“คุณคิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆเหรอคะ”
“ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆ แต่ผมคิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องจริงจัง คู่หมั้นคุณต่างหากที่คิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆ” ใบหน้าหวานก็ทำท่าจะร้องอีกครั้งจนชายหนุ่มถอนใจยาวออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดในเวลานี้
“ผมขอโทษก็แล้วกันที่พูดอะไรแล้วทำให้กระทบจิตใจคุณ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า ถ้าคุณแต่งงานกับผม ผมจะมีค่าตอบแทนเป็นอย่างดี”
“ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉันล่ะคะ”
“ผมไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ผมไม่อยากถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ผมไม่รักเพราะฉะนั้นผมถึงอยากจะจ้างคุณ คุณยังจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวเหมือนเดิม คุณยังเป็นเจ้าสาวเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนแค่เจ้าบ่าว คุณจะว่ายังไง”
“ไม่ละค่ะ ฉันจะไม่เล่นขายของกับคุณแน่นอนเพราะว่าการแต่งงานของผู้หญิงมันก็คือทั้งชีวิต คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกเหรอคะ”
“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ได้ตลก ผมจริงจัง ถ้าคุณยังกังวลอยู่ผมให้คุณไปคิดหนึ่งคืนก็แล้วกัน แต่ผมบอกกับคุณไว้เลยนะว่าผมมีค่าตอบแทนเต็มที่”
“คุณจะตอบแทนฉันเท่าไหร่เหรอคะ”
“ผมจะจ่ายค่าจดทะเบียนให้คุณทันทีเลยห้าล้านบาท ถ้าคุณยินยอมที่จะแต่งงานกับผม”
“คุณก็พูดเวอร์ไปค่ะ จะมาจ่ายค่าจดทะเบียนตั้งห้าล้านบาทเพื่ออะไรคะ”
“เป็นค่าแต่งงานกับคุณไงและผมก็จะจ่ายให้คุณทันทีที่เราจดทะเบียนสมรสกันเสร็จ”
“ไม่ค่ะ”
“หรือว่าคุณยังคิดว่าคุณจะกลับไปคืนดีกับแฟนของคุณ”
“ไม่ค่ะ” เธอพูดด้วยท่าทางจริงจังและหนักแน่น
“ฉันจะไม่กลับไปแน่นอน” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“มีแรงเดินแล้วเหรอ” เขาหันมาถามเธอ
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือฉัน” หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวออกไปจากห้องแต่แล้วเขาก็ดึงแขนของเธอไว้ รติรสรีบสะบัดแขนทันที
“ขอโทษทีผมไม่ได้ตั้งใจน่ะ แต่ว่าก่อนที่คุณจะไปผมขอไลน์กับเบอร์โทรคุณได้ไหม”
“ขอไลน์กับเบอร์โทรฉันเหรอคะ ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่สะดวก”
“สะดวกสิเพราะในเมื่อคุณบอกผมเมื่อกี้ว่าคุณตัดสินใจที่จะไม่กลับไปหาแฟนของคุณแล้ว เพราะฉะนั้นคุณสะดวกและคุณไม่มีใคร”
“ขอโทรศัพท์” หญิงสาวคดุ้นคิดอยู่สักครู่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจเธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาให้เขา
“ที่ฉันให้เบอร์คุณ ฉันไม่ได้คิดอยากจะแต่งงานกับคุณหรอกนะคะ แต่ฉันคิดว่าฉันอยากจะเลี้ยงขอบคุณที่อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ฉันเจ็บปวดที่สุด คุณก็เป็นคนแปลกหน้าที่คอยปลอบใจฉัน ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองเธอ เขากดโทรศัพท์หาเบอร์ของตัวเองแล้วเมมเบอร์โทรตัวเองและแอดไลน์ของเธอเอาไว้
