LOGINคิรินทร์หยุดปลายปากกากลางอากาศเมื่อมุมสายตาเห็นซองสีครีมถูกวางแนบเอกสารรายงานประจำวัน เขาดึงมันขึ้นมาดูอย่างไม่ใส่ใจ แต่ทันทีที่อ่านตัวอักษรบนหน้าซอง ดวงตาคมของเขาก็แข็งทื่อ
ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดทันที ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบขึ้นในอกอย่างควบคุมไม่อยู่ เขากดปุ่มโทรศัพท์ภายในทันที
“ครับท่านประธาน”
“ไปตามไข่มุกมาพบฉันเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงท่านประธานเย็นเฉียบและกดต่ำจนคนฟังกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“เอ่อ น้องมุกไม่ได้มาทำงานสามวันแล้วครับ และเธอยื่นใบลาออกเรียบร้อยแล้ว ผมไม่เข้าใจว่ามีปัญหาอะไรถึงได้ดูรีบขนาดนั้น” ศิวกรนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบา
ห้องทำงานเงียบกริบอยู่หนึ่งวินาทีก่อนเสียงปากกาถูกปาใส่โต๊ะดัง
เพล้ง!
“ลาออกเป็นเด็กสามขวบหรือไง! อยากจะออกก็ออกเหรอ!” เขาขบกรามแน่นอย่างเดือดดาล มือของเขากำซองเอกสารแน่นจนมันยับย่นไปหมด ดวงตาคมที่เคยนิ่งเฉยแฝงด้วยความหงุดหงิดผิดปกติ และตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ
“ท่านประธานครับ”
“ฉันไม่อนุมัติ! ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่เห็นหน้าเตรียมตัวหาเงินมาจ่ายค่าปรับได้เลย”
“แต่น้องมุกปิดเครื่องโทรศัพท์ผมติดต่อไม่ได้เหมือนกันครับ” ลูกน้องก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน
ชายหนุ่มเงียบและกดวางสายทันที หญิงสาวมีปัญหาอะไรทำไมถึงไม่บอกเขา ทำงานกับเขามาตั้งสามปีไม่เคยมีปัญหาอะไร เขาลุกขึ้นคว้าสูทพาดแขนอย่างแรงจนไม้แขวนกระแทกตู้ดัง
ซอยแคบๆ เงียบสงบไข่มุกยืนอยู่หน้าหอพักเก่าๆ ที่เธออาศัยมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ผนังสีเก่ามีร่องรอยร้าวเล็กๆ แต่กลับอบอุ่นในสายตาเธอ เพราะที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ
“หนูมุกจะไปจริงๆ เหรอ ป้าใจหาย” ป้าเจ้าของหอพักยืนมองไข่มุกด้วยสายตาเป็นห่วง
“มุกมีปัญหานิดหน่อยค่ะ เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย” ไข่มุกยิ้มบางๆ แม้ใจจะปวดไปทั้งอก
“หน้าที่การงานก็เรียบร้อยดีนะ” ป้าพยักหน้า ทำหน้าตาเศร้าใจ
“มุกคิดดีแล้วค่ะ” เธอก้มหน้าพลางพยายามเก็บความรู้สึก
“ไข่มุก” เสียงเรียกชื่อดังชัดเจนเธอสะดุ้ง เธอเงยหน้ามองไปยังถนนแคบๆ อย่างตกใจ ใจเต้นแรงจนแทบจะหยุดเมื่อเห็นท่านประธานหยุดอยู่ตรงหน้า
“แฟนเหรอหนูมุกหล่อเชียว”
“ไม่ใช่ค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันที
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ” คิรินทร์จ้องหญิงสาวไม่วางตา
