คำถามนั้นไม่ใช่แค่ศุภกรที่อยากรู้ แต่คนที่กำลังแอบฟังก็หูผึ่ง ใจเต้นแรงไปด้วย
“พอถึงตอนนั้นหากเขาไม่ต้องการลูก ผมก็จะเลี้ยงเด็กไว้ ถึงยังไงพ่อกับแม่ผมก็อยากอุ้มหลานอยู่แล้วคงไม่รังเกียจที่จะรับเด็กเป็นลูกบุญธรรม ส่วนแม่ของเด็กผมก็จะให้เงินเขาไปทำทุนเริ่มต้นชีวิตใหม่สักก้อน แต่ถ้าเขาต้องการลูกไว้ ผมก็ยินดีจะให้ค่าเลี้ยงดูบุตรตามสมควร ภายใต้เงื่อนไขว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ”
“แปลว่ายังไงก็ไม่เอาแม่ใช่ไหม”
งั้นตัวแปลก็คือลูกในท้องสินะ ศุภกรคิดคำนวนในใจ แอบโล่งอกนิดๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับดาราระดับซุปตาร์อย่างธิเบศ ที่ไม่เคยมีข่าวเสียหายด่างพร้อย หากสื่อโจมตีเรื่องซุกลูกซุกเมีย หรือทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ก็คงถูกเล่นงานจนไม่มีที่ยืนในสังคมแน่ และเขาในฐานะผู้จัดการคู่ใจก็คงแย่ไปด้วย ถึงจะมีเด็กในสังกัดมากมาย แต่ธิเบศถือเป็นคนที่ทำเงินให้เขาได้มากที่สุด
“ไม่ครับ” ธิเบศตอบเสียงหนักแน่น พลางหางตาเห็นเงาวอบแว่บที่ช่องด้านล่างของประตูห้องนอน
“งั้นก็เอาตามนี้ แต่ระหว่างนี้เราจะให้เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ม
“แล้วทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้”“เพราะผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักหัวใจตัวเองไง แต่พอเกิดจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที หัวใจผมก็หายไปแล้ว... ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านาย และคุณเองก็ไม่ใช่เลขาของผมอีกต่อไป ฉะนั้นผมเลยไม่มีอำนาจอะไรจะไปบังคับคุณได้ ตอนนี้ผมมันก็เป็นได้แค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักคุณอย่างหมดหัวใจ...ผมมาที่นี่เพราะผมรู้แล้วว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต และผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไปอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะครับขวัญฟ้า”นานทีเดียวกว่าหล่อนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวแกล้งอมยิ้มถามตาเจ้าเล่ห์“ไปเอามาจากไหนคะ” “ครับ?”“ก็คำพูดน้ำเน่าๆ เมื่อกี้น่ะสิ ท่องมากี่วัน”“แล้วคุณซึ้งบ้างไหมล่ะ”“ก็พอใช้ได้นะคะ” ระพีวิชญ์ยิ้มแก้มปริ ก่อนหุบฉับ “แต่คงต้องฝึกอีกเยอะ”“แปลว่าตกลง” หล่อนไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม“แล้วคุณไม่กลัวพ่อฉันตีหัวแตกอีกหรือไง พ่อฉันน่ะไม่ใช่แค่มือหนักนะ ยิงปืนก็แม่นด้วย”คำถามนั้นทำเอาระพีวิชญ์อดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ฤทธิ์เดชว่าที่พ่อตาจอมดุ เขาเองก็เกือบตายเพราะถูกพ่อเลี้ยงดามพ์แพ่นกบาลแยกมาแล้ว “กลัวสิ” เขาแกล้งทำหน้าขรึม “ แต่...ทำไงได้ล่ะ ผมรักลูกสาวท่านนี่ ก็คงต
หล่อนหัวเราะเสียงใส เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่ายกลับมา ระยะหลังๆมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่เลี้ยงสาวดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แม้สรรพนามที่ใช้เรียกขานก็เปลี่ยนจาก “คุณอร” เป็น “น้าอร” ไปด้วย ทว่าให้สนิทสนมกันมากขึ้นเท่าใด หล่อนก็ยังไม่กล้าพอที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า “ แม่” และดูเหมือนคุณอรไพลินเองก็พอใจกับฐานะของตัวเอง และไม่เคยเรียกร้องอะไรเช่นกัน“ป๋ามีอะไรคะ ...