“ผมทักคุณไปแล้ว” เขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้รติรส เธอรับโทรศัพท์และเดินออกไปจากห้องเงียบๆพอเดินออกมาจากห้องแล้วรติสรสก็รีบลูบหน้าอกของตัวเองก็อย่างคนโล่งอก
“ยัยรตินี่เธอเข้าห้องกับใครก็ไม่รู้ ทำไมไม่มีสติเลยนะ” ว่าแล้วน้ำใสๆก็เอ่อล้นขอบตาออกมาอีกครั้ง หญิงสาวจึงพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆและเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“พอกันทีผู้ชายห่วยๆแบบนั้น เธอจะไปรักเขาทำไมอีก” ว่าแล้วเธอก็กดลิฟต์รีบลงไปข้างล่าง
พยัคฆินที่วันนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูไลน์ว่าผู้หญิงคนนั้นจะส่งไลน์มาหาเขาไหมนะ รอแล้วรอเล่าจนถึงบ่ายเธอก็ไม่มีแม้แต่จะตอบกลับไลน์ของเขา จนทำให้เจ้าตัวหงุดหงิด
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“มีอะไรอมร”
“คือว่าคุณแม่ของคุณนะครับ ท่านบอกว่าให้คุณสิงห์รับสายด้วยครับ”
“ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับคุณแม่”
“แต่ว่าท่านมีเรื่องด่วนที่จะคุยกับคุณนะครับ”
“เรื่องคู่หมั้นน่ะเหรอ ฉันไม่คุย”
“คุณสิงห์รู้เหรอครับ”
“รู้สิ แล้วรู้ด้วยว่าคุณพ่อก็จะคุยเรื่องคู่หมั้น”
“คุณสิงห์รู้เหรอครับ”
“งั้นแสดงว่าคุณพ่อก็โทรหานายน่ะสิ”
“ใช่ครับ แต่คนที่น่าจะโมโหที่สุดน่าจะเป็นคุณแม่ของคุณนะครับ”
“ฉันรู้แล้ว”
“พวกท่านทั้งสองบอกว่าให้คุณสิงห์ไปที่ร้านอาหารร้านประจำนะครับ พวกท่านรออยู่กับคู่หมั้น”
“เออ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันไป” พยัคฆินก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอยู่สองสามครั้งเพื่อรอข้อความจากรติรสแต่เธอก็ไม่ส่งอะไรมาให้เขาจนถึงเวลาห้าโมงชายหนุ่มจึงถอนหายใจยาวพรืดและลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกจากห้องไป
“คุณสิงห์ครับ ไปร้านอาหารเถอะนะครับ” อมรที่บัดนี้หน้าถอดสี
“ไม่”
“ถ้าคุณสิงห์ไม่ไปผมคงแย่แน่”
“ไปเถอะนะครับ” อมรที่พยายามอ้อนวอนให้พยัคฆินนั้นไปตามนัดของคมสันและพรนภา
พยัคฆินที่หันมามองใบหน้าที่สิ้นหวังของเลขาหนุ่มก็ถอนหายใจเสียงดังด้วยความรำคาญใจแต่แล้วก็พยักหน้า จนอมรนั้นยิ้มออกเพราะสายสุดท้ายที่อมรได้รับจากพรนภา คือ ถ้าอมรไม่สามารถพาตัวของพยัคฆินมาที่ร้านอาหารได้เธอจะไล่อมรออกจากตำแหน่งเลขา อมรที่รู้สึกโล่งอกก็ยิ้มได้
“นายโดนขู่อะไรมาอีกละรอบนี้”
“ก็คุณแม่ของคุณนะครับบอกว่า ถ้าผมพาคุณไปที่ร้านอาหารไม่ได้ผมจะโดนไล่ออก”
“คุณแม่มีสิทธิ์อะไรมาไล่นายออก”
“ก็มีสิครับคุณแม่ของคุณเป็นอดีตภรรยาของท่านประธานใหญ่ ถ้าไล่ผมออกผมต้องอดตายแน่ๆเลยครับ”
“คนที่ไล่นายออกได้คนเดียวก็คือฉัน นายไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
“จริงเหรอครับคุณสิงห์”
“จริงสิ ฉันจะโกหกทำไมถ้าไม่อยากโดนแม่ฉันไล่ออกนายก็รีบๆขับรถไปเถอะ”
“อ้าว! แล้วเมื่อกี้คุณสิงห์บอกว่าจะดูแลผม เพราะผมเป็นคนของคุณสิงห์”
“ฉันลืมไปแล้วว่าฉันพูดอะไรเมื่อกี้”
