Share

บทที่ 10

“เปรี้ยง…แกร๊ก”

เสียงฟ้าผ่าดังลั่น ผ่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ หักฉับพลัน ลำต้นหักโค่นลงมา ปลุกเสิ่นอวี้ตื่นจากอาการสะลึมสะลือ นางขยี้ดวงตาที่แห้งผาก กล่าวเสียงแหบ “พี่ชายรอง กี่ยามแล้ว?”

ขาทั้งสองข้างคุกเข่าจนชา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

เสิ่นลั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ใก้ลยามอิ๋น[footnoteRef:1]แล้ว” [1: ยามอิ๋น ช่วงเวลา 03.00-05.00 น.]

เสิ่นอวี้หันคอที่ปวดเมื่อยและบวมมองไปทางเรือนฉือเฟิง จิตใจหนักอึ้ง

เมื่อชาติที่แล้ว หมอหลวงหลายคนออกความเห็นร่วมกัน แต่สุดท้ายก็ไร้วิธีรับมือ

ท้ายที่สุดพี่ชายรองไม่มีทางเลือก จึงรับประกันด้วยชีวิต ใช้ยาแรงปลุกจ้านอวิ๋นเซียวฟื้น แต่ตอนที่จ้านอวิ๋นเซียวฟื้น ก็เป็นวันที่เก้าแล้ว

เหตุนี้ชื่อเสียงพี่ชายรองดังกระฉ่อน กลายเป็นหมอดังที่มีความสามารถและอายุน้อยที่สุดของสำนักแพทย์หลวง แต่ขณะเดียวกันก็ถูกทุกฝ่ายกีดกัน สุดท้ายได้รับผลกระทบจากนาง กลับทำให้เขาถึงคราวตกต่ำเร็วยิ่งขึ้น

นึกถึงตรงนี้ เสิ่นอวี้รู้สึกผิดอย่างยิ่ง

เพียงแต่ทักษะการแพทย์ของเสวียโส่วน่าจะเหนือชั้นกว่าพี่ชายรองเยอะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะฟื้นเมื่อไร?

และไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถอดทนจนถึงตอนที่เขาฟื้นหรือไม่?

ด้านข้าง เสิ่นจิ้นขมวดคิ้วมองลูกสาวคนเล็กของตนเอง

ท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงจ้านอวิ๋นเซียวมาก แต่ก่อนหน้านี้นางโวยวายจะถอนการแต่งงานทุกวัน และถึงขั้นยังทุบข้าวของทุกอย่างในเรือนไม่ใช่หรอกหรือ

แล้วตอนนี้…

อยากถามนางว่าเปลี่ยนใจใช่หรือไม่ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

เวลานี้เอง ป๋ายชีเดินออกมาอย่างเร่งรีบ สายตาตกที่ใบหน้าเสิ่นอวี้ กลายเป็นซับซ้อนผิดปกติ เขากล่าว “ท่านอ๋องต้องการพบท่าน”

ในใจเขารู้สึกอึดอัดมาก

ผู้หญิงตรงหน้าอายุไม่มากแต่จิตใจเหี้ยมโหด และยังรังเกียจท่านอ๋องของตนเข้ากระดูก ทว่าท่านอ๋องกลับวางไม่ลง ลืมตารอดมาได้หลังหมดสติไปเจ็ดวันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คำพูดประโยคแรกไม่ใช่ไปคิดบัญชีกับตระกูลเสิ่น กลับเป็นอยากพบนาง?

นางมีอะไรดี?

เสิ่นอวี้เข้าใจสายตาของป๋ายชี

นอกจากจ้านอวิ๋นเซียวที่หมกมุ่นอยู่กับนางทั้งใจ คนอื่นต่างรู้สึกว่านางไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้จ้านอวิ๋นเซียวด้วยซ้ำ นางเองก็ไม่เข้าใจว่าตกลงจ้านอวิ๋นเซียวกำลังคิดอะไรอยู่เช่นกัน

เพียงแต่ ตอนนี้เขาฟื้นแล้ว!

พลันเบ้าตาเสิ่นอวี้ร้อน น้ำตาไหลรินออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ราวกับถูกฉีดพลังงานบางส่วนเข้าไปในร่างกาย รีบถาม “เขาเป็นอย่างไร? เสวียโส่วว่าอย่างไรบ้าง?”