“มุกขอตัวก่อนนะคะป้า” เธอเดินนำเขาออกมาจากบริเวณหอพัก จนมาถึงสวนสาธารณะหน้าซอยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“คุณคิรินทร์มีอะไรเหรอคะ ขอโทษที่เรียกแบบนี้เพราะคุณไม่ใช่เจ้านายของมุกแล้ว”
“คุณเป็นเด็กหรือไง ไม่อยากทำงานก็ลาออกแล้วหายไปเลย แล้วงานล่ะใครจะรับผิดชอบทำแบบนี้บริษัทเสียหายผมฟ้องคุณได้เลยน่ะ” คิรินทร์ยืนกอดอกจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาคมกริบ
“...” เธอกัดริมฝีปากแน่นไม่มีคำตอบ
“เงียบทำไมหรือผมให้เงินเดือนคุณน้อยไป แต่คุณฉลาดน้อยไปหน่อยนะไปทำงานที่อื่นเขาจะให้เงินเดือนเยอะกว่าผมไหม”
“ถ้าคุณจะฟ้องก็แล้วแต่คุณค่ะ” น้ำเสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวที่พยายามสร้างกำแพงให้ตัวเอง
“คุณมีอะไรทำไมไม่บอก หรือใครทำอะไรคุณบอกผมมาสิ” น้ำเสียงเขาแม้ฟังดูเรียบๆ แต่กลับเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“มุกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับงานค่ะ ที่ผ่านขอบคุณมากที่ให้โอกาสเด็กจบใหม่เข้าทำงาน”
“คุณอยากเรียกเงินเดือนเพิ่มใช่ไหมถึงได้เรียกร้องความสนใจแบบนี้ บริษัทขาดคุณไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก” เขาเลิกคิ้วสูง น้ำเสียงแฝงความหงุดหงิด
“พูดจบแล้วใช่ไหมคะมุกขอตัวก่อน” เธอพยายามไม่ให้เขาเห็นน้ำตาที่แทบจะคลออยู่
คิรินทร์หมุนตัวตามไข่มุกทันทีเมื่อเธอพยายามก้าวถอยออกไปเพียงไม่กี่ก้าวมือของเขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่นแรงจับไม่รุนแรงเกินไป แต่ก็แน่นพอให้เธอหยุดชะงัก
“คุณกำลังใจร้อนผมจะไม่เร่งรัดเอาคำตอบ ถ้าคุณสบายใจขึ้นก็กลับมาทำงานที่ผ่านมาผมจะไม่พูดถึงมันอีก” เขาจ้องเธออยู่นานหัวใจเขาเริ่มเต้นแรงผิดปกติ
“มุกขอตัวก่อน” ลาก่อนเธอเอ่ยประโยคนี้ในใจนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เจอหน้าเขา
เขายืนอยู่กลางห้องทำงาน มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น สายตาคมกริบเหมือนกำลังสแกนหาคนที่หายไป เขาให้เวลาอีกฝ่ายครบหนึ่งสัปดาห์แต่ก็ยังไม่ยอมกลับมาทำงาน
“ตามไข่มุกมาที่นี่ผมต้องคุยกับเธอ!” เขาส่งคำสั่งเสียงเข้ม
ครึ่งชั่วโมงต่อมาลูกน้องรีบวิ่งมารายงาน พวกเราต่างสงสัยว่าท่านประธานดูเป็นห่วงอดีตผู้ช่วยเลขาจัง ที่ผ่านมาชอบต่อว่าหญิงสาวไม่พัก
“ท่านประธานครับ คุณไข่มุกย้ายออกจากห้องพักแล้วครับ”
คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจคิรินทร์ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้มขรึมจนเกือบขาวซีด มือที่กำแน่นสะท้านไปทั้งแขน ความหงุดหงิดและความโกรธทะลักขึ้นจนเกือบสูญสติ
“ย้ายออก? เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกโทรศัพท์ปิดเครื่องหนี” เสียงเขาดังก้องไปทั่วห้อง ทำให้พนักงานทุกคนที่กำลังนั่งประชุมเงียบสนิท ไม่มีใครกล้ามองหน้า เขาทุกคนต่างทราบดีว่าถ้าโดนเขาโกรธผลลัพธ์จะไม่ดีแน่
