LOGINเสียงเด็กๆ ทะเลาะกันดังลั่นบ้าน ไม่ใช่แค่เด็กคนเดียว แต่เป็นทั้งสองคน ต่างถกเถียงกันเสียงแหลมและติดสำเนียงเด็กเล็ก
“เอาของหนูมานะ!” สายลมแฝดคนสุดท้ายและเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวตะโกน เสียงติดๆ ขัดๆ ยังพูดไม่ชัดตามประสาเด็กสองขวบ
“ม่ายอ้า!” ทะเลแฝดชายตอบกลับ น้ำเสียงยังติดสำเนียงเด็กเล็ก
“เอาม้า!” สายลมกรีดร้องอีกครั้ง พร้อมยกมือตีหลังพี่ชายเบาๆ พอพี่ชายไม่ให้ก็หยุมหัวกัน
ด้วยความที่น้องสาวผมยาวกว่าทะเลก็กระชากผมน้อง ส่วนสายลมเมื่อสู้ไม่ได้เลยกัดเข้าที่ข้อมือของพี่ ทำให้ทะเลร้องไห้
“กรี้ดดด” สายลมเมื่อเห็นพี่ร้องก็ร้องตาม ไข่มุกรีบเข้ามากั้นระหว่างเด็กๆ เพื่อให้ความวุ่นวายสงบลง และค่อยๆ ลูบหัวพวกเขาเบาๆ
“ไม่ทะเลาะกันนะคะเข้าใจไหมลูก” เสียงทุ้มอ่อนโยนของแม่ทำให้เด็กๆ หยุดร้อง แล้วพากันมองหน้ากันด้วยความงุนงง แต่เริ่มสงบลงทีละน้อย
ไข่มุกถอนหายใจหากมีธาราพี่ชายคนโตอยู่ด้วยบ้านคงจะพังไม่เป็นท่า แต่อีกไม่นานป้านางคงพาธารากลับมาส่งที่บ้าน
“ทะเลเอาของหนูป่าย” สายลมชี้ลูกบอลในมือพี่ชายเสียงแหลม
“ทะเลแม่ซื้อให้เหมือนกันตั้ง 3 ลูกทำไมถึงมาแย่งน้อง” ไข่มุกพูดกับลูกด้วยเหตุผล เสียงอ่อนโยนแต่ชัดเจน เธอไม่ชอบตามใจใครเป็นพิเศษ และไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าถูกรักมากกว่ากัน
“ของทะเลอยู่นู้นน” ทะเลเช็ดน้ำตาแล้วชี้ไปยังลูกบอลที่ลอยอยู่ในตู้ปลา
“ของหนูอยู่ตรงนั้นทำไมต้องมาแย่งน้องล่ะ เดินเอาไปให้น้องเลยครับ” ไข่มุกพยักหน้า ยิ้มเบาๆ
สายลมทำตาโต ก่อนจะวิ่งไปเอาลูกบอลด้วยความตื่นเต้น และเด็กๆ เริ่มสงบลง ความวุ่นวายค่อยๆ ลดลงด้วยความอบอุ่นของแม่ที่ค่อยๆ สอนให้รู้จักแบ่งปัน
“มาแย้วฮะ” ธาราแฝดคนโตวิ่งเข้ามาในบ้านด้วยรอยยิ้มกว้าง หลังจากที่คุณยายพามาส่ง
“ไปเที่ยวไหนมา หึ” ไข่มุกเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน พลางมองลูกชายตัวโตด้วยความเอ็นดู
“ไปเย่นมาฮะ” ธาราตอบเสียงกระปรี้กระเปร่า แม้พูดไม่ชัดนัก แต่สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ได้ออกไปข้างนอก
“ไปอาบน้ำแม่จะพาไปบ้านใหญ่” ไข่มุกเอ่ยเรียบๆ แต่เสียงอบอุ่น
“แย่ๆ ไปเล่นกัน!” เด็กทั้งสามคนร้องพร้อมกัน กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างตื่นเต้น
ความตื่นเต้นของพวกเขาเพิ่มขึ้น เพราะบ้านใหญ่ที่แม่พูดถึงคือบ้านของเจ้าของไร่ ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านกลางไร่ผลไม้กว้างใหญ่ พวกเขาจินตนาการถึงการวิ่งเล่นในสวนและปีนต้นไม้ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ก้องกังวานไปทั่วบ้าน ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสดใสและความสุข
คเชนขึ้นมาดูแลไร่แห่งนี้หลังจากที่พี่ชายแท้ๆ จากไป ส่วนทายาทตัวจริงก็ไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย
เขายืมตามองไปยังคนงานที่กำลังร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเขาทำให้บรรยากาศสดใสขึ้นมาเล็กน้อย แต่สายตาของคเชนกลับหยุดอยู่ที่เด็กแฝดสามที่วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกล
“ไอ้ชัยนายว่าเด็กแฝด 3 คนนั้นหน้าคุ้นๆ ไหม?” เขาหันไปถามลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัย ครั้งแรกที่เห็นเด็กแฝดเขารู้สึกแปลกๆ
“ไม่เคยคุ้นเท่าไหร่นะครับ แต่ก็คลับคล้ายคลับคลา” ชัยก้มหัวคิดอยู่ครู่หนึ่ง
คเชนเงียบไปสักครู่สายตาของเขาจับจ้องเด็กๆ ด้วยความสนใจ เขารับไข่มุกเข้ามาทำงานในออฟฟิศเพราะความสามารถ ยิ่งตกใจเมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีลูกแถมมีตั้งสามคน
“ขนาดหมามันยังรักลูกมันเลยนะ นี่ลูกตั้ง 3 คน ทิ้งลงได้ยังไงเนี่ย” เขามองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจลูกน่ารักขนาด แต่ทิ้งได้ลงคอ
“คุณลุงขา~” สายลมวิ่งถือขนมมาหาเจ้าของไร่ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“มีอะไรสาวน้อย?” คเชนนั่งลงให้เสมอตัวเด็กน้อย พลางยิ้มมอง
“วันนี้หนูมีความสุขมากเลย!” สายลมตื่นเต้นกัดขนมโชว์ต่อหน้าเขา วันนี้แม่ไม่ดุเหมือนทุกครั้ง ปกติพวกเขาจะได้กินขนมแค่ 2 ห่อต่อวัน เพราะแม่บอกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
“กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ นะสาวน้อย” คเชนยิ้มอ่อน ลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ
“ไปเรียกไข่มุกมาหาฉันหน่อยสิ” เขาหันไปสั่งชัยทันที หากหลานชายของเขาเป็นคนเจ้าชู้เขาคิดไปว่านี่อาจเป็นหลานของเขาก็ได้
“พ่อเลี้ยงมีอะไรเหรอคะ”
“พาเด็กๆ ไปเล่นไป”
ไข่มุกมองเด็กๆ ที่วิ่งออกไปเล่นกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน ก่อนจะหันมามองพ่อเลี้ยงคเชน หากไม่มีความช่วยเหลือจากเขาที่คอยสนับสนุน เธอคงไม่รู้เลยว่าชีวิตจะลำบากขนาดไหน
“นั่งก่อนสิ” คเชนเอ่ยเสียงเรียบแต่จริงจัง
“พ่อเลี้ยงจะคุยอะไรเหรอคะ หรือว่า…” ใบหน้าไข่มุกเศร้าลงทันที กลัวว่าจะถูกต่อว่าเรื่องลางานบ่อยๆ
“อย่าคิดไปไกลฉันจะบอกว่าอย่าไปสนใจปากคนที่คอยนินทาเลย” คเชนส่ายหน้าเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ไข่มุกผ่อนลมหายใจออกเบาๆ รู้สึกโล่งใจ แม้ว่าคนงานมักจะพูดว่าเธอเป็นเมียเก็บของเขา แต่คำพูดของคเชนทำให้เธอมั่นใจว่าตอนนี้เธอยังได้รับความไว้วางใจจากเขาอยู่
“มุกขอโทษนะคะที่ทำให้พ่อเลี้ยงเดือดร้อนไปด้วย”
“ฉันจะไปห้ามปากคนได้ยังไง ที่เรียกมาฉันจะถามว่าพ่อเด็กไม่ติดต่อมาเลยเหรอ”