“คุณสิงห์อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมยิ่งใจไม่ดีอยู่” พยัคฆินที่รู้สึกหงุดหงิดใจเขาในขณะที่รถติดเขาก็ยังก้มมองดูข้อความก็ไม่เห็นข้อความของรติรสส่งกลับมาสักทีว่าตกลงเธอจะรับข้อเสนอของเขาไหม
“ถึงแล้วครับคุณสิงห์” พยัคฆินเปิดประตูออกไปและสูดหายใจเข้าลึกๆพลางเดินเข้าไปในร้านอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมหรู
“ทำไมยังไม่เข้าไปอีกครับ” อมรที่ร้อนๆหนาวๆเพราะพยัคฆินนั้นมาช้ากว่าเวลานัดเกือบชั่วโมงแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตู
“เปิดประตูสิฉันจะได้เข้าไป”
“ครับๆ” อมรรีบเปิดประตูทันที เมื่อเสียงประตูเปิดขึ้นคนทั้งสี่ก็หันมาพร้อมกัน และคนที่ยิ้มกว้างมากที่สุดก็เป็นพรนภา
“มาแล้วเหรอตาสิง นี่แม่รออยู่ตั้งนาน ลูกนะลูกทำไมปล่อยให้น้องเบญรออยู่ตั้งนาน”
“ใช่ นี่หนูพิมก็รอแกอยู่ตั้งนานกับข้าวก็จืดหมดแล้วรีบมานั่งสิ” ว่าแล้วอดีตสามีภรรยาก็มองหน้ากันและกันพลางขบเคี้ยวเขี้ยวฟันใส่กัน
“นี่มันยังไงกันครับ” อมรที่รีบปิดประตูและเดินเข้ามายืนใกล้ๆพยัคฆิน
“แล้วนายจะมายืนอยู่ทำไมล่ะอมรออกไปก่อนสิ เรามีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกัน”
“ไม่ต้องออกไปหรอกอมรยืนอยู่ตรงนี้แหละ” พยัคฆินหันไปสั่งอมรอีกครั้ง จนอมรไม่รู้จะฟังคำสั่งของใครก่อนดี
“นี่นายกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
“อมรเป็นคนของผมครับคุณแม่เพราะฉะนั้นคนของผม ผมสั่งได้แค่คนเดียวถ้าคุณแม่จะพูดก็พูดมาครับ แต่ถ้าคุณแม่ยังสั่งให้อมรออกไปจากห้อง ผมก็จะเดินไปกับอมร”
“นี่ลูก” พรนภาโมโหแต่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญไม่ใช่มาทะเลาะเรื่องของอมร เธอจึงปรับสีหน้าทันทีและส่งยิ้มให้พยัคฆิน
“รู้จักกันไว้สิลูก นี่หนูเบญญาภาเป็นคู่หมั้นของลูก” เสียงกะแอมดังขึ้นจากอีกฝั่ง
“นี่หนูพิมรสาเป็นคู่หมั้นของแกด้วย” พยัคฆินหัวเราะร่วนขึ้นมาเมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อพูดขึ้นเช่นกัน
“นี่มันเรื่องตลกปี 2025 เหรอครับ” จู่ๆพ่อกับแม่ก็ดันหาคู่หมั้นมาให้เขาตั้งสองคน พ่อหามาคนหนึ่งส่วนแม่ก็หามาคนหนึ่ง
ตอนที่ 72 งานเลี้ยงต้อนรับหลานตัวน้อย“ผมรักคุณ”“ฉันก็รักคุณค่ะ” เธอบอกรักเขาตอบเบา ๆ ด้วยท่าทางเขินอายที่ตอนนี้ครอบครัวของพยัคฆินนั้นเธอกับเขายืนรายล้อมอยู่มินรดาและฟ้าระวีทำหน้าที่เป็นคนถ่ายรูปและจัดให้ทุกคนยืนถ่ายรูปเมื่อทุกคนยืนเข้าที่เข้าทางแล้ว มินรดาเป็นคนนับและฟ้าระวีเป็นคนถ่ายรูป“พร้อมนะคะ 1 2”“แชะ” เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น รูปถ่ายของพวกเธอนั้นมีแต่รอยยิ้มและความยินดีแม้แต่คมสันและพรนภาก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเช่นกัน เมื่อพยัคฆินเห็นภรรยาที่ท้องโตนั้นนั่งดูโทรศัพท์และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จึงนึกสงสัยก็เลยเดินมานั่งใกล้ ๆ“ยิ้มแฉ่งเลยนะคุณแม่มีอะไรเหรอ” ชายหนุ่มชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ที่หญิงสาวกำลังถืออยู่“ดูรูปครอบครัวค่ะ”“ผมลืมบอกพอดีแม่ผมกับพ่อผมจะมาหานะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาเธอรีบวางโทรศัพท์ลงจากการดูรูปครอบครัวที่พวกเขาเคยถ่ายด้วยกันที่หน้าอำเภอและหันมาจ้องหน้าของสามี&
