“คุณคิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆเหรอคะ”
“ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆ แต่ผมคิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องจริงจัง คู่หมั้นคุณต่างหากที่คิดว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องเล่นๆ” ใบหน้าหวานก็ทำท่าจะร้องอีกครั้งจนชายหนุ่มถอนใจยาวออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรจะพูดในเวลานี้
“ผมขอโทษก็แล้วกันที่พูดอะไรแล้วทำให้กระทบจิตใจคุณ แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า ถ้าคุณแต่งงานกับผม ผมจะมีค่าตอบแทนเป็นอย่างดี”
“ทำไมคุณถึงอยากแต่งงานกับฉันล่ะคะ”
“ผมไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ผมไม่อยากถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ผมไม่รักเพราะฉะนั้นผมถึงอยากจะจ้างคุณ คุณยังจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวเหมือนเดิม คุณยังเป็นเจ้าสาวเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนแค่เจ้าบ่าว คุณจะว่ายังไง”
“ไม่ละค่ะ ฉันจะไม่เล่นขายของกับคุณแน่นอนเพราะว่าการแต่งงานของผู้หญิงมันก็คือทั้งชีวิต คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกเหรอคะ”
“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ได้ตลก ผมจริงจัง ถ้าคุณยังกังวลอยู่ผมให้คุณไปคิดหนึ่งคืนก็แล้วกัน แต่ผมบอกกับคุณไว้เลยนะว่าผมมีค่าตอบแทนเต็มที่”
“คุณจะตอบแทนฉันเท่าไหร่เหรอคะ”
“ผมจะจ่ายค่าจดทะเบียนให้คุณทันทีเลยห้าล้านบาท ถ้าคุณยินยอมที่จะแต่งงานกับผม”
“คุณก็พูดเวอร์ไปค่ะ จะมาจ่ายค่าจดทะเบียนตั้งห้าล้านบาทเพื่ออะไรคะ”
“เป็นค่าแต่งงานกับคุณไงและผมก็จะจ่ายให้คุณทันทีที่เราจดทะเบียนสมรสกันเสร็จ”
“ไม่ค่ะ”
“หรือว่าคุณยังคิดว่าคุณจะกลับไปคืนดีกับแฟนของคุณ”
“ไม่ค่ะ” เธอพูดด้วยท่าทางจริงจังและหนักแน่น
“ฉันจะไม่กลับไปแน่นอน” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“มีแรงเดินแล้วเหรอ” เขาหันมาถามเธอ
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือฉัน” หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวออกไปจากห้องแต่แล้วเขาก็ดึงแขนของเธอไว้ รติรสรีบสะบัดแขนทันที
“ขอโทษทีผมไม่ได้ตั้งใจน่ะ แต่ว่าก่อนที่คุณจะไปผมขอไลน์กับเบอร์โทรคุณได้ไหม”
“ขอไลน์กับเบอร์โทรฉันเหรอคะ ไม่ล่ะค่ะ ฉันไม่สะดวก”
“สะดวกสิเพราะในเมื่อคุณบอกผมเมื่อกี้ว่าคุณตัดสินใจที่จะไม่กลับไปหาแฟนของคุณแล้ว เพราะฉะนั้นคุณสะดวกและคุณไม่มีใคร”
