไปรอบ ๆ พลางนึกไปด้วยว่ายังมีอะไรที่หล่อนต้องกำชับอีกหรือไม่ ห้องครัวในบ้านธนกิจมีถึงสามห้อง แบ่งเป็นครัวไทย ครัวฝรั่ง และครัวเบเกอรี่ แต่ละห้องมีอุปกรณ์ทำอาหารเพียบพร้อมไม่ต่างจากครัวของโรงแรมใหญ่ ๆ วันดีคืนดีก็จะจ้างเชฟนานาชาติมาทำอาหารให้ แต่ปกติลำพังฝีมือของแม่ครัวชุดนี้ที่อยู่ด้วยกันมานาน คุณหญิงธัญญาก็บอกว่าอร่อยถูกปากดีแล้ว
“ตอนคุณหญิงไม่อยู่ ครัวทำอาหารเย็นกี่อย่างเหรอ”
“คุณธามเธอขอให้ทำแค่วันละสองสามอย่างเท่านั้นล่ะค่ะ บางวันทำสามอย่างแกยังว่าเยอะไป เสียดายของ”
“แล้วพอเหรอ กินกันสองคน กับข้าวแค่สามอย่าง”
ผู้ช่วยสาวหยิบผลอะโวคาโดที่เพิ่งซื้อจากเชียงใหม่มาคลึงในมือ พลางถามเหมือนชวนคุยมากกว่าจะจับผิด แม่ครัวใหญ่ยังไม่พูดอะไร แต่แม่ครัวน้อยที่ยังเป็นลูกมือเอ่ยออกมาระหว่างหั่นซอยผักไปด้วย
“สองคนที่ไหนล่ะคะ คุณธามแกก็นั่งกินข้าวของแกคนเดียวทู้กวัน หนูไปตักข้าวเติมน้ำให้แกทีไร สงสารแกทุกที หน้างี้หงอยเหมือนกินอะไรไม่ค่อยลง แกคงเหงา...”
“นังข้าวสวย!”
รำพึงเอ็ดเบา ๆ ข้าวสวยจึงเพิ่งรู้สึกตัว รีบยกมือปิดปาก
“หนู...หนูไม่ได้พูดอะไรนะน้า ข้าวไม่ได้พูดอะไรนะคะคุณวีณา”
วีณาสีหน้าเรียบนิ่ง วางผลอะโวคาโดคืนลงที่เดิม ก่อนจะหันไปสบตาเด็กข้าวสวยที่ยืนยิ้มเจื่อน ๆ อยู่
“ระวังคำพูด ถ้าคุณหญิงท่านได้ยินจะไม่สบายใจ เข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ เข้าใจ หนูขอโทษ จะไม่ปากมากอีกแล้วค่ะ”
วีณายังคงมีหน้าไม่แสดงอารมณ์ตอนที่เดินออกจากครัวไป ข้าวสวยพ่นลมออกจากปากอย่างโล่งใจเสียงดังฟู่
“นึกว่าจะโดนดุเสียแล้ว บอกตรงนะน้ารำพึง นอกจากคุณท่านกับคุณผู้หญิงแล้ว ก็มีคุณวีณานี่แหละที่หนูล่ะกั๊วกลัว ถึงแกจะไม่เคยด่าหรือพูดจาเสียงดัง ๆ แบบคุณผู้หญิง แต่แค่แกมองมาเฉย ๆ หนูก็กลัวแกทุกที”
“มีแค่นั้นรึ คนที่แกกลัวน่ะ”
ป้ารำพึงถาม ข้าวสวยพยักหน้าหงึก ๆ
“ก็แค่นั่นน่ะสิ ส่วนคุณธามน่ะ ถึงแกจะนิ่ง ๆ แต่แกก็ใจดีนะ หนูเคยทำกาแฟหกหกใส่หนังสืออ่านเล่นแก แกไม่ว่าอะไรสักคำแค่เรียกให้เอาผ้าไปเช็ด”
“อ้อ...งั้นมีมีอีกคนนะที่แกควรจะกลัว”
“ใครล่ะน้า ป้าละอองเหรอ”
“ไม่ใช่ป้าละออง แต่เป็นข้านี่แหละ ปากไม่มีหูรูดดีนัก ขืนแกพูดมากแล้วพวกในครัวซวยไปด้วยข้าจะเอาอีโต้เคาะตาตุ่มแกให้หายปากเบาสักทีสองที...ไป ไปหั่นผักต่อ...”
