LOGINสองเดือนต่อมา
เวลาประมาณสิบ 13.00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
สตรีนางหนึ่งเดินออกมาจากช่องประตูของผู้โดยสารขาเข้าด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ นานสิบปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่เธอต้องย้ายไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงดูเธอไปเป็นลูกยังประเทศนิวซีแลนด์
เพลงมีนาเฝ้ารอการกลับมาเมืองไทยทุกลมหายใจ เฝ้ารอให้ตนเองจบการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีตามความตั้งใจของผู้มีพระคุณ แล้วหากถึงวันนั้น เธอจะได้กลับมาเยือนแผ่นดินเกิดตามคำสัญญา ซึ่งวันนั้นก็เดินทางมาถึง...
วันที่เธอจะได้พบหน้าน้องสาวฝาแฝด พบเด็กๆ หลายคนที่ตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ได้พบกับคุณแม่วนารัตน์ แม่ที่ให้โอกาส ให้ที่อยู่และให้ชีวิตใหม่กับเด็กกำพร้าคนนี้ และอาจได้พบกับสมาชิกใหม่อีกหลายชีวิต ได้กลับไปหาบ้านหลังแรกแสนอบอุ่น
...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวนารัตน์...
“คุณแม่คะ เพลงถึงสนามบินแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังออกไปเรียกแท็กซี่ค่ะ”
พอตนเองออกมายืนอยู่หน้าประตูตรงช่องทางที่ตัวเองเดินออกมา สิ่งแรกที่เพลงมีนาทำก็คือ โทรศัพท์ไปหามารดาบุญธรรม รายงานตามที่ได้ตกลงกันไว้
“ดูแลตัวเองดีดีนะลูก” เสียงแสดงความเป็นห่วงและห่วงใยดังมาจากปลายสาย
“ค่ะคุณแม่ คุณแม่กับแด๊ดดี้ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
ลูกที่ดีเอ่ยตอบกลับไป ปลายสายพูดโต้กลับมาไม่กี่ประโยค การสนทนาก็ยุติลง เพลงมีนาหย่อนโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าสะพาย จากนั้นก็เข็นรถที่บรรจุสัมภาระออกไปยังอาคารของสนามบิน ไปยังจุดจอดแท็กซี่
“ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวนารัตน์ค่ะ อยู่ถนนพหลโยธิน”
ผู้โดยสารสาวเอ่ยบอกโชเฟอร์แท็กซี่รูปร่างเล็ก อายุประมาณห้าสิบปี พอได้ยินสถานที่ที่จะต้องไปส่งสาวหน้าสวย เขารีบทะยานรถออกไปทันที โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีรถยนต์คันหนึ่งขับตามไป
คนขับสูงวัยขับรถมาตามถนนสายหลัก และอีกไม่ถึงสองกิโลเมตรก็จะถึงทางด่วน เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรถยนต์คันงามราคาแพงที่ขับตามมาได้ชนกับท้ายรถแท็กซี่ไม่แรงมากนัก ส่งผลให้โชเฟอร์แท็กซี่ต้องหยุดรถ ก้าวลงจากรถเพื่อตรวจสอบความเสียหาย การเดินทางของเพลงมีนาจึงล่าช้าลง ตามความต้องการของใครบางคน
“นี่ลุงค่าเสียหาย” ยังไม่ทันที่คนขับรถแท็กซี่จะเอ่ยปากพูดอะไร เจริญกรุงที่ก้าวลงจากรถคันหรูพร้อมกับบุรุษร่างสูงอีกสองคนก็ยื่นเงินปึกหนึ่งให้คู่กรณี ส่วนชายอีกสองคนเดินไปยังรถแท็กซี่ เปิดประตูตอนหลังของรถคันดังกล่าว
เพลงมีนาที่ตกอยู่ในอาการตกใจกับอุบัติเหตุ ใบหน้าของเธอยิ่งซีดเผือดมากขึ้น เมื่อได้ยินเสียงและบางสิ่งบางอย่างในมือของชายหนุ่มรูปงามที่เธอไม่รู้จักมาก่อน