ไข่มุกบีบมือตัวเองแน่นใจเต้นแรง ไม่กล้าสบตาเขา เธอคิดว่าเขาจะติดต่อมาทำไม ในเมื่อเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเจ้าแฝดอยู่บนโลกใบนี้
“เขาตายจากใจมุกไปนานแล้วค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า แต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“เฮ้อ เขาไม่ได้ตายแบบที่ปากพูดใช่ไหม” เขาเคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน เด็กสมัยนี้คงไม่ได้จริงจังพอพลาดท้องก็ปล่อยให้ผู้หญิงรับผิดชอบตามลำพัง
“เด็กๆ มีมุกคนเดียวก็พอแล้วค่ะ” เธอไม่ยอมปริปากพูดเรื่องพ่อของลูก จะให้เขาหรือคนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด เธอกลัวว่าเขาจะพรากลูกไปจากเธอ
“ไม่คิดจะหาใครมาช่วยดูแลลูกเหรอ”
“มุกดูแลพวกเขาได้นะคะ อีกอย่างมุกไม่กล้ามีความรักอีกแล้ว” เธอพูดเบาๆ ดวงตาเลื่อนลอย
คเชนพยักหน้าเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ฉันไม่ถามแล้วนี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว พาเด็กๆ กลับไปพักผ่อนเถอะ”
ไข่มุกก้มหน้าลงมือกุมกระโปรงแน่น น้ำเสียงสั่นพร่าแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
“มุกขอบคุณนะคะที่ดูแลมุกกับลูกมาอย่างดีบุญคุณนี่ มุกไม่รู้จะทดแทนยังไงเลยค่ะ”
“อย่าพูดเรื่องนี้เลย”
คเชนเพียงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ลมหายใจของเขาแผ่วเบา ราวกับรับรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยและความเสียสละของเธอ
ไข่มุกพาลูกๆ กลับมานอนแล้ว ทะเลกับสายลมหลับไปเรียบร้อย แต่ธาราแฝดคนโตยังคงลืมตาไม่ยอมนอน
“แม่ฮะพ่อไปไหน?” ธาราถามเสียงเศร้า
“พ่อ? ลูกไปได้ยินใครพูดมาเหรอ” เธอเอ่ยเสียงเบา
“ลุงชัยบอกว่าเด็กต้องมีพ่อฮะทำไมพวกเราถึงไม่มี” ธาราพูดอย่างไม่เข้าใจ
“ใครบอกว่าลูกไม่มีพ่ออยู่บนนั้น” เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนชี้ไปบนท้องฟ้า
“แล้วพ่อไม่กลับมาหย๋อ?” ธาราถามต่อดวงตาเริ่มแดง
“พ่อเขาลงมาหาพวกเราไม่ได้ ได้แต่มองดูพวกเราอยู่จากข้างบน” เธอเอ่ยเสียงเศร้าพลางลูบหัวลูกเบาๆ เพื่อปลอบใจ
“เสียใจจังแต่ธารามีแค่แม่ก็พอแล้วฮะ”
ธาราเงียบไปสักครู่ก่อนค่อยๆ พยักหน้ายอมหลับตาลง มือเล็กกุมมือแม่ไว้แน่น ราวกับต้องการความอบอุ่นและความมั่นใจว่าพ่อยังคงอยู่ข้างพวกเขา
หญิงสาวห่มผ้าให้เจ้าสามแสบด้วยความเอาใจใส่ ดวงตาของเธอมองไปยังลูกๆ อย่างอ่อนโยน แต่ใจลึกๆ กลับว่างเปล่า
เธอไม่ได้ข่าวคราวของคิรินทร์อีกเลย ป่านนี้คงมีครอบครัวมีชีวิตของตัวเองแล้วความคิดนั้นทำให้หัวใจเธอปวดแปลบ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการอยู่กับลูกๆ และทำให้พวกเขามีความสุขที่สุดเท่าที่ทำได้
คิรินทร์ไม่ผิดที่ไม่รับรู้ความจริง เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าไข่มุกกำลังเผชิญอะไรอยู่