รำพึงเอ็ดไม่จริงจังนัก ข้าวสวยหัวเราะแหะ ๆ แล้วรีบง่วนทำงานของตัวเองต่อเพื่อให้ทันจัดสำรับเย็นให้คนเป็นนาย
* * * * *
ไข่มุกปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนแทบจะขับรถกลับบ้านเองไม่ไหว แต่เมื่อเลี้ยวผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้วเห็นว่ารถแวนเบนซ์สีดำของใครจอดอยู่ เธอก็แทบจะหายปวดเป็นปลิดทิ้ง
“นายธง! คุณแม่กลับมาแล้วเหรอ”
หญิงสาวร้องถามเสียงแหลม นายธงหรือธงไชย คนรถวัยห้าสิบที่กำลังปัดถูเช็ดรถอยู่บริเวณนั้นหันมาตอบรับอย่างนอบน้อม
“ครับ คุณท่านกลับมาเมื่อตอนสาย ๆ นี้เอง”
“แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉัน!”
ธงไชยไม่รู้ว่าจะตอบกระไร ไข่มุกก็คงไม่ได้จะถามเขาเพราะเมื่อพูดจบ ไฮโซสาวก็รีบคว้ากระเป๋า ปิดประตูรถแล้วเดินสับฉับ ๆ ไปทางตัวบ้านทันที
ที่ห้องรับประทานอาหาร คุณหญิงธัญญานั่งอยู่หัวโต๊ะ เก้าอี้ด้านขวามือคือลูกชายคนเดียวที่รีบกลับมาบ้านเพื่อรับประทานร่วมโต๊ะกับมารดาหลังไม่ได้เจอหน้ากันนานนับเดือน
ส่วนเก้าอี้ด้านซ้ายที่ปกติเป็นของลูกสะใภ้ ยังคงว่างเปล่า ว่างเปล่าเหมือนจานกระเบื้องขอบขลิบทองที่วางอยู่ตรงหน้าในเวลานี้
“ผมว่าเราทานกันเถอะครับแม่ ผมชักจะหิวแล้ว”
“แม่อยากให้รอ ธามก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบที่คนอยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ แต่พอถึงเวลากินกลับต่างคนต่างกิน”
“ธามทราบครับแม่ แต่บางทีเพิร์ลอาจจะติดธุระจำเป็นอะไรอยู่ เพราะผมพยายามโทรหาเขามาตลอดทั้งวันแล้ว แต่เหมือนโทรศัพท์เขาจะปิดเครื่อง”
“โทรไม่ติดเพราะปิดเครื่อง แล้วลูกไม่เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องบ้างหรือไง”
“เพิร์ลเขาไม่เป็นไรหรอกครับแม่ มือถือเขาอาจจะแค่แบตหมด”
สีหน้าของผู้เป็นแม่ ไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
“แค่นั้น? แล้วแกก็ไม่กระวนกระวายที่จะตามหาเมียแกเลยหรือ นี่แม่คิดไปเองหรือเปล่า ทำไมแม่รู้สึกว่าธามไม่ค่อยใส่ใจหนูเพิร์ล นี่เราสองคนทะเลาะอะไรกันอีกแล้วหรือยังไง”
“เปล่าหรอกครับแม่...”
ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงค่อย ใจไม่อยากจะโกหกเพียงแต่ยังไม่อยากเอ่ยมันออกมา
แต่บางทีธามแน่ใจว่าแม่ของเขาน่าจะดูออกมาเกือบปีแล้วว่าลูกตัวกับลูกสะใภ้นั้นตึง ๆ ใส่กัน เวลาพูดคุยหรือยิ้มให้กันก็ดูฝืดเฝือเหลือทน
และถ้าคุณหญิงธัญญาดูออก ก็แสดงว่าที่ผ่านมา นางเพียงเลือกจะไม่พูด...
“ธาม ถ้าลูกมีปัญหาอะไรกัน ก็ควรจะบอกกับแม่ตรง ๆ นะ หรือว่าอยากจะให้แม่หาคำตอบด้วยตัวเอง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับแม่ ผมก็แค่ยัง...”
“คุณแม่คะ กลับมาแล้วหรือคะ...”
เสียงหวานค่อนข้างแหลมสูง ดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ไข่มุกยิ้มน่ารักแล้วเข้าไปประนมมือไหว้แม่สามีด้วยกิริยามารยาทที่ดูอ่อนหวานนุ่มนวลมากกว่าจะขัดลูกนัยน์ตา
แม้แต่ธามก็ยังยอมรับว่าภรรยาตามกฎหมายของเขาแสดงละครเก่ง ตอนหนึ่งเธออาจเป็นคนเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใคร อีกตอนก็เกรี้ยวกราดโมโหร้ายเหมือนนางยักษ์นางมาร
แต่หากจะต้องทำตัวนุ่มนิ่มไร้พิษสงเหมือนเช่นตอนนี้...ก็ดูสมจริงจนชวนให้ใจอ่อน
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ธามทั้งขันและทั้งแปลกใจ... นักธุรกิจหญิงเขี้ยวลากดินอย่างคุณหญิงธัญญา ธนกิจ จะดูสะใภ้ไม่ออกเชียวหรือ
"เพิร์ลขอโทษนะคะคุณแม่ที่มาช้า เพิร์ลไปทำธุระกับเพื่อนมากว่าจะปลีกตัวมาได้ก็ยากเย็น"
"แม่นึกว่าหนูลืมไปแล้วเสียอีกว่าบ้านเราจะต้องมากินข้าวอย่างตรงเวลา ด้วยกันทุกเย็น"
คุณหญิงธัญญาเอ่ยเยือกเย็น แต่แม้แต่คนเอาแต่ใจอย่างไฮโซไข่มุกก็ยังเสียวสันหลังวาบ "เพิร์ลขอโทษค่ะคุณหญิงแม่" ไข่มุกประนมมือไหว้ เอ่ยเสียงแผ่ว สีหน้าเจื่อนไปอย่างไม่ต้องเสแสร้งแต่วินาทีต่อมา แม่สามีก็กลับยิ้มอ่อนโยนราวกับเมื่อครู่เป็นคนละคน
"แม่กำลังเป็นห่วงอยู่เลยว่าเพิร์ลเป็นอะไรอยู่ที่ไหนหรือเปล่า ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับลงมากินข้าวด้วยกัน...แม่กับพี่เขาจะรอจนกว่าหนูจะลงมานะจ๊ะ""ค่ะ ค่ะ"
หญิงสาวรับคำแล้วรีบกลับขึ้นห้องส่วนตัวไปอย่างว่องไว โดยตลอดเวลานั้นมีสายตาเรียบเฉยของวีณาที่ยืนอยู่เงียบ ๆ จนแทบจะกลืนไปกับผนังห้องกินข้าว มองตาม 'คุณผู้หญิง' ของบ้านไปด้วยด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