“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้น้องหนู แล้วอย่าแหกปากร้องแม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นยิงไส้แตกแน่”
เสียงเหี้ยมเกรียมของกวินภพดังขึ้น ใบหน้าของเขาดุเข้ม จริงจัง มองเธอไม่ไหวติง
“พวกคุณเป็นใคร เป็นโจรเหรอจะมาจี้ฉันใช่มั้ย เอาไปเลยอยากได้อะไรก็เอาไปเลย แต่อย่าทำอะไรฉันก็พอ”
ความที่คิดว่าเขาเป็นโจร ทำให้เธอพูดประโยคนี้ขึ้นมา เงินทองและสิ่งของมีค่าที่ติดตัวมาสำคัญน้อยกว่าชีวิต เพราะฉะนั้นอีกฝ่ายอยากจะได้อะไร เธอพร้อมที่จะยกให้อย่างไม่มีข้อแม้ ขอเพียงละเว้นชีวิตของเธอก็พอ
“อย่าทำเป็นไขสือแกล้งจำฉันไมได้นะน้องหนู ฉันไม่ใช่โจรแล้วไม่ต้องการเงินของเธอ เงินของฉันน่ะมี มีท่วมหัวเลยด้วย แต่สิ่งที่ฉันต้องการได้คือเธอ ตัวเธอต่างหาก เพราะฉะนั้นกรุณาลงมาจากรถ ไม่อย่างนั้นจะยิงให้พรุนเลยคอยดู”
คำขู่ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสาวเวลานี้มีแต่ความตื่นตระหนก ใจเต้นรุนแรง สมองแทบคิดอะไรไม่ออก หยุดทำงานอย่างเฉียบพลัน นาทีฉุกเฉินตรงหน้าสร้างความกลัวจับขั้วหัวใจของเพลงมีนาก็ว่าได้ ยิ่งมองเห็นปืนเก็บเสียงของผู้พูดยิ่งทำให้สติของเธอเตลิดไปไกลสุดกู่
“ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันไม่ใช่น้องหนู ฉันไม่รู้จักพวกคุณ” เธอพูดเสียงสั่น
“พูดไม่รู้เรื่องชอบให้ใช้กำลังดีนัก ลงมาเลย ลงมาเดี๋ยวนี้”
กวินภพหมดความอดทน ส่งปืนให้จตุรทิศที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะใช้มือใหญ่ของตนคว้าหมับตรงลำแขนสาว แล้วกระชากอย่างแรง แรงจนร่างสาวลงไปนั่งบนพื้นถนน ไม่สนใจสายตาของไทยมุงที่ยืนดูเหตุการณ์
“น้องหนูลุกขึ้น ถ้าไม่ลุกขึ้นฉันจะลากเธอไป ลุกขึ้น”
กวินภพตวาดเสียงเข้ม กระตุกแขนของเพลงมีนาหลายครั้ง คล้ายจะบอกเธอเป็นนัยว่า ให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่ลุก ฉันไม่ใช่น้องหนู ฉันชื่อเพลงมีนา ไม่ใช่น้องหนู”
คนที่ไม่ใช่น้องหนูพูดเสียงค่อนข้างดังให้เจ้าของมือใหญ่ที่จับแขนเธอไม่ปล่อยได้รับรู้
“ปากแข็งดีนัก อยากเนื้อตัวถลอกปลอกเปลือกก็เอา ได้เลย...ฉันไม่แคร์อยู่แล้ว”
พูดจบก็ลากร่างสาวไปตามพื้นถนน ไม่สนใจเสียงร้องโอดครวญของเธอ ส่วนจตุรทิศทำหน้าที่หยิบกระเป๋าสะพายและกระเป๋าเดินทางของเพลงมีนาไปไว้ยังรถยนต์ของผู้เป็นนาย ปล่อยให้กวินภพจัดการกับสาวดาวยั่วเพียงลำพัง
“ปล่อยฉัน อย่าทำกับฉันแบบนี้ ฉันไม่ใช่น้องหนู ไม่ใช่ คุณเข้าใจผิด”
เพลงมีนาไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมให้เขาลากเธอเยี่ยงหมูเยี่ยงหมาง่ายๆ ฝืนตัวเต็มที่ พร้อมกับร้องตะโกน “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยทีค่ะ”
“พ่อหนุ่มจะทำอะไรน่ะ ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้นะ”
คนที่พูดคือโชเฟอร์แท็กซี่ที่อดรนทนไม่ไหว ห้ามปรามการกระทำของชายหนุ่มรุ่นลูก
“เรื่องของผัวเมีย ลุงอย่ายุ่ง” กวินภพตวาดกลับ
“ไม่ค่ะลุง หนูไม่ใช่เมียเขา” ฝ่ายหญิงค้านสวนกลับไป
