LOGINเกือบหนึ่งเดือนเต็มที่เขาตามหาหญิงสาวแต่ก็ไม่พบ ในเมื่อเธอเลือกจะจากไปโดยไม่ลา เขาเองก็จะไม่ตามหาอีกต่อไปสุดท้ายคงมีเพียงเขาคนเดียว ที่ยังเป็นห่วงเธออยู่ฝ่ายเดียว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ศิวกรเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะวางแฟ้มเอาไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ
“เอกสารสมัครงานครับท่านประธาน จะดูก่อนไหมครับ”
“วางไว้ตรงนั้น” เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากงานในมือ แต่สายตาของเขากลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเขาจ้องมองสร้อยที่เงินที่ถืออยู่ในมือ เครื่องประดับที่เจ้าของมันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ยกเลิกฉันไม่รับแล้วแผนกเลขามีคนตั้งมากมาย ขาดไปคนหนึ่งคงไม่ตายหรอก” เขาพูดเสียงเรียบเย็น
ศิวกรพยักหน้าและจะเอาเอกสารกลับ แต่ก่อนจะปิดแฟ้มก็พูดเบาๆ
“ผมจะเอาออกไปนะครับเอกสารประวัติของไข่มุกน่ะครับ ผมวางไว้หลายวันแล้ว”
คิรินทร์หยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาที แต่เขาก็ไม่เอื้อมไปแตะมันแม้ปลายนิ้วแทนที่จะตอบ เขาแค่โบกมือไล่ลูกน้องออกจากห้อง ราวกับไม่อยากเผชิญหน้ากับความจริงที่ตัวเองเป็นคนผลักเธอออกไปเอง
ศิวกรปิดประตูเบาๆ ทิ้งให้ห้องทั้งห้องเหลือเพียงความเงียบ
ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดแฟ้มประวัติของหญิงสาวอีกครั้ง ทั้งที่รู้ดีว่าข้างในไม่มีอะไรใหม่ไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา เขาอ่านมันซ้ำจนจำรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับไข่มุกได้ขึ้นใจอยู่แล้ว แต่ก็ยังอดเปิดมันไม่ได้อยู่ดี
สายตาของเขาสะดุดกับรูปถ่ายใบหนึ่งของหญิงสาวที่มัดผมขึ้นหลวมๆ และยิ้มบางๆ ให้กล้อง แต่สิ่งที่ทำให้เขาชะงักจนลมหายใจติดขัดไม่ใช่รอยยิ้มนั้น หากเป็นสร้อยเส้นเล็กที่ล้อมคอเธออยู่
เหมือนกับสร้อยที่กำลังวางอยู่ในมือของเขา สร้อยที่เขาเก็บได้จากคืนนั้น
หัวใจของคิรินทร์เต้นกระหน่ำราวกับกำลังพยายามจะหลุดออกมา เขาก้มมองสร้อยในมืออีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามันไม่ใช่เพียงภาพหลอน ก่อนจะหันกลับมามองรูปถ่ายนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ทำไมเธอถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย” เขาไม่รอช้ารีบกดอินเตอร์โฟนออกไปหาศิวกรทันที
“เข้ามาพบฉัน!” ลมหายใจของเขาสะดุดเหมือนคนกำลังจมน้ำทั้งตกใจทั้งสับสน และเหนือสิ่งอื่นใดเจ็บหนึบแปลกประหลาดขึ้นมาในอก
“ครับท่านประธาน”
“ให้นักสืบตามหาไข่มุกให้พบ ไม่ว่าเธอจะหนีไปไกลแค่ไหนฉันต้องได้เจอ!”