“ออกไปให้หมด!” เสียงคำสั่งดังขึ้นอย่างเด็ดขาด
พนักงานทุกคนรีบทำตามทันที ก้าวขาออกจากห้องด้วยความระมัดระวัง เพราะทุกคนรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องเจอกับพายุแห่งความโกรธ
“ท่านประธาน” เดวิดไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นแบบนี้มาก่อน
“ออกไป”
“ครับ”
เมื่อประตูปิดลงความเงียบเข้าปกคลุมห้อง เหลือเพียงคิรินทร์กับความคิดเดือดพล่านในใจ ทุกอย่างปะทุรวมกันจนเขาแทบจะระเบิดออกมา
เขานั่งอยู่มุมมืดของไนต์คลับแก้ววิสกี้ในมือสะท้อนแสงนีออนระยิบระยับ เขามองไปยังเหล่าฝูงชนพลางพึมพำคนเดียว
“มึงเป็นอะไรอกหักจากลิต้าหรือไง?” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างหู
เขาหันไปมองแอรีส เพื่อนสนิทที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
“แอรีสกลับมาตอนไหนวะ” น้ำเสียงแฝงความประหลาดใจ
“สามวันได้” แอรีสพยักหน้าก่อนหย่อนตัวลงข้างๆ คิรินทร์ดื่มหนักขนาดนี้หน้าจะมีเรื่องหนักใจไม่น้อย
“ลิต้ายอมถอนหมั้นแล้วนะ ทำไมต้องมานั่งเศร้าแบบนี้วะ”
“ผู้ช่วยลาออกไป” เขาพูดสั้นๆ เสียงเรียบ แต่ดวงตาเข้มเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“แล้วไงล่ะ?” แอรีสเลิกคิ้ว มองเพื่อนด้วยความสงสัย
“เธอย้ายออกไปแล้วติดต่อไม่ได้อีก” คำตอบฟังดูนิ่ง แต่ความจริงความหงุดหงิดและความว่างเปล่ากำลังไหลวนอยู่ในอก
“มึงชอบผู้ช่วยตัวเองเหรอ?” แอรีสไม่รอช้า เจาะตรงประเด็นทันทีน้ำเสียงเขาหนักแน่น แต่แฝงความยียวน
“ไม่ชอบ! แค่ไม่ชิน” เขาตอบเสียงเข้มทันที
แม้ปากจะพูดปฏิเสธ แต่แววตาและมือที่กำแก้วแน่นกลับบอกอะไรบางอย่างที่เขาไม่กล้าเผชิญ
“แล้วมานั่งอกหักทำไมวะ?” แอรีสถามตรงๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย
คิรินทร์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนเพียงแวบหนึ่งสายตาคมกริบกลับเปลี่ยนเป็นเหนื่อยล้า
“นั่นดิแค่ผู้หญิงคนเดียวไม่มีเธอโลกใบนี้คงไม่ถล่มลงมาหรอก” เขาพูดเสียงแผ่ว
คำพูดของเขาเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายคลายความเกร็ง แต่ในหัวใจกลับอัดแน่นด้วยความหงุดหงิดและความคิดถึง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเดวิดกับศิวกรต้องเข้ามาแบกเขากลับห้อง เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเห็นเจ้านายเมามายขนาดนี้ แววตาเศร้านั้นกลับสื่อถึงอะไรบางอย่างที่ทั้งสองไม่เคยเห็นมาก่อน
“ดูแลมันด้วย” แอรีสเดินมาส่งเพื่อนขึ้นรถที่ลานจอดวีไอพี เขายืนกอดอกนึกอยากเห็นผู้ช่วยของคิรินทร์แล้วสิ มีดีอะไรถึงทำให้เป็นถึงขนาดนี้
“ครับคุณแอรีส” เดวิดตอบรับอย่างเกรงใจ
“ไอ้บื้อชอบเขาแต่ไม่ยอมรับใจตัวเองเลยสักนิด” แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ
เขาเห็นเพื่อนรักตัวเองกำลังพังไปกับความรู้สึกที่ไม่อาจยอมรับ และก็รู้ว่าคนตรงหน้าจะต้องเจ็บปวดอีกไม่น้อยกว่าจะยอมใจเปิดรับความจริง
“เมื่อสองเดือนก่อนคุณคินเผลอไปนอนกับใครก็ไม่รู้ ให้พวกผมตามหาผู้หญิงคนนั้น”
“มันหน้ามืดตามัวขนาดเลยเหรอ เกิดไปทำเขาท้องขึ้นมาจะทำยังไง” แอรีสเลิกคิ้ว มองเดวิดอย่างไม่อยากเชื่อ
“พวกผมพยายามตามหาแล้วครับกล้องเห็นแค่ด้านหลัง” เดวิดถอนหายใจพวกกลัวเรื่องเดียว กลัวว่าเจ้านายจะถูกแบล็กเมล์
หนึ่งปีผ่านไปครอบครัวของคิรินทร์และไข่มุกยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ลูกๆ ทั้งสามโตขึ้นเป็นเด็กซนแต่แสนรู้ ส่วนวายุ ลูกคนนั้นดื้อไม่แพ้พี่ชายเลย เล่นเอาคนเป็นพ่อแทบกุมขมับเช้าวันเสาร์สายลมต้องไปเรียนเต้น ไข่มุกไม่ได้บังคับลูก แต่เพราะลูกสาวอยากไป เธอจึงได้แต่สนับสนุนและตามใจ“ทำไมต้องรีบไปด้วยคะ” เธอถามลูกเสียงนุ่ม“สายลมนัดเจเจไว้ค่ะ” สายลมตอบด้วยตาเป็นประกาย“เด็กหนุ่มตัวขาวๆ ใช่ไหม” ไข่มุกนึกขึ้นได้ทันที เธอจำได้ว่าเคยเจอกันครั้งหนึ่ง“ใช่ค่ะ แม่อย่าบอกพ่อนะคะ เดี๋ยวพ่อดุว่าสายลมคบแต่เพื่อนผู้ชาย” สายลมยิ้มเจ้าเล่ห์“ได้ค่ะ แม่จะเก็บเป็นความลับของเราเอง” เธอหัวเราะเบาๆ พลางลูบหัวลูกสาว“ปล่อยลูกไปหาผู้ชายอีกแล้วนะ!” คิรินทร์ได้ยินทุกอย่าง เขาแทบรับไม่ได้ที่ลูกสาวตัวน้อยมีเพื่อนผู้ชาย“คุณคินสายลมเพิ่งจะกี่ขวบเองเขายังไม่เข้าใจความรักหรอกค่ะ” ไข่มุกอมยิ้ม เอ็นดูสามีไม่น้อย“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมวิ่งตามผู้ชายแบบนี้ล่ะ” เขาหวงลูกสาวเพียงคนเดียว“ทีลูกชายของคุณยังวิ่งตามผู้หญิงเลยนะคะ” เธอว่า พลางคิดถึงความซนและพฤติกรรมแสบๆ ของลูกชายแต่ละคน“นั่นผู้ชายแต่สายลมเป็นผู้หญิง” “เขานิสัยเห
วายุ กฤตเมธานนท์ ลูกชายคนเล็กของคิรินทร์กับไข่มุกลืมตาดูโลกครบหกเดือนแล้ว และตั้งแต่วันนั้นชีวิตของท่านประธานบริษัทหมุนกลับด้านทันที เพราะเขาดันสัญญากับเมียว่าจะเลี้ยงลูกเอง และไข่มุกก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกเช้าแทบไม่ได้พัก เขาต้องตื่นมาแต่งตัวให้สามแฝดไปโรงเรียนไหนจะต้องอุ้ม และเล่นกับวายุที่ติดพ่อเป็นแม่เหล็ก พอหันกลับไปดูตัวเองในกระจกก็แทบจำไม่ได้ภาพท่านประธานผู้สง่างามหายไป เหลือเพียงพ่อบ้านหัวฟูผู้มีแพมเพิสและขวดนมเป็นอาวุธประจำตัวเท่านั้นหมดความเป็นท่านประธานโดยสมบูรณ์จริงๆคิรินทร์ที่เพิ่งอุ้มวายุ เดินผ่านมาอย่างเงียบขรึมวันนี้ไข่มุกจะไปทำผม เขาเลยพาลูกชายมาทำงานด้วย แต่ประโยคที่ลอยเข้าหูทำให้ก้าวชะงัก“อิจฉาน้องไข่มุกจังเลย วาสนาดีมาก”“นั่นสิ ไม่รู้ไปรักกันตอนไหน”“น้องมุกสวยขนาดนั้น ไม่แปลกที่ท่านประธานจะชอบ”เสียงหัวเราะคิกคักดังเบาๆ ทั้งสามสาวเอียงตัวเข้าหากันอย่างเมามัน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนอยู่ด้านหลัง“ดูท่านประธานรักภรรยามากนะคะ”“พาลูกมาทำงานด้วยเกือบทุกวันใครบ้างจะไม่อิจฉา”ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนกระแอมหนึ่งครั้ง สามสาวหันกลับมาช้าๆ เหมือนหน