ตอนที่ 71ระวังเขาหอบหลานหนีนะ“อะไรนะ” เมื่อได้ฟังลูกชายพูดจบเขาก็ทำหน้านิ่วด้วยความไม่พอใจ กดตัดสายของลูกชายทันที“ชักจะเอาใหญ่แล้วนะพี่” สีหราชบ่นพึมพำที่ได้รับข้อความจากผู้เป็นพี่ชายคนโต ว่าให้เขาพาตัวพ่อของเขาไปที่อำเภอในเวลานี้“พ่อ พ่อครับไม่ไปเหรอ” สีหราชถามขึ้นที่เห็นท่าทางพ่อเขานั่งหัวเสียอยู่ในสวนหลังบ้าน“ไม่ไป” เขาตอบเพียงสั้น ๆ“พ่อมั่นใจนะ” คมสันหันมามองสีหราชด้วยท่าทางไม่เข้าใจทั้ง ๆ ที่สีหราชก็รู้ว่าเขาไม่ได้ยินดีปรีดากับลูกสะใภ้คนนี้สักเท่าไหร่“แกถามทำไม”“แต่ผมจะไปนะพ่อ แล้วก็มีเรื่องหนึ่งที่พ่อควรจะรู้ ถ้าหากว่าพี่สะใภ้นั้นคลอดลูกชายแสดงว่าเด็กคนนั้นจะเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลแล้ว ถ้าพ่อยังไม่ไปเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสครั้งนี้ ผมบอกเลยว่าพี่สะใภ้คงจะไม่ให้หลานชายคนแรกของพ่อใช้นามสกุลสิงหเขมราแน่นอน และคนที่ต้องเสียใจที่สุดก็คือพ่อ ดีไม่ดีนะพี่สะใภ้อาจจะไม่จดทะเบียนกับพี่สิงห์เลยก็ได้และเราจะหมดสิทธิ์ในตัวเด็กคนนั้น” ผู้เป็นพ่อที่ได้ยินคำของลูกชายนั
ตอนที่ 70 เอาคืน“คุณทำอะไรอยู่ตั้งนานจนฉันเผลอหลับไปแล้วเนี่ย ไม่กงไม่กินมันแล้ว” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด จนพยัคฆินอ้าปากค้างไม่คิดเลยว่าฮอร์โมนคนท้องเนี่ยจะทำให้เธอเอาแต่ใจขนาดนี้ จากผู้หญิงแสนอ่อนหวานที่เคยเชื่อฟังคำพูดของเขากลายเป็นว่าเขาต้องคอยเอาอกเอาใจเธอไม่หยุด จนดึกตื่นเที่ยงคืนเธอก็คอยที่จะแว๊ดเสียงใส่เขาอยู่เรื่อย“ยืนบื้อทำอะไรอยู่คะ แสงไฟแยงตาฉันทำให้ฉันนอนไม่หลับอยู่เนี่ย คนยิ่งหงุดหงิดอยู่” เมื่อพยัคฆินที่เห็นรติรสเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา เขารีบถอยหลังแล้วปิดประตูยกน้ำส้มออกมาจากห้องแล้วเอาไปใส่ตู้เย็นเอาไว้ชายหนุ่มรีบล้างข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่เขาเพิ่งใช้เสร็จเพราะหากว่าตื่นเช้ามาแล้วเธอเห็นเขาทำครัวสกปรกเธอคงจะแว๊ดเสียงใส่เขาอีกเป็นแน่“อะไรวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงอ่อนหวานอย่างรติวะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่ฮอร์โมนคนท้องจะหมดวะเนี่ย” ยิ่งพูดยิ่งหัวเสียที่ผู้หญิงที่เขารักบัดนี้ถูกฮอร์โมนคนท้องครอบงำซะหมดแล้ว“เวรกรรมจริง ๆ” เขาพูดด้วยท่าทาง
ตอนที่ 69 แจ้งข่าวเมื่อเห็นชายหนุ่มถูพื้นเสร็จแล้วเธอก็พยักหน้าให้เขาและเอนตัวลงนอนที่โซฟา“เดี๋ยวผมทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะรีบไปอาบน้ำแล้วเราก็ไปอำเภอกันนะ” เธอผุดลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าเขา“ไปทำไมคะอำเภอ”“ก็ไปจดทะเบียนสมรสไง” เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้เขาชายหนุ่มเดินไปนั่งใกล้ ๆ และหอมแก้มของรติรสฟอดใหญ่“ผมจะพาเมียรักไปจดทะเบียนสมรส”“ไม่ดีกว่าค่ะเผื่อคุณเปลี่ยนใจอยากจะหย่ากับฉันอีก”“จะเปลี่ยนใจได้ยังไงล่ะ ผมจริงจังนะเดี๋ยวลูกก็จะคลอดออกมาแล้ว”“ถ้าคุณจะจดทะเบียนสมรสกับฉันเพราะว่าฉันท้องก็อย่าเลยค่ะ ฉันไม่ต้องการแบบนั้น”“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยผมรักคุณจริง ๆ นะรติ รักคุณแล้วก็รักลูกด้วย” เขาดึงหญิงสาวเข้ามากอดกระชับแน่นกว่าเดิมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก รติรสตีแขนของเขาเบา ๆ“ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันหายใจไม่ออก” พยัคฆินคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อยแต่ยังไม่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ“แล้วพ่อกับแม่ของคุณล่ะคะ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อกับแม่ผมล่ะในเม
ตอนที่ 68สั่งสอนคนนิสัยไม่ดี“ฉันกำลังท้องอยู่นะคะแล้วเพิ่งท้องอ่อน ๆ หมอยังไม่แนะนำให้มีอะไรกันนะคะ ยิ่งคุณทำแรง ๆ อยู่ด้วย” เธอรีบผลักเขาออกทันทีใบหน้าของหญิงสาวนั้นเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา เมื่อคิดถึงครั้งก่อนที่เธอได้หลับนอนกับเขายิ่งตอนที่ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นเข้ามาที่หว่างขาของเธอยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ถ้าอย่างนั้นนอนกอดเฉย ๆ ก็ได้” ทั้งที่เขารู้สึกคิดถึงเธอใจแทบขาดแต่เขาก็ยอมอดทนที่จะนอนกอดเธออยู่ข้าง ๆ ที่จะนอนกอดเธอเฉย ๆ“คิดถึงผมไหม”“ไม่”“ผมคิดถึงคุณมากเลยนะและรักคุณมากด้วย” หญิงสาวหันมากัดเข้าที่ต้นแขนของเขาจนชายหนุ่มร้องเสียงหลง“โอ๊ย! อย่ากัดผม”“กัดให้เจ็บสิคะจะได้สำนึก”“ถ้าอยากให้กัดตรงอื่นได้ไหมล่ะ”“กัดตรงไหน”“ก็ตรงนี้ไง” เขาชี้นิ้วไปที่เป้าตุง ๆ ที่อยู่ข้างล่างของเขาจนเธอรู้สึกเขินขึ้นมาหญิงสาวฟาดนิ้วเรียวเข้าที่ต้นแขนของเขาอีกครั้งด้วยความโมโห“หายโกรธหรือยัง”“ไม่หาย” เธอตอบเขาเสียงขุ่น พยัคฆินกระชับ
ตอนที่ 67 พิมจะฟ้อง“ลูกก็รู้เรื่องด้วยเหรอเจ้าเสือ” สีหราชโบกไม้โบกมือทันที“อะไรครับ ผมไม่ใช่คนที่ล้มงานแต่งซะหน่อยแล้วแม่กับพ่อจะมาโมโหผมทำไม”“ก็นายนั่นแหละ นายต้องยุยงลูกชายของฉันแน่นอน” พรนภาพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจเพราะรู้ว่าสีหราชนั้นเป็นคนเจ้าแผนการและเล่นอะไรพิเรนอยู่ตลอดเวลา“อ้าว แล้วความผิดนี้มันทำไมมาตกอยู่ที่ผมครับ คุณป้า คุณพ่อ เจ้าบ่าวเขาวิ่งตามเมียกับลูกเขาไปแล้ว ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคุณพ่อและผู้หญิงคนนี้” เขาชี้มือไปทางพิมรสา“ใช่ไหมครับคุณยาย” สีหราชหันไปถามคุณหญิงพิมมาลา คุณหญิงพิมมาลาไม่พูดอะไรกับนั่งนิ่งและส่ายหน้าไปมาที่หลานสาวของตัวเองหัวรั้นจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักตัวเองขนาดนี้ จนเธอไม่รู้จะทัดทานยังไงในที่สุดก็จำใจจะต้องมาเป็นแขกผู้ใหญ่ให้หลานสาวคนเดียว ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเพราะโดนถอนหงอกเมื่อตอนแก่ อับอายทั้งวงตระกูลที่เจ้าบ่าวหนีตามเมียเก่าออกไปจากงานแต่งรู้ถึงไหนอายถึงนั่น“ไม่ต้องมาพูดมาก นายนั่นแหละที่วางแผนนี้ขึ้นมาคอยดูนะฉันจะฟ้อง พ