เหอเซี่ยนอันมองฟู่จาวหนิงอย่างงงงันเขาเดิมทีพอเห็นหมอก็จะโกรธจัด อาละวาดต่างๆ นานา แล้วจะสร้างเรื่องยุ่งยากกับทรมานเหล่าหมอพวกนั้นแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินฟู่จาวหนิงไม่เดินตามหลักการเดิมเช่นนี้ เขาก็งงงันไป"ถ้าหากข้าไม่ให้ความร่วมมือล่ะ?" เขาถามกลับอย่างงงๆถึงอย่างไรเขาก็รักษาไม่ได้อยู่แล้ว หมอตั้งมากมายก่อนหน้านี้ก็รักษาไม่ได้ ตอนนี้หมอหญิงอายุน้อยคนหนึ่งจะรักษาได้อย่างไรกัน? นางดูแล้วยังอายุน้อยกว่าพี่หญิงสามเสียอีก พี่หญิงสามวันๆ ยังเอาแต่อาละวาดเป็นเด็กอย่างไร้เหตุผลอยู่เลย"ถ้าท่านไม่ให้ความร่วมมือ เช่นนั้นข้าก็จะหันหน้ากลับแล้ว ท่านไม่ให้ความร่วมมือแล้วข้าจะรักษาอย่างไรกัน?"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ทำสีหน้าเหมือนข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนะ "ถึงอย่างไรข้าเองก็ไม่ได้ขาดคนไข้แบบท่านเสียหน่อย ท่านไม่อยากจะรักษา ก็ยังมีคนอยากให้ข้าไปรักษาอยู่อีก จะว่าไป คนที่ป่วยหรือไม่ป่วยจะลุกขึ้นยืนได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย""ท่านไม่ใช่หมอที่บ้านพวกเราเชิญมาหรือ? ถ้าข้าไม่ให้ความร่วมมือแล้วท่านยังกล้าไปอีกหรือ? ท่านคิดว่าท่านจะหนีออกไปได้หรือ?"เหอเซี่ยนอันร้องลั่นขึ้นมาอีกคนอื่นจะไป
"ข้าช่วยอะไรท่านได้หรือ?""แม่ของเจ้าโปรดปรานตัวท่านมาก ให้ความสำคัญกับท่าน ในใจนางนอกจากท่านคนอื่นคือขยะ นางอยากจะด่าก็ด่าอยากจะฆ่าก็ฆ่า แต่ว่าข้าเองก็ขี้ขลาด ถ้านางยังร้องจะทำร้ายจะสังหารข้าอีกข้าจะตกใจมาก ดังนั้นท่านต้องช่วยข้าเตือนนาง แล้วเคารพต่อตัวหมออย่างข้าด้วย ไม่ใช่แค่ท่านต้องให้ความร่วมมือ แต่คนในบ้านก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย""ข้าจัดการนางเอง!" เหอเซี่ยนอันโพล่งออกมาฟู่จาวหนิงพยักหน้า "เช่นนั้นก็ต้องพึ่งพาท่านแล้ว ท่านคือเขาที่พึ่งลูกใหญ่ของจวนผิงเหอกงแล้วนะ มา ท่านภูเขาที่พึ่ง มารู้จักกันหน่อย ข้าชื่อฟู่จาวหนิง มาจากเมืองหลวงแคว้นเจา ผู้อาวุโสจี้แห่งพันธมิตรโอสถใต้หล้าคืออาจารย์ของข้า ข้าเชี่ยวชาญวิชาแพทย์ ถนัดเรื่องทฤษฏียา จรรยาบรรณแพทย์ก็ไม่เลว ถัดจากนี้จะเป็นหมอรักษาหลักให้ท่านโดยต้องเข้าออกจวนผิงเหอกง"นางยื่นมือไปทางเหอเซี่ยนอันเหอเซี่ยนอันมองมือนาง ไม่เข้าใจ ฟู่จาวหนิงจึงจับมือของเขาเขย่าๆ "นี่คือมารยาทการจับมือ ใช่ตอนทักทายแบบพบหน้ากันครั้งแรก หรือการหารือข้อตกลง""ข้า ข้าชื่อเหอเซี่ยนอัน ตอนปีใหม่จะอายุสิบสองแล้ว" เหอเซี่ยนอันแนะนำตัวอย่างตะกุกตะกัก "แต่ก่อน