บอกเลยว่าบ้านนี้ไม่มีใครปกติสักคนค่ะ ฮ่าๆๆ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ อ่านเรื่องนี้ได้ที่ good novelที่เดียวเท่านั้นค่าา
“ของคุณหญิงรับแค่สลัดก็พอนะน้า ตอนอยู่วัดท่านถือศีลแปด งดกินอาหารหลังเที่ยงมาเป็นเดือนจนเริ่มจะชินแล้ว กลับมากินอะไรเบา ๆ ก่อนก็พอ”“ได้ค่ะคุณวีณา”รำพึงรับคำเมื่อผู้ช่วยส่วนตัวของคุณหญิงธัญญาเดินมาสั่ง วีณาทำงานกับคุณหญิงมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีด้วยทุนของมูลนิธิธนกิจการศึกษาจนตอนนี้เธอก็อายุ 35 ปีแล้ว ถ้าเป็นงานของบริษัท คุณหญิงธัญญาในฐานะประธานกรรมการของธามเอนเตอร์ไพรซ์จะมีจำรัสเป็นเลขานุการและทีมผู้ช่วยอีกสามคนแต่ถ้าเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ คนเดียวที่รับจบก็คือวีณาคนนี้ เรียกได้ว่าเป็นคนที่รู้ใจและได้รับความไว้วางใจจากคุณหญิงธัญญามากที่สุด แม้แต่การไปปฏิบัติปีละครั้งก็ยังต้องให้วีณาตามไปด้วย“แต่ว่าอาหารอย่างอื่นของคุณธามกับคุณเพิร์ล ก็จัดเหมือนเดิมเลยนะ เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”“ค่ะคุณวีณา”“อืม...” หญิงสาวมองไปรอบ ๆ พลางนึกไปด้วยว่ายังมีอะไรที่หล่อนต้องกำชับอีกหรือไม่ ห้องครัวในบ้านธนกิจมีถึงสามห้อง แบ่งเป็นครัวไทย ครัวฝรั่ง และครัวเบเกอรี่ แต่ละห้องมีอุปกรณ์ทำอาหารเพียบพร้อมไม่ต่างจากครัวของโรงแรมใหญ่ ๆ วันดีคืนดีก็จะจ้างเชฟนานาชาติมาทำอาหารให้ แต่ปกติลำ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ แวน รุ่นสปรินเตอร์ 419 สีดำเป็นมันเงาแล่นผ่านลานน้ำพุมาจอดหน้ามุขประตูบ้านธนกิจ เหล่าแม่บ้าน คนครัว คนสวน คนรับใช้ เกือบสิบชีวิต มายืนออรอรับผู้เป็นนายอย่างพร้อมเพรียง ประตูรถแวนเลื่อนออกอย่างอัตโนมัติ ที่ก้าวลงมาโดยมีผู้ช่วยคนสนิทยื่นมือให้ช่วยจับคือหญิงวัยประมาณ 60 เศษ ๆ ที่ยังแข็งแรง บุคลิกงามสง่า หน้าสะสวยอ่อนกว่าวัยเสื้อและผ้านุ่งสีขาวทั้งชุดนั้นดูเรียบง่ายแต่เป็นคนที่มีความรู้ด้านแฟชั่นจะรู้ว่าทั้งเนื้อผ้าและการตัดเย็บไม่ธรรมดา อย่างน้อยต้องมาจากห้องเสื้อชั้นสูงของไทยไม่แบรนด์ใดก็แบรนด์หนึ่ง“เป็นยังไงกันบ้าง ฉันไม่อยู่ตั้งเป็นเดือน ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”คุณหญิงธัญญา ธนกิจ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด ละอองที่มีอาวุโสที่สุดเป็นคนตอบ“ปกติเรียบร้อยดีค่ะคุณท่าน พวกอิฉันขอกราบอนุโมทนาสาธุด้วยนะคะคุณท่าน กลับจากปฏิบัติธรรมหนนี้ หน้าตาคุณท่านอิ่มเอิบผ่องใสมากเลยค่ะคุณท่าน”“ขอบใจ ตอนอยู่ที่วัดฉันก็อธิษฐานทำบุญเผื่อพวกเราทุกคนเหมือนกัน...”“ขอบพระคุณมากค่าคุณท่าน” แม่บ้านและเหล่าคนงานพร้อมใจกันยกมือไหว้สาธุ คนรถประจำตัวเปิดประตูด้านหลังรถแวนพลางเรียกให้ทุกคนไปรับขอ