จะให้ขวัญไปต้อนรับแขกพิเศษ? ได้ซิคะ ว่าแต่แขกพิเศษที่ว่านี่ใครเหรอคะชื่ออะไร และจะมาเมื่อไหร่ล่ะคะ หา...ว่าไงนะ?!! …มาถึงที่โรงแรมแล้วเหรอ ป๋าทำงี้ได้ไง...”ขวัญฟ้าแทบกรี๊ดสลบ ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันชิงวางสายไปก่อน ทำให้หล่อนหมดโอกาสปฏิเสธไปโดยปริยาย“แขกพิเศษ ใครกันนะ?” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ชักเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ‘ห้องรับแขกพิเศษ’ ที่ใช้รับรองเฉพาะแขกวีไอพีสำคัญๆของโรงแรมที่ส่วนมากจะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือไม่ก็อาจเป็นแขกของท่านเจ้าของโรงแรมเอง ภายในตกแต่งตามสไตล์ล้านนางดงาม เพดานสูงสลักเสลาด้วยไม้แกะสลักสวยแปลกตาเข้ากับบรรยากาศรอบๆ และเมื่อมองผ่านมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบโค้งยาวจรดพื้นจะเห็นบริเ
“ตัวก็สูงนะคะ หุ่นคล้ายๆนางแบบ แต่ดูสวยสง่ากว่าเยอะเลยค่ะ อ้อ...แล้วเวลายิ้มมีรอยลักยิ้มน่ารักๆด้วยล่ะค่ะ”“คุณขวัญฟ้า!” อธิปัตย์งึมงำ ทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างสนใจ ฝ่ายระพีวิชญ์ถึงกับนิ่งอึ้งไป จนกระทั่งพยาบาลคนนั้นออกไปจากห้อง คนเป็นเพื่อนจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้“เอาไงดีล่ะไอ้พี” คนถูกถามนิ่งคิดไปพักเดียวก็ยิ้มออกมา ในขณะที่คนอื่นๆล้วนรอฟังคำตอบ“ก็แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันกำลังจะกลายเป็นผู้บริหารที่เนื้อหอมที่สุดในประเทศ แล้วฉันจะทำงานเยอะๆ ได้ไงล่ะ ถ้าไม่มี...ผู้ช่วย...จริงไหม...”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย คำตอบนั้นแม้ไม่ให้ความกระจ่างอะไรซักนิดหากคำว่า ‘ผู้ช่วย’ ของเขานั้น ทำให้รัชนีพัชราถึงกับหน้าม่อยลงอย่างผิดหวังอย่างแรง หลังจากการแถลงข่าวเรื่องโครงการก่อสร้างรีสอร์ตสุดหรูในเครือ ทวิชา โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ตเสร็จสิ้นลงไปไม่นานนัก ข่าวต่างๆก็เริ่มตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะกระแสข่าวเล็กๆน้อยๆของนักบริหารหนุ่มรูปหล่อคนใหม่ของเมืองไทยเท่านั้นที่ยัง เป็นข่าวรายวันอยู่ทุกคนล้วนจับตามองว่า สาวคนไหนกันแน่ ที่จะสามารถคว้าหัวใจ ชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟกค
กุหลาบแรกแย้มสีขาวสวย ตัวแทนของความรักบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้รับจากใครคนหนึ่ง หากมายามนี้มันกลับเปื้อนทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา ขวัญฟ้าเงยหน้ามองเพดาน หลับตานิ่ง เพื่อสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา ดอกกุหลาบงามหลุดมือร่วงลงสู่พื้นช้าๆ พร้อมกับหัวใจรักอันชอกช้ำ... จบสิ้นกันเสียที“ขอให้คุณสมหวังกับคนที่คุณรักอย่างแท้จริงนะคะ ลาก่อน... ”“ไง เพื่อนยาก” อธิปัตย์โผล่หน้าเข้ามายิ้มทะเล้น“ไปไหนมาคะพี่ปัตย์ เพื่อนเจ็บทั้งทีจะดูแลบ้างก็ไม่มี” คนเป็นน้องแกล้งตวาดแวด ทว่าคนถูกตวาดใส่กลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้“เรื่องอะไรพี่ต้องดูด้วย ถึงไม่มีพี่ ไอ้พีมันก็มีคนที่อยากดูแลอยู่แล้วนี่ จริงไหมครับ...”