LOGIN“แสดงว่าที่เมื่อกี้น้ำอิงชวนผมไปเซเว่นฯ คุณอย่าบอกผมนะว่า คุณเลี้ยงน้ำอิงด้วยอาหารกล่องตามร้านสะดวกซื้อ”
“ก็...” กุลนิดาหน้าซีดหนัก หากมีคะแนนความเป็นแม่ เธอคิดว่ามีโอกาสได้เกือบเต็ม ส่วนที่ขาดไปก็เพราะโดนหักเรื่องฝีมือทำอาหารยอดแย่ แม้แต่ลูกสาวก็ไม่อยากกิน เมนูที่เธอทำแล้วน้ำอิงกินได้มากที่สุดคือไข่เจียว แต่ยังไงก็ทานไปได้แค่ครึ่งจานแล้วยังบอกว่า
“นานๆ ครั้ง มามี้ค่อยทำให้น้ำอิงทานนะคะ น้ำอิงกลัวมามี้เหนื่อย”
กุลนิดาไม่ใช่คนผิดไม่เป็น เธอเชิดหน้าตอบเขา “ขอโทษด้วยค่ะคุณไรอัน สำหรับเรื่องนี้ฉันผิดเต็มประตู เชิญคุณต่อว่าได้เลย ฉันทำอาหารไม่อร่อยจริงๆ เข้าขั้นย่ำแย่ ตั้งแต่น้ำอิงเริ่มพูดได้ แกกินอาหารฝีมือฉันทีไร แกบอกว่าไม่อร่อยทุกครั้ง แล้วไม่ยอมกินอาหารที่ฉันทำ แต่แกติดใจสปาเกตตีที่ร้านสะดวกซื้อ”
“อะไรนะ! คุณรู้ไหมกินอาหารที่เวฟบ่อยๆ มันอันตราย ยิ่งเด็กที่กำลังโต คุณไม่รู้เหรอ” ไรอันดุเสียงเข้ม
“ฉันขอโทษค่ะ” กุลนิดาเม้มปากแน่น เธอพยายามทำอาหารให้อร่อยแล้วแต่ว่ามันก็ยังไม่อร่อย
ใครว่าการทำอาหารเป็นพรแสวง มันคือพรสวรรค์ต่างหาก คนที่ทำไม่อร่อยอุตส่าห์ลงทุนฝึกตามยูทิวบ์ เสียวัตถุดิบไปมากมาย แต่น้ำอิงก็กินได้คำสองคำก็ส่ายหน้า บอกไม่เอาแล้วทุกที ที่ผ่านมา เธอมักจะพึ่งร้านอาหารตามสั่งบ้าง ร้านสะดวกซื้อบ้าง
“ผมไม่อยากเชื่อเลย คุณดูเป็นกุลสตรีไทย เป็นแม่ศรีเรือนมากเลยนะ”
“คุณรู้จักคำนี้ด้วยหรือคะ อย่างฉันน่ะไม่เรียกแม่ศรีเรือนหรอกค่ะ แม่ผีเรือนละใช่มากกว่า”
“ผมไม่เข้าใจ”
“ช่างเถอะ ไม่ต้องเข้าใจทุกเรื่องก็ได้”
“แต่เรื่องกินอาหารกล่อง ผมไม่โอเคเลยนะเกรซี” เขาวกกลับมาเรื่องเดิม เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารมาก ต้องกินและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อที่จะได้มีพลังงานทำงานในวันต่อไป
“ฉันเป็นแม่ที่แย่ที่สุด เรื่องอื่นในการเลี้ยงลูกฉันไม่เคยพลาด แต่เรื่องอาหารทำทีไรไม่อร่อยสักที พยายามทำเท่าไหร่ลูกก็ไม่ยอมกินข้าวฝีมือฉัน” เรื่องนี้เป็นความรู้สึกผิดในใจของกุลนิดามาตลอด