ที่ห้องรับรองผู้ปกครอง คิรินทร์แทบสำลักลมหายใจของตัวเองเมื่อได้ยินคุณครูเล่าถึงพฤติกรรมของลูกชายให้ฟัง หากไข่มุกรู้เข้าคงปวดหัวน่าดู“ลูกคุณคิรินทร์แอบไปหอมแก้มน้องข้าวหอมค่ะ”เขาหันขวับไปมองเจ้าตัวการ เด็กชายตัวกลมแก้มแดงนั่งห้อยเท้าแกว่งไปมา ดวงตากลมแป๋วใสซื่อราวกับไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร“ทะเลทำไมทำแบบนั้นครับ” เสียงพ่อเข้มขึ้นเล็กน้อย “ทำไมเหรอครับ ก็น้องน่ารัก” ทะเลยิ้มกว้าง “ตัวแค่นี้รู้แล้วเหรอว่าอะไรน่ารัก” คิรินทร์ขมวดคิ้ว “พ่อพ่อพูดกับแม่ว่าน่ารัก ต้องจุ้บแก้ม” เด็กชายพยักหน้าเอาชนิดมั่นใจสุดชีวิตห้องประชุมเงียบสนิท ก่อนคุณครูจะกลั้นขำแทบไม่อยู่ ชายหนุ่มถึงกับเอามือกุมหน้า ซวยแล้วโดนลูกจับโป๊ะต่อหน้าคุณครูประจำชั้น“เรื่องนี้เราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน” “งั้นทะเลต้องแต่งงานกับน้องข้าวหอมก่อนเหรอครับ” ทะเลกะพริบตาปริบๆ เคยได้ยินพ่อกับแม่คุยกันว่าแตะตัวเพศตรงข้ามต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน “ยังไม่ต้องแต่ง ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนเข้าใจไหมครับ” หน้าเริ่มแดงจนหูร้อน “ครับพ่อพ่อ แต่ทะเลยังรักน้องอยู่นะ” เด็กชายยิ้มกว้าง
หลังจากงานแต่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ข่าวดีที่ทำให้ทั้งบ้านแตกตื่นก็มาถึงไข่มุกตั้งท้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนเลยสักนิดหญิงสาวแพ้ท้องหนักจนแทบลุกจากเตียงไม่ได้ ทุกเช้าเธออาเจียนจนไม่มีแรง พอกลิ่นอาหารแตะจมูกก็มวนท้องจนต้องหลับตากัดฟันกลั้นน้ำตา คิรินทร์ที่เห็นแบบนั้นหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เขานั่งข้างเตียงตั้งแต่เช้ามืด ลูบผมภรรยาอย่างเบามือ“ไข่มุกคุณไหวไหม” เสียงเข้มของเขาอ่อนลงอย่างน่าสงสาร“มุกไหวค่ะ” เธอพูดได้แค่นั้น ก่อนทิ้งตัวนอนซบหมอนอย่างหมดแรงคิรินทร์กำมือแน่นทุกครั้งที่เธออาเจียน เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนทำร้ายเธอ“เราไปหาหมอกันดีกว่า ฝืนแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“แค่แพ้ท้องเองค่ะ” ไข่มุกตอบเบาๆ แต่ภายในใจเธอก็เริ่มกังวลเหมือนกันท้องนี้ เหนื่อยและหนักกว่าตอนอุ้มท้องเจ้าสามแฝดหลายเท่าทำเอาชายหนุ่มยิ่งรู้สึกผิดจนแทบทนไม่ไหว เขาโน้มตัวลง ลูบหน้าท้องของเธออย่างทะนุถนอม“อย่าดื้อนะครับคนเก่ง แม่เขาเหนื่อยลูกต้องอ่อนโยนกับแม่หน่อยนะครับ” เสียงของเขาอ่อนโยนมาก เขาก้มลงหอมหน้าท้องเบาๆเหมือนกำลังขอโทษทั้งแม่ทั้งลูก“ถ้าคุณยังแพ้หนักแบบนี้ ครั้งนี้ผมจ