คุณหญิงพลอยสีไม่ได้พูดเล่นตอนที่บอกว่าให้แม่ครัวทำอาหารไว้หลายจานทั้งแกงทั้งผัดจนเต็มโต๊ะรับประทานอาหาร หลายจานเป็นอาหารที่ธามโปรดปรานเป็นพิเศษ ไข่มุกอดค่อนไม่ได้“กินกันแค่สี่คนจริง ๆ หรือคะ หรือว่าพวกพี่ ๆ จะมาด้วย”“วันนี้ก็แค่สี่คนนี่แหละ พวกพี่ ๆ แกติดราชการกันทั้งสามคน ถ้ามาได้แม่คงให้ทำไว้เยอะกว่านี้ โดยเฉพาะพวกขนมนมเนย พวกหลาน ๆ แกน่ะกินทีอย่างกับพายุบุแคม”“ไม่มาน่ะดีแล้ว วิ่งโวยวายกันเป็นลิงเป็นค่าง น่ารำคาญ”หญิงสาวบ่นเบา ๆ แต่ก็ดังพอจะให้คุณหญิงพลอยสีหน้าตึง“นี่หรือเปล่าแกถึงไม่ยอมมีลูกให้ธามเขาสักที เพราะแกเกลียดเด็กหรือยังไง”คนเป็นลูกสาวที่กำลังยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบ ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นแต่แววตาแข็งกระด้าง“คุณแม่อยากรู้เหตุผลจริง ๆ ที่เพิร์ลไม่อยากมีลูกหรือเปล่าล่ะคะ เพิร์ลจะได้บอกว่า...ทำไม”คุณหญิงพลอยสีหน้าตึงทันที ธามเองก็ยังรู้สึกแปลกใจพล.อ.เขมราชรีบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเข้ม“พอเถอะคุณหญิง มาพูดเรื่องเครียด ๆ ตอนนี้ อาหารจะไม่อร่อยกันพอดี... กินข้าวกันดีกว่า ธาม...คุณหญิงแม่เขาสั่งให้ทำยำถั่วพูไว้ให้ ถั่วพูพ่อปลูกเองอยู่ในสวนข้างบ้านน
ตอนที่ 13 ลูกณ บ้านศศินทร์เดชาคุณหญิงพลอยสีท่าทางดีอกดีใจที่วันนี้ลูกสาวคนเล็กมาหาพร้อมกับลูกเขย นางรีบเดินเข้าไปทักทายธาม แต่กลับแทบไม่ปรายตาไปยังลูกสาวที่มาด้วยกัน“ธาม...เป็นอย่างไรบ้างลูก ทำไมหมู่นี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลย”“ผมขออภัยครับ”ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ อย่างสุภาพ เขาไม่อธิบายเพราะไม่อยากจะโกหก... ปล่อยให้แม่ยายเข้าใจไปเองว่าลูกเขยงานยุ่งมากจนไม่มีเวลามาเที่ยวหาไข่มุกปรายตามองอย่างหมั่นไส้แต่ไม่เอ่ยอะไร... เมื่อกลับมาบ้าน บ้านที่มีพ่อกับแม่ของหล่อนอยู่ ดูเหมือนไข่มุกคนเจ้าอารมณ์ก็กลายเป็นผู้เป็นคนเหมือนคนปกติขึ้นมาได้บ้าง“คุณพ่ออยู่ไหมครับ”“อยู่สิจ๊ะ เข้ามาเถอะ พ่อเขารอเจอธามอยู่ที่ห้องหนังสือแน่ะ”“รอเจอแค่ลูกเขยหรือคะ แล้วลูกสาวไม่อยากเจอด้วยหรือไง”ทั้งที่บอกตัวเองว่าจะไม่พูด แต่ไข่มุกก็พูดออกไปจนได้คุณหญิงพลอยสีจึงหันมามอง ทั้งสายตาและวิธีที่มองจิกก็ยังเหมือนกันสมกับเป็นแม่เป็นลูก แต่ไม่รู้ทำไมจึงพูดจากันดี ๆ ไม่ค่อยได้“เธอน่ะฉันจะเจอเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เหมือนนายธาม... ลูกเขยของฉันเป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ นาน ๆ จะปลีกตัวมาหาฉันได้ฉันก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”ไข่มุกเบ้ปาก ธามจับมือแม
ตอนที่ 12 คำตอบถ้าคนของธามไปช้าอีกนิดเดียว ในห้องที่ศักดิ์สยามพักรักษาตัวอยู่ตอนนั้นคงจะเกิดการนองเลือด เพราะไข่มุกกรีดร้องคลุ้มคลั่งพุ่งใส่ชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวว่ากำลังอยู่ในโรงพยาบาล ศักดิ์สยามยกมือปัดป้องเป็นพัลวันแต่กระนั้นเขาก็ได้รอยเล็บจนเลือดซิบมาหลายแผล ต้องใช้บุรุษพยาบาลกับลูกน้องของธามรวมเป็นสามคนจึงจะรวบมือเท้าแขนขาของไข่มุกเอาไว้ได้เพื่อจะให้พยาบาลใช้เข็มฉีดยาปักเข้าเส้นเลือด ให้เธอสงบและหลับไปภายในเวลาไม่ถึงนาทีเมื่อธามรีบตามมาถึง จึงพบว่าภรรยาของเขานอนหลับไปแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน มีผ้ารัดข้อมือของเธอติดไว้กับราวขอบเตียงทั้งสองข้าง“เป็นยังไงบ้าง... ศักดิ์สยาม”แปลกที่ชายหนุ่มกลับดูจะเป็นห่วงศักดิ์สยามมากกว่าภรรยาตัวเอง ดูเขาไม่ตกใจเลยที่ได้ยินเลขาฯ บอกว่าเมื่อชั่วโมงก่อนไข่มุกมีอาการเช่นไร...ศักดิ์สยามเองเสียอีกที่ยังช็อกไม่หาย“ผม...ผมไม่เป็นไรครับ”“แต่ดูท่านายจะได้แผลเยอะเลยนี่”ธามหมายถึงรอยแผลสดเลือดซิบที่ถูกทายาไปทั่วตัว นักบัญชีหนุ่มฝืนยิ้ม“แค่แมวข่วนน่ะครับ ไกลหัวใจ... แต่ว่า... ผมไม่เคยเห็นคุณเพิร์ลเธอเป็นอย่างนี้เลย เธอคงจะโกรธผมมาก”“เพิร์ลไม่เ
“โดนตบไปแล้วครั้งนึงยังไม่เข็ดใช่ไหมอีนังเด็กนี่” “ก็ลองเข้ามาอีกทีสิ วันนี้ไม่มีผัวป้าคอยห้าม รับรองว่าฉันไม่ยอมให้โดนตบฟรีอีกแน่” ศักดิ์สยามที่ยังตกตะลึง มองหน้าน้องสาวกับอดีตชู้รักสลับไปมา ลืมความเจ็บปวดของตัวเองไปทันที “เดี๋ยว! นี่อะไรกัน ตาลเคยเจอคุณเพิร์ลแล้วเหรอ” ศีตลาไม่ยอมตอบ อีกฝ่ายจึงตอบแทน “แกแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริง ๆ นายต้น” “ผม...