กุลนิดานั่งก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดพาลน้ำตาจะไหล เธอเลี้ยงลูกอะไรแบบนั้นปล่อยให้กินอาหารนอกบ้าน ฝากท้องกับข้าวกล่องตามร้านสะดวกซื้อบ้าง แล้วต้องอ้าปากค้างเมื่อฝ่ามือหนาอีกข้างที่ยังว่างอยู่ของไรอันวางบนหลังมือของหญิงสาว สายตาวาวโรจน์อ่อนแสงลง
“ผมขอโทษที่เสียงดังกับคุณ คนที่แย่ไม่ใช่คุณหรอก คนนั้นคือผมต่างหาก ผมแย่ที่สุดเลย ผมผิดเองที่รู้เรื่องนี้ช้าไป ผมผิดเองที่ปล่อยให้คุณลำบากคนเดียว ไม่อย่างนั้น น้ำอิงคงไม่ต้องกินอาหารกล่อง” นัยน์ตาคมปลาบส่องประกายแน่วแน่ “ต่อไปนี้ ผมจะชดเชยให้”
“อะไรของคุณคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”
ดวงตาสีฟ้าเข้มมองเธออย่างอ่อนโยน “มื้อนี้ผมจะทำอาหารให้คุณกับลูกกินเอง เชฟมิชลินสตาร์ที่ทำงานในคฤหาสน์ของผม การันตีว่าผมทำอาหารได้ดีระดับหนึ่งเชียว ไม่เชื่อ เดี๋ยวลองชิม”
หัวใจของเธอแอบเต้นระรัวขึ้นหลายจังหวะก็ตอนถูกเขาดึงมือไปกุมเอาไว้ แล้วส่งสายตาเป็นประกายมาให้ เธอไล่เขากลับไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นมันอะไร ภาพของน้ำอิงจูงมือร่างสูงใหญ่ในชุดสูทที่ถอดเสื้อตัวนอกพาดไว้กับโซฟา แล้วพากันเดินเข้าไปในครัว หากมองผ่านๆ นั่นมัน
แฟมิลี่แมนชัดๆ
กุลนิดาหายใจช้าๆ แล้วได้ยินเสียงน้ำอิงตะโกนตามมาว่า...
“ไข่กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ไหนคะมามี้”
ไรอันเจอมันอยู่ที่ตู้กับข้าวชั้นกลาง เขาส่ายหัว แล้วยกมือขึ้นเกาแกรกๆ นี่เวลาลูกสาวเขาอยู่บ้านถ้าหิวข้าวขึ้นมาจะมองหาไข่ไก่ กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอันดับแรกเหรอ
คนห่วงลูกเห็นแบบนี้ก็อดบ่นไม่ได้ “เลี้ยงลูกยังไงทำไมมีแต่ไข่กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”
กุลนิดาเพิ่งได้สติแล้วรีบชิงตอบ “เปล่านะคะ กุลไม่ได้ให้ลูกกินบะหมี่สำเร็จรูปสักครั้ง มันอาหารประจำของกุลต่างหาก น้ำอิงรู้ว่ามีมันเพราะแกไปซื้อของด้วยแล้วเห็นกุลหยิบใส่รถเข็นบ่อยเท่านั้นเอง” กุลนิดาอธิบาย พร้อมกับแย่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับในมือของเขาแล้วดันเก็บเข้าที่
ดวงตาสีฟ้าแลดูมีอิทธิพลจ้องอย่างจับผิด“อย่าบอกนะให้ลูกเรียนโรงเรียนหรู แล้วคุณแอบต้มบะหมี่กิน” ไรอันเผลอยิ้มแล้วเห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อนคล้ายกับยอมรับ
“ฉะ ฉัน...”