“ขอโทรศัพท์” หญิงสาวคดุ้นคิดอยู่สักครู่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจเธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาให้เขา
“ที่ฉันให้เบอร์คุณ ฉันไม่ได้คิดอยากจะแต่งงานกับคุณหรอกนะคะ แต่ฉันคิดว่าฉันอยากจะเลี้ยงขอบคุณที่อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ฉันเจ็บปวดที่สุด คุณก็เป็นคนแปลกหน้าที่คอยปลอบใจฉัน ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองเธอ เขากดโทรศัพท์หาเบอร์ของตัวเองแล้วเมมเบอร์โทรตัวเองและแอดไลน์ของเธอเอาไว้
“ผมทักคุณไปแล้ว” เขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้รติรส เธอรับโทรศัพท์และเดินออกไปจากห้องเงียบๆพอเดินออกมาจากห้องแล้วรติสรสก็รีบลูบหน้าอกของตัวเองก็อย่างคนโล่งอก
“ยัยรตินี่เธอเข้าห้องกับใครก็ไม่รู้ ทำไมไม่มีสติเลยนะ” ว่าแล้วน้ำใสๆก็เอ่อล้นขอบตาออกมาอีกครั้ง หญิงสาวจึงพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆและเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“พอกันทีผู้ชายห่วยๆแบบนั้น เธอจะไปรักเขาทำไมอีก” ว่าแล้วเธอก็กดลิฟต์รีบลงไปข้างล่าง
พยัคฆินที่วันนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตาดูไลน์ว่าผู้หญิงคนนั้นจะส่งไลน์มาหาเขาไหมนะ รอแล้วรอเล่าจนถึงบ่ายเธอก็ไม่มีแม้แต่จะตอบกลับไลน์ของเขา จนทำให้เจ้าตัวหงุดหงิด
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“มีอะไรอมร”
“คือว่าคุณแม่ของคุณนะครับ ท่านบอกว่าให้คุณสิงห์รับสายด้วยครับ”
“ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกับคุณแม่”
“แต่ว่าท่านมีเรื่องด่วนที่จะคุยกับคุณนะครับ”
“เรื่องคู่หมั้นน่ะเหรอ ฉันไม่คุย”
“คุณสิงห์รู้เหรอครับ”
“รู้สิ แล้วรู้ด้วยว่าคุณพ่อก็จะคุยเรื่องคู่หมั้น”
“คุณสิงห์รู้เหรอครับ”
“งั้นแสดงว่าคุณพ่อก็โทรหานายน่ะสิ”
“ใช่ครับ แต่คนที่น่าจะโมโหที่สุดน่าจะเป็นคุณแม่ของคุณนะครับ”
“ฉันรู้แล้ว”
“พวกท่านทั้งสองบอกว่าให้คุณสิงห์ไปที่ร้านอาหารร้านประจำนะครับ พวกท่านรออยู่กับคู่หมั้น”
“เออ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันไป” พยัคฆินก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอยู่สองสามครั้งเพื่อรอข้อความจากรติรสแต่เธอก็ไม่ส่งอะไรมาให้เขาจนถึงเวลาห้าโมงชายหนุ่มจึงถอนหายใจยาวพรืดและลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกจากห้องไป
“คุณสิงห์ครับ ไปร้านอาหารเถอะนะครับ” อมรที่บัดนี้หน้าถอดสี
“ไม่”