ส่วนเธอไม่กล้าบอกความจริงกับเขา ความกลัวเกาะกุมหัวใจเธอไว้แน่น กลัวว่าเขาจะไล่ให้เธอไปทำแท้ง หรือไม่ก็แย่งลูกไปจากเธอ ทำให้เธอเลือกที่จะเก็บความลับไว้ในใจ
“มุกจะเลี้ยงดูพวกเขาเป็นอย่างดีคุณไม่ต้องห่วงนะ” ไข่มุกเอ่ยกับสายลมด้วยน้ำเสียงเศร้าที่สั่นพร่า หากมีวาสนาไกลแค่ไหนยังได้พบหน้า หากไร้วาสนาแม้อยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็น
หนึ่งปีผ่านไปครอบครัวของคิรินทร์และไข่มุกยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ลูกๆ ทั้งสามโตขึ้นเป็นเด็กซนแต่แสนรู้ ส่วนวายุ ลูกคนนั้นดื้อไม่แพ้พี่ชายเลย เล่นเอาคนเป็นพ่อแทบกุมขมับเช้าวันเสาร์สายลมต้องไปเรียนเต้น ไข่มุกไม่ได้บังคับลูก แต่เพราะลูกสาวอยากไป เธอจึงได้แต่สนับสนุนและตามใจ“ทำไมต้องรีบไปด้วยคะ” เธอถามลูกเสียงนุ่ม“สายลมนัดเจเจไว้ค่ะ” สายลมตอบด้วยตาเป็นประกาย“เด็กหนุ่มตัวขาวๆ ใช่ไหม” ไข่มุกนึกขึ้นได้ทันที เธอจำได้ว่าเคยเจอกันครั้งหนึ่ง“ใช่ค่ะ แม่อย่าบอกพ่อนะคะ เดี๋ยวพ่อดุว่าสายลมคบแต่เพื่อนผู้ชาย” สายลมยิ้มเจ้าเล่ห์“ได้ค่ะ แม่จะเก็บเป็นความลับของเราเอง” เธอหัวเราะเบาๆ พลางลูบหัวลูกสาว“ปล่อยลูกไปหาผู้ชายอีกแล้วนะ!” คิรินทร์ได้ยินทุกอย่าง เขาแทบรับไม่ได้ที่ลูกสาวตัวน้อยมีเพื่อนผู้ชาย“คุณคินสายลมเพิ่งจะกี่ขวบเองเขายังไม่เข้าใจความรักหรอกค่ะ” ไข่มุกอมยิ้ม เอ็นดูสามีไม่น้อย“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมวิ่งตามผู้ชายแบบนี้ล่ะ” เขาหวงลูกสาวเพียงคนเดียว“ทีลูกชายของคุณยังวิ่งตามผู้หญิงเลยนะคะ” เธอว่า พลางคิดถึงความซนและพฤติกรรมแสบๆ ของลูกชายแต่ละคน“นั่นผู้ชายแต่สายลมเป็นผู้หญิง” “เขานิสัยเห
วายุ กฤตเมธานนท์ ลูกชายคนเล็กของคิรินทร์กับไข่มุกลืมตาดูโลกครบหกเดือนแล้ว และตั้งแต่วันนั้นชีวิตของท่านประธานบริษัทหมุนกลับด้านทันที เพราะเขาดันสัญญากับเมียว่าจะเลี้ยงลูกเอง และไข่มุกก็เห็นดีเห็นงามด้วยทุกเช้าแทบไม่ได้พัก เขาต้องตื่นมาแต่งตัวให้สามแฝดไปโรงเรียนไหนจะต้องอุ้ม และเล่นกับวายุที่ติดพ่อเป็นแม่เหล็ก พอหันกลับไปดูตัวเองในกระจกก็แทบจำไม่ได้ภาพท่านประธานผู้สง่างามหายไป เหลือเพียงพ่อบ้านหัวฟูผู้มีแพมเพิสและขวดนมเป็นอาวุธประจำตัวเท่านั้นหมดความเป็นท่านประธานโดยสมบูรณ์จริงๆคิรินทร์ที่เพิ่งอุ้มวายุ เดินผ่านมาอย่างเงียบขรึมวันนี้ไข่มุกจะไปทำผม เขาเลยพาลูกชายมาทำงานด้วย แต่ประโยคที่ลอยเข้าหูทำให้ก้าวชะงัก“อิจฉาน้องไข่มุกจังเลย วาสนาดีมาก”“นั่นสิ ไม่รู้ไปรักกันตอนไหน”“น้องมุกสวยขนาดนั้น ไม่แปลกที่ท่านประธานจะชอบ”เสียงหัวเราะคิกคักดังเบาๆ ทั้งสามสาวเอียงตัวเข้าหากันอย่างเมามัน โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังถูกพูดถึงยืนอยู่ด้านหลัง“ดูท่านประธานรักภรรยามากนะคะ”“พาลูกมาทำงานด้วยเกือบทุกวันใครบ้างจะไม่อิจฉา”ชายหนุ่มเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนกระแอมหนึ่งครั้ง สามสาวหันกลับมาช้าๆ เหมือนหน