"ขอข้าดูขาของเจ้าหน่อยสิ ไม่ดูแล้วจะรักษาอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงตีมือเขาคุณหนูรองเหอตกตะลึงไป นี่กล้าตีมือเขาออกด้วยหรือ?แต่น้องชายที่ทำตัวเหมือนจอมมารอาละวาดในอดีตมาตลอด ตอนนี้กลับถูกตีจนไม่พูดอะไร แต่กลับร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า "ขาของข้ามันพิการไปแล้วยังจะดูอะไรอีก!""เมื่อครู่บอกไว้ว่าอะไรนะ? จะให้ความร่วมมือกับข้าใช่ไหม แล้วตอนนี้จะไม่ให้ความร่วมมือเสียแล้วหรือ? จะว่าไป ขาพิการหรือไม่พิการ นั่นไม่ใช่สิ่งที่หมออย่างข้าต้องดูหรือไรกัน? เจ้าเองก็ไม่ใช่หมอเสียหน่อย เจ้ารู้อะไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงพูดพลางเงยหน้ามองไปทางคุณหนูรองเหอ "ท่านจับมือเขาไว้ อย่าให้เขาขยับตัวส่งเดช""อ๋า? ข้าจับหรือ?""หรือจะให้ข้าเรียกองครักษ์ข้าเข้ามาล่ะ""ข้าจับเอง ข้าจับเอง" คุณหนูรองเหอรีบจับแขนของเหอเซี่ยนอันไว้"เจ้ากล้าหรือ...""ชู่ว" ฟู่จาวหนิงตัดบทเหอเซี่ยนอันนางเลิกขากางเกงของเหอเซี่ยนอันขึ้นไป จนเผยให้เห็นน่องและหัวเขาของเขานางเปิดกล่องยา หยิบค้อนไม้อันเล็กด้ามหนึ่งออกมา เคาะลงไปบนน่องกับหัวเข่าของเหอเซี่ยนอัน"ท่านกำลังทำอะไรน่ะ!""อย่างนี้เจ็บไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่ ไม่เจ็บ...อ๊า! ต
"แล้วหลังจากเจ้ากินลูกกลอนแก้พิษนั่นไป ในสองวันนั้ยังกินอะไรที่แตกต่างกันลงไปอีกบ้าง" ฟู่จาวหนิงถามต่อ"ไม่มี" เหอเซี่ยนอันพูดออกมาตะกุกตะกัก "ที่ข้าโมโหที่สุดก็คือ วันนั้นคนที่กลับมาจากล่าสัตว์ทั้งหมดมีแค่ข้าที่ล้มป่วย คนอื่นไม่เป็นอะไรกันเลย"คุณหนูรองเหอเอ่ยขึ้นบ้าง "และเพราะเรื่องนี้แม่ของข้าเลยไปที่บ้านของแต่ละคน ลากพวกเขามาด่าเสียชุดใหญ่ บอกว่าจะต้องมีคนไหนที่ไม่ดูแลเขาดีดีแน่"ต่มา คนเหล่านั้นก็ส่งของขอขมาเข้ามาชุดใหญ่ แต่เพราะขาเหอเซี่ยนอันพิการไปแล้ว องค์หญิงใหญ่จึงสั่งให้คนเอาของพวกนั้นโยนทิ้งออกไปทั้งหมด ตัดความสัมพันธ์กับบ้านเหล่านั้น ตอนเจอกันข้างนอกก็ยังด่าแว้ดๆ เข้าให้อีกตอนนี้คนเหล่านั้นพอเจอองค์หญิงใหญ่ ก็จะเดินอ้อมออกไปกันหมดหาเรื่องไม่ไหวก็หลบเสียเลยสินะ?"หลังจากที่เจ้าล้มป่วยครั้งนั้นนอนไปสามวัน พอผ่านไปสามวันจึงคิดจะลุกขึ้น ก็พบว่าตนเองยืนไม่ได้แล้วใช่ไหม?""ใช่""แล้วสามวันนั้น ขาของเจ้ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?""มี มันเมื่อยอยู่ตลอดเวลา เมื่อยแล้วก็อ่อนแรงด้วย แต่หมอบอกว่าน่าจะเพราะเดินจนเหนื่อยเกินไปบนภูเขา ต่อมาจึงบอกว่าลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย ลมเย็นมาส