“ถ้าคุณสิงห์ไม่ไปผมคงแย่แน่”
“ไปเถอะนะครับ” อมรที่พยายามอ้อนวอนให้พยัคฆินนั้นไปตามนัดของคมสันและพรนภา
พยัคฆินที่หันมามองใบหน้าที่สิ้นหวังของเลขาหนุ่มก็ถอนหายใจเสียงดังด้วยความรำคาญใจแต่แล้วก็พยักหน้า จนอมรนั้นยิ้มออกเพราะสายสุดท้ายที่อมรได้รับจากพรนภา คือ ถ้าอมรไม่สามารถพาตัวของพยัคฆินมาที่ร้านอาหารได้เธอจะไล่อมรออกจากตำแหน่งเลขา อมรที่รู้สึกโล่งอกก็ยิ้มได้
“นายโดนขู่อะไรมาอีกละรอบนี้”
“ก็คุณแม่ของคุณนะครับบอกว่า ถ้าผมพาคุณไปที่ร้านอาหารไม่ได้ผมจะโดนไล่ออก”
“คุณแม่มีสิทธิ์อะไรมาไล่นายออก”
“ก็มีสิครับคุณแม่ของคุณเป็นอดีตภรรยาของท่านประธานใหญ่ ถ้าไล่ผมออกผมต้องอดตายแน่ๆเลยครับ”
“คนที่ไล่นายออกได้คนเดียวก็คือฉัน นายไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
“จริงเหรอครับคุณสิงห์”
“จริงสิ ฉันจะโกหกทำไมถ้าไม่อยากโดนแม่ฉันไล่ออกนายก็รีบๆขับรถไปเถอะ”
“อ้าว! แล้วเมื่อกี้คุณสิงห์บอกว่าจะดูแลผม เพราะผมเป็นคนของคุณสิงห์”
“ฉันลืมไปแล้วว่าฉันพูดอะไรเมื่อกี้”
“คุณสิงห์อย่าทำแบบนี้สิครับ ผมยิ่งใจไม่ดีอยู่” พยัคฆินที่รู้สึกหงุดหงิดใจเขาในขณะที่รถติดเขาก็ยังก้มมองดูข้อความก็ไม่เห็นข้อความของรติรสส่งกลับมาสักทีว่าตกลงเธอจะรับข้อเสนอของเขาไหม
“ถึงแล้วครับคุณสิงห์” พยัคฆินเปิดประตูออกไปและสูดหายใจเข้าลึกๆพลางเดินเข้าไปในร้านอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมหรู
“ทำไมยังไม่เข้าไปอีกครับ” อมรที่ร้อนๆหนาวๆเพราะพยัคฆินนั้นมาช้ากว่าเวลานัดเกือบชั่วโมงแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตู
“เปิดประตูสิฉันจะได้เข้าไป”
“ครับๆ” อมรรีบเปิดประตูทันที เมื่อเสียงประตูเปิดขึ้นคนทั้งสี่ก็หันมาพร้อมกัน และคนที่ยิ้มกว้างมากที่สุดก็เป็นพรนภา
“มาแล้วเหรอตาสิง นี่แม่รออยู่ตั้งนาน ลูกนะลูกทำไมปล่อยให้น้องเบญรออยู่ตั้งนาน”
“ใช่ นี่หนูพิมก็รอแกอยู่ตั้งนานกับข้าวก็จืดหมดแล้วรีบมานั่งสิ” ว่าแล้วอดีตสามีภรรยาก็มองหน้ากันและกันพลางขบเคี้ยวเขี้ยวฟันใส่กัน
“นี่มันยังไงกันครับ” อมรที่รีบปิดประตูและเดินเข้ามายืนใกล้ๆพยัคฆิน
“แล้วนายจะมายืนอยู่ทำไมล่ะอมรออกไปก่อนสิ เรามีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกัน”
“ไม่ต้องออกไปหรอกอมรยืนอยู่ตรงนี้แหละ” พยัคฆินหันไปสั่งอมรอีกครั้ง จนอมรไม่รู้จะฟังคำสั่งของใครก่อนดี
“นี่นายกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
“อมรเป็นคนของผมครับคุณแม่เพราะฉะนั้นคนของผม ผมสั่งได้แค่คนเดียวถ้าคุณแม่จะพูดก็พูดมาครับ แต่ถ้าคุณแม่ยังสั่งให้อมรออกไปจากห้อง ผมก็จะเดินไปกับอมร”