คนถูกกระแนะกระแหนหันไปพยักเพยิดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ระพีวิชญ์ขมวดคิ้ว แต่พอประตูเปิดกว้าง รอยสงสัยจึงกลับกลายเป็นความดีใจแทน “พี่วินทร์!” คนเจ็บทำท่าจะลุก ทำให้หญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆต้องรีบเข้ามาประคองไว้ อธิปัตย์เปิดทางให้ไรวินทร์เดินนำเข้ามาก่อน แต่พอตัวเขาจะก้าวตามเข้ามาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบตกที่พื้นเสียก่อนชายหนุ่มเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนก้มเก็บ
เสียงเด็กน้อยยังคงพร่ำเรียกร้องความสนใจอย่างไม่ย่อท้อนั้นทำให้หล่อนได้คิด หล่อนจึงตัดสินใจร้องบอกคนขับ“เอ่อ...คุณช่วยเปิดกระจกแป๊บนึงได้ไหมคะ ฉันอยากได้ดอกไม้”แม้ขัดใจหากคนฟังก็จำต้องเปิดกระจกให้อย่างเสียไม่ได้ ดอกกุหลาบหลากสีหลายดอกชูช่อสวยน่ารัก ทว่าหญิงสาวกลับเลือกหยิบเพียงดอกกุหลาบแรกแย้มสีขาวสะอาดขึ้นมาเพียงดอกเดียว ทำให้คนขายตัวน้อยถึงกับหน้าเสีย “ไม่รับเพิ่มอีกซักดอกหรือจ๊ะพี่สาว สวยๆทั้งนั้นเลย ซื้อหลายดอกหนูลดให้ก็ได้นะ”“ไม่ล่ะจ้ะ พี่ขอกุหลาบสีขาวนี่ดอกเดียวพอแล้ว เอ้า...นี่เงินค่ากุหลาบจ้ะ”หล่อนส่งเงินให้ แต่พอหนูน้อยเห็นก็อุทาน“แบ๊งค์พัน! โอ้ย!...พี่ไม่มีแบ๊งค์ย่อยเหรอจ้ะ เช้านี้หนูเพิ่งขายได้ไม่กี่ดอกไม่มีเงินทอนหรอกจ้ะ”“ไม่ต้องทอนหรอกค่ะ เก็บไว้ซื้อขนมกินเถอะ พี่ให้”“คุณครับ ไฟเขียวแล้ว” คนขับหันมาเตือน ทำให้หญิงสาวต้องรีบยัดเงินใส่มือเด็กน้อยที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น พลางเงยหน้าส่งยิ้มแป้นให้ ดวงหน้าขะมุกขะมอมสว่างสดใสขึ้น ดุจแสงแรกของดวงตะวัน ก่อนยกมือไหว้ท่วมหัว“ขอบคุณค่าพี่สาวคนสวย หนูขอให้พี่โชคดี มีแฟนหล่อๆ รวยๆ นะจ้ะ” คนได้ฟังอดยิ้มเศร้าๆ กับตัวเ
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”คุณหมอเดินออกมาแจ้งกับผู้หญิงร่างบางที่ยืนรออยู่หน้าห้อง แล้วหันไปกล่าวกับชายร่างสูงที่สวมชุดปลอดเชื้อซึ่งเดินตามออกมาทีหลัง“โชคดีมากๆเลยนะครับที่ได้คุณหมอเก่งๆอย่างคุณไรวินทร์มาช่วยอีกแรง”“คุณหมอชมผมเกินไปแล้วครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย”“แต่ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ โชคดีมากๆ ที่คุณวินทร์ยอมกลับมา ไม่งั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ยิ่งตอนนี้คุณระพีวิชญ์ก็ไม่อยู่ด้วย มีหวังดิฉันแย่แน่ๆ เลยค่ะ” สราวดีส่งยิ้มบางๆ ให้“ติ๊ดๆ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สราวดีรีบเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา หล่อนหันไปบอกชายหนุ่มข้างๆ ที่เตรียมเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรู้มารยาท“เบอร์ที่บ้านน่ะค่ะ” ไรวินทร์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้“ค่ะ คุณนิ่ม...ว่าไงนะคะ ใครเป็นอะไรนะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ค่ะๆ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย... ”คนฟังไม่ทันเอ่ยถาม หญิงสาวก็รีบหันมาบอกเสียก่อน “คุณวินทร์คะ คุณนิ่มเพิ่งโทรมาบอกให้รีบไปที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องคุณระพีวิชญ์...”“จริงสิ! นายระพีวิชญ์ถูกยิง” ไรวินทร์เพิ่งนึกได้ “เขาเป็นไงบ้าง”“ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”“งั้นคุ