พูดพลางดิ้นรนจะลุกขึ้นยืน

ภาพตรงหน้ามืดฉับพลัน มองไม่เห็นอะไรแล้ว

ท้ายที่สุดร่างกายของนางก็ถึงขีดจำกัดแล้ว

ในระหว่างวิงเวียน นางพยายามกัดลิ้น หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง จึงจะเห็นเสิ่นลั่วขมวดคิ้วประคองนางไว้ “ในเมื่อเขาฟื้นแล้ว เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถอะ”

พูดพลางมองไปทางป๋ายชี

ป๋ายชีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเรือนฉือเฟิงแวบหนึ่ง “เกรงว่าองค์หญิงใหญ่ไม่อนุญาต”

“ข้าไม่เป็นอะไร ข้าอยากพบเขา”

เสิ่นอวี้ตัดบทคนทั้งสอง ในใจเกิดความรู้สึกรีบร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากพบเขา! อยากดูท่าทางเขาตอนที่ตายังไม่บอด อยากดูท่าทางเขาตอนยังมีชีวิต!

เสิ่นลั่วกับป่ายชีทั้งสองต่างตะลึงงันเล็กน้อย

เสิ่นจิ้นถอนหายใจแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เข้าเรือนก่อนเถอะ ดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน”

เสิ่นอวี้ฝืนเดินเข้าไปในเรือนฉือเฟิง หัวใจเต้นราวจะทะลุหน้าอกออกมา หนึ่งเท้าหนักหนึ่งเท้าเบา แทบรอไม่ไหวแล้ว

ป๋ายชีมองบนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เหตุใดคุณหนูเสิ่นสามต้องเสแสร้งด้วย เดินช้าหน่อยจะดีกว่า เกิดล้มเจ็บขึ้นมา ท่านอ๋องจะโทษว่าข้าดูแลไม่ถี่ถ้วนอีก”

เสิ่นอวี้มองเขาแวบหนึ่ง รู้ว่าเขาหวังดี เพียงแต่ด้วยกิริยาที่นางปฏิบัติต่อพวกเขาสองนายบ่าวก่อนหน้านี้ ป๋ายชียากที่จะพูดดีๆ กับนาง

ไม่นานก็มาถึงใต้ชายคา

ประตูเปิดไว้

แสงเทียนข้างในเหลืองสลัว

องค์หญิงใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้แปดเซียนด้านหน้าอย่างสุขุมทั้งเช่นนั้น ถือลูกประคำไว้ในมือหนึ่งพวง เจตนาฆ่าที่ซ่อนอยู่ในดวงตากลับผลุบโผล่ สายตาคู่นั้นจ้องมาที่นาง

หากก่อนหน้านี้นางโกรธมาก เช่นนั้นตอนนี้นางก็คือความสงบที่ระงับไว้ก่อนเกิดมรสุม การมาครั้งต่อไปมีแต่จะดุดันน่ากลัวยิ่งขึ้น

เสิ่นอวี้รู้ว่านางเกลียดนาง

แทบอยากให้นางตายเสียเดี๋ยวนี้

เพราะนางรังเกียจ ดูหมิ่น และวางแผนทำร้ายจ้านอวิ๋นเซียว

และก็เพราะจ้านอวิ๋นเซียวมักจะปกป้องและหักหน้าองค์หญิงใหญ่เพื่อนาง ทำให้องค์หญิงใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย จึงรู้สึกว่าลูกชายตนเองถูกนางมอมเมาแย่งไป ห่างเหินกับนางที่เป็นมารดาคนนี้ขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อชาติที่แล้ว องค์หญิงใหญ่ก็อยากลงมือกับนางครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน

แดงชาดหนึ่งจั้ง[footnoteRef:2]เอย โบยห้าสิบไม้เอย ชักกระบี่ในเหตุการณ์เอย ตบหน้าหนึ่งร้อยเอย ล้วนเคยออกคำสั่งเช่นนี้ แต่ทุกครั้งก็ถูกจ้านอวิ๋นเซียวขัดขวาง ส่วนตัวนางยิ่งเกลียดจวนอ๋องมากขึ้นเพราะความป่าเถื่อนขององค์หญิงใหญ่ ตอนที่จ้านอวิ๋นเซียวช่วยเหลือ ยิ่งรู้สึกว่าเขาเสแสร้ง สองแม่ลูกเล่นบทพ่อพระกับนางร้าย รู้สึกขยะแขยงมาก [2: แดงชาดหนึ่งจั้ง ใช้แผ่นไม้หนา 2 ชุ่น(นิ้ว) ยาว 5 ฉื่อ(ฟุต) มาโบยบริเวณบั้นเอวลงไป ก่อนจะโบยตีซ้ำๆ ไม่หยุดจนกว่าร่างกายส่วนนั้นจะแหลกเหลวชุ่มโชกไปด้วยเลือด เวลามองจากไกลๆ ก็จะเห็นเป็นเหมือนผ้าสีแดงชาดผืนหนึ่ง จึงได้ชื่อว่า "แดงชาดหนึ่งจั้ง"]

ตอนนี้นางเพิ่งจะเข้าใจอย่างคลุมเครือ

เดิมทีแม่ลูกคู่นี้ก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว องค์หญิงใหญ่ไม่ชอบกระทั่งจ้านอวิ๋นเซียว แล้วจะชอบนางได้อย่างไรกัน?