อีตาบ้านี่รู้ได้ไง
ไรอันเห็นท่าทางอับอายของคนตัวเล็กก็รีบส่ายหัวพูดขึ้น “ผมแซวเล่นน่ะ แต่มันไม่ดีหรอกนะ กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยๆ อันตราย มันมีสารโซเดียมเยอะ”
ดวงตาคมสีฟ้าของเขาเหลือบไปเห็น ‘เฟตตูชินี’ พาสต้าเส้นยาวคล้ายสปาเกตตี แต่มีความแบนและเล็กกว่า แล้วยังมีเห็ดกระป๋องในน้ำเกลือ ทำให้เขาเดาได้ว่ากุลนิดาคงซื้อของพวกนี้มาเพื่อหัดทำเฟตตูชินีไวต์ซอสเห็ดให้ลูกกิน แต่ยังไม่ได้ทำ
“พวกนี้น่าจะใช้การได้” เขามองหน้ากุลนิดา สัมผัสความงงงวยได้จากสายตา เพื่อนของเขามันสอนมาเวลาผู้หญิงทำหน้างงเป็นเวลาที่ควรเร่งเจรจา
“ถ้าผมทำอาหารให้น้ำอิงกินแล้วแกกินได้มากกว่าครึ่งจาน ผมรับหน้าที่ทำอาหารเช้าให้ลูกนะ”
“ค่ะ” หญิงสาวเผลอพยักหน้า แล้วสะดุ้งเฮือก “หา อะไรนะ!”
ผ่านไปชั่วครู่ หนุ่มหล่อ หุ่นกำยำ ที่กระชากสายตาเก้ง กวาง บ่าง ชะนี มานับไม่ถ้วนจนนิตยสารดังในอเมริกาต้องเข้าคิวขอสัมภาษณ์ ไรอัน คาเตอร์ ขึ้นปกบ่อยๆ ก็เริ่มแสดงฝีมือ
นอกจากไรอันจะเป็นนักธุรกิจที่ถูกยกย่องว่ามีฝีมือในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่อย่างลักซูรี่ แอร์ไลน์ได้อย่างยอดเยี่ยม รูปร่างหน้าตาที่เข้าขั้นพระเอกฮอลลีวูดก็ถูกดีไซน์เนอร์ทาบทามให้ถ่ายแบบด้วยบ่อยๆ เขาขึ้นปกนิตยสารเล่มไหนเตรียมตัวขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ใครจะรู้ว่าเขายังมีฝีมือทำอาหารอีกด้วย
ไรอันยืนอยู่ในห้องครัวขนาดกะทัดรัดแต่สะอาดตาด้วยโทนสีครีมสลับขาวมองดูอบอุ่น แม้เป็นครัวขนาดเล็กแต่อุปกรณ์ครบครันถึงจะมีไว้แค่ต้มมาม่าและทำยำปลากระป๋องเป็นหลักก็ตาม อาวุธของไรอันในเวลานี้คือกระทะเทฟล่อนและตะหลิว
ไรอันใช้ตะหลิวได้คล่องดีพอกับการใช้ปากกาเซ็นชื่อลงบนกระดาษ ในวัยเด็กเขาติดแม่มากและมักจะตามแม่เข้าครัวอยู่เสมอ เพราะมารดาต้องเดินทางไปต่างประเทศกับบิดาบ่อยๆ เมื่อพบเมนูที่พวกเขาพ่อลูกชอบ ท่านมักจะนำมาทดลองทำ
การเข้าครัวทุกครั้งทำให้เขานึกถึงภาพความอบอุ่นในวัยเด็ก เขาโชคดีมาก พ่อและแม่ให้ความอบอุ่นกับเขาและพี่สาวอย่างเต็มที่ เมื่อเขารู้ว่าตัวเองมีลูกสาวจึงไม่สามารถวางเฉยได้จึงรีบติดตามสืบหาความจริงและเสาะหาจนเจอ
เสียงใสที่เอาร่างกลมๆ เข้ามายืนชิดใกล้เพราะได้กลิ่นเนยผัดกับหัวหอม
“ผีอยากมาแอบดูคนพลอดรักกันก็เอาสิ เกรซีกลัวผีเหรอ ผมเคยสอนวิชาไล่ผีให้แล้วไง ผีจะกลัวคนแก้ผ้า ถ้าเกรซีที่รักไม่อยากถูกผีหลอก เดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อผ้าให้คุณเอง”กุลนิดาอับอายจนวางหน้าไม่ถูก “ถอดอีกแล้วเหรอคะ ฉันเพิ่งใส่กลับเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง”กุลนิดาถูกเขาผลักให้นอนราบลงบนเตียง จากนั้นความขาวโพลนพร้อมกลิ่นหอมอ่อนของน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ลอยลงมาปกคลุมสองร่างเอาไว้ อ้อมกอดของคนที่นอนทับอยู่บนตัวทั้งหอมและมีกลิ่นกายเฉพาะตัวชวนให้พาใบหน้าเข้าไปเคลียคลอกับแผงอกนั้น“กลัวผีใช่ไหม เดี๋ยวผมลงคาถากันผีให้ รับรองว่าเกรซีจะไม่ถูกผีหลอกไปตลอดชีวิต”“บ้า ฉันไม่เชื่อ คุณหลอกฉัน”“ไม่เชื่อ ก็ต้องให้ผมลงคาถาอยู่ดี”ดวงตาสีฟ้าภายใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่เจิดจรัสเต็มไปด้วยไฟพิศวาสลุกโชน มันพร้อมจะแผดเผาเธอด้วยความรักที่เร่าร้อนเพียงพริบตาเดียว เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ห่อหุ้มร่างบางงดงามไร้ที่ติกลับปลิดปลิวออกจากร่าง แต่ละชิ้นถูกไรอันโยนออกมาอย่างไม่ไยดีเสื้อและกระโปรงร่วงหล่นลงไปตามแรงเหวี่ยง ส่วนแพนตี้ตัวน้อยถูกเขาถอดและหล่นไปกองอยู่ข้างเตียง จนกระทั่งเหลือบราเซียร์สีชมพูหวานเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ถูกเขาลอกคราบออก
กุลนิดาบอกเขาหมดเปลือก บอกจากก้นบึ้งหัวใจ เธอทั้งคิดถึง โหยหา แต่ก็หมั่นไส้พ่อตัวร้ายจอมเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกันไรอันทนความน่ารักของเมียไม่ไหว มือแกร่งรวบร่างบอบบางของเมียไปนั่งทับบนตัก แล้วกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูขาวผ่อง“เรามาทำลูกกันอีกสักคนดีไหม ผมอยากให้น้ำอิงมีน้องไว้เป็นเพื่อนเล่น”กุลนิดาหน้าแดง ยกมือทุบอกเขาดังปั้กไรอันจับมือเล็กไว้ แล้วขบเม้มใบหูขาวอย่างรักใคร่ “อยากทุบก็ทุบให้เต็มที่ ผมไม่ทุบคืนด้วยหมัดแน่ๆ เพราะผมกลัวเมียเจ็บ แต่ผมจะชกคุณคืนถึงเช้าด้วยอวัยวะที่นุ่มนวลที่สุด”“ไรอัน คนหื่น ฉันรู้นะคุณหมายถึงอะไร”แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อร่างเล็กถูกเขาผลักลงไปบนเตียงเหมือนในคืนนั้น ร่างสูงกระชากผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันไว้รอบเอวอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่นี้ เขานอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ แล้วคิดเล่นๆ ว่าถ้ามีลูกอีกคนจะให้ชื่ออะไรดี เขาคิดออกแล้ว และเวลานี้ ควรต่อแขนให้ ‘น้ำอุ่น’ ออกมาเป็นตัวเป็นตนสักทีไรอันอวดหุ่นกำยำต่อหน้าเมีย กุลนิดารีบหลับตาปี๋ เพราะยังอายอยู่ จังหวะนั้นเองที่ไรอันรีบปอกเปลือกเมียให้เหลือแต่ร่างขาวโพลนทันที“ลูกคนนี้ผมจะตั้งใจทำให้หน้าเหมือนคุณนะ จะได้ไม่น้อยใจผมอ
