LOGIN“ฮ้อม หอมค่ะคุณลุงขา”
แล้วนั่นภาพสะท้อนในวัยเด็กของเขา แม่หนูน้ำอิงเอานิ้วกลมไปจิ้มเส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกไว้ พอดวงตาสุกใสหันไปเห็นเห็ดแชมปิญองในน้ำเกลือที่เขานำมาฝานบางๆ เตรียมใส่ถ้วยเอาไว้คู่กับแฮมที่ถูกหั่นเป็นลูกเต๋า เตรียมจะนำลงผัด น้ำอิงคงทนความหอมที่เตะปลายจมูกไม่ไหว เด็กหญิงหยิบเห็ดใส่ปาก แม้แขนจะยังดูสั้นและกลมตามวัย แต่ความไวนั้น น้ำอิงไม่เคยเป็นสองรองใคร
“นี่อะไรคะ” แต่เห็ดฝานบางๆ สองชิ้นถูกนำเข้าปากเล็กๆ ไปแล้วจนกุลนิดาเอ่ยเตือนไม่ทัน
“อย่าค่ะน้ำอิง ล้วงกินแบบนี้ไม่ดีนะคะ เดี๋ยวจะติดเป็นนิสัย”
“ค่ะ” แต่มันช้าเกินไป เด็กหญิงยิ้มน้อยๆ ตอบรับสั้นๆ
ขณะกำลังเคี้ยวหนุบหนับ สีหน้าของน้ำอิงแสดงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด พลางบ่นออกมาเบาๆ ว่า
“จืดจังค่ะมามี้”
ไรอันหัวเราะชอบใจแล้วมองแม่ตัวยุ่งด้วยแววตาอบอุ่น น้อยคนนักที่ใครจะได้เห็นสายตาแบบนี้ของซีอีโอมากเล่ห์ พ่อมดแห่งอุตสาหกรรมสายการบิน
เขาไม่คิดสักนิดว่าแม่หนูกำลังเข้ามาวุ่นในครัว แต่มันทำให้ความว้าเหว่ลึกๆ ของเขาจางหายไป
“มันจะอร่อยมากครับน้ำอิง ถ้าแด๊ดดี้...” ไรอันส่งยิ้มเอ็นดู แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องเขม็งไปที่เห็ด “เอ่อ...ถ้าลุงไรอันใส่มันลงไปในไวต์ซอสแบบนี้”
ไรอันหยิบเห็ดและเบคอนเทลงไปในกระทะที่มีเนยผัดกับหัวหอมส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้องครัว
“โอ้โห! น่ากินที่สุดในโลกเลยค่ะ น่ากินกว่าที่มามี้ซื้อมาเวฟอีกค่ะ พวกนั้นเทียบไม่ได้เลย” เด็กหญิงชูนิ้วโป้งให้รัวๆ อย่างเอาใจ เพราะหวังจะได้กินถึงสองจาน
ยิ่งเด็กหญิงพูดความจริงตามประสาเด็ก กุลนิดายิ่งฟังก็ยิ่งนิ่งเงียบมากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกเสียใจที่เลี้ยงลูกมาหลายปีด้วยอาหารกล่อง ความเป็นแม่ที่เคยภาคภูมิใจว่าเลี้ยงลูกมาได้ด้วยสองแขนสองขาของตน เวลานี้มันเริ่มสั่นคลอน
‘คุณแม่ข้าวกล่อง’
มามี้ขอโทษ
กุลนิดายืนดูเขาทำอาหารเพลินๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้มีมุมแบบนี้ด้วย ผิดกับแม่ตัวยุ่งที่ชะเง้อคอสั้นๆ แล้วเขย่งปลายเท้าจนสุดแต่ศีรษะของเธอก็ยังไม่เลยเคาน์เตอร์ จนไรอันต้องวางตะหลิวลงก่อนแล้วหันมาอุ้มเด็กหญิงด้วยแขนข้างซ้าย แล้วใช้แขนข้างขวาทำอาหารอย่างชำนาญ
“คุณลุงทำอาหารเก่งจังเลยค่ะ”
“ลุงทำได้หลายอย่างเลยนะครับ เดี๋ยวลุงจะทำแพนเค้กราดน้ำผึ้งให้กินด้วยดีไหมครับ”
“ดีค่ะ ขอหลายๆ จานเลยนะคะ”
“น้ำอิงคะ จานเดียวก็พอแล้ว อย่าทำให้คุณลุงลำบากสิคะ” กุลนิดาดุลูกสาว เธอไม่อยากให้ไรอันอยู่ทำขนมต่อ เพราะรู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลกๆ
“ใครว่าผมลำบาก คนอย่างผม ถ้าไม่อยากทำ ใครก็บังคับไม่ได้” เสียงนุ่มทุ้มบอกอย่างจริงจัง ดวงตาสีฟ้าสบดวงตาคู่หวานแน่วนิ่ง
ดูเหมือนสมองของกุลนิดายังทำงานได้ไม่เต็มที่เมื่ออยู่ใกล้เขาแบบนี้ ใบหน้าหวานเบือนหน้าหนี รู้สึกว่าอึดอัด ทำอะไรไม่เป็นตัวของตัวเอง บางครั้งก็นึกอยากหยิกแขนตัวเอง มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต หรือเธอกำลังฝัน คงเหนื่อยมากสินะกับการทำงาน เลี้ยงลูกคนเดียวพร้อมทำงานบ้าน เลยฝันไปว่ามีผู้ชายมาทำอาหารให้เธอกับลูกกิน
รู้สึกตัวอีกทีว่านี่เรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของน้ำอิงเอ่ยทักพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ ซึ่งมองยังไงก็เหมือนผู้ชายที่ยืนปรุงอาหารมาให้
“มามี้ขา...มามี้อยากกินอาหารฝีมือคุณลุงมากใช่ไหมคะ ไหนมามี้ว่าเราไม่ควรแสดงออกว่าอยากกินมากไงคะ”
“น้ำอิง!” กุลนิดาขึงตาเป็นการกำราบให้ลูกสาวหยุดพูด
เป็นวันแรกที่กุลนิดานึกอยากตีแขนแม่ตัวแสบเบาๆ ทักมาได้ ทำให้คนเป็นแม่อายหมดแล้ว
ก็มันหอมน่ากิน วันนี้ทั้งวันยังไม่มีข้าวสักเมล็ดตกถึงท้อง เมื่อเช้าก็เอาแต่หนีเขา ส่วนตอนบ่ายเป็นต้นมาก็ดันไปเจอเขาที่โรงเรียน กระทั่งเขาตามเธอกลับบ้าน เธอยังไม่มีเวลาได้กินข้าวเลย
แล้วนั่นทำให้ไรอันพาสายตาคู่คมปลาบหันมามองเธอด้วยสีหน้าแฝงรอยยิ้มราวกับกำลังขบขัน จนกุลนิดาอายหน้าม้านจนต้องเสมองไปทางอื่น
“ใครว่ามามี้อยากกิน มามี้ไม่ชอบกินอาหารฝรั่งสักหน่อย มามี้ชอบกินอาหารไทยมากกว่า”
“นึกว่าชอบกินบะหมี่สำเร็จรูปกับปลากระป๋อง ผมเห็นอัดแน่นเต็มตู้เลย” ไรอันยิ้มเบาๆ แต่กุลนิดารู้สึกเหมือนกำลังถูกตีแสกหน้า
“แต่น้ำอิงไม่ชอบค่ะ ชอบเฟตตูชินีไวต์ซอสแบบที่คุณลุงทำมากกว่า”
แหม...น้ำอิงเป็นงานจริงๆ กุลนิดาอยากจะหยิกแก้มแม่ตัวแสบ ทั้งน่าหมั่นไส้ทั้งน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“น้ำอิง ต้องกินเยอะๆ ลุงทำสุดฝีมือเพื่อน้ำอิงกับ...” เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง แต่กุลนิดาทำเป็นมองไม่เห็น
“น้ำอิงเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ น้ำอิงจะช่วยคุณลุงกินสองจานก็ได้ค่ะ”
เด็กหญิงปรบมือเมื่อเห็นคุณลุงใจดีปิดไฟที่เตา นั่นแสดงว่าไวต์ซอสเสร็จแล้ว แม่หนูจึงไม่ได้สนใจผู้ใหญ่ทั้งสองอีก นอกจากร้องขอลงจากวงแขนคุณลุง เพราะเด็กหญิงจะขอตัวไปหยิบชุดรับประทานอาหารประจำตำแหน่งซึ่งมีลวดลายน่ารักเป็นม้าโพนี่เข้าชุดกันทั้งจาน ช้อน ส้อม และแก้วน้ำ
เป็นจังหวะที่ไรอันได้อยู่ตามลำพังกับกุลนิดา เขาขยับมายืนใกล้ๆ ดวงตาสีฟ้าสาดเข้าใส่จนคนตัวเล็กต้องหยีตามอง