“นี่ลูก” พรนภาโมโหแต่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญไม่ใช่มาทะเลาะเรื่องของอมร เธอจึงปรับสีหน้าทันทีและส่งยิ้มให้พยัคฆิน
“รู้จักกันไว้สิลูก นี่หนูเบญญาภาเป็นคู่หมั้นของลูก” เสียงกะแอมดังขึ้นจากอีกฝั่ง
“นี่หนูพิมรสาเป็นคู่หมั้นของแกด้วย” พยัคฆินหัวเราะร่วนขึ้นมาเมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อพูดขึ้นเช่นกัน
“นี่มันเรื่องตลกปี 2025 เหรอครับ” จู่ๆพ่อกับแม่ก็ดันหาคู่หมั้นมาให้เขาตั้งสองคน พ่อหามาคนหนึ่งส่วนแม่ก็หามาคนหนึ่ง
ตอนที่ 57 ซุกเมียซุกลูก“นี่ใช่ไหมคะที่เป็นสาเหตุให้พี่วุฒิไม่ยอมกลับบ้านเพราะพี่วุฒิแอบไปมีอยู่กับเมียใช่ไหม” วรวุฒิหัวเราะขำออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าน้องสาวคนเดียวของเขาจะคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้“อะไรกันยัยลิน พี่จะไปมีเมียตอนไหน”“ก็มีตอนนี้ล่ะค่ะ มีทั้งเมียมีทั้งลูก ลินจะโทรฟ้องคุณแม่ว่าพี่วุฒินิสัยไม่ดีทำผู้หญิงท้อง” ไพลินเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจนวรวุฒิรีบเดินไปดึงโทรศัพท์ออกจากมือน้องสาวที่คิดเป็นตุเป็นตะไปได้“อะไรกันนั่นไม่ใช่เมียพี่ลูกพี่ซะหน่อย ลินก็คิดไปซะไกล”“แล้วถ้าไม่ใช่พี่วุฒิจะส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้รินตรวจทำไมล่ะคะ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ใช้คำนำหน้าว่านางที่สำคัญใช้นามสกุลสิงหเขมราของเราด้วยถ้ าไม่ใช่เมียพี่วุฒิแล้วพี่วุฒิจะเป็นห่วงเด็กในท้องได้ยังไงคะ” วรวุฒิส่ายหน้าไปมาอย่างนึกขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางของน้องสาวนั้นเริ่มออกแนวจะห่วงเขาซะแล้ว“อะไรกันเล่ายัยลินแล้วพี่มีนามสกุลนี้คนเดียวหรือยังไง เจ้าสิงห์ก็มี เจ้าเสือก็ลินไม่คิ
ตอนที่ 56 ผู้หญิงคนนั้นใช่นามสกุลเราได้ยังไง“ทำไม คุณเป็นผู้ชายคนใหม่ของผู้หญิงคนนั้นเหรอ” หมอหนุ่มส่ายหน้าไปมา“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเธอทั้งนั้น เธอก็เป็นเพียงแค่คนไข้ของผม” เขาหมุนตัวกลับเพื่อที่จะเดินเข้าไปตรวจคนไข้ในห้อง“ใครดูก็รู้ว่าไม่ได้เป็นเพียงคนไข้กับหมอคงจะตรวจอย่างอื่นล่ะสิท่า” วรวุฒิหันกลับมาจ้องหน้าของพิมรสาด้วยท่าทางไม่พอใจที่เธอพูดแบบนั้นออกมา“ถ้าคุณกล้าดูถูกผมอีกครั้ง ผมจะฟ้องคุณ” คำพูดที่ราบเรียบกับสายตาที่ดุดันนั้นจ้องมองหญิงสาวจนพิมรสาอึกอักไม่รู้จะพูดยังไงต่อ บุรุษพยาบาลจึงบอกให้เธอออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว“เชิญครับคุณผู้หญิง”“ฉันรู้แล้วล่ะน่า” หญิงสาวก้าวเท้าฉับ ๆ ออกไปด้วยความไม่พอใจแต่ถึงยังไงเธอก็ทำสำเร็จอีกขั้นแล้ว รติรสคงจะกระอักเลือดตายแล้วมั้ง พิรสาสวมแว่นตาดำยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเดินไปยังรถสปอร์ตของตนเองฟ้าระวีที่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องตรวจด้วยความกังวลใจไม่นาน วรวุฒิก็เดินมาสมทบที่หน้าห้องตรวจเช่นกัน“พอดีผมมีเรื่องจะถามนะครับ” วรวุฒิพ
ตอนที่ 55 ตั้งครรภ์“แล้วเดือนที่แล้วประจำเดือนเธอมาหรือเปล่า” รติรสพยายามนั่งนึกอยู่ไม่นานเธอก็พยักหน้า“เหมือนจะมานิดนึงนะคะ” เธอหันไปตอบพยาบาลสาวที่กำลังรอคำตอบอยู่พยาบาลเขียนข้อมูลลงในแบบฟอร์ม หลังจากนั้นฟ้าระวีก็พยุงรติรสไปนั่งรอเพื่อเรียกเข้าห้องตรวจ“เดือนนี้ประจำเดือนแกยังไม่มาเหรอแก” ฟ้าระวีถามพร้อมใบหน้าที่ตกตะลึง“หรือว่าแกจะท้องวะ”“ยัยฟ้า” รติรสพูดขึ้นเสียงสั่นเครือยิ่งคิดยิ่งน่าหวั่นใจเพราะตอนมีอะไรกับพยัคฆิน เธอก็วุ่นวายจนไม่ได้กินยาคุมสักครั้งเลยคิดแล้วก็รู้สึกหวั่น ๆ ไม่รู้ว่าเธอจะท้องป่องหรือเปล่าถ้าเธอท้องป่องแล้วเธอจะทำยังไง“ทำยังไงดีแก” รติรสหันไปถามฟ้าระวีด้วยเสียงสั่นเครือ เธออยากจะร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะที่นี่อยู่ที่โรงพยาบาลเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนคนไข้คนอื่น“ไม่มีอะไรหรอกน่าทำใจดี ๆ ไว้” รติรสนั่งก้มหน้าด้วยท่าทางเป็นกังวลและแล
ตอนที่ 54ทำไมผมต้องหย่า“ไม่ค่ะ ฉันไม่เอา” หญิงสาวตอบขึ้นมาด้วยท่าทางหนักแน่น เธอไม่ต้องการเศษเงินของใครแค่นี้ชีวิตเธอก็วุ่นวายมากพอแล้ว เธอไม่อยากได้รับความสงสารจากเขาอีกแม้แต่น้อย เมื่อเห็นท่าทางถือดีของรติรสยิ่งทำให้พยัคฆินขบกรามแน่นพยัคฆินที่กำลังจะจรดปากกาและเซ็นใบหย่าให้เธอ แต่เขาก็หยุดเอาไว้ตรงนั้น“ผมเปลี่ยนใจ ผมไม่หย่า” เจ้าหน้าที่ที่พยายามไกล่เกลี่ยอยู่ตั้งนานอยากจะให้ทั้งคู่ลองคิดทบทวนให้ดีเสียก่อน แต่จู่ ๆ ฝ่ายชายนั้นกลับเปลี่ยนใจขึ้นมาซะงั้นพยัคฆินลุกขึ้นตึงตังแล้วเดินออกไปจากที่ว่าการอำเภอทันทีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมคุณสิงห์เปลี่ยนใจขึ้นมา” มินรดาหันไปถามรติรสด้วยท่าทางตกใจ จู่ ๆ รติรสก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามพยัคฆินออกไป จนสองเพื่อนสาวมองหน้ากันเหลอหลาแล้วหันไปยิ้มกับเจ้าหน้าที่คนเดิม“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าฝ่ายชายยังไม่พร้อมค่ะ”“ไม่เป็นไรค่ะ ให้คู่สามีภรรยาคุยกันให้ชัดเจนก่อนนะคะค่อยมาใหม่ก็ได้ค่ะ” สองสาววิ่งหน้าตั้งตามรติรสกับพยัคฆินออกมาข้าง