ผมต้องรู้เรื่องอะไร” “ก็เรื่องที่น้องสาวแกคนนี้มันแร่ดเอาตัวไปเสนอให้ธามถึงบ้าน เพื่อแลกกับการยอมความ ให้แกไม่ต้องติดคุกไง” ศักดิ์สยามหันกลับมามองหน้าน้องสาว ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ ผู้หญิงใจดำอย่างไข่มุกย่อมจะพูดอะไรก็ได้... แต่ศีตลากลับไม่ยอมสบตาเขา เธอเอาแต่มองไปทางอื่น... “ตาล ลูกตาล...” “จะอ้ำอึ้งทำไมนังเด็กแร่ด ยอมรับไปสิว่าแกจะขายตัวเพื่อแลกกับการยอมความจริง ๆ” “หนูเปล่าขายตัว อย่าพูดอะไรมั่ว ๆ นะป้า” “ขืนเรียกฉันว่าป้าอีกคำเดียว ฉันจะเอาแกหน้าแหกแน่” ไฮโซสาวลูกสาวนายพลลืมกิริยาผู้ดีไปสิ้น กางมือร่าเตรียมจะโผเข้าหาเด็กสาวที่ยืนตั้งรับอยู่อีกฟากของห้อง แต่ทนายกับผู้ช่วยสาวที่มาด้วยกันนั้นรีบสะกิดห้ามไว้เสียก่อน “เอ่อ คุณเ
ศีตลาตื่นแต่เช้า แต่งตัวชุดนักศึกษาแล้วก็สะพายกระเป๋าออกจากหอ แต่สถานที่ที่จะไปยังไม่ใช่วิทยาลัย เด็กสาวพิมพ์ส่งข้อความไปบอกลลิตาทางแชตไลน์ - วันนี้จะไปสาย คาบแรกฝากลาอาจารย์ด้วย –ไม่ถึงสามวินาที ลลิตาก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับมา เป็นตัวการ์ตูนชูนิ้วว่า - OK- นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ศีตลาคบหาเป็นเพื่อนกับลลิตาหรือลิลลี่ได้ยาวนานมาเกินเกือบสิบปี เพราะเพื่อนคนนี้ไม่ใช่คนชอบซักไซ้ซอกแซก นอกจากไม่ใช่คนชอบจับผิด ลลิตาก็ยังเป็นคนสดใส ใจกว้าง เธอจึงสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ ๆศีตลาโดดเรียนวิชาแรกของเช้านี้ เพราะจะไปหาศักดิ์สยามที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง...ทนายความของธามโทรศัพท์มาบอกเธอตั้งแต่เมื่อวานว่าย้ายโรงพยาบาลให้พี่ชายของเธอ และเพื่อความปลอดภัยของเขา ก็ห้ามเธอไม่ให้บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ โดยเฉพาะคุณไข่มุกถ้าไม่เพราะโดนฝ่ามือของนางปีศาจนั่นมาแล้วรอบนึง ศีตลาก็คงนึกไม่ออกเลยว่าผู้หญิงสวยสง่า ภาพลักษณ์ภายนอกดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไข่มุก เนื้อแท้จะเป็นคนโหดร้ายใจดำได้ขนาดไหน ก็คงไม่แปลกที่แม้แต่ทนายความฝั่งสามียังไม่อยากเปิดเผยที่อยู่ของศักดิ์สยามให้นางรู้ คงกลัวพี่ชายของเธอจะไม่ปลอดภัยเสียล่ะกระม