"ฝูอวิ้นมาแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเข้าไปสิ!" องค์หญิงใหญ่แม้ในใจจะเคยไม่ชอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เหมือนถูกโชคชะตาพัดขึ้นฟ้าคนนี้ ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับชื่อเสียงของนางแต่ตอนนี้เรื่องเกี่ยวข้องกับลูกชายสุดที่รักของนาง นางจึงเชื่อมั่นขึ้นมาแล้วผิงเหอกงตอนนี้เองก็ไม่กล้าขวาง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้รับความสำคัญอย่างมากต่อหน้าฝ่าบาท สามีภรรยาอย่างพวกเขาเทียบไม่ได้เลยยิ่งไปกว่นั้น ให้นางนำโชคดีมาให้กับอันเอ๋อร์บ้างก็ถือว่าไม่เลว!ฟู่จาวหนิงกำลังเก็บเข็มที่ควรถามเขาก็ถามแล้ว ที่ควรตรวจสอบก็ตรวจสอบแล้วตอนที่นางกำลังเตรียมเก็บเข็ม องค์หญิงใหญ่ก็เข้ามา พอเห็นว่าขาของเหอเซี่ยนอันถูกแทงด้วยเข็ม ดูแล้วเหมือนแทงเข้าไปถึงกระดูก น่าเวทนาอย่างมาก องค์หญิงใหญ่หน้าก็เปลี่ยนสีไปแล้ว ร้องเสียงแหลมขึ้นมาอย่างสั่นเทา"นี่เจ้ากล้าใช้เข็มแทงอันเอ๋อร์ของข้า!"ฟู่จาวหนิงหยุดมือทันที หันหน้ากลับไปมองตอนนี้นางจึงได้เห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชุดชาวยังสีชมพูอ่อน คลุมผ้าคลุมสั้นที่ขอบปักด้วยขนจิ้งจอก ขับเด่นใบหน้าของนางออกมาราวกับจานหยก ดูสว่างสดใสอ่อนโยนสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ตกอยู่บนใบหน้าฟู่จาวหนิ
"นี่ก็...""ฝูอวิ้น เขาเป็นหลานชายของเจ้านะ เจ้าก็สงสารเขาหน่อยเถอะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพยักหน้าอย่างจำใจ "อันนี้จริงข้าก็เป็นแค่คนธรรมดานะ แต่ถ้าทำให้อารมณ์ของอันเอ๋อร์สงบลงได้ ข้าที่เป็นน้าของเขาก็จะไม่บ่ายเบี่ยง"นางเดินตรงไปข้างเตียงฟู่จาวหนิงตอนนี้เก็บเข็มมาหมดแล้ว อิ๋นสั่วกับเฉินเซียงก็ตามองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้ามา ทั้งสองคนสบตากัน และชนตัวฟุ่จาวหนิงเบียดนางออกไป"คุณชายน้อย องค์หญิงใหญ่จะดูขาให้กับท่าน"ฟู่จาวหนิงถอยออกมาสองสามก้าว ยืนนิ่งขึ้นมานางเหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเหมือนจะไม่เห็นพฤติกรรมสาวใช้วังของนางเมื่อครู่ กำลังก้มตัวเข้าใกล้เหอเซี่ยนอันด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มราวปุยฝ้ายดังลอดออกมา"อันเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวนะ มันจะดีขึ้น"นางยืนมือไปสัมผัสเบาๆ ที่ขาของเหอเซี่ยนอันเหอเซี่ยนอันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ปัดมือของนางออกไป "อย่ามาจับข้า!"เขาร้องขึ้นมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอุทานขึ้นมาเสียงหนึ่ง ร่างกายล้มเบี่ยงออกไปข้างๆ"องค์หญิงใหญ่!"สาวใช้ทั้งสองคนรีบเข้าไปประคองนาง"เหอเซี่ยนอัน" คุณหนูรองเหอตวาดขึ้นมาคำหนึ่ง นี่กล้าตีองค์หญิงใหญ่ฝูอว