“อย่ามาตอแหลว่าไม่ใช่ หนีตามชู้ไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายเดือน ทิ้งลูกทิ้งผัวให้นอนร้องไห้อยู่กลับบ้าน โดยที่เธอไม่คิดจะใส่ใจ พอกลับมาจากเมืองนอกแทนที่จะกลับไปดูหน้าลูกที่เอาแต่ร้องไห้ทุกวัน พร่ำเพ้อถึงแม่ชั่วๆ ดันจะไปหาชู้ต่อซะนี่ ไม่ตบให้คว่ำก็บุญเท่าไหร่แล้ว ไป...กลับบ้านไปหาลูก”
กวินภพจงใจที่จะเปล่งเสียงให้ดังกว่าเดิม หวังจะให้ทุกคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์ได้ยิน และทำให้ความคิดของบุคคลทั้งหลายเปลี่ยนแปลงไป แล้วมันก็ได้ผล ทุกคนต่างซุบซิบนินทากับคำพูดที่ได้ยิน มองมายังสาวที่โดนกระชากลากถูด้วยสายตาประณามหยามเหยียด ไม่มีใครก้าวเท้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกลากเลยสักคน แม้กระทั่งลุงขับรถแท็กซี่ที่ยืนมองเพลงมีนาด้วยสายตาที่แตกต่างกับคนอื่นๆ
เพลงมีนาหน้าชาวาบ เมื่อได้ยินคำพูดของชายที่ไม่รู้จัก ได้เห็นสายตาของใครหลายๆ คนที่มองมายังเธอ สายตาของพวกเขาอัดแน่นด้วยความชิงชัง เป็นสายตาที่เธอไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
กลับมาตอนนี้ และบางอย่างบอกให้ทั้งสองรู้ว่า เรื่องยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า“เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอกสารก่อนนะ”เจ้าของไร่สาวเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นบนทันทีที่พูดจบ ไม่นานเท้าใหญ่ก็นำพาร่างสูงมาถึงห้องนอนของตนเอง เดินมาหยิบเอกสารที่เขาสอดเก็บไว้ในลิ้นชักหัวเตียงร่างสูงยืนมองร่างของเชลยสาวที่นอนหลังขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ ร่องรอยป่าเถื่อนยังแต่งแต้มอยู่บนร่างกายของเธอถึงแม้ว่าผ้าห่มจะปิดคลุมกายแต่เขาก็รู้ดีว่ามันมีมากแค่ไหน ลำคอสาวเกิดรอยจ้ำจากการขบเม้มหลายที่ประโยคของจักรพงษ์ยังดังไม่เสื่อมคลายในหู “เพียงรัมภาไม่ผิด” ในเมื่อคนไม่ผิดแล้วเขาลงโทษอย่างไร้เหตุผล ในความเป็นจริงเขาต้องขอโทษเหมือนกับที่เขาขอโทษจักรพงษ์ ภายในใจของกวินภพจึงเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งต้องการขอโทษเธอกับความดิบเถื่อนของตนเอง ในขณะที่อีกใจต่อต้านอย่างหนัก เพราะสิ่งที่เธอได้รับมันน้อยกว่าสิ่งที่ทุกคนในไร่พฤกษาได้รับแค่นี้มันจึงน้อยไป...กวินภพจึงเลือกที่จะเพิกเฉยร่างของเพลงมีนา เขาหมุนตัวเดินไปยังประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป โดยไม่สนใจไยดีร่างสลบไสลไม่ได้สติของเธอ บ่ายวันเดียวกัน ร่างเล็กที่นอนหลับบ
เจ้าของไร่พฤกษายอมรับว่า อาหารฝีมือของเพลงมีนาไม่ได้เรื่อง แต่สีสันของผักกลับดูน่ารับประทาน เมื่อได้ชิมรสชาติก็หวานกรอบ เสมือนเพิ่งเด็ดมาจากต้น ทว่ากวินภพไม่คิดว่าเธอจะปลูกเองกับมือ อีกทั้งยังโขลกพริกแกงเอง ทำอาหารให้เขาด้วยใจ พัฒนาฝีมือการทำกับข้าวให้เขาพอใจและตลอดหลายวันมานี้อาหารรสชาติไม่ได้เรื่องของเพลงมีนาไม่ได้ตกถึงท้องเขาเลย เขาเพียงชายตาแลมองไม่คิดจะตักขึ้นมาชิมเหมือนก่อน จะเลือกรับประทานอาหารฝีมือเมธาวีมากกว่า หลายครั้งที่เขาเห็นน้ำตาเอ่อคลอเบ้าตาของเพลงมีนา