เสียงของคิรินทร์เข้มจนทุกคำเหมือนจะสั่นพื้นห้องทำงานศิวกรยืนตัวแข็งทื่อ ไม่เคยเห็นเจ้านายเดือดดาลจนขนาดนี้มาก่อน
เขากำสร้อยในมือแน่นดวงตาคมลุกวาวด้วยความโกรธผสมความเจ็บปวดที่ไม่ยอมรับออกมา คิดจะฟันเขาแล้วหายไปเฉยๆ งั้นเหรอ? ไม่มีทาง
ด้านไข่มุกเธอยืนอยู่กลางลานหน้าบ้านไม้เก่าๆ ลมเย็นของเชียงใหม่พัดกลิ่นดินชื้นอบอวล เธอย้ายมาที่นี่ได้สามเดือนแล้ว ทำงานรับจ้างส่งขนมให้ร้านเบเกอรี่ในตัวเมือง แม้จะเหนื่อยแต่ก็ยังดีกว่ากลับไปเจอเรื่องวุ่นวายในกรุงเทพ
“หนูมุกมานั่งพักก่อนลูก กำลังท้องอยู่เดินบ่อยๆ ไม่ดีนะ” ป้านางเพื่อนบ้านแสนใจดีร้องเรียก
“มุกเดินไหวค่ะป้า เดี๋ยวไปส่งให้ร้านสุดท้ายก็กลับแล้วค่ะ” เธอยิ้มบางๆ พลางจับท้องที่เริ่มโตขึ้น
“เฮ้อ เด็กสมัยนี้นะไม่ค่อยห่วงตัวเองกันเลย” ป้านางบ่นแต่ก็ส่งสายตาเอ็นดู
“มุกจะระวังค่ะ” ไข่มุกหัวเราะเบาๆ
สายตาของหญิงสาวลอบมองไปยังไร่ขนาดใหญ่ที่เธอมาเช่าบ้านอยู่ ไร่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยแปลงผลไม้และบ้านเรือนสมัยใหม่ แต่กลับดูเงียบเหงา
“ตั้งแต่พ่อเลี้ยงเก่าจากไปลูกชายก็ไม่ได้กลับมาดูแลเลย พ่อเลี้ยงคนเก่าแต่งงานกับสาวเมืองกรุงมีลูกชายด้วยกัน แต่ลูกชายไม่ค่อยมาเหยียบที่ไร่คนหนุ่มสาวใครจะอยากมาลำบาก” ป้านางถอนหายใจ
“แล้วตอนนี้ใครดูแลเหรอคะ?” ไข่มุกถามเพราะเห็นไร่ใหญ่ขนาดนั้นปล่อยทิ้งก็เสียดายแทน
“ญาติพี่น้องเขานั่นแหละ แต่เอาจริงก็เหมือนตามมีตามเกิด ลูกพ่อเลี้ยงน่ะหล่อมากเลยนะ ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่ในกรุงเทพเชียวล่ะ เสียดายพ่อเลี้ยงเขาเจ้าชู้มีบ้านเล็กบ้านน้อย” ป้านางพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ เหมือนรู้จักกันยังไงยังงั้น
ไข่มุกยิ้มสุภาพไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เธอคิดเพียงแค่ต้องทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมให้เด็กๆ เกิดมาอย่างไม่ลำบาก
“คนกรุงเทพน่ะรวยจริง แต่บางครั้งก็ใจดำไม่น้อย” ป้านางพูดต่อ
ไข่มุกสะดุ้งหัวใจเต้นวูบหนึ่ง แต่เธอส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นทันที
“แล้วพ่อของลูกเขาไม่ติดต่อมาบ้างเลยเหรอ”
คำถามนั้นทำให้หัวใจของเธอสะดุด เธอก้มหน้าหลีกเลี่ยงสายตา ไม่อยากให้ใครเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหน้า
“ใจร้ายจริงๆ เมียกำลังท้องทิ้งลูกทิ้งเมียผู้ชายแบบนี้ไม่มีทางเจริญหรอก” ป้านางถอนหายใจหนัก
“มุกรีบกลับบ้านดีกว่าเดี๋ยวจะค่ำก่อน” เธอพูดเสียงเบากลัวว่าถ้าคุยต่อ เธอจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว
“หนูมุกรีบกลับก่อนมืดนะลูกป้าเป็นห่วง”
“ค่ะป้านางขอบคุณมากนะคะ” เธอยิ้มก่อนจะเดินออกไปช้าๆ มือหนึ่งลูบท้องเบาๆ เพื่อปลอบใจทั้งตัวเองและเด็กในครรภ์