เหอเซี่ยนอันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา"นางเป็นคนที่องค์จักรพรรดิทั้งรักทั้งปกป้อง คงไม่เคยถูกใครตบตีมาก่อนเป็นแน่! ที่นางจะรับไม่ได้มันก็เรื่องปกติไหม?"คุณหนูรองเหอใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากเขา "ยังดีที่นางมีจิตใจเมตตาอ่อนโยน ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าแน่ ไม่เช่นนั้นถ้าองค์จักรพรรดิรู้เข้า เจ้าก็ต้องรับกรรมเองแล้วนะ""นางยอดเยี่ยมที่สุดว่าอย่างนั้นเถอะ?" เหอเซี่ยนอันตะคอกอย่างโกรธเคืองขึ้นมาคำหนึ่ง "ข้าแค่ตบมือนาง แล้วต้องให้นางมาตัดมือข้าเลยไหม?""พูดอะไรไร้สาระ นางจิตใจดีเสียขนาดนั้นไม่มีทางทำหรอก! แต่ว่า นางเป็นคนมีโชคที่เทพเจ้าคุ้มครองเลยนะ ทำไมเจ้าไม่ให้นางลูบขาเจ้าเสียหน่อยกัน?""เมื่อครู่สายตาตอนที่นางยื่นมือเข้ามามันประหลาดน่ะสิ!" เหอเซี่ยนอันร้องขึ้นมาอย่างเคืองๆ "อย่างกับมองข้าเป็นคนขาเป๋พิกลพิการ! นางกำลังหัวเราะเยาะข้าเวทนาข้าอยู่!""เหอเซี่ยนอัน! ถ้าเจ้ายังพูดเรื่อยเปื่อยอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ! คำพูดนี้ถ้าท่านพ่อท่านแม่ได้ยิน พวกเขาได้ด่าเจ้าเปิงแน่!"คุณหนูรองเหอทำท่าไม่อยากเชื่อเหอเซี่ยนอันสายตาเป็นอะไรไป? องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะใช้สายตาแบบนั้นมองเขาได้อย
เหอเซี่ยนอันร้องไห้ขึ้นมา"เจ้าร้องไห้ทำไมกัน?""แม่นางฟู่ หมอเทวดาฟู่ ท่านพูดจริงใช่ไหม? ท่านทำไม ท่านทำไมจึงไม่พูดเหมือนหมอคนอื่น ที่พูดออกมาอย่างยากเย็นว่าหาสาเหตุอะไรไม่พบ?"คุณหนูรองเหอก็ตกตะลึงขึ้นมาแล้ว"หมอคนอื่นพูดกันแบบนี้หรือ?""ใช่สิ มีหลายคนบอกว่ามีลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย ต้องลองดูว่าจะไล่ลมออกไปได้ไหม แต่พวกนั้นก็ล้วนเป็นวิธีการขับลมหนาวออกจากร่างกาย ข้าฟังแล้วมันพึ่งพาไม่ได้ ตอนนี้เสี่ยวอันไม่ได้เป็นไข้หนาวสั่นเสียหน่อย ป่วยมาตั้งปีครึ่งแล้ว มาใช้แต่วิธีไล่ลมหนาวมันจะได้เรื่องได้อย่างไร?""อันที่จริงมันไม่ใช่อาการหนาวสั่น" ฟู่จาวหนิงบอก"ฮือๆๆ โฮ!" เหอเซี่ยนอันร้องไห้ขึ้นมาอีก ร้องจนน่าเวทนา"บอกกับเจ้าแล้วว่ามันรักษาได้ แล้วเจ้าจะร้องทำไมกันเนี่ย?" ฟู่จาวหนิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"มีแต่ท่านที่บอกว่าไม่ใช่ไข้หนาวสั่น!" เหอเซี่ยนอันร้องจนน้ำมูกไหลย้อย "ข้าเองก็รู้ว่าพวกเขาทำไมถึงบอกว่ามีลมเย็นเข้าสู่ร่างกาย เพราะตอนแรกสุดข้าก็โดนไข้หนาวสั่นเข้าจริงๆ แล้วยังหนักหนาเอาการด้วย ป่วยไปกว่าครึ่งเดือน ต่อมาพวกเขาตรวจไม่พบว่าขาของข้าเป็นอะไร จึงผลักภาระไปทางไข้หนาวสั่นในครั้
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