ตอนที่ 53เสียทั้งตัวเสียทั้งใจ“พี่แก้วคะเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของคุณสิงห์เหรอคะ ทำไมคุณสิงห์ถึงมาถ่ายพรีเวดดิ้งอีกรอบล่ะคะ” แก้วฤทัยรีบยกมือทำท่าจุ๊ปากไม่ให้วิภาดาพูดมากกว่านี้เธอกลัวว่าพิมรสาจะมาได้ยินเดี๋ยวเป็นเรื่อง“พูดเบา ๆ หน่อยสิน้องดาเดี๋ยวคุณพิมก็มาได้ยินหรอก ดาก็รู้เกียรติศัพท์คุณพิมเธอยิ่งไม่ธรรมดา” วิภาดารีบคว้าข้อมือของแก้วฤทัยเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง“ค่ะ ดาทราบดีค่ะ แต่ดาว่าผู้หญิงคนใหม่นี้ไม่ค่อยน่ารักเลยนะคะ ทั้งจิกกัดและสั่งเรายังกับทาสพี่ก็เห็น”“เห็นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ เขาเป็นลูกค้าไง”“แต่ลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้านะพี่”“ลูกค้ามีเงินให้เรา ถ้ายังจะพูดมากอีกเดี๋ยวลูกค้าเปลี่ยนใจแล้วเราจะเอาเงินไหนใช้จ่าย ธุรกิจก็ไปต่อไม่ได้ ดานั่นแหละจะโดนไล่ออกจากงานได้” แก้วฤทัยชี้ทางสว่างให้วิภาดาว่าไม่ควรนินทาหรือซุบซิบเรื่องของลูกค้าเพราะมันผิดกฎและที่สำคัญอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ได้จนทำให้เธอหลุดจากงานนี้“ค่ะ แต่ดารู้สึกว่าดาสงสารผู้หญิงคนก่อนของคุณสิงห์นะคะเพราะว่าวันท
ตอนที่ 52 คุณสิงห์จะแต่งงาน“โอ๊ย! ไอ้ลูกเวรมันวอนแต่เช้าเลย” ผู้เป็นพ่อด่าตามหลังสีหราชแต่แล้ว เขาได้ยินเสียงตะโกนของพ่อไล่หลังมาซึ่งไม่รู้หรอกว่าพ่อเขาตะโกนด่าเขาคำไหนแต่เขารู้ว่าพ่อคงจะอวยพรเขาสักอย่างนึง เขาจึงวนรถมอเตอร์ไซค์กลับมาและเบิ้ลรถมอเตอร์ไซค์ใส่ผู้เป็นพ่อจนควันดำจากมอเตอร์ไซค์คลุ้งไปทั่วหน้าบ้าน“ไม่รู้ว่าฉันทำให้แกเกิดมาได้ยังไง ไอ้ลูกเลว” อุไรที่วิ่งออกมาจากห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงคมสันตะโกนด่าลูกชายลั่นบ้าน“เจ้าเสือทำอะไรน่ะ หยุดนะ” จากที่เธอกำลังทอดไก่อยู่พอได้ยินเสียงของคมสันตะโกนด่าลูกชาย เธอก็รีบวิ่งมาห้ามศึกทันที แม้แต่ตะหลิวก็ยังติดมือของอุไรมาด้วยเมื่อเห็นลูกชายทำท่าเบิ้ลรถจนควันดำโขม่งโฉงเฉงทั่วบ้าน เธออยากที่จะเอาตะหลิวเคาะหัวลูกชายสักทีสองทีให้หลาบจำจะได้ไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้นอีก ไม่รู้โตมายังไงทั้ง ๆ ที่เธอก็สอนเขามาอย่างดีแต่เขาก็ยังเป็นเด็กก้าวร้าวและไม่เคารพผู้ใหญ่เมื่อสีหราชเห็นผู้เป็นพ่อนั้นโกรธจนควันออกหูและเห็นแม่กำลังวิ่งออกมาจาก