“รู้ไหมว่าอาหารฝรั่งไม่ได้จืดชืดแบบที่คุณคิด บางเมนูก็เผ็ดร้อนอร่อยถึงใจ แต่ระดับความเผ็ดร้อนและความอร่อยจะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับคนทำด้วย คุณอยากลองเมนูไหน เดี๋ยวผมจะทำให้คุณกิน”
ดวงตาซุกซนของไรอันอดจะมองลำคอขาวผ่องที่มีเส้นผมสลวยคลอเคลียไม่ได้ นึกอิจฉาน้ำอิงขึ้นมา เด็กหญิงคงได้สัมผัสกลิ่นซอกคอของผู้เป็นแม่บ่อยๆ คงจะหอมน่าดู
“ไม่สนิท อย่ามาล้อเล่นค่ะ ฉันชอบกินอาหารไทย ไม่ชอบอาหารต่างประเทศ” กุลนิดาเมินเฉยกับสายตาระยิบระยับวับวามคู่นั้น อดรู้สึกไม่ได้ว่าราวกับเขาใช้สายตาสัมผัสเนื้อตัวเธอเลย
“อ้าว เหรอครับ ไม่ชอบอาหารต่างประเทศก็ไม่เป็นไร แต่คุณไม่ได้ปฏิเสธผู้ชายต่างประเทศใช่ไหมครับ”
จบประโยคนั้นร่างสูงขยับเข้ามาใกล้จนกุลนิดาถอยหลังไปติดเคาน์เตอร์ วงแขนกำยำของเขาถูกวาดลงมาวางบนเคาน์เตอร์ด้านขวา ทำให้กุลนิดาถูกเขากักไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวรีบกลบเกลื่อนอาการเขินอายด้วยการจ้องตาเขาเขม็ง การถูกจู่โจมแบบไม่ระมัดระวังตัวแบบนี้เล่นเอาหายใจหายคอแทบไม่ทัน
“คุณจะทำอะไรฉัน ถอยไปนะ ถ้าไม่หยุดคิดที่จะทำอะไรบ้าๆ ฉันจะไล่คุณออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้”
ไรอันส่งยิ้มหล่อเหลาแล้วจ้องมองลึกไปในดวงตาคู่งาม เขาก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวสะอาด
“ช่วยหลบหน่อยสิครับ ผมจะก้มหยิบจาน คุณยืนขวางจานใส่เส้นเฟตตูชินีอยู่”
กุลนิดาเหลียวกลับไปมองด้านหลังบนเคาน์เตอร์ มีเส้นเฟตตูชินีที่ลวกจนสุกวางไว้จริงๆ ใบหน้าขาวใสแดงระเรื่อ รู้สึกอับอายขายหน้าจนวางหน้าไม่ถูก เธอคิดว่าเขาจะก้มลงมาจูบเธอเสียอีก แล้วรีบผลักร่างหนาออกห่าง
“กินเสร็จแล้ว ก็รีบกลับไปเลยนะคะ มานานแล้ว” น้ำเสียงสะบัดน้อยๆ แล้วเดินหนีเขาออกจากครัวทันที
ไรอันมองตามคุณแม่ลูกหนึ่งที่ยังสวยเช้งอย่างไม่วางตา
“ไม่อยากกลับแล้วสิ อยากค้างคืนที่นี่” ไรอันถอนหายใจยาวพรืด “ที่ปรึกษาด้านหัวใจก็ไม่ค่อยว่าง“
เขาถนัดมากกับการวางแผนเชิงธุรกิจ แต่วางแผนจีบหญิงเขาไม่เป็นซะเลย เพราะที่ผ่านมาแค่ใช้นิ้วชี้และให้ครูซเสนอราคาไปทำสัญญาแบบปีต่อปี แต่สำหรับกุลนิดาคนนี้ เธอไม่ใช่
ไรอันนึกอยากโทร.ไปปรึกษาเพื่อนรัก แต่ช่วงนี้ไอ้หมอนั่นมันก็เอาแต่บ้าตีขิม เห็นแต่งงานมาเป็นปีแล้ว ไอ้พนาก็ยังขยันฝึกตีขิม ภรรยาของเพื่อนรักมีชื่อเล่นน่ารักว่าน้องขิม ชื่อเหมือนเครื่องดนตรีไทยชนิดหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของเขาคลั่งไคล้ หลงรักเสียงของขิมจนต้องตีทุกวัน ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องตี