แต่ว่าทัศนคติขององค์หญิงใหญ่ไม่สำคัญ อย่างไรเสียในวันข้างหน้านางจะใช้ชีวิตร่วมกับจ้านอวิ๋นเซียว

ตราบใดที่จ้านอวิ๋นเซียวดีกับตนเองก็เพียงพอแล้ว

เสิ่นอวี้หวนคืนสติ นางคำนับองค์หญิงใหญ่ “เรียนถามองค์หญิงใหญ่ หม่อมฉันเข้าไปได้หรือไม่?”

องค์หญิงใหญ่ได้ยินแล้ว พลันสองมือกำหมัดแน่น โมโหจนแก้มสั่น

อวี้จู๋เห็นสถานการณ์ รีบกล่าว “เข้ามาเถอะ ท่านอ๋องกำลังรอเจ้า”

หากไม่ใช่เพราะจ้านอวี๋เซียวเป็นห่วงเสิ่นอวี้มาก องค์หญิงใหญ่แทบอยากจะฆ่านางเสียเดี๋ยว ยังจะเข้าไปอีก?

เสิ่นอวี้รู้อารมณ์ขององค์หญิงใหญ่ นางเอ่ยปากกล่าวถามเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น และเพราะคิดว่ามีปัญหามากหนึ่งเรื่องไม่สู้มีปัญหาน้อยลงหนึ่งเรื่อง อย่างไรก็ตามหากไม่คำนับ องค์หญิงใหญ่ก็จะสบโอกาส ลงโทษทำให้นางอับอาย

เสิ่นอวี้สูดลมเข้าลึกๆ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนของจ้านอวิ๋นเซียว

กลุ่มหมอหลวงในห้องกำลังเจี้ยวจ้าว พูดคุยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา การแสดงออกค่อนข้างซับซ้อน

เสิ่นอวี้รู้จักคนเหล่านี้ทุกคน

และมองอารมณ์ที่ซับซ้อนในดวงตาของพวกเขาออก

สำนักแพทย์หลวงก็เป็นยุทธภพเล็กๆ  อิทธิพลข้างในมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกัน ดูภายนอกเหมือนทุกคนทำงานให้ราชวงศ์ แต่ในความเป็นจริงข้างในมีคนของฮ่องเต้ คนของชายาวังหลัง คนขององค์ชายแต่ละองค์ และยังมีอื่นๆ อีกมากมาย

แน่นอน มีคนคาดหวังให้อ๋องหมิงหยางฟื้น และก็มีคนไม่คาดหวัง

คนที่ไม่คาดหวัง เมื่อเห็นเขาฟื้นย่อมไม่มีความสุข เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกมาตรงๆ ได้แต่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ คนที่คาดหวังให้เขาฟื้น บนใบหน้ามีความสุขที่เห็นเขาฟื้น และความไม่พอใจที่กำลังจะถูกขอทานคนหนึ่งแย่งความดีความชอบ โลกมนุษย์ร้อยอารมณ์ คืนนี้อยู่ในห้องนี้ทั้งหมด

เมื่อชาติที่แล้วเสิ่นอวี้มองความลวงโลกในราชสำนักไม่กระจ่าง แค่อยากแต่งงานกับองค์ชายสามเพื่อเป็นชายา เขาพูดอะไรนางก็เชื่อและทำเช่นนั้น

ปัจจุบันมองย้อนกลับไป กลับรู้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง

สายตาของนางกวาดผ่านใบหน้าคนเหล่านี้คร่าวๆ แล้วเดินไปทางเตียงอย่างเร่งรีบ

เสวียโส่วกำลังนั่งฝังเข็มอยู่ข้างๆ สีหน้าเคร่งขรึมแต่สุขุม ให้ความรู้สึกสงบไม่สะทกสะท้าน

สีหน้าอ๋องหมิงหยางซีดราวกระดาษ ร่างกายนอนราบ ใบหน้ากลับหันไปทางประตู หลังจากเห็นนาง มีอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่งปรากฏขึ้นในดวงตา ตรึงฝีเท้าของเสิ่นอวี้ยืนอยู่กับที่

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status