พอไข่มุกเปิดประตูบ้านเข้ามาทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ของใช้เด็กวางเต็มบ้าน เหมาะพอสำหรับลูกทั้งสามคนที่กำลังจะเกิด หลังจากไปหาหมออีกครั้ง เธอถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าในท้องมีลูกแฝดถึงสามคน
“อย่าดื้อนะลูกเป็นเด็กดีของแม่นะ” เธอลูบหน้าท้องเบาๆ สัมผัสได้ถึงการดิ้นของลูกๆ เธอหยิบสมุดนิทานขึ้นมาอ่าน ทำให้เจ้าแฝดทั้งสามสงบลง
“คนโตชื่อธารา คนกลางชื่อทะเล อีกคนชื่อสายลมแล้วกัน มีความหมายคล้ายชื่อของแม่”
เมื่อรวมกันธารา ทะเล สายลม จะสื่อความหมายโดยรวมว่า ความสงบและอ่อนโยนดุจสายน้ำ รู้สึกอิสระเหมือนทะเลกว้างใหญ่ และเคลื่อนไหวเบาๆ อย่างสายลม
“แม่ขอโทษนะ แม่พาลูกมาลำบากเอง แม่ไม่ควรไม่ควรเข้าไปวุ่นวายกับคนที่มีเจ้าของ”
เธอมือกุมท้องเบาๆ ความเจ็บปวดปนความเสียใจบีบรัดหัวใจ น้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุดเสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ความผิดพลาดที่ทำให้ทุกอย่างซับซ้อนเกินกว่าที่จะควบคุมได้
ถึงแม้ว่าไข่มุกจะแอบรักเขามานาน แต่เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เธอมีทั้งหมดเป็นเพียงความฝันเท่านั้น และวันนี้เธอตื่นจากฝันนั้นแล้วเผชิญกับความจริงที่เจ็บปวด โลกจริงโหดร้ายกว่าโลกในฝันหลายเท่า
เพล้ง
เสียงแก้วแตกกระจายไปทั่วพื้นห้อง คิรินทร์ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ดวงตาแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปเต็มที่
หลายเดือนผ่านไปแล้วที่เขาตามหาไข่มุกทุกหนทุกแห่ง แต่กลับได้เพียงความว่างเปล่า เงียบงันเหมือนเธอไม่เคยมีตัวตนอยู่ตรงนี้เลย
เขายังคงนึกถึงคืนนั้นอยู่ตลอด สติส่วนหนึ่งยังหลงเหลือ แต่เขากลับไม่ห้ามใจตัวเอง พอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ ความต้องการยิ่งดึงรั้งจนหยุดไม่ได้ เขาตักตวงความสุขจากร่างกายของหญิงสาวครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาคิดว่าพอตอนเช้าจะลองพูดคุยกับหญิงสาวดู แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาทุกอย่างกลับว่างเปล่า เธอหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ให้เขาตามหา
“ท่านประธาน” เดวิดรีบก้าวเข้ามาเมื่อเห็นสภาพเจ้านายที่นั่งกุมขมับอยู่กลางห้องทำงาน
“ออกไป” เขาเอ่ยเสียงเข้ม ไม่อยากให้ใครเห็นความวุ่นวายในใจของตัวเอง
“คุณคเชนติดต่อมาอีกแล้วครับ” เดวิดยังยืนลังเล ก่อนเอ่ยรายงานเสียงเบา
ดวงตาของคิรินทร์แข็งกร้าวขึ้นทันที ความบาดหมางเก่าและสถานที่ที่เขาไม่อยากกลับไปทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน
“บอกเขาไปฉันจะไม่ยอมไปเหยียบที่นั่นอีกเด็ดขาด”
พ่อของเขาเจ้าชู้ มีบ้านเล็กบ้านน้อยหลายหลัง จนแม่ของเขาล้มป่วยและเสียชีวิตไป ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อจึงเต็มไปด้วยความบาดหมาง