“เราคุยเรื่องนี้กันไม่รู้กี่รอบแล้วนะเพิร์ล ถ้าคุณยังไม่มีทางออกใหม่ ๆ มาให้เราสองคน ก็กลับไปเถอะ ที่นี่ที่ทำงาน ผมจะทำงาน...”“ฮึ ไล่ไปเถอะ ต่อให้คุณจะไล่หรือจะทำเย็นชาใส่ฉันยังไง คุณก็กำจัดฉันออกไปจากชีวิตคุณไม่ได้หรอกนะธาม จำเอาไว้ก็แล้วกัน”หญิงสาวประกาศก่อนจะหันหลังกลับออกจากห้อง โดยไม่ลืมเหวี่ยงกระเป๋าถือในมือใส่แจกันดอกไม้ที่ตั้งบนโต๊ะรับแขกกลางห้องจนแตกกระจาย สักพักใหญ่ ๆ เมื่อแน่ใจว่าไข่มุกกลับไปแน่แล้ว อังคณาเลขาฯ ของเขาจึงค่อยโทรเรียกแม่บ้านให้เข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดเศษแก้ว“วันนี้กลับบ้านได้เลยนะอังคณา ผมคงไม่มีธุระอะไรจะให้คุณทำแล้ววันนี้”ธามเอ่ยกับเลขา อังคณารับคำ เดาได้ว่าเจ้านายคงรู้สึกเหนื่อยใจจนไม่มีแก่ใจจะอยู่ที่ทำงานต่อแต่ธามก็ไม่ได้ไปปลดปล่อยอารมณ์ที่ไหนอย่างที่ใครคาดเดา เขาแค่ตรงดิ่งกลับบ้าน บ้านที่เงียบเหงาเพราะแม่ของเขาพาเด็กรับใช้อีกสองคนไปปฏิบัติธรรมกับท่านด้วยที่เชียงใหม่ อีกหลายวันกว่าจะกลับแต่อย่างน้อยก็ยังมีป้าละออง...คนเก่าแก่อีกคนที่รับใช้แม่ของเขามานาน เมื่อชายหนุ่มกลับถึงบ้าน ป้าละอองก็รีบยกน้ำหวานใส่น้ำแข็งมาเสิร์ฟเขาทันที“ขอบคุณครับป้า”ชายหนุ
'ไม่ใช่เพราะกลัวพี่จะส่งเรียนไม่ไหวหรอกหรือ' ศักดิ์สยามถามตรง ๆ ตั้งแต่แม่จากไป เขากลายเป็นคนไม่เกี่ยงงาน รับจ้างทำทุกอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายเพื่อให้มีเงินมาจุนเจือชีวิตของสองพี่น้อง แล้ววันนี้เขาอยู่ในจุดที่ดีกว่าตอนเป็นวัยรุ่นด้วยซ้ำ มีหน้าที่การงานทำที่มั่นคง เรื่องจะส่งเสียน้องสาวที่เขาเลี้ยงเหมือนลูก ให้สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดเท่าที่ใจอยากเรียน เขาจึงมั่นใจว่าตัวเองก็จะต้องทำได้ แต่สุดท้ายศีตลาก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เพราะเธอได้ตัดสินใจไปแล้ว 'หนูรู้ว่าพี่ต้นส่งไหว แต่มันก็ถึงเวลาที่ตาลจะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ต้นด้วยแล้วเหมือนกัน อีกอย่างนะ ตาลก็อยากมีเงินของตัวเองเอาไปดูหนังกินไอติมกับลิลลี่บ้างสิ จะให้ขอพี่ต้นทุกวันก็เกรงใจแย่' เด็กสาวยืนยัน เอ่ยถึงลิลลี่ ศีตลาก็คล้ายจะได้ยินเสียงเพื่อนรักแว่วมาจากไหนไกล ๆ"ตาล ลูกตาล...ไอ้ลูกตาล!" ศีตลากระพริบตาถี่ งุนงงอยู่ครู่ก่อนจะรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังนอนบนเตียงพยาบาล ในห้องพยาบาลของวิทยาลัย เมื่อเห็นเพื่อนฟื้นตื่น ทั้งลลิตาและแก้วขวัญก็ยิ้มดีใจ โล่งอก "ใครพาฉันมาที่นี่น่ะ" คนนอนเตียงถามเสียงแหบแห้ง ลลิตารีบล้วงหยิบขวดน้ำมาเปิดตอนที่แก้วขว