เธอคงน้อยใจและเสียใจที่เขาไม่รับประทานอาหารรสชาติห่วยแตกฝีมือของเธอ กวินภพละที่จะสนใจความรู้สึกของแม่ครัวความจำเสื่อม เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ต้องการให้เธอเกิดความเจ็บช้ำ เป็นการล้างแค้นเพลงมีนาอีกทางความรู้สึกผิดเกาะกินใจกวินภพโดยไม่รู้ตัว เขาย้อนคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อวานนี้ เพลงมีนาโดนเขาทำร้ายจิตใจและร่างกายอย่างหนัก ราวกับมัจจุราชร้ายไร้ความปรานีที่ฉีกกระชากร่างสาวมอดไหม้เป็นธุลีกวินภพกำลังคิดว่า สิ่งที่เขาทำกับเพลงมีนาทั้งหมดนั้น มันมากพอกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปหรือไม่ มากพอที่จะทำให้ความแค้นในครั้งนั้นลด
ไร่พฤกษาเวลาเช้า จักรพงษ์มานั่งรอเจ้านายขี้โมโหของตนในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ำม่วงแดงกระจายทั่วใบหน้า ปากแตก ลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อมีรอยจ้ำม่วงหลายจุด ยังไม่รวมขาและช่วงลำตัวมีร่องรอยความหึงหวงของกวินภพอีกหลายสิบจุด วันนี้เขาตั้งใจจะมาหาเจ้านายหนุ่ม เพื่ออธิบายทุกสิ่งอย่างให้เจ้านายหนุ่มเข้าใจ หากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่เพียงแต่เขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพลงมีนาอาจจะโดนร่างแหไปด้วย บ่ายวานนี้หลังจากที่จักรพงษ์ถูกซ้อมจนสลบเหมือด พอฟื้นคืนสติเขาพาร่างบอบช้ำกลับไปยังบ้านพัก กินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ ก่อนจะนำพาร่างของตนเองไปอาบน้ำและพักผ่อนเอาแรงในเวลาต่อมา จักรพงษ์หลับยาวจนถึงสองทุ่ม เขาจึงเดินไปหาพี่ชายและน้องชายบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่น้องฟัง พวกเขาลงความเห็นว่าจำต้องบอกความจริงให้กวินภพรู้ หากไม่บอกจักรพงษ์อาจจะโดนไล่ออก เพลงมีนาก็จะพลอยได้รับผลกระทบจากความเข้าใจผิดในครั้งนี้ ซึ่งท่าทางสาวความจำเสื่อมน่าจะได้รับโทษทัณฑ์นั้นไปแล้วไม่น้อย กวินภพเดินลงมาตามบันไดด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติเท่าไรนัก อารมณ์ของเขายังขึ้นๆ ลงๆ ความหึงหวงที่เขาไม่รู้ตั
กวินภพทนเห็นภาพนั้นไม่ไหว เขาทนไม่ได้ที่มือเล็กๆ และร่างกายของเพลงมีนาสัมผัสและใกล้ชิดกับชายอื่น ทนได้ยินคำพูดที่ว่าเธอจะหนีจากเขาไปไม่ได้ ความหึงหวงจึงกระตุ้นให้เขาทำในสิ่งที่ใครๆ ไม่คาดคิด มือใหญ่กระชากแขนเรียวเล็กอย่างแรง แรงจนกระดูกข้อต่อตรงหัวไหล่กับแขนแทบหลุด จากนั้นก็ทั้งลากทั้งกระชากร่างบอบบางไปยังน้ำตกตูม...เสียงของมีน้ำหนักกระทบกับน้ำเย็นเฉียบ น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ร่างของเพลงมีนาลอยละล่องมากระทบกับสายน้ำในลำธาร คนที่โยนร่างงามก้าวลงมาในน้ำ เดินลุยน้ำไปยังร่างของคนที่โผล่พ้นน้ำ ไอแค่กๆ สำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง“จำใส่หัวเอาไว้ด้วยว่า เธอคือเมียของฉัน เป็นของฉันคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์”มือใหญ่ของคนขี้หึงจับตรงกลางศีรษะของเพลงมีนา แล้วจับกดจนใบหน้าสาวอยู่ใต้ผิวน้ำ เธอดิ้นรนสุดชีวิต มือทุบลงบนผิวน้ำจนน้ำกระจายกระเซ็นเป็นวงกว้าง เธอไม่ใช่ปลานะที่หายใจในน้ำ เพลงมีนาจึงสำลักน้ำและหายใจไม่สะดวกแล้วพอเขาดึงศีรษะเธอขึ้นมาเหนือน้ำ เพลงมีนาเกิดหอบหายใจแรง สูดลมหายใจเข้าไปในปอด ยังไม่ทันที่เธอจะสูดลมหายใจเต็มอิ่ม เขาก็กดศีรษะของเธอลงไปในน้ำใหม่“อื้อ...อื้อ...” เธอดิ้นและร้องอื้ออึงใน