เขาขึ้นมารับช่วงต่อ K-Metha Holding เพราะนี่คือสิ่งที่แม่ของเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างขึ้นมา หลังจากรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของพ่อแม่ เขาจึงตัดสินใจใช้นามสกุลของแม่
พอพ่อจากไป เขาไม่ยอมกลับไปรับมรดกใดๆ การกระทำของพ่อไม่เพียงทำร้ายแม่ แต่ยังลากเขาเข้าไปในวังวนของความเจ็บปวด บังคับและแกมขอร้องให้เขาหมั้นหมายเพราะผลประโยชน์ ทั้งหมดทำให้เขาไม่ไว้วางใจใคร และกลายเป็นผู้ชายเย็นชาและเข้มงวดอย่างที่เห็น
หนึ่งปีผ่านไปครอบครัวของคิรินทร์และไข่มุกยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ลูกๆ ทั้งสามโตขึ้นเป็นเด็กซนแต่แสนรู้ ส่วนวายุ ลูกคนนั้นดื้อไม่แพ้พี่ชายเลย เล่นเอาคนเป็นพ่อแทบกุมขมับเช้าวันเสาร์สายลมต้องไปเรียนเต้น ไข่มุกไม่ได้บังคับลูก แต่เพราะลูกสาวอยากไป เธอจึงได้แต่สนับสนุนและตามใจ“ทำไมต้องรีบไปด้วยคะ” เธอถามลูกเสียงนุ่ม“สายลมนัดเจเจไว้ค่ะ” สายลมตอบด้วยตาเป็นประกาย“เด็กหนุ่มตัวขาวๆ ใช่ไหม” ไข่มุกนึกขึ้นได้ทันที เธอจำได้ว่าเคยเจอกันครั้งหนึ่ง“ใช่ค่ะ แม่อย่าบอกพ่อนะคะ เดี๋ยวพ่อดุว่าสายลมคบแต่เพื่อนผู้ชาย” สายลมยิ้มเจ้าเล่ห์“ได้ค่ะ แม่จะเก็บเป็นความลับของเราเอง” เธอหัวเราะเบาๆ พลางลูบหัวลูกสาว“ปล่อยลูกไปหาผู้ชายอีกแล้วนะ!” คิรินทร์ได้ยินทุกอย่าง เขาแทบรับไม่ได้ที่ลูกสาวตัวน้อยมีเพื่อนผู้ชาย“คุณคินสายลมเพิ่งจะกี่ขวบเองเขายังไม่เข้าใจความรักหรอกค่ะ” ไข่มุกอมยิ้ม เอ็นดูสามีไม่น้อย“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมวิ่งตามผู้ชายแบบนี้ล่ะ” เขาหวงลูกสาวเพียงคนเดียว“ทีลูกชายของคุณยังวิ่งตามผู้หญิงเลยนะคะ” เธอว่า พลางคิดถึงความซนและพฤติกรรมแสบๆ ของลูกชายแต่ละคน“นั่นผู้ชายแต่สายลมเป็นผู้หญิง” “เขานิสัยเห
วายุ กฤตเมธานนท์ ลูกชายคนเล็กของคิรินทร์กับไข่มุกลืมตาดูโลกครบหกเดือนแล้ว และตั้งแต่วันนั้นชีวิตของท่านประธานบริษัทหมุนกลับด้านทันที เพราะเขาดันสัญญากับเมียว่าจะเลี้ยงลูกเอง และไข่มุกก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกเช้าแทบไม่ได้พัก เขาต้องตื่นมาแต่งตัวให้สามแฝดไปโรงเรียนไหนจะต้องอุ้ม และเล่นกับวายุที่ติดพ่อเป็นแม่เหล็ก พอหันกลับไปดูตัวเองในกระจกก็แทบจำไม่ได้ภาพท่านประธานผู้สง่างามหายไป เหลือเพียงพ่อบ้านหัวฟูผู้มีแพมเพิสและขวดนมเป็นอาวุธประจำตัวเท่านั้นหมดความเป็นท่านประธานโดยสมบูรณ์จริงๆคิรินทร์ที่เพิ่งอุ้มวายุ เดินผ่านมาอย่างเงียบขรึมวันนี้ไข่มุกจะไปทำผม เขาเลยพาลูกชายมาทำงานด้วย แต่ประโยคที่ลอยเข้าหูทำให้ก้าวชะงัก“อิจฉาน้องไข่มุกจังเลย วาสนาดีมาก”“นั่นสิ ไม่รู้ไปรักกันตอนไหน”“น้องมุกสวยขนาดนั้น ไม่แปลกที่ท่านประธานจะชอบ”เสียงหัวเราะคิกคักดังเบาๆ ทั้งสามสาวเอียงตัวเข้าหากันอย่างเมามัน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนอยู่ด้านหลัง“ดูท่านประธานรักภรรยามากนะคะ”“พาลูกมาทำงานด้วยเกือบทุกวันใครบ้างจะไม่อิจฉา”ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนกระแอมหนึ่งครั้ง สามสาวหันกลับมาช้าๆ เหมือนหน