ทันทีที่ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก เสียงเจี๊ยวจ้าวของสามแฝดก็ดังลั่นราวกับพายุลูกเล็กๆ ถาโถมเข้ามาในห้อง เห็นแม่นอนแบบนั้นสงสัย“แม่เป็นอะไรฮะ!”“แม่เจ็บตรงไหน!”“เจ็บมากไหมแม่!”ทั้งธารา ทะเล และสายลมถามซ้ำไปมาไม่หยุดจนไข่มุกแทบตอบไม่ทัน ได้แต่ยิ้มอ่อนปลอบลูกให้สบายใจ“แม่ไม่เป็นไรค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย อ๊ะ เดี๋ยวก่อนลูก”ยังไม่ทันจบประโยค เด็กทั้งสามก็พยายามปีนขึ้นเตียงเหมือนคิดว่าได้กอดแม่แล้วอาการจะหาย แต่คิรินทร์รีบเข้ามาห้ามเด็กๆ นั้นไว้ก่อน“ช้าๆ ครับ แม่ยังเจ็บอยู่ ห้ามปีนขึ้นเตียงนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่จริงจัง มือใหญ่แตะหัวลูกทีละคนอย่างปลอบโยนสามแฝดหยุดทันที ดวงตากลมใสจ้องแม่อย่างเป็นห่วง ก่อนจะค่อยๆ ยืนเรียงกันข้างเตียงมือเล็กๆ เอื้อมไปแตะหลังมือแม่เบาๆ ราวกับกลัวทำเธอเจ็บมากกว่าเดิม“พวกหนูจะไม่ทำแม่เจ็บ” สายลมกระซิบเสียงแผ่ว“ธาราจะเฝ้าแม่ทั้งวันเลย”“ทะเลจะเป็นลูกผู้ชายเข้มแข็ง”ไข่มุกหัวเราะใจอบอุ่นจนล้นอก ส่วนคิรินทร์ยืนมองภาพตรงหน้า และรู้ทันทีว่าต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ครอบครัวนี้ก็จะผ่านมันไปด้วยกันเสมอ“แม่จ๋า” สายลมยังจำภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา “คุณคินอ
คิรินทร์จับมือไข่มุกไว้แน่นราวกลัวว่าเธอจะหายไป หมอแจ้งว่าไม่มีอันตราย กระสุนถูกตำแหน่งที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับเขาแค่เธอเจ็บนิดเดียวก็รับไม่ได้แล้ว“ไข่มุกผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” เขาพูดแผ่วเบา เสียงสั่นด้วยความรู้สึกผิดหญิงสาวยังไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ยาสลบ นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ส่วนลูกๆ เขาให้พี่เลี้ยงมาช่วยดูแลไว้ในคืนนี้ เพื่อให้มีเวลาเฝ้าเธออยู่ตรงนี้ไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้นแอรีสจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนรีบตามมาที่โรงพยาบาลทันที“ไอ้คิน…” เขาเรียกเพื่อนเบาๆ“ไข่มุกปลอดภัยดี” คิรินทร์ตอบน้ำเสียงยังสั่นคลอน“ฉันขอโทษที่พ่อกับน้องสาวของฉัน” แอรีสเม้มปาก“ไม่ต้องรู้สึกผิดแอรีส แกไม่ใช่พวกเขา แกคือเพื่อนของฉัน” คิรินทร์หันไปสบตาเพื่อนแน่นหนัก“ลิต้าฉันให้แกจัดการ” เขาไม่ได้รู้สึกผูกพันกับสองพ่อลูกนั่นอยู่แล้ว เรียกว่าไม่ถูกกันเลยก็ได้แอรีสออกมาสร้างบริษัทของตัวเองโดยมีคิรินทร์คอยช่วยเหลือ“ส่งให้ตำรวจซะ หากฉันจัดการเองคงเป็นศาลเตี้ยเท่านั้น” เขาเห็นแก่ที่อเล็กซ์เคยสร้างบริษัทมาพร้อมกัน เลยส่งให้ตำรวจจัดการ“นายพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะได้มีแรง”“นายอย่าคิดมากนะ”พอแอรีสออกไปชา