ที่ห้องรับรองผู้ปกครอง คิรินทร์แทบสำลักลมหายใจของตัวเองเมื่อได้ยินคุณครูเล่าถึงพฤติกรรมของลูกชายให้ฟัง หากไข่มุกรู้เข้าคงปวดหัวน่าดู“ลูกคุณคิรินทร์แอบไปหอมแก้มน้องข้าวหอมค่ะ”เขาหันขวับไปมองเจ้าตัวการ เด็กชายตัวกลมแก้มแดงนั่งห้อยเท้าแกว่งไปมา ดวงตากลมแป๋วใสซื่อราวกับไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร“ทะเลทำไมทำแบบนั้นครับ” เสียงพ่อเข้มขึ้นเล็กน้อย “ทำไมเหรอครับ ก็น้องน่ารัก” ทะเลยิ้มกว้าง “ตัวแค่นี้รู้แล้วเหรอว่าอะไรน่ารัก” คิรินทร์ขมวดคิ้ว “พ่อพ่อพูดกับแม่ว่าน่ารัก ต้องจุ้บแก้ม” เด็กชายพยักหน้าเอาชนิดมั่นใจสุดชีวิตห้องประชุมเงียบสนิท ก่อนคุณครูจะกลั้นขำแทบไม่อยู่ ชายหนุ่มถึงกับเอามือกุมหน้า ซวยแล้วโดนลูกจับโป๊ะต่อหน้าคุณครูประจำชั้น“เรื่องนี้เราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน” “งั้นทะเลต้องแต่งงานกับน้องข้าวหอมก่อนเหรอครับ” ทะเลกะพริบตาปริบๆ เคยได้ยินพ่อกับแม่คุยกันว่าแตะตัวเพศตรงข้ามต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน “ยังไม่ต้องแต่ง ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนเข้าใจไหมครับ” หน้าเริ่มแดงจนหูร้อน “ครับพ่อพ่อ แต่ทะเลยังรักน้องอยู่นะ” เด็กชายยิ้มกว้าง
หลังจากงานแต่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี ข่าวดีที่ทำให้ทั้งบ้านแตกตื่นก็มาถึงไข่มุกตั้งท้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนเลยสักนิดหญิงสาวแพ้ท้องหนักจนแทบลุกจากเตียงไม่ได้ ทุกเช้าเธออาเจียนจนไม่มีแรง พอกลิ่นอาหารแตะจมูกก็มวนท้องจนต้องหลับตากัดฟันกลั้นน้ำตา คิรินทร์ที่เห็นแบบนั้นหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เขานั่งข้างเตียงตั้งแต่เช้ามืด ลูบผมภรรยาอย่างเบามือ“ไข่มุกคุณไหวไหม” เสียงเข้มของเขาอ่อนลงอย่างน่าสงสาร“มุกไหวค่ะ” เธอพูดได้แค่นั้น ก่อนทิ้งตัวนอนซบหมอนอย่างหมดแรงคิรินทร์กำมือแน่นทุกครั้งที่เธออาเจียน เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนทำร้ายเธอ“เราไปหาหมอกันดีกว่า ฝืนแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“แค่แพ้ท้องเองค่ะ” ไข่มุกตอบเบาๆ แต่ภายในใจเธอก็เริ่มกังวลเหมือนกันท้องนี้ เหนื่อยและหนักกว่าตอนอุ้มท้องเจ้าสามแฝดหลายเท่าทำเอาชายหนุ่มยิ่งรู้สึกผิดจนแทบทนไม่ไหว เขาโน้มตัวลง ลูบหน้าท้องของเธออย่างทะนุถนอม“อย่าดื้อนะครับคนเก่ง แม่เขาเหนื่อยลูกต้องอ่อนโยนกับแม่หน่อยนะครับ” เสียงของเขาอ่อนโยนมาก เขาก้มลงหอมหน้าท้องเบาๆเหมือนกำลังขอโทษทั้งแม่ทั้งลูก“ถ้าคุณยังแพ้หนักแบบนี้ ครั้งนี้ผมจ
ทันทีที่ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก เสียงเจี๊ยวจ้าวของสามแฝดก็ดังลั่นราวกับพายุลูกเล็กๆ ถาโถมเข้ามาในห้อง เห็นแม่นอนแบบนั้นสงสัย“แม่เป็นอะไรฮะ!”“แม่เจ็บตรงไหน!”“เจ็บมากไหมแม่!”ทั้งธารา ทะเล และสายลมถามซ้ำไปมาไม่หยุดจนไข่มุกแทบตอบไม่ทัน ได้แต่ยิ้มอ่อนปลอบลูกให้สบายใจ“แม่ไม่เป็นไรค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย อ๊ะ เดี๋ยวก่อนลูก”ยังไม่ทันจบประโยค เด็กทั้งสามก็พยายามปีนขึ้นเตียงเหมือนคิดว่าได้กอดแม่แล้วอาการจะหาย แต่คิรินทร์รีบเข้ามาห้ามเด็กๆ นั้นไว้ก่อน“ช้าๆ ครับ แม่ยังเจ็บอยู่ ห้ามปีนขึ้นเตียงนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่จริงจัง มือใหญ่แตะหัวลูกทีละคนอย่างปลอบโยนสามแฝดหยุดทันที ดวงตากลมใสจ้องแม่อย่างเป็นห่วง ก่อนจะค่อยๆ ยืนเรียงกันข้างเตียงมือเล็กๆ เอื้อมไปแตะหลังมือแม่เบาๆ ราวกับกลัวทำเธอเจ็บมากกว่าเดิม“พวกหนูจะไม่ทำแม่เจ็บ” สายลมกระซิบเสียงแผ่ว“ธาราจะเฝ้าแม่ทั้งวันเลย”“ทะเลจะเป็นลูกผู้ชายเข้มแข็ง”ไข่มุกหัวเราะใจอบอุ่นจนล้นอก ส่วนคิรินทร์ยืนมองภาพตรงหน้า และรู้ทันทีว่าต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ครอบครัวนี้ก็จะผ่านมันไปด้วยกันเสมอ“แม่จ๋า” สายลมยังจำภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมา “คุณคินอ
คิรินทร์จับมือไข่มุกไว้แน่นราวกลัวว่าเธอจะหายไป หมอแจ้งว่าไม่มีอันตราย กระสุนถูกตำแหน่งที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับเขาแค่เธอเจ็บนิดเดียวก็รับไม่ได้แล้ว“ไข่มุกผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” เขาพูดแผ่วเบา เสียงสั่นด้วยความรู้สึกผิดหญิงสาวยังไม่รู้สึกตัวเพราะฤทธิ์ยาสลบ นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ส่วนลูกๆ เขาให้พี่เลี้ยงมาช่วยดูแลไว้ในคืนนี้ เพื่อให้มีเวลาเฝ้าเธออยู่ตรงนี้ไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้นแอรีสจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนรีบตามมาที่โรงพยาบาลทันที“ไอ้คิน…” เขาเรียกเพื่อนเบาๆ“ไข่มุกปลอดภัยดี” คิรินทร์ตอบน้ำเสียงยังสั่นคลอน“ฉันขอโทษที่พ่อกับน้องสาวของฉัน” แอรีสเม้มปาก“ไม่ต้องรู้สึกผิดแอรีส แกไม่ใช่พวกเขา แกคือเพื่อนของฉัน” คิรินทร์หันไปสบตาเพื่อนแน่นหนัก“ลิต้าฉันให้แกจัดการ” เขาไม่ได้รู้สึกผูกพันกับสองพ่อลูกนั่นอยู่แล้ว เรียกว่าไม่ถูกกันเลยก็ได้แอรีสออกมาสร้างบริษัทของตัวเองโดยมีคิรินทร์คอยช่วยเหลือ“ส่งให้ตำรวจซะ หากฉันจัดการเองคงเป็นศาลเตี้ยเท่านั้น” เขาเห็นแก่ที่อเล็กซ์เคยสร้างบริษัทมาพร้อมกัน เลยส่งให้ตำรวจจัดการ“นายพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะได้มีแรง”“นายอย่าคิดมากนะ”พอแอรีสออกไปชา