ที่ห้องรับรองผู้ปกครอง คิรินทร์แทบสำลักลมหายใจของตัวเองเมื่อได้ยินคุณครูเล่าถึงพฤติกรรมของลูกชายให้ฟัง หากไข่มุกรู้เข้าคงปวดหัวน่าดู“ลูกคุณคิรินทร์แอบไปหอมแก้มน้องข้าวหอมค่ะ”เขาหันขวับไปมองเจ้าตัวการ เด็กชายตัวกลมแก้มแดงนั่งห้อยเท้าแกว่งไปมา ดวงตากลมแป๋วใสซื่อราวกับไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร“ทะเลทำไมทำแบบนั้นครับ” เสียงพ่อเข้มขึ้นเล็กน้อย “ทำไมเหรอครับ ก็น้องน่ารัก” ทะเลยิ้มกว้าง “ตัวแค่นี้รู้แล้วเหรอว่าอะไรน่ารัก” คิรินทร์ขมวดคิ้ว “พ่อพ่อพูดกับแม่ว่าน่ารัก ต้องจุ้บแก้ม” เด็กชายพยักหน้าเอาชนิดมั่นใจสุดชีวิตห้องประชุมเงียบสนิท ก่อนคุณครูจะกลั้นขำแทบไม่อยู่ ชายหนุ่มถึงกับเอามือกุมหน้า ซวยแล้วโดนลูกจับโป๊ะต่อหน้าคุณครูประจำชั้น“เรื่องนี้เราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน” “งั้นทะเลต้องแต่งงานกับน้องข้าวหอมก่อนเหรอครับ” ทะเลกะพริบตาปริบๆ เคยได้ยินพ่อกับแม่คุยกันว่าแตะตัวเพศตรงข้ามต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน “ยังไม่ต้องแต่ง ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนเข้าใจไหมครับ” หน้าเริ่มแดงจนหูร้อน “ครับพ่อพ่อ แต่ทะเลยังรักน้องอยู่นะ” เด็กชายยิ้มกว้าง
หลังจากงานแต่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ข่าวดีที่ทำให้ทั้งบ้านแตกตื่นก็มาถึงไข่มุกตั้งท้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนเลยสักนิดหญิงสาวแพ้ท้องหนักจนแทบลุกจากเตียงไม่ได้ ทุกเช้าเธออาเจียนจนไม่มีแรง พอกลิ่นอาหารแตะจมูกก็มวนท้องจนต้องหลับตากัดฟันกลั้นน้ำตา คิรินทร์ที่เห็นแบบนั้นหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เขานั่งข้างเตียงตั้งแต่เช้ามืด ลูบผมภรรยาอย่างเบามือ“ไข่มุกคุณไหวไหม” เสียงเข้มของเขาอ่อนลงอย่างน่าสงสาร“มุกไหวค่ะ” เธอพูดได้แค่นั้น ก่อนทิ้งตัวนอนซบหมอนอย่างหมดแรงคิรินทร์กำมือแน่นทุกครั้งที่เธออาเจียน เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนทำร้ายเธอ“เราไปหาหมอกันดีกว่า ฝืนแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“แค่แพ้ท้องเองค่ะ” ไข่มุกตอบเบาๆ แต่ภายในใจเธอก็เริ่มกังวลเหมือนกันท้องนี้ เหนื่อยและหนักกว่าตอนอุ้มท้องเจ้าสามแฝดหลายเท่าทำเอาชายหนุ่มยิ่งรู้สึกผิดจนแทบทนไม่ไหว เขาโน้มตัวลง ลูบหน้าท้องของเธออย่างทะนุถนอม“อย่าดื้อนะครับคนเก่ง แม่เขาเหนื่อยลูกต้องอ่อนโยนกับแม่หน่อยนะครับ” เสียงของเขาอ่อนโยนมาก เขาก้มลงหอมหน้าท้องเบาๆเหมือนกำลังขอโทษทั้งแม่ทั้งลูก“ถ้าคุณยังแพ้หนักแบบนี้ ครั้งนี้ผมจ
ทันทีที่ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก เสียงเจี๊ยวจ้าวของสามแฝดก็ดังลั่นราวกับพายุลูกเล็กๆ ถาโถมเข้ามาในห้อง เห็นแม่นอนแบบนั้นสงสัย“แม่เป็นอะไรฮะ!”“แม่เจ็บตรงไหน!”“เจ็บมากไหมแม่!”ทั้งธารา ทะเล และสายลมถามซ้ำไปมาไม่หยุดจนไข่มุกแทบตอบไม่ทัน ได้แต่ยิ้มอ่อนปลอบลูกให้สบายใจ“แม่ไม่เป็นไรค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย อ๊ะ เดี๋ยวก่อนลูก”ยังไม่ทันจบประโยค เด็กทั้งสามก็พยายามปีนขึ้นเตียงเหมือนคิดว่าได้กอดแม่แล้วอาการจะหาย แต่คิรินทร์รีบเข้ามาห้ามเด็กๆ นั้นไว้ก่อน“ช้าๆ ครับ แม่ยังเจ็บอยู่ ห้ามปีนขึ้นเตียงนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่จริงจัง มือใหญ่แตะหัวลูกทีละคนอย่างปลอบโยนสามแฝดหยุดทันที ดวงตากลมใสจ้องแม่อย่างเป็นห่วง ก่อนจะค่อยๆ ยืนเรียงกันข้างเตียงมือเล็กๆ เอื้อมไปแตะหลังมือแม่เบาๆ ราวกับกลัวทำเธอเจ็บมากกว่าเดิม“พวกหนูจะไม่ทำแม่เจ็บ” สายลมกระซิบเสียงแผ่ว“ธาราจะเฝ้าแม่ทั้งวันเลย”“ทะเลจะเป็นลูกผู้ชายเข้มแข็ง”ไข่มุกหัวเราะใจอบอุ่นจนล้นอก ส่วนคิรินทร์ยืนมองภาพตรงหน้า และรู้ทันทีว่าต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ครอบครัวนี้ก็จะผ่านมันไปด้วยกันเสมอ“แม่จ๋า” สายลมยังจำภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา “คุณคินอ
คิรินทร์จับมือไข่มุกไว้แน่นราวกลัวว่าเธอจะหายไป หมอแจ้งว่าไม่มีอันตราย กระสุนถูกตำแหน่งที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับเขาแค่เธอเจ็บนิดเดียวก็รับไม่ได้แล้ว“ไข่มุกผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” เขาพูดแผ่วเบา เสียงสั่นด้วยความรู้สึกผิดหญิงสาวยังไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ยาสลบ นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ส่วนลูกๆ เขาให้พี่เลี้ยงมาช่วยดูแลไว้ในคืนนี้ เพื่อให้มีเวลาเฝ้าเธออยู่ตรงนี้ไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้นแอรีสจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนรีบตามมาที่โรงพยาบาลทันที“ไอ้คิน…” เขาเรียกเพื่อนเบาๆ“ไข่มุกปลอดภัยดี” คิรินทร์ตอบน้ำเสียงยังสั่นคลอน“ฉันขอโทษที่พ่อกับน้องสาวของฉัน” แอรีสเม้มปาก“ไม่ต้องรู้สึกผิดแอรีส แกไม่ใช่พวกเขา แกคือเพื่อนของฉัน” คิรินทร์หันไปสบตาเพื่อนแน่นหนัก“ลิต้าฉันให้แกจัดการ” เขาไม่ได้รู้สึกผูกพันกับสองพ่อลูกนั่นอยู่แล้ว เรียกว่าไม่ถูกกันเลยก็ได้แอรีสออกมาสร้างบริษัทของตัวเองโดยมีคิรินทร์คอยช่วยเหลือ“ส่งให้ตำรวจซะ หากฉันจัดการเองคงเป็นศาลเตี้ยเท่านั้น” เขาเห็นแก่ที่อเล็กซ์เคยสร้างบริษัทมาพร้อมกัน เลยส่งให้ตำรวจจัดการ“นายพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะได้มีแรง”“นายอย่าคิดมากนะ”พอแอรีสออกไปชา