“รู้อะไรไหม แต่ผมไม่เคยหลอกคุณนะ ว่าผมรักคุณกับลูกที่สุด รักจนหยุดหัวใจไว้ที่คุณ”“ฉันรู้ค่ะ ฉันยอมรับที่ผ่านมา ฉันขี้ขลาดเอง กลัวคุณไปเจอผู้หญิงสวยๆ ก็อยากจะเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ แบบที่คุณเคยเลี้ยงดูพี่อินทิราเอาไว้ ตอนนี้ยังแอบส่งเสียกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าคุณมีเมียไว้ประเทศละคน ฉันคงทนไม่ได้ เลยเลือกที่จะไม่เปิดโอกาสให้คุณ” กุลนิดาบอกแล้วเบือนหน้าหนี เธอยอมรับผิดส่วนหนึ่งที่ไม่เชื่อใจเขา ไม่เปิดโอกาสให้เขาไรอันเชยคางเมียกลับมา จ้องดวงตาสีนิลคู่วาววับ “ผมกับอินทิราเลิกยุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่คืนนั้นที่ผมมีอะไรกับคุณ แล้วผมก็ไม่ได้ไปมีเมียทิ้งไว้ทุกประเทศแบบที่คุณเข้าใจ ข่าวคุณมั่ว ไม่กรองแล้วละ”“หมายความว่ายังไงคะไรอัน” กุลนิดาเบิกตาโตมองเขาอย่างสนใจ“ผมกับอินทิราเจอกันบนสายการบินพาณิชย์ ตอนเครื่องบินลำนั้นที่ระเบิดไปมันงอแง ผมเห็นอินทิราสวยดี เธอส่งสายตาให้ผมก็เลยให้ครูซยื่นข้อเสนอ และไม่ได้ตั้งใจให้มาอยู่ที่นี่หรอก แต่อินทิราบอกผมว่าคอนโดฯ ของเธอยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่ที่ผมมาที่นี่หลายครั้งไม่ได้ติดใจอินทิรา แต่ติดใจสาวน้อยที่ดูแลกุหลาบของแม่ผมอย่างดี ผมคิดว่ามาอยู่ที่เมืองไทยมันจะตา
เฮี้ยนกว่าผีก็สามีของเธอนี่เองดวงหน้าขาวซีดแทบจะเป็นสีเดียวกับกระดาษเวลานี้พลันเปลี่ยนเป็นจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง เลือดลมกลับมาสูบฉีดแรง ตอนนี้สติเธอกลับมาครบถ้วนพอจะแยกออกว่าร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาแล้วคว้าเธอเข้าไปกอดคือสามีไม่ใช่ผี“ไรอัน! คนบ้า คุณเล่นบ้าอะไร หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวว่าเครื่องบินระเบิด คุณตายแล้ว” กุลนิดารู้สึกว่าเธอกำลังเป็นคนเสียสติแล้วกระมังถึงได้หัวเราะไปร้องไห้ไปราวกับเป็นผู้ป่วยไบโพลาร์ไรอันส่ายหน้า รอยยิ้มหล่อร้ายบนใบหน้าของเขาประดับค้างอยู่นานไม่ยอมจางหาย ในขณะที่ดวงตาสองข้างยังจ้องหน้าเมียรักอยู่ตลอดเวลา“คุณยังหลอกผมได้เลย คิดว่าผัวเคี้ยวหญ้าหรือไงจ๊ะที่รัก ถึงได้คิดว่าผมจะเชื่อว่าเมียมีฝาแฝด เป็นไงพอผมหลอกคืนบ้าง คุณถึงกับอึ้งไปเลย”กุลนิดาผลักอกเขาออกแต่มันไม่ขยับออก ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยอารมณ์หลากหลายทั้งดีใจ ทั้งโมโห “หลอกแรงเกินไปแล้ว”ไรอันขยับเข้าไปใกล้ร่างเมียรัก ประคองใบหน้างามที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาให้มองตอบเขา “ฟังผมอธิบายก่อนเกรซี อย่าเพิ่งโกรธผมเลย”กุลนิดาส่ายหน้าด้วยความน้อยใจ “คุณหลอกคนทั้งโลกว่าตายแล้ว คุณเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมต้องหลอก
กุลนิดาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มอย่างไม่อาย ตอนนี้เธออยู่คนเดียวภายในห้อง เธอไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเห็นแล้วตั้งคำถามอีก ดังนั้นเมื่อน้ำตาอยากไหลออกมา เธอก็จะปล่อยให้มันไหลไปจนกว่าจะพอ อย่างน้อย เธอจะได้ใช้มันเป็นหนทางระบายออกได้บ้างใบหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเลอะกรัง กวาดมองรอบห้องอย่างอาวรณ์ ตอนนี้ เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธออยากจะคิดว่าข่าวที่ลงเป็นเพียงข่าวโคมลอย เชื่อถือไม่ได้ เขายังปลอดภัยดี เพียงแต่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จจึงยังกลับมาไม่ได้...แต่กุลนิดาก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เพราะภาพข่าวที่ทุกสื่อนำมาลงเป็นเรื่องจริงจู่ๆ ก็มีลมพัดวูบหนึ่งเข้ามาในห้อง กุลนิดาจึงเดินไปที่ระเบียง ประตูถูกเปิดออกไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ชายผ้าม่านสีขาวปลิวคว้าง ภาพนี้เหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่มีผิด จู่ๆ กุลนิดาก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว“เหมือนวันนั้นไม่มีผิด” ปกติกุลนิดาเป็นคนกลัวผีมาก และตอนนี้ความหลอนก็ผุดขึ้นมาอีกหนห้องนี้เคยมีประวัติอะไรหรือเปล่านะ เธอยังจำได้ดีถึงผีจูออนชุดขาวที่เห็นวันนั้น เธอยังไม่เคยคุยกับไรอันถึงเรื่องนั้นเลย เคยตั้งใจว่า
แอชลีย์มองสองแม่ลูกแล้ววางหน้าลำบากพลางลอบถอนหายใจ “เอาละ หลานป้าแอชลีย์มีสายเลือดนักสู้ สุดยอดมาก ป้าแอชลีย์ตะลึงไปเลย แบบนี้ควรมีรางวัลให้หนูใช่ไหม”พอได้ยินคำว่ารางวัล ร่างอวบที่นอนหงายดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย “รางวัล! เด็กดีควรมีรางวัลค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องใช่ไหมคะมามี้”เด็กหญิงยิ้มเผล่รู้สึกหายเหนื่อย “คุณป้าแอชลีย์คนสวย น้ำอิงอยากกินไอศกรีมเป็นรางวัลได้ไหมคะ” แม่คนช่างประจบ และหัวไวกับของฟรีกล่าวแอชลีย์ดึงหลานสาวตัวอวบไปกอด รู้แล้วทำไมน้องชายถึงได้หลงลูกสาวนัก “แน่นอนหลานสาวของป้าได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”กุลนิดามองหน้าแอชลีย์ เสี้ยวหน้าด้านหนึ่งมีเค้าเหมือนไรอันอยู่มาก ความสนิทอย่างรวดเร็วของสองป้าหลานคงเป็นความผูกพันทางสายเลือด“อย่ารบกวนคุณป้าเลย เดี๋ยวมามี้พาไปเอง”เพียงแต่แอชลีย์หันมายิ้มแล้วพยุงหลานสาวให้ลุกขึ้น “เกรซี ฉันมีเรื่องจะบอก แม่บ้านของลักซูรีคอนโดฯ โทร.มาบอกฉันว่าอยากให้เจ้าของห้องชุดเข้าไปดูแลกุหลาบพวกนั้นที่ริมระเบียงด้วย เพราะพวกมันใกล้จะตายหมดแล้ว ไรอันจ้างให้แม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ย้ายต้นกุหลาบเหล่านั้นออกไปไหน ตอนนี้ห้อง