เจ้าของไร่ค้างหมัดกลางอากาศ ปล่อยมือที่กำคอเสื้อจักรพงษ์ แล้วผลักร่างของอีกฝ่ายจนหงายท้องไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นดิน หันหน้ามามองเพลงมีนาด้วยสายตาประหัตประหาร ความโกรธแล่นพล่านจนเนื้อตัวของเขาสั่นไปหมด“เธอว่าอะไรนะ” คำถามมาพร้อมกับเสียงเหี้ยม ดวงตาลุกโชน “เธอว่าใครไม่ใช่ผัวเธอ ใครไม่ใช่”เขาถามคำถามให้ชัดเจนยิ่งขึ้น น้ำเสียงกัมปนาทก้องป่า ใบไม้ไสวตามแรงสั่นสะเทือน“ก็คุณไงล่ะ คุณไม่ใช่ผัวฉันแล้วฉันก็ไม่ใช่เมียคุณด้วย ฉันเป็นแค่นางบำเรอสนองตัณหาของคุณเท่านั้น มันจะแปลกอะไรที่ฉันจะมีอะไรกับใครก็ได้ มันไม่ได้ผิดศีลข้อไหนสักหน่อย”แม้ว่าเพลงมีนาจะกลัวและสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงอันน่าสะพรึงกลัว แต่ทว่าความโกรธและความไม่พอใจก็มีมากพอๆ กัน เธอจึงโต้กลับไปแบบไร้สติ“แสดงว่าเธอเคยนอนกับไอ้ต้อมใช่มั้ย”กวินภพกัดฟันถาม เส้นเลือดปูดขึ้นตรงแก้มตามรอยขบกัด มือทั้งสองข้างกำแน่น ดวงตาของเขานั้นไม่ต้องพูดถึง สามารถปลิดชีวิตของคนรอบข้างได้อย่างไม่ยาก“มันก็แล้วแต่คุณจะคิด”เพลงมีนาเลี่ยงไม่ตอบ ก้าวขาสั่นๆ ไปยังร่างของจักรพงษ์ที่แทบจะลุกไม่ขึ้น เพราะโดนไปหนักเอาการ ภาพของเพลงมีนาที่เข้าไปประคองร่างข
เพลงมีนากับจักรพงษ์เดินมาถึงเพิงพักท้ายไร่ ทว่าทั้งคู่ไม่ได้หยุดนั่งเหมือนกับที่ควรจะเป็น แต่กลับเดินไปยังหลังพุ่มไม้ใหญ่ที่เป็นแนวเขตป่า เขาและเธอเดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดยาวไปยังจุดหมาย ตลอดสองข้างทางมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกครึ้ม เถาวัลย์ห้อยระโยงระย้า เสียงนกที่อาศัยอยู่ร้องประสานเสียง กระรอกตัวน้อยวิ่งไปตามกิ่งไม้ ลิงห้อยโหนไปมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่ง บ่งบอกถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สองหนุ่มสาวเดินมาจนถึงน้ำตกที่มีความสูงห้าร้อยเมตร เป็นน้ำตกที่ไม่มีคนงานคนใดมาใช้ เนื่องจากต้องเดินเท้าเข้ามาราวสองร้อยเมตรกว่าจะถึง คนงานในไร่จึงหันไปใช้น้ำตกที่อยู่ใกล้กับคอกม้ามากกว่า อยู่ใกล้และเป็นน้ำตกที่ใหญ่กว่า“ดูสิพี่ต้อม มันออกดอกแล้วนะ ต้นโน้นก็ออกผลแล้วด้วย”เพลงมีนาชี้ไปยังพืชผักสวนครัวที่เธอแอบมาปลูกไว้ โดยมีจักรพงษ์เป็นคนหาสถานที่ในการเพาะปลูก และหาต้นกล้ามาให้เธอ ใบหน้าตื่นเต้นดีใจ ปลื้มอกปลื้มใจกับการออกดอกออกผลของพืชผักและต้นไม้เหล่านั้น“ดีใจอย่างกับเด็กไปได้ กะอีกแค่ต้นมะลิออกดอกกับต้นมะเขือมันออกลูก” จักรพงษ์ปากร้ายใจดีอดที่จะเหน็บแนมสาวร่างเล็กคนนี้ไม่ได้“แหม...ก็ค