“ผีอยากมาแอบดูคนพลอดรักกันก็เอาสิ เกรซีกลัวผีเหรอ ผมเคยสอนวิชาไล่ผีให้แล้วไง ผีจะกลัวคนแก้ผ้า ถ้าเกรซีที่รักไม่อยากถูกผีหลอก เดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อผ้าให้คุณเอง”กุลนิดาอับอายจนวางหน้าไม่ถูก “ถอดอีกแล้วเหรอคะ ฉันเพิ่งใส่กลับเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง”กุลนิดาถูกเขาผลักให้นอนราบลงบนเตียง จากนั้นความขาวโพลนพร้อมกลิ่นหอมอ่อนของน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ลอยลงมาปกคลุมสองร่างเอาไว้ อ้อมกอดของคนที่นอนทับอยู่บนตัวทั้งหอมและมีกลิ่นกายเฉพาะตัวชวนให้พาใบหน้าเข้าไปเคลียคลอกับแผงอกนั้น“กลัวผีใช่ไหม เดี๋ยวผมลงคาถากันผีให้ รับรองว่าเกรซีจะไม่ถูกผีหลอกไปตลอดชีวิต”“บ้า ฉันไม่เชื่อ คุณหลอกฉัน”“ไม่เชื่อ ก็ต้องให้ผมลงคาถาอยู่ดี”ดวงตาสีฟ้าภายใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่เจิดจรัสเต็มไปด้วยไฟพิศวาสลุกโชน มันพร้อมจะแผดเผาเธอด้วยความรักที่เร่าร้อนเพียงพริบตาเดียว เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ห่อหุ้มร่างบางงดงามไร้ที่ติกลับปลิดปลิวออกจากร่าง แต่ละชิ้นถูกไรอันโยนออกมาอย่างไม่ไยดีเสื้อและกระโปรงร่วงหล่นลงไปตามแรงเหวี่ยง ส่วนแพนตี้ตัวน้อยถูกเขาถอดและหล่นไปกองอยู่ข้างเตียง จนกระทั่งเหลือบราเซียร์สีชมพูหวานเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ถูกเขาลอกคราบออก
กุลนิดาบอกเขาหมดเปลือก บอกจากก้นบึ้งหัวใจ เธอทั้งคิดถึง โหยหา แต่ก็หมั่นไส้พ่อตัวร้ายจอมเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกันไรอันทนความน่ารักของเมียไม่ไหว มือแกร่งรวบร่างบอบบางของเมียไปนั่งทับบนตัก แล้วกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูขาวผ่อง“เรามาทำลูกกันอีกสักคนดีไหม ผมอยากให้น้ำอิงมีน้องไว้เป็นเพื่อนเล่น”กุลนิดาหน้าแดง ยกมือทุบอกเขาดังปั้กไรอันจับมือเล็กไว้ แล้วขบเม้มใบหูขาวอย่างรักใคร่ “อยากทุบก็ทุบให้เต็มที่ ผมไม่ทุบคืนด้วยหมัดแน่ๆ เพราะผมกลัวเมียเจ็บ แต่ผมจะชกคุณคืนถึงเช้าด้วยอวัยวะที่นุ่มนวลที่สุด”“ไรอัน คนหื่น ฉันรู้นะคุณหมายถึงอะไร”แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อร่างเล็กถูกเขาผลักลงไปบนเตียงเหมือนในคืนนั้น ร่างสูงกระชากผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันไว้รอบเอวอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่นี้ เขานอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ แล้วคิดเล่นๆ ว่าถ้ามีลูกอีกคนจะให้ชื่ออะไรดี เขาคิดออกแล้ว และเวลานี้ ควรต่อแขนให้ ‘น้ำอุ่น’ ออกมาเป็นตัวเป็นตนสักทีไรอันอวดหุ่นกำยำต่อหน้าเมีย กุลนิดารีบหลับตาปี๋ เพราะยังอายอยู่ จังหวะนั้นเองที่ไรอันรีบปอกเปลือกเมียให้เหลือแต่ร่างขาวโพลนทันที“ลูกคนนี้ผมจะตั้งใจทำให้หน้าเหมือนคุณนะ จะได้ไม่น้อยใจผมอ
“รู้อะไรไหม แต่ผมไม่เคยหลอกคุณนะ ว่าผมรักคุณกับลูกที่สุด รักจนหยุดหัวใจไว้ที่คุณ”“ฉันรู้ค่ะ ฉันยอมรับที่ผ่านมา ฉันขี้ขลาดเอง กลัวคุณไปเจอผู้หญิงสวยๆ ก็อยากจะเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ แบบที่คุณเคยเลี้ยงดูพี่อินทิราเอาไว้ ตอนนี้ยังแอบส่งเสียกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าคุณมีเมียไว้ประเทศละคน ฉันคงทนไม่ได้ เลยเลือกที่จะไม่เปิดโอกาสให้คุณ” กุลนิดาบอกแล้วเบือนหน้าหนี เธอยอมรับผิดส่วนหนึ่งที่ไม่เชื่อใจเขา ไม่เปิดโอกาสให้เขาไรอันเชยคางเมียกลับมา จ้องดวงตาสีนิลคู่วาววับ “ผมกับอินทิราเลิกยุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่คืนนั้นที่ผมมีอะไรกับคุณ แล้วผมก็ไม่ได้ไปมีเมียทิ้งไว้ทุกประเทศแบบที่คุณเข้าใจ ข่าวคุณมั่ว ไม่กรองแล้วละ”“หมายความว่ายังไงคะไรอัน” กุลนิดาเบิกตาโตมองเขาอย่างสนใจ“ผมกับอินทิราเจอกันบนสายการบินพาณิชย์ ตอนเครื่องบินลำนั้นที่ระเบิดไปมันงอแง ผมเห็นอินทิราสวยดี เธอส่งสายตาให้ผมก็เลยให้ครูซยื่นข้อเสนอ และไม่ได้ตั้งใจให้มาอยู่ที่นี่หรอก แต่อินทิราบอกผมว่าคอนโดฯ ของเธอยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่ที่ผมมาที่นี่หลายครั้งไม่ได้ติดใจอินทิรา แต่ติดใจสาวน้อยที่ดูแลกุหลาบของแม่ผมอย่างดี ผมคิดว่ามาอยู่ที่เมืองไทยมันจะตา
เฮี้ยนกว่าผีก็สามีของเธอนี่เองดวงหน้าขาวซีดแทบจะเป็นสีเดียวกับกระดาษเวลานี้พลันเปลี่ยนเป็นจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง เลือดลมกลับมาสูบฉีดแรง ตอนนี้สติเธอกลับมาครบถ้วนพอจะแยกออกว่าร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาแล้วคว้าเธอเข้าไปกอดคือสามีไม่ใช่ผี“ไรอัน! คนบ้า คุณเล่นบ้าอะไร หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวว่าเครื่องบินระเบิด คุณตายแล้ว” กุลนิดารู้สึกว่าเธอกำลังเป็นคนเสียสติแล้วกระมังถึงได้หัวเราะไปร้องไห้ไปราวกับเป็นผู้ป่วยไบโพลาร์ไรอันส่ายหน้า รอยยิ้มหล่อร้ายบนใบหน้าของเขาประดับค้างอยู่นานไม่ยอมจางหาย ในขณะที่ดวงตาสองข้างยังจ้องหน้าเมียรักอยู่ตลอดเวลา“คุณยังหลอกผมได้เลย คิดว่าผัวเคี้ยวหญ้าหรือไงจ๊ะที่รัก ถึงได้คิดว่าผมจะเชื่อว่าเมียมีฝาแฝด เป็นไงพอผมหลอกคืนบ้าง คุณถึงกับอึ้งไปเลย”กุลนิดาผลักอกเขาออกแต่มันไม่ขยับออก ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยอารมณ์หลากหลายทั้งดีใจ ทั้งโมโห “หลอกแรงเกินไปแล้ว”ไรอันขยับเข้าไปใกล้ร่างเมียรัก ประคองใบหน้างามที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาให้มองตอบเขา “ฟังผมอธิบายก่อนเกรซี อย่าเพิ่งโกรธผมเลย”กุลนิดาส่ายหน้าด้วยความน้อยใจ “คุณหลอกคนทั้งโลกว่าตายแล้ว คุณเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมต้องหลอก
กุลนิดาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มอย่างไม่อาย ตอนนี้เธออยู่คนเดียวภายในห้อง เธอไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเห็นแล้วตั้งคำถามอีก ดังนั้นเมื่อน้ำตาอยากไหลออกมา เธอก็จะปล่อยให้มันไหลไปจนกว่าจะพอ อย่างน้อย เธอจะได้ใช้มันเป็นหนทางระบายออกได้บ้างใบหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเลอะกรัง กวาดมองรอบห้องอย่างอาวรณ์ ตอนนี้ เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธออยากจะคิดว่าข่าวที่ลงเป็นเพียงข่าวโคมลอย เชื่อถือไม่ได้ เขายังปลอดภัยดี เพียงแต่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จจึงยังกลับมาไม่ได้...แต่กุลนิดาก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เพราะภาพข่าวที่ทุกสื่อนำมาลงเป็นเรื่องจริงจู่ๆ ก็มีลมพัดวูบหนึ่งเข้ามาในห้อง กุลนิดาจึงเดินไปที่ระเบียง ประตูถูกเปิดออกไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ชายผ้าม่านสีขาวปลิวคว้าง ภาพนี้เหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่มีผิด จู่ๆ กุลนิดาก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว“เหมือนวันนั้นไม่มีผิด” ปกติกุลนิดาเป็นคนกลัวผีมาก และตอนนี้ความหลอนก็ผุดขึ้นมาอีกหนห้องนี้เคยมีประวัติอะไรหรือเปล่านะ เธอยังจำได้ดีถึงผีจูออนชุดขาวที่เห็นวันนั้น เธอยังไม่เคยคุยกับไรอันถึงเรื่องนั้นเลย เคยตั้งใจว่า
แอชลีย์มองสองแม่ลูกแล้ววางหน้าลำบากพลางลอบถอนหายใจ “เอาละ หลานป้าแอชลีย์มีสายเลือดนักสู้ สุดยอดมาก ป้าแอชลีย์ตะลึงไปเลย แบบนี้ควรมีรางวัลให้หนูใช่ไหม”พอได้ยินคำว่ารางวัล ร่างอวบที่นอนหงายดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย “รางวัล! เด็กดีควรมีรางวัลค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องใช่ไหมคะมามี้”เด็กหญิงยิ้มเผล่รู้สึกหายเหนื่อย “คุณป้าแอชลีย์คนสวย น้ำอิงอยากกินไอศกรีมเป็นรางวัลได้ไหมคะ” แม่คนช่างประจบ และหัวไวกับของฟรีกล่าวแอชลีย์ดึงหลานสาวตัวอวบไปกอด รู้แล้วทำไมน้องชายถึงได้หลงลูกสาวนัก “แน่นอนหลานสาวของป้าได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”กุลนิดามองหน้าแอชลีย์ เสี้ยวหน้าด้านหนึ่งมีเค้าเหมือนไรอันอยู่มาก ความสนิทอย่างรวดเร็วของสองป้าหลานคงเป็นความผูกพันทางสายเลือด“อย่ารบกวนคุณป้าเลย เดี๋ยวมามี้พาไปเอง”เพียงแต่แอชลีย์หันมายิ้มแล้วพยุงหลานสาวให้ลุกขึ้น “เกรซี ฉันมีเรื่องจะบอก แม่บ้านของลักซูรีคอนโดฯ โทร.มาบอกฉันว่าอยากให้เจ้าของห้องชุดเข้าไปดูแลกุหลาบพวกนั้นที่ริมระเบียงด้วย เพราะพวกมันใกล้จะตายหมดแล้ว ไรอันจ้างให้แม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ย้ายต้นกุหลาบเหล่านั้นออกไปไหน ตอนนี